สวัสดีครับ..ก่อนอื่นผมต้องบอกก่อนว่านี่เป็นกระทู้แรกของผมเลย จริงๆสมัครมานานแล้วแต่ชอบเข้ามาอ่านมากกว่าและก็ไม่รู้ด้วยว่าจะตั้งกระทู้อะไร แต่มาวันนี้มีเรื่องที่ต้องการจะระบายออกมาเพราะเก็บไว้คนเดียวอึดอัดมากๆ เข้าเรื่องเลยละกันนะครับ
ผมกับแฟนคบกันมา 6 ปี เริ่มเข้าปีที่ 7 เดือน ธ.ค. 58 พอดีคือผมจะนับวันสำคัญในเดือน พ.ย. เป็นวันครบทุกๆ 1 ปี(ขอไม่บอกว่าวันอะไรนะครับ) ผมกะแฟนจะอยู่ด้วยกันที่บ้านผมตั้งแต่ปีแรกที่คบกัน ตลอดเวลาที่คบกันผ่านอะไรมากมายเคยเกือบตายกันมาแล้วก็มีแต่ขอไม่อธิบายว่าเพราะอะไรนะครับเดี๋ยวจะออกนอกเรื่องเยอะ
ตอนแรกคบกันก็รักกันมากๆมีอะไรก็ทำด้วยกันไปไหนด้วยกันตลอดแต่หลังๆมาเริ่มห่างกันขึ้นเรื่อยๆ คือผมเป็นคนที่ค่อนข้างใจร้อนเอาแต่ใจตัวเองและขี้หึงแต่ไม่ได้งี่เง่านะครับ และแฟนผมที่ติดเพื่อนมากๆและชอบเที่ยวกลางคืนตัวผมเมื่อก่อนตอนที่ยังไม่มีแฟนก็ชอบเที่ยวแต่ว่าพอมาคบกันผมก็เลิกเที่ยวแต่แฟนผมยังไม่เลิก แรกๆก็เคยห้ามจนทะเลาะกันหลายครั้ง จนหลังๆผมพยายามใช้ความเข้าใจมากขึ้นเค้าอยากทำอะไรผมก็ตามใจทุกอย่างเพราะไม่อยากทะเลาะกันปีนึงผมจะชอบทะเลาะกันแรงๆ 1 ครั้ง และจะทะเลาะกันตอนใกล้ๆปีใหม่ทุกทีไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน ทะเลาะจนบอกเลิกกันไปแล้วก็กลับมาคบกันอีก 3-4 ครั้ง
แฟนผมไม่ชอบให้ขึ้นเสียงหรือพูดคำหยาบเค้าเคยบอกว่ามีอะไรก็ให้พูดกันด้วยเหตุผลดีๆ แต่พอทะเลาะกันทีไรเค้าไม่เคยเข้าใจทุกทีจนต้องจบที่ผมต้องขึ้นเสียงและเธอก็หนีกลับบ้านทุกครั้ง ไม่ว่าใครจะผิดเธอก็ไม่เคยขอโทษต้องเป็นผมที่ต้องง้อและขอโทษทุกครั้ง จากปกติผมเป็นคนที่ค่อนข้างจะเอาแต่ใจตัวเองจนต้องเปลี่ยนมาเป็นคนที่คอยตามใจเและง้อทุกครั้งที่ทะเลาะกัน จนมาทะเลาะกันครั้งที่แล้วคือเดือน ธ.ค. 57 ตอนนั้นก็บอกเลิกกันเหมือนทุกครั้งแต่ที่แปลกคือผมเสียใจมากกว่าทุกครั้งจนคิดได้แล้วว่าอะไรมีค่าที่สุดสำหรับผม วันที่ผมไปง้อเธอวันนั้นผมจึงพูดเรื่องการแต่งงานซึ่งปกติจะไม่เคยพูดแต่เธอจะเป็นฝ่ายถามทุกครั้งว่าเมื่อไหร่จะแต่งก็ตกลงกันได้ว่าจะแต่งงานกันโดยที่ผมยินดีจะจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด เมื่อก่อนที่ไม่เคยพูดเพราะผมยังไม่พร้อมเรื่องเงินแฟนผมเคยบอกว่าการแต่งงานฝ่ายชายต้องเป็นคนรับผิดชอบทุกอย่างก็เลยสรุปง่ายๆว่าคุยกันโอเคแล้วว่าจะแต่ง
แต่ก็มาถึงเหตุการณ์ที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งกันอีกครั้ง ต้องบอกก่อนว่าแฟนผมเป็นคนที่ค่อนข้างจะใจเร็วด่วนได้คือตัดสินใจจะทำอะไรแล้วก็ต้องทำให้ได้แล้วจะเลิกทำอะไรก็เลิกง่ายๆเหมือนกัน จู่ๆเค้าก็มาบอกกับผมว่าเค้าจะไปทำงานและเรียนที่ต่างประเทศซึ่งเค้ามีญาติอยู่ที่นั่นอยู่แล้ว วันนั้นผมอึ้งและงงไปพักนึงเพราะรู้สึกเหมือนเป็นการบอกเลิกทางอ้อม แต่เค้าก็บอกว่าไม่ต้องกลัวนะปีนึงจะกลับมาครั้งนึงเฟสไทม์ก็มีคุยกันได้ตลอด ผมก็บอกเค้านะว่ามันจะไปเหมือนกันได้ยังไงแต่ในใจก็คิดไว้แล้วว่าถ้าไปจริงๆก็คงเลิกกันแน่นอนแต่ก็ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตดีกว่าก็เลยไม่ได้พูดอะไรมาก แต่หลังจากวันที่เธอบอกจะไป ตปท. ผมรู้สึกได้ว่าเธอเย็นชามากกว่าเดิมแต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะคิดว่าเค้าคงทำงานเหนื่อย(ซึ่งเค้าบ่นแทบทุกวันว่าทำงานเหนื่อยมากๆ) แต่มาหลังๆมันเริ่มไม่ใช่ เช่นไปไหนมาไหนก็ไม่ค่อยโทรหา ไลน์ไปก็ไม่ค่อยตอบจนทำให้ผมคิดมากขึ้นเรื่อยๆจนมาถึงวันที่ผมคิดก็เป็นจริงซึ่งต้องขอเล่าเป็นสองเหตุการณ์นะครับที่ทำให้เลิกกัน
เหตุการณ์แรก คืนนั้นเธอบอกจะไปกินข้าวกับเพื่อนซึ่งก็เคยไปกินตามปกติเหมือนทุกครั้งและผมก็ไม่เคยห้ามแค่ไปไหนก็ขอให้บอก ตอนไปเธอก็บอกผมเหมือนทุกครั้งว่าไปที่ไหนจะกลับมากี่โมง(เค้าบอกว่าตี 1) แต่พอถึงเวลาตอนนั้นตี 1 ครึ่งเค้ายังเงียบผมไลน์ไปถามก็ไม่ตอบมาถึงตีสองก็ยังไม่ตอบ ผมก็คิดว่ามันผิดสังเกตเลยโทรไปก็ยังไม่รับอีกคืนนั้นผมรอเธอกลับมาทั้งคืนจนถึงเช้าไม่ได้นอนเลยและตลอดเวลาก็โทรหาเป็นระยะๆคือผมเป็นห่วงเธอมากไม่รู้ว่าเป็นอะไรรึป่าวเพราะหลังๆมีข่าวเกี่ยวกับแทกซี่บ่อยๆและเธอก็เป็นคนที่ค่อนจะกลัวเรื่องพวกนี้ด้วย จนมาถึงตอนประมาณเก้าโมงเช้าเธอโทรกลับมา บอกว่าเมื่อคืนเมาจนอาเจียนเลยให้เพื่อนมาส่งที่บ้าน(หมายถึงบ้านเธอเองนะครับ) และเผลอหลับไปจนไม่ได้โทรหาแต่ใจผมคิดแล้วว่าเธอโกหกแน่นอนเพราะผมรู้อยู่ว่าเวลาเธอเมาขนาดนั้นยังไงก็โทรไหวเพราะตอนแรกๆที่คบกันก็เที่ยวด้วยกันอยู่หลายครั้งและก็เคยเห็นเธอเมาและอาเจียนมาแล้ว แต่ผมไม่อยากทะเลาะก็เลยไม่ได้ว่าอะไรแค่บอกไปว่าผมเป็นห่วงมากนะมีอะไรก็ให้บอกกันอย่าโกหกกันเพราะผมไม่ชอบคนโกหก
เหตุการณ์ที่สองห่างจากเหตุการณ์แรก 1 อาทิตย์ คืนนั้นเธอบอกไปเที่ยวกับพี่ที่ทำงานบอกชื่อมาเรียบร้อย(แต่ผมไม่รู้จัก) เธอจะเลิกประมาณตี 1 ซึ่งวันนั้นผมก็ถามนะไปอีกแล้วเหรอเดี๋ยวก็ไม่กลับมาบ้านอีกเธอก็ตอบมาว่ากลับมาแน่นอนเพราะพรุ้งนี้ต้องทำงาน(บ้านผมกับที่ทำงานเธออยู่ใกล้กัน) แต่สุดท้ายพอมาถึงเวลาตี 1 ครึ่งผมไลน์ไปไม่ตอบผมก็คิดว่าเอานะคงช้ากว่าเดิมเพราะเข้าใจว่าเวลาเที่ยวบางทีมันก็กำหนดเวลาที่แน่นอนไม่ได้แต่พอมาถึงตี 2 ครึ่งก็ยังไม่ตอบไม่โทรมาผมก็เลยตัดสินใจโทรไปหาครั้งนี้ปรากฏว่าโทรไม่ติดเหมือนปิดเครื่องอยู่ผมก็เริ่มใจไม่ดีเพราะคิดว่าเธอจะปิดเครื่องเหรอไม่น่าจะเป็นไปได้หรือจะแบตหมดก็ไม่น่าใช่เพราะปกติถ้าแบตใกล้หมดเธอก็จะบอกผมทุกครั้งว่าแบตจะหมดแล้วนะแล้วคืนนั้นผมก็รอจนถึงเช้าและก็โทรเป็นระยะๆตลอดเหมือนเคยจนถึงตี 4 ครึ่ง ครั้งนี้ผมเป็นห่วงเธอมากๆไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นรึป่าวก็เลยตัดสินใจขับรถไปที่บ้านเธอถึงบ้านเธอประมาณตี 5 ปรากฏว่าไม่มีคนอยู่บ้านแต่ผมก็รอจนถึง 6 โมงกว่าๆก็ยังไม่มีใครกลับมาผมจึงขับรถกลับไปรอที่บ้านผม จนถึงเวลาเก้าโมงเช้าตัดสินใจโทรหาอีกครั้งคราวนี้โทรติดแต่ว่าไม่รับลองเปิดไลน์ดูก็เห็นเธออ่านแล้วแต่ว่าไม่ตอบคราวนี้ยิ่งงหนักไปใหญ่ว่า เฮ้ย !!!! เกิดอะไรขึ้นเพราะถ้ามีเหตุอะไรไม่ดีเกิดขึ้นเธอคงเปิดอ่านไลน์ไม่ได้เพราะเครื่องมันมีรหัส PIN อยู่คนอื่นคงเปิดเข้าไปดูไม่ได้ทีนี้ยิ่งงงหนักที่มันคืออะไรผมทำอะไรผิด ???
วันนั้นช่วงบ่ายๆผมจึงตัดสินใจไปหาเธอที่ทำงานเพราะเป็นห่วงมากๆจะไปดูว่าเธอมาทำงานมั้ยและถ้าอยู่จะไปคุยให้รู้เรื่องว่ามันเกิดอะไรขึ้นและไปอยู่ไหนมาทำไมถึงไม่บอกพอไปถึงก็เห็นเธอนั่งทำงานอยู่ตามปกติเหมือนไม่ได้ทำอะไรผิดผมจึงเดินเข้าไปหาพร้อมกับถามว่าไปไหนมาทำไมถึงทำแบบนี้รู้มั้ยว่าเป็นห่วงมากๆเธอตอบกลับมาว่าบ้ารึป่าวมาทำไมเนี่ยเห็นมั้ยว่าทำงานอยู่อ้าวทีนี้ยิ่งงงหนักสรุปผมผิดรึเนี่ย ???? ก็ถ้าไม่ให้ผมมาแล้วจะให้ทำยังไงในเมื่อแฟนทั้งคนหายไปทั้งคืนแถมไม่ติดต่อมาอีกทั้งที่ก็บอกไว้ว่าจะกลับมา ผมจึงเซ้าซี้ถามไปเรื่อยๆจึงยอมบอกมาว่าไปนอนบ้านพี่ที่ทำงานมาและไม่โทรบอกเพราะไม่อยากคุย โอ้ววว WTF !!!! เหตุผลมันช่างสุดติ่งกระดิ่งลิงมากๆ และเธอก็บอกให้ผมกลับไปก่อนไว้ค่อยคุยกันทีหลังผมจึงตัดสินใจกลับไปรอที่บ้าน
สักพักเธอโทรมาหาผม ก็ถามอีกครั้งว่าทำไมถึงทำแบบนี้ ทำไมต้องโกหก ต้องการอะไรกันแน่ถึงทำแบบนี้ เธอบอกกลับมาว่าอยากเลิกกลับผมเพราะต่อไปยังไงก็ต้องเลิกกันไปอยู่ดีถ้าเธอ ตปท. และก็บอกอีกว่าเบื่อ.. ผมถามว่าเบื่ออะไร เธอบอกว่าเบื่อผม เบื่อที่จะอยู่กับผมอยู่ด้วยกันแล้วไม่มีอนาคต อยู่แล้วเธอไม่เป็นตัวของเธอเองอยากไปเที่ยวกับเพื่อนอยากทำนู่นอยากทำนี่ (แต่ปกติผมก็ตามใจเธอทุกอย่างไม่ได้ห้ามอะไรอยู่แล้ว) และเธอก็บอกอีกด้วยว่าเธอไม่ได้รักผมอีกแล้ว........ ผมก็ยังงง เพราะไม่คิดว่าเธอจะคิดแบบนั้นจริงๆ ก็ถามว่าอยากทำอะไรละก็ทำไปสิก็ไม่ได้ห้ามอะไรอยู่แล้วแต่แค่ขอให้บอกกันแค่นั้น เธอยังยืนยันคำเดิมว่าจะเลิกให้ได้ ผมก็ถามเธออีกครั้งถามจริงมีคนอื่นเหรอทำไมต้องโกหกกันด้วย เธอตอบกลับมาแบบเสียงยียวนว่า มีบ้าอะไรไม่ได้มี แล้วทำไมละก็จะไปกะเพื่อนมีอะไรเหรอ คราวนี้ทำให้ผมยิ่งโมโหมากๆเพราะรู้สึกว่าพูดกันไม่รู้เรื่องอีกแล้วและก็จบกันที่ผมขึ้นเสียง และสรุปกันได้ว่าจะเลิกกันอีกครั้ง
และครั้งนี้ก็เลิกกันจริงๆเพราะผมก็คงไม่ตามง้อเธออีกแล้วครั้งนี้ผมรู้สึกว่าสิ่งที่เธอทำนั้นมันแสดงว่าไม่ได้รักผมแล้วจริงๆ แต่สิ่งที่ไม่เข้าใจคือทำไมไม่คุยกันดีๆ ทำไมไม่บอกกันตรงๆ มาใช้วิธีโกหกไปเที่ยวแล้วตั้งใจไม่ติดต่อกลับเหมือนจงใจทำให้ผมสติแตกและโมโหจนต้องทะเลาะกันเพื่อจะได้เลิกกันแบบนี้ทำไม ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ทะเลาะไรกันเลย ไม่อยากคิดจริงๆว่าเธอจะมีคนอื่น ต้องบอกว่าปีสุดท้ายที่คบกันนี้ผมใจเย็นมากๆจะว่าเธอสักนิดก็ยังไม่เคย บางทียังคิดเลยว่าเย็นเกินไปมั้ย แต่พอมาเจอแบบนี้เป็นใครก็คงต้องสติแตก.. สุดท้ายก็คงต้องเลิกกันจริงๆเพราะเธอแอบกลับมาขนของออกไปหมดแล้ว มันเป็นอะไรที่รู้สึกแย่มากๆวันที่เลิกตรงกับวันคริสต์มาสเปะๆ มันเป็นของขวัญที่แย่ที่สุดในชีวิต..
จบละครับกระทู้แรกก็พิมพ์ซะยาวเลยผิดพลาดตรงไหนขออภัยไว้ด้วยนะครับไม่รู้ว่าจะมีคนอ่านมั้ยแต่ถ้ามีคนอ่านก็ขอบคุณไว้ล่วงหน้าเลยละกันครับ
ขอระบาย คบกันแฟนมา 6 ปีเข้าปีที่ 7 ก็เลิกกันจนได้
ผมกับแฟนคบกันมา 6 ปี เริ่มเข้าปีที่ 7 เดือน ธ.ค. 58 พอดีคือผมจะนับวันสำคัญในเดือน พ.ย. เป็นวันครบทุกๆ 1 ปี(ขอไม่บอกว่าวันอะไรนะครับ) ผมกะแฟนจะอยู่ด้วยกันที่บ้านผมตั้งแต่ปีแรกที่คบกัน ตลอดเวลาที่คบกันผ่านอะไรมากมายเคยเกือบตายกันมาแล้วก็มีแต่ขอไม่อธิบายว่าเพราะอะไรนะครับเดี๋ยวจะออกนอกเรื่องเยอะ
ตอนแรกคบกันก็รักกันมากๆมีอะไรก็ทำด้วยกันไปไหนด้วยกันตลอดแต่หลังๆมาเริ่มห่างกันขึ้นเรื่อยๆ คือผมเป็นคนที่ค่อนข้างใจร้อนเอาแต่ใจตัวเองและขี้หึงแต่ไม่ได้งี่เง่านะครับ และแฟนผมที่ติดเพื่อนมากๆและชอบเที่ยวกลางคืนตัวผมเมื่อก่อนตอนที่ยังไม่มีแฟนก็ชอบเที่ยวแต่ว่าพอมาคบกันผมก็เลิกเที่ยวแต่แฟนผมยังไม่เลิก แรกๆก็เคยห้ามจนทะเลาะกันหลายครั้ง จนหลังๆผมพยายามใช้ความเข้าใจมากขึ้นเค้าอยากทำอะไรผมก็ตามใจทุกอย่างเพราะไม่อยากทะเลาะกันปีนึงผมจะชอบทะเลาะกันแรงๆ 1 ครั้ง และจะทะเลาะกันตอนใกล้ๆปีใหม่ทุกทีไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน ทะเลาะจนบอกเลิกกันไปแล้วก็กลับมาคบกันอีก 3-4 ครั้ง
แฟนผมไม่ชอบให้ขึ้นเสียงหรือพูดคำหยาบเค้าเคยบอกว่ามีอะไรก็ให้พูดกันด้วยเหตุผลดีๆ แต่พอทะเลาะกันทีไรเค้าไม่เคยเข้าใจทุกทีจนต้องจบที่ผมต้องขึ้นเสียงและเธอก็หนีกลับบ้านทุกครั้ง ไม่ว่าใครจะผิดเธอก็ไม่เคยขอโทษต้องเป็นผมที่ต้องง้อและขอโทษทุกครั้ง จากปกติผมเป็นคนที่ค่อนข้างจะเอาแต่ใจตัวเองจนต้องเปลี่ยนมาเป็นคนที่คอยตามใจเและง้อทุกครั้งที่ทะเลาะกัน จนมาทะเลาะกันครั้งที่แล้วคือเดือน ธ.ค. 57 ตอนนั้นก็บอกเลิกกันเหมือนทุกครั้งแต่ที่แปลกคือผมเสียใจมากกว่าทุกครั้งจนคิดได้แล้วว่าอะไรมีค่าที่สุดสำหรับผม วันที่ผมไปง้อเธอวันนั้นผมจึงพูดเรื่องการแต่งงานซึ่งปกติจะไม่เคยพูดแต่เธอจะเป็นฝ่ายถามทุกครั้งว่าเมื่อไหร่จะแต่งก็ตกลงกันได้ว่าจะแต่งงานกันโดยที่ผมยินดีจะจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด เมื่อก่อนที่ไม่เคยพูดเพราะผมยังไม่พร้อมเรื่องเงินแฟนผมเคยบอกว่าการแต่งงานฝ่ายชายต้องเป็นคนรับผิดชอบทุกอย่างก็เลยสรุปง่ายๆว่าคุยกันโอเคแล้วว่าจะแต่ง
แต่ก็มาถึงเหตุการณ์ที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งกันอีกครั้ง ต้องบอกก่อนว่าแฟนผมเป็นคนที่ค่อนข้างจะใจเร็วด่วนได้คือตัดสินใจจะทำอะไรแล้วก็ต้องทำให้ได้แล้วจะเลิกทำอะไรก็เลิกง่ายๆเหมือนกัน จู่ๆเค้าก็มาบอกกับผมว่าเค้าจะไปทำงานและเรียนที่ต่างประเทศซึ่งเค้ามีญาติอยู่ที่นั่นอยู่แล้ว วันนั้นผมอึ้งและงงไปพักนึงเพราะรู้สึกเหมือนเป็นการบอกเลิกทางอ้อม แต่เค้าก็บอกว่าไม่ต้องกลัวนะปีนึงจะกลับมาครั้งนึงเฟสไทม์ก็มีคุยกันได้ตลอด ผมก็บอกเค้านะว่ามันจะไปเหมือนกันได้ยังไงแต่ในใจก็คิดไว้แล้วว่าถ้าไปจริงๆก็คงเลิกกันแน่นอนแต่ก็ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตดีกว่าก็เลยไม่ได้พูดอะไรมาก แต่หลังจากวันที่เธอบอกจะไป ตปท. ผมรู้สึกได้ว่าเธอเย็นชามากกว่าเดิมแต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะคิดว่าเค้าคงทำงานเหนื่อย(ซึ่งเค้าบ่นแทบทุกวันว่าทำงานเหนื่อยมากๆ) แต่มาหลังๆมันเริ่มไม่ใช่ เช่นไปไหนมาไหนก็ไม่ค่อยโทรหา ไลน์ไปก็ไม่ค่อยตอบจนทำให้ผมคิดมากขึ้นเรื่อยๆจนมาถึงวันที่ผมคิดก็เป็นจริงซึ่งต้องขอเล่าเป็นสองเหตุการณ์นะครับที่ทำให้เลิกกัน
เหตุการณ์แรก คืนนั้นเธอบอกจะไปกินข้าวกับเพื่อนซึ่งก็เคยไปกินตามปกติเหมือนทุกครั้งและผมก็ไม่เคยห้ามแค่ไปไหนก็ขอให้บอก ตอนไปเธอก็บอกผมเหมือนทุกครั้งว่าไปที่ไหนจะกลับมากี่โมง(เค้าบอกว่าตี 1) แต่พอถึงเวลาตอนนั้นตี 1 ครึ่งเค้ายังเงียบผมไลน์ไปถามก็ไม่ตอบมาถึงตีสองก็ยังไม่ตอบ ผมก็คิดว่ามันผิดสังเกตเลยโทรไปก็ยังไม่รับอีกคืนนั้นผมรอเธอกลับมาทั้งคืนจนถึงเช้าไม่ได้นอนเลยและตลอดเวลาก็โทรหาเป็นระยะๆคือผมเป็นห่วงเธอมากไม่รู้ว่าเป็นอะไรรึป่าวเพราะหลังๆมีข่าวเกี่ยวกับแทกซี่บ่อยๆและเธอก็เป็นคนที่ค่อนจะกลัวเรื่องพวกนี้ด้วย จนมาถึงตอนประมาณเก้าโมงเช้าเธอโทรกลับมา บอกว่าเมื่อคืนเมาจนอาเจียนเลยให้เพื่อนมาส่งที่บ้าน(หมายถึงบ้านเธอเองนะครับ) และเผลอหลับไปจนไม่ได้โทรหาแต่ใจผมคิดแล้วว่าเธอโกหกแน่นอนเพราะผมรู้อยู่ว่าเวลาเธอเมาขนาดนั้นยังไงก็โทรไหวเพราะตอนแรกๆที่คบกันก็เที่ยวด้วยกันอยู่หลายครั้งและก็เคยเห็นเธอเมาและอาเจียนมาแล้ว แต่ผมไม่อยากทะเลาะก็เลยไม่ได้ว่าอะไรแค่บอกไปว่าผมเป็นห่วงมากนะมีอะไรก็ให้บอกกันอย่าโกหกกันเพราะผมไม่ชอบคนโกหก
เหตุการณ์ที่สองห่างจากเหตุการณ์แรก 1 อาทิตย์ คืนนั้นเธอบอกไปเที่ยวกับพี่ที่ทำงานบอกชื่อมาเรียบร้อย(แต่ผมไม่รู้จัก) เธอจะเลิกประมาณตี 1 ซึ่งวันนั้นผมก็ถามนะไปอีกแล้วเหรอเดี๋ยวก็ไม่กลับมาบ้านอีกเธอก็ตอบมาว่ากลับมาแน่นอนเพราะพรุ้งนี้ต้องทำงาน(บ้านผมกับที่ทำงานเธออยู่ใกล้กัน) แต่สุดท้ายพอมาถึงเวลาตี 1 ครึ่งผมไลน์ไปไม่ตอบผมก็คิดว่าเอานะคงช้ากว่าเดิมเพราะเข้าใจว่าเวลาเที่ยวบางทีมันก็กำหนดเวลาที่แน่นอนไม่ได้แต่พอมาถึงตี 2 ครึ่งก็ยังไม่ตอบไม่โทรมาผมก็เลยตัดสินใจโทรไปหาครั้งนี้ปรากฏว่าโทรไม่ติดเหมือนปิดเครื่องอยู่ผมก็เริ่มใจไม่ดีเพราะคิดว่าเธอจะปิดเครื่องเหรอไม่น่าจะเป็นไปได้หรือจะแบตหมดก็ไม่น่าใช่เพราะปกติถ้าแบตใกล้หมดเธอก็จะบอกผมทุกครั้งว่าแบตจะหมดแล้วนะแล้วคืนนั้นผมก็รอจนถึงเช้าและก็โทรเป็นระยะๆตลอดเหมือนเคยจนถึงตี 4 ครึ่ง ครั้งนี้ผมเป็นห่วงเธอมากๆไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นรึป่าวก็เลยตัดสินใจขับรถไปที่บ้านเธอถึงบ้านเธอประมาณตี 5 ปรากฏว่าไม่มีคนอยู่บ้านแต่ผมก็รอจนถึง 6 โมงกว่าๆก็ยังไม่มีใครกลับมาผมจึงขับรถกลับไปรอที่บ้านผม จนถึงเวลาเก้าโมงเช้าตัดสินใจโทรหาอีกครั้งคราวนี้โทรติดแต่ว่าไม่รับลองเปิดไลน์ดูก็เห็นเธออ่านแล้วแต่ว่าไม่ตอบคราวนี้ยิ่งงหนักไปใหญ่ว่า เฮ้ย !!!! เกิดอะไรขึ้นเพราะถ้ามีเหตุอะไรไม่ดีเกิดขึ้นเธอคงเปิดอ่านไลน์ไม่ได้เพราะเครื่องมันมีรหัส PIN อยู่คนอื่นคงเปิดเข้าไปดูไม่ได้ทีนี้ยิ่งงงหนักที่มันคืออะไรผมทำอะไรผิด ???
วันนั้นช่วงบ่ายๆผมจึงตัดสินใจไปหาเธอที่ทำงานเพราะเป็นห่วงมากๆจะไปดูว่าเธอมาทำงานมั้ยและถ้าอยู่จะไปคุยให้รู้เรื่องว่ามันเกิดอะไรขึ้นและไปอยู่ไหนมาทำไมถึงไม่บอกพอไปถึงก็เห็นเธอนั่งทำงานอยู่ตามปกติเหมือนไม่ได้ทำอะไรผิดผมจึงเดินเข้าไปหาพร้อมกับถามว่าไปไหนมาทำไมถึงทำแบบนี้รู้มั้ยว่าเป็นห่วงมากๆเธอตอบกลับมาว่าบ้ารึป่าวมาทำไมเนี่ยเห็นมั้ยว่าทำงานอยู่อ้าวทีนี้ยิ่งงงหนักสรุปผมผิดรึเนี่ย ???? ก็ถ้าไม่ให้ผมมาแล้วจะให้ทำยังไงในเมื่อแฟนทั้งคนหายไปทั้งคืนแถมไม่ติดต่อมาอีกทั้งที่ก็บอกไว้ว่าจะกลับมา ผมจึงเซ้าซี้ถามไปเรื่อยๆจึงยอมบอกมาว่าไปนอนบ้านพี่ที่ทำงานมาและไม่โทรบอกเพราะไม่อยากคุย โอ้ววว WTF !!!! เหตุผลมันช่างสุดติ่งกระดิ่งลิงมากๆ และเธอก็บอกให้ผมกลับไปก่อนไว้ค่อยคุยกันทีหลังผมจึงตัดสินใจกลับไปรอที่บ้าน
สักพักเธอโทรมาหาผม ก็ถามอีกครั้งว่าทำไมถึงทำแบบนี้ ทำไมต้องโกหก ต้องการอะไรกันแน่ถึงทำแบบนี้ เธอบอกกลับมาว่าอยากเลิกกลับผมเพราะต่อไปยังไงก็ต้องเลิกกันไปอยู่ดีถ้าเธอ ตปท. และก็บอกอีกว่าเบื่อ.. ผมถามว่าเบื่ออะไร เธอบอกว่าเบื่อผม เบื่อที่จะอยู่กับผมอยู่ด้วยกันแล้วไม่มีอนาคต อยู่แล้วเธอไม่เป็นตัวของเธอเองอยากไปเที่ยวกับเพื่อนอยากทำนู่นอยากทำนี่ (แต่ปกติผมก็ตามใจเธอทุกอย่างไม่ได้ห้ามอะไรอยู่แล้ว) และเธอก็บอกอีกด้วยว่าเธอไม่ได้รักผมอีกแล้ว........ ผมก็ยังงง เพราะไม่คิดว่าเธอจะคิดแบบนั้นจริงๆ ก็ถามว่าอยากทำอะไรละก็ทำไปสิก็ไม่ได้ห้ามอะไรอยู่แล้วแต่แค่ขอให้บอกกันแค่นั้น เธอยังยืนยันคำเดิมว่าจะเลิกให้ได้ ผมก็ถามเธออีกครั้งถามจริงมีคนอื่นเหรอทำไมต้องโกหกกันด้วย เธอตอบกลับมาแบบเสียงยียวนว่า มีบ้าอะไรไม่ได้มี แล้วทำไมละก็จะไปกะเพื่อนมีอะไรเหรอ คราวนี้ทำให้ผมยิ่งโมโหมากๆเพราะรู้สึกว่าพูดกันไม่รู้เรื่องอีกแล้วและก็จบกันที่ผมขึ้นเสียง และสรุปกันได้ว่าจะเลิกกันอีกครั้ง
และครั้งนี้ก็เลิกกันจริงๆเพราะผมก็คงไม่ตามง้อเธออีกแล้วครั้งนี้ผมรู้สึกว่าสิ่งที่เธอทำนั้นมันแสดงว่าไม่ได้รักผมแล้วจริงๆ แต่สิ่งที่ไม่เข้าใจคือทำไมไม่คุยกันดีๆ ทำไมไม่บอกกันตรงๆ มาใช้วิธีโกหกไปเที่ยวแล้วตั้งใจไม่ติดต่อกลับเหมือนจงใจทำให้ผมสติแตกและโมโหจนต้องทะเลาะกันเพื่อจะได้เลิกกันแบบนี้ทำไม ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ทะเลาะไรกันเลย ไม่อยากคิดจริงๆว่าเธอจะมีคนอื่น ต้องบอกว่าปีสุดท้ายที่คบกันนี้ผมใจเย็นมากๆจะว่าเธอสักนิดก็ยังไม่เคย บางทียังคิดเลยว่าเย็นเกินไปมั้ย แต่พอมาเจอแบบนี้เป็นใครก็คงต้องสติแตก.. สุดท้ายก็คงต้องเลิกกันจริงๆเพราะเธอแอบกลับมาขนของออกไปหมดแล้ว มันเป็นอะไรที่รู้สึกแย่มากๆวันที่เลิกตรงกับวันคริสต์มาสเปะๆ มันเป็นของขวัญที่แย่ที่สุดในชีวิต..
จบละครับกระทู้แรกก็พิมพ์ซะยาวเลยผิดพลาดตรงไหนขออภัยไว้ด้วยนะครับไม่รู้ว่าจะมีคนอ่านมั้ยแต่ถ้ามีคนอ่านก็ขอบคุณไว้ล่วงหน้าเลยละกันครับ