Trip ตะลุยขุนเขา ตอนที่ 4 - เยี่ยมชมดอยตุง ทริบหฤโหดผ่านชายแดนพม่า ดอยช้างมูบ

สำหรับ  Trip ตะลุยขุนเขา ก็เดินทางมาถึงตอนที่ 4  ซึ่งเป็นตอนสุดท้าย ขึ้นหัวข้อได้ดูน่ากลัว แต่จริง ๆ ในวันอื่น ๆ ที่ผ่านมา พวกเราก็ตะลุยขุนเขากับมาน่าจะเกินพันโค้งแระ เจอโค้งเยอะจนเริ่มชิน ไปบางมะผ้า แม่ฮ่องสอน ปาย ห้วยน้ำดัง แต่ละที่สุด ๆ เลย ปีนป่ายเขากันมันส์หยด และมาปิดท้ายที่ดอยตุง และเราเลือกเส้นทางขากลับผ่านไปทางดอยช้างมูบ เพื่อเดินทางต่อไปยังแม่สาย แบบว่า เส้นทางสุดโหด มองด้านซ้าย ขวา เป็นหุบเหว เหมือนเรากำลังไต่ยอดเขาเลย ที่สำคัญยอดเขานี้เป็นชายแดนไทย - พม่าด้วย มองด้านซ้ายเป็นพม่า ด้านขวาเป็นฝั่งไทย ยอมรับว่า เส้นทางนี้ตื่นเต้นสุด ๆ  สปอยส์ไปเยอะแระ ลองมาดูรายละเอียดต่าง ๆ กันค่ะ

หลังจากที่พวกเรา Check out จาก ดอยตุงวิว รีสอร์ท แล้ว เราก็ตั้งพิกัด GPS ขึ้นไปดอยตุง เพื่อป้องกันหลงทาง มี GPS ก็สบายดีนะ เหมือนมีคนนำทาง

ระยะทางไปดอยตุงจากที่พัก 16.8 กม. ใช้เวลาประมาณ 27 นาที เส้นทางไปดอยตุงค่อนข้างสูงชัน  ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ


โดยปกติแล้ว รถยนต์สามารถเข้าถึงได้บริเวณแล้วสวนดอกไม้แม่ฟ้าหลวง และพระตำหนัก แต่เนื่องจากว่า ช่วงที่ไป มีการจัดงาน เทศกาล สีสันแห่งดอยตุงพอดี เราจึงต้องจอดรถไว้ ก่อนถึงที่ทำการบริเวณพระตำหนัก จากนั้นก็มีรถตู้และรถกอล์ฟ บริเวณรับส่งระหว่าง ลานจอดรถและที่ทำการ ซึ่งจริง ๆ ระยะทางก็ไม่ได้ห่างกันมากนัก น่าจะประมาณไม่เกิน 2 กม. พวกเราเลือกนั่งรถกอล์ฟ ได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด


ป้ายบริเวณงาน สีสันสวยงามมาก


พอไปถึงก็มีโต๊ะที่จำหน่ายอาหาร เครื่องดื่มทางเหนือ บริการด้วย ซึ่งคนขายก็เป็นชาวเขาที่อาศัยอยู่บนดอยตุงแห่งนี้ รวมถึงคนขับรถกอล์ฟ ก็เป็นชาวเขาที่อยู่รอบ ๆ บริเวณนี้


มีการสาธิตปั้นภาชนะต่าง ๆ ด้วย


บริเวณรอบ ๆ  มีร้านขายของที่ระลึกด้วย

ผลิตภัณฑ์จากดอยตุง



มีนกฮูกตาโตให้ถ่ายภาพด้วย


ก่อนเข้าชมพื้นที่ในส่วนต่าง ๆ ต้องซื้อบัตรเข้าม เพื่อเป็นค่าบำรุงสถานที่ด้วย ที่เคาท์เตอร์จำหน่ายบัตร


ค่าบำรุงสถานที่ เราเลือก Option  เข้าชมทุกสถานที่ ราคา 220 สามารถเข้าชมได้ 4 แห่ง แต่ถ้าเลือกเข้าชมบางแห่ง ราคาแห่งละ 90  บาท พวกเราเลือกเข้าทุกแห่ง สถานที่ที่เข้าชมได้ ประกอบด้วย พระตำหนัก สวนดอกไม้แม่ฟ้าหลวง หอแห่งแรงบันดาลใจ และ สวนรุกขชาติ สามที่แรกจะอยู่ใกล้ ๆ เดินหากันได้ แต่สวนรุกชาติ จะอยู่ไกลออกไปมาก ถ้าไม่สะดวก สามารถเลือกชม  3  ที่ก็คุ้มค่ากับที่ได้ขึ้นมาเยือนที่แห่งนี้แล้ว


หอแห่งแรงบันดาลใจ เป็นนิทรรศการที่แสดงพระราชประวัติของสมเด็จย่า และการบุกเบิกดอยตุง มีการใช้เทคนิดแสง สี เสียง ได้สวยงาม จับใจมาก






กล้องที่ในหลวง ทรงใช้ถ่ายรูป


เราได้เรียนรู้แนวคิดในการพัฒนาบุกเบิกดอยตุง ของสมเด็จย่า  จากนิทรรศการนี้มากจริง ๆ ประทับใจมาก ยังไงแนะนำให้มาดุกันนะคะ


ส่วนต่อไป เป็นสวนดอกไม้แม่ฟ้าหลวง




ช่วงที่ไปคนเยอะเหมือนกัน

ดอกไม้ สวยดีอ่ะ


มีเขาวงกตต้นไม้ให้เล่นด้วย




ส่วนต่อไป  ชมพระตำหนักดอยตุง ซึ่งเป็นสถานที่ที่สมเด็จย่าทรงประทับช่วงที่เสด็จมาพัฒนาดอยตุง ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพภายในพระตำหนัก ถ่ายได้เฉพาะรอบ ๆ ดังนั้นจะไม่มีภาพภายในพระตำหนักนะคะ แต่บอกได้คำเดียวว่า ข้างในสวยงามมาก  เป็นเรื่อนที่สร้างจากไม้ มีการแสดงห้องต่าง ๆ ที่สมเด็จย่าทรงประทับ ทั้งห้องอาหาร ห้องนอน ห้องครัว ห้องนั่งพักผ่อน ห้องทรงงาน และอีกหลาย ๆ ซึ่งจะมีการอธิบายรายละเอียดผ่านหูฟังที่เราสามารถเลือกกดฟังรายละเอียดได้ตามหมายเลขโซน



การให้เข้าชมนั้น จะให้เข้าชมเป็นรอบ ๆ  ก่อนเข้าชม จะมีเจ้าหน้าที่มาอธิบายกฏ กติกา การเข้าชม พร้อมทั้งแจกหูฟัง เพื่อฟังบรรยายรายละเอียดของจุดต่าง ๆ ในพระตำหนัก พร้อมแจกถุงพลาสติก เพื่อให้เราใส่รองเท้าแล้วหิ้วเข้าไปด้วย


ช่วงที่ไป ผู้คนล้นหลามมาก เราได้เข้าชมรอบ 11.00 น. โชคดีมาก ไม่ต้องรอ มาถึงก็ได้รอบนี้พอดีเรย


หูฟัง ใช้แล้วนำมาคืนยังจุดนี้ได้เลยค่ะ


หลังจากเดินจนเหนื่อย เพิ่มพลังกันหน่อย กับอาหารพื้นบ้าน ข้าวซอย

ข้าวเหนียวดอย


ต้นมะเขือการ์ตูน ตลกดี ธรรมชาติช่างสรรค์สร้าง  ส่วนคนขายก็ช่างสร้างสรรค์ ช่วยเขียนหน้าการ์ตูนให้ด้วย



เป็นอันว่า บริเวณนี้เราก็ชมครบ 3 สถานที่แล้ว เหลืออีก 1 สถานที่ สวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวง ซึ่งมีกุหลาบพันปีอยู่เป็นจำนวนมาก เรามาดูระยะทางกัน ว่าไปอีกไกลแค่ไหน เช็ค GPS เรยจ้า ระยะทาง 25 กม จากพระตำหนัก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที ระยะดูเหมือไม่ไกล แต่ขอบอก โหดสุด ๆ เป็น 25 กม แม้ว นะคะ ต้องขับขี่ด้วยความระมัดระวัง  ส่วนพระธาตุดอยตุงก็มาทางนี้เช่นกัน ค่อนข้างไกลออกมาจากพระตำหนักเยอะ แบบข้ามเขามาอีกลูกนึง ซึ่งอยู่ตรงข้ามกัน ดังนั้นตลอดเส้นทาง ก็จะเห็นผู้คนบางตา เมื่อเทียบกับพระตำหนัก





มองไปยังเขาอีกลูกนึง จะมองเห็นพระตำหนักอยู่ลิบ ๆ



มีจุดชมวิวด้วย ทิวทัศน์สวยงามมากมาย


หลังจากชมสวนรุกขชาติแล้ว เราก็เดินทางต่อไปยัง ท่าขี้เหล็ก แม่สาย โดยเจ้าหน้าที่ก็แนะนำเราว่า ให้ใช้เส้นทางเลียบชายแดนพม่า จะใกล้กว่า ย้อนกลับลงไปตรงพระตำหนักดอยตุง เราก็เชื่อคนในพื้นที่อะนะ ลองดู เส้นทางใหม่ เช็คพิกัดนิดนึง

จากแผนที่ ถนนเส้นนี้เป็นถนนพรมแดนระหว่างไทยและพม่า ที่ตรงไปท่าขี้เหล็ก พม่าได้ และไปยังแม่สาย แต่ที่สำคัญ คือเป็นถนนที่อยู่บนสันเขา ซ้ายพม่า ขวาไทย ขับไปด้วยความตื่นเต้น เพราะเทือกเขาสูงมากกกก ระหว่างขับไม่ ไม่เจอรถสวนเลย ทางค่อนข้างเปลี่ยวมาก กลางคืน หรือ ฝนตก ไม่แนะนำถนนเส้นนี้เลยค่ะ




ถนนไม่กว้างมากนัก


ขับไปเจอบังเกอร์ด้วย เนื่องจากเป็นแนวชายแดน ดังนั้นจะเจอทหารไทยและพม่าเป็นระยะ แลดูน่ากลัวไงไม่รู้


ระหว่างขับไปก็เจอหมู่บ้านชาวเขาด้วย


ขับไปเรื่อย ๆ ก็ถึงแม่สาย แต่กว่าจะถึงก็ตื่นเต้นกับเส้นทางมากมาย
ก่อนที่เราจะข้ามไป Shopping ที่พม่า ก็ต้องทำหนังสือผ่านแดน ที่ทำการ อ. แม่สาย ซึ่งจะอยู่ก่อนถึงด่านพรมแดน สังเกตดี ๆ จะมีป้ายบอกทางอยู่ เสียค่าข้ามแดน 30 บาท

หลังจากเรา Shopping เสร็จแล้ว พลขับงอแงอยากกลับบ้านแระ เลยตัดสินใจขับรถกลับบ้านที่ปทุม ถึงบ้านเช้าวันอาทิตย์ด้วยความปลอดภัย แม้จะมีแอบหลงทางขากลับบ้างเล็กน้อย แต่เราก็มาถึงจุดนี้ที่บ้านเราได้ 555  เป็นทริป ที่สนุก เส้นทางโหด ขับรถก็โหด แต่ประทับใจสุด ๆ  ขอบคุณคุณสามีที่เป็น Sponsor และพลขับตลอดทริปนี้

ตอนที่ 1 - Trip ตะลุยขุนเขา ห้วยน้ำดัง-ถ้าลอด บางมะผ้า แม่ฮ่องสอน- ดอยตุง - ดอยช้างมูบ- Shopping แม่สาย 8-12 ธค 58 - http://pantip.com/topic/34555999
ตอนที่ 2 - ถ้าลอด บางมะผ้า แม่ฮ่องสอน พร้อมรีวิว Little Eden Guesthouse - http://pantip.com/topic/34561432
ตอนที่ 3 - รีวิวดอยตุงวิว รีสอร์ท เชียงราย - http://pantip.com/topic/34620718
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่