เพิ่งคลอดน้องเมื่อวันที่22ธ.ค.2558ที่ผ่านมาค่ะ อายุครรภ์37วีคกว่า เนื่องจากน้องไม่กลับหัว
เริ่มเจ็บท้องเตือนจึงนัดผ่ากับคุณหมอได้วันที่22ธ.ค.2558
คืนวันที่21ธ.ค.2558
งดข้าวงดน้ำหลังเที่ยงคืนเตรียมตัวผ่าคลอด
เช้าวันที่22ธ.ค.2558
ไปรพ.แต่เช้าเตรียมตัว สวนทวาร ใส่สายน้ำเกลือ สายฉี่(เจ็บแสบมาก) ถอดเสื้อผ้ารอไปห้องผ่าตัด จากนั้นเราก็ถูกบล๊อกหลัง เมื่อทุกอย่างพร้อม คุณหมอก็เริ่มผ่า เรามีสติตลอดเวลา ได้ยินเสียงหมอคุยกัน รู้สึกเหมือนแน่นๆท้อง สักพักก็เหมือนยกอะไรออกจากท้อง รู้สึกโล่งมาก และจนกระทั่งน้องออกมาร้องเสียงดังมาก คุณพยาบาลบอกผู้ชายนะคะ น้ำหนัก2,645กรัม ร้องไห้จ้า ดูแข็งแรง เราได้สบตากันหนึ่งครั้ง...บอกเลยมันคือรักแรกพบ แล้วหอมแก้มอุ่นๆนั้น1ครั้ง น้ำตาเราไหลด้วยความปลื้มปิติ...พอหมอเย็บแผลเรียบร้อย จากนั้นเราก็ไปนอนพักในห้อง ยังไม่ปวดและเจ็บแผลมาก ต้องนอนราบทั้งวันและยังชาจากการบล๊อคหลัง
ตอนบ่ายๆสามีก็ถูกตามให้ไปดูลูกเห็นว่าลูกมีอ๊อกซิเจนในเลือดต่ำแต่ยังไม่น่าห่วงอะไร เราด้วยความเพลียและเจ็บแผลเลยขอพยาบาลฉีดยาแก้ปวดแล้วหลับไป
จนประมาณหัวค่ำทางNICUก็มาตามให้สามีลงไปดูอาการอยู่หลายชม.ก็กลับมาเราก็หลับๆตื่นเพราะห่วงลูกและอยากถามอาการลูกมาเขาเป็นยังไงบ้างแต่สามีก็หลับไปแล้ว
ตกกลางคืนตอนตี 3 สามีก็ถูกตามก็ไปดูลูกอีกครั้ง เรากระวนกระวายใจมาก กลับมาราวๆตี4 ถามเขาก็เงียบ ๆ บอกลูกอาการไม่ค่อยดีและไม่บอกอะไรมากกว่านี้ เหมือนไม่อยากให้ไม่สบายใจ พอสามีหลับไปเราได้ยินสามีนอนละเมอร้องไห้...
เวลาประมาณ ตี 5 เราก็กัดฟันพยายามหัดลุกขึ้นนั่งเพื่อจะไปดูลูกในตอนเช้าได้ พยาบาลบอกถ้าคุณยังนั่งไม่ได้เราก็ให้ลงไม่ได้ เราก็ปรับที่นอนตั้งให้นั่ง ขยับขาไปมาเพื่อจะลุกขึ้นให้ได้
จนกระทั่งเวลา 6 โมงเช้าสามีถูกตามไปNICUอีกครั้ง ครั้งนี้สามีโทรกลับมาหาเราและพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆให้ลงมาดูลูกเถอะพอไหวมั้ย ตอนนี้ลูกเราหัวใจหยุดเต้นแล้ว2ครั้ง ครั้งนี้ครั้งที่3ตอนนี้หมอกำลังปั๊มหัวใจ พอเราได้ฟังแค่นั้น ก็เหมือนทุกอย่างมันว่างเปล่า หัวใจสลาย กัดฟันลุกขึ้นมาจากเตียงทั้งที่เจ็บแผลผ่าตัดมาก อ้อนวอนขอเปลนั่งเพื่อไปหาลูกที่NICU เวลานั้นมันลืมความเจ็บปวดทุกอย่าง พอถึงหน้าห้องNICUสามีเดินออกมารับน้ำตาไหลเมื่อเห็นเรา เราลุกเดินจากเปลนั่งเอามือประคองแผลที่เหมือนจะทะลักออกมาสามีก็เดินมาประคองเข้าไปในNICU พอได้เห็นลูก เราปล่อยโฮเลย ลูกน้อยนอนนิ่งโดนปั๊มหัวใจ สายน้ำเกลือเครื่องช่วยหายใจระโยงระยาง วินาทีนี้หัวใจแม่แทบสลาย คุณหมออีกคนเดินมาบอกปอดมีแรงดันสูง เลือดเข้าไปฟอกในปอดไม่ได้จึงให้ยาลดแรงดันในปอด ยาทำให้หัวใจน้องล้าและหยุดเต้นไปสองครั้งแล้ว(ตอนค่ำๆและตี 3 อีกครั้ง) จึงให้ยากระตุ้นหัวใจไปอีก คุณหมอวินิจฉัยว่าลูกเรามีพัฒนาการปอดที่ไม่แข็งแรงแต่กำเนิด ทั้งที่เราไปฝากท้อง และซาวด์เพื่อดูความผิดปกติของลูกมาสม่ำเสมอก็ปกติ แข็งแรง คุณหมอแจ้งว่าบางครั้งการซาวด์ก็ไม่เห็น เพราะมันเป็นการยากที่จะรู้ไปถึงปอดของเด็ก เพราะปอดยังไม่ได้ทำงานตอนอยู่ในครรภ์ทารกหายใจทางสายสะดือ ซึ่งครั้งนี้ลูกเราหัวใจหยุดเต้นเป็นครั้งที่สามแล้วปั๊มหัวใจมา20นาทีแล้ว คุณหมอถามเราว่าจะให้ทำต่อไปหรือยุติการปั๊มหัวใจก็ให้บอก ...เรากับสามีเจ็บปวดมากและทนเห็นลูกไม่ไหว จึงให้หมอยุติการปั๊มหัวใจที่30นาที เราก้าวขาไปจับลูก ผิวนุ่มนิ่มตัวยังอุ่นอยู่เลย เราร้องไห้เหมือนคนเสียสติ เจ็บปวด เรายืนเหมือนไม่มีคนไม่มีแรง จะเป็นลม ทำใจรับเรื่องโหดร้ายไม่ได้ หลังจากถอดเครื่องช่วยหายใจถอดสายระโยงระยางออก ลูกเราค่อยๆหลับไป หน้าตาน่ารัก ยิ้มน้อยๆ เรากับสามีใจจะขาด เราได้กอดหอมและสบตากันครั้งเดียวตอนคลอดและได้อุ้มตอนลูกกำลังจะสิ้นใจ เราไม่รู้เลยว่าการสบตากันครั้งนั้นคือครั้งแรกครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย เราอุ้มแล้วบอกลูกว่าให้เขากลับมาเกิดกับแม่อีกนะบอกเขาว่าเรารักเขามาก เราให้สามีอุ้มตอนแรกเขาไม่กล้าอุ้มแต่สุดท้ายเขาก็อุ้ม เหมือนลูกจะรับรู้ว่าพ่อกับแม่มาหาเขาแล้ว เขาสูดหายใจเฮือกนึงก่อนจะนิ่งหลับไปบนอกพ่อ ลาก่อนลูกรัก...
เราเฝ้ารอวันที่ลูกคลอดมาทุกอย่างก็เตรียมให้ลูกแล้วห้องนอนก็เตรียมไว้อย่างดีแต่ลูกไม่มีโอกาสได้ใช้เลย ความฝันทุกอย่างมันพังทลายลง และมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก เร็วเกินไป ลูกเราอยู่ได้22ชม.(หลังจากคลอด) หลังจากที่ลูกเสียเวลา7.40น.ของวันที่23ธ.ค.2558 ทางรพ.ให้เราไปอาบน้ำแต่งตัวให้ลูก เรามองหน้าลูก กอดเค้าไว้กับอก ร้องไห้ บอกลูกหลับให้สบาย ขอบคุณที่หนูอดทนรอแม่มากอดหนู ตัวลูกอุ่นๆหอมๆ ใบหน้าเล็กๆ จมูกโด่งปากแดง ยิ้มน้อยๆ เหมือนเค้าหลับไป... คุณพ่อคุณแม่สามีมาถึงเขาร้องไห้หนักมากแล้วอุ้มหลานไว้แนบอก เรากลับขึ้นไปพักรักษาตัวที่ห้องอีกครั้งมีพี่สะใภ้อยู่เป็นเพื่อน เราร้องไห้ตลอดเวลา ใจนึงก็อยากไปส่งลูกมากๆแต่ไปไม่ได้หมอยังไม่ให้ออก ใจนึงก็คิดนะว่าถ้าได้ไปคงทำใจไม่ได้แน่ๆ ส่วนสามีและพ่อแม่สามีได้ไปนำศพลูกไปประกอบพิธีทางศาสนาเรียบร้อยในวันนั้น
เย็นวันที่23ธ.ค.2558 สามีกลับมาหาเราที่โรงพยาบาลร้องไห้โฮบอกสงสารลูกกลัวลูกหนาวกลัวลูกเปื้อนดิน ลูกเหมือนหลับไปเลย ตัวยังอุ่นๆอยู่เลย สะเทือนใจมาก สงสารสามีมาก คืนนั้นเรากอดกันร้องไห้พยายามปลอบใจซึ่งกันและกัน ภาพของลูกยังติดตา เป็นค่ำคืนที่ผ่านไปอย่างยากลำบาก
วันที่24ธ.ค.2558
เช้าเรามีอาการคัดเต้านมมาก ปวดถึงรักแร้ ได้ยินเสียงเด็กทารกห้องอื่นร้องน้ำนมก็ไหล เราร้องไห้คิดถึงลูกแต่ไม่มีลูกแล้ว คุณหมอให้ใส่ชุดชั้นในพยุงไว้และห้ามปั๊มนมปล่อยให้แห้งหายไปเอง น้ำนมก็ไหลอยู่อย่างนั้นจนเสื้อเปียกไปหมด พยาบาลเห็นก็สงสารจึงเอาเจลเย็นมาประคบเต้านมให้ คิดถึงลูกก็คิดถึง นอนไม่หลับร้องไห้ตลอดเวลาเราคิดว่าเราต้องเป็นบ้าแน่ๆ จึงขอพบจิตแพทย์ขอคำแนะนำ และยาสำหรับแก้เครียดมากินทำให้หลับได้ดีขึ้นทั้งเราและสามี คืนนั้นเรานอนคิด เราต้องทำใจให้เข้มแข็ง จะทำร่างกายให้แข็งแรงให้ได้เพื่อรอวันเค้ากลับมา
วันที่25ธ.ค.2558
เราออกรพ.ตอนบ่ายก่อนกลับบ้านเราแวะซื้อดอกไม้ธูปเทียนและนมไปที่หลุมศพลูกเอาดอกไม้ไปโปรย
...ลูกกำลังกลับคืนสู่ธรรมชาติแล้ว
กลับมาถึงบ้าน ไม่เจอของๆลูกเลยเพราะแม่สามีเก็บให้เรียบร้อยคงกลัวทำใจไม่ได้ นี่เป็นความสูญเสียของเรา เราไม่เคยคาดคิดมาก่อนเหมือนยังไม่ตื่นจากฝันร้าย เหมือนฝันร้ายที่ตื่นขึ้นมามันคือความจริง
เปิดประตูห้องนอนเข้ามา...สูดหายใจลึกๆอีกครั้ง คิดว่าถึงยังไงชีวิตเราก็ต้องเดินต่อไป เราต้องเข้มแข็งเพราะเราบอกลูกก่อนสิ้นใจแล้วว่าให้กลับมาเป็นลูกแม่อีกครั้งนะ
เชื่อแน่ว่าเราต้องได้เจอกันอีกครั้งลูกรัก
วันที่เขียน
26ธ.ค.2558
คุณแม่ท่านไหนเคยมีประสบการณ์เช่นนี้มาแชร์ให้ฟังกันได้นะคะ และมีวิธีทำใจกันอย่างไรบ้างแนะนำกันมาได้นะคะ
จะทำใจอย่างไร...ในวันที่ฉันสูญเสียลูกน้อยไป
เริ่มเจ็บท้องเตือนจึงนัดผ่ากับคุณหมอได้วันที่22ธ.ค.2558
คืนวันที่21ธ.ค.2558
งดข้าวงดน้ำหลังเที่ยงคืนเตรียมตัวผ่าคลอด
เช้าวันที่22ธ.ค.2558
ไปรพ.แต่เช้าเตรียมตัว สวนทวาร ใส่สายน้ำเกลือ สายฉี่(เจ็บแสบมาก) ถอดเสื้อผ้ารอไปห้องผ่าตัด จากนั้นเราก็ถูกบล๊อกหลัง เมื่อทุกอย่างพร้อม คุณหมอก็เริ่มผ่า เรามีสติตลอดเวลา ได้ยินเสียงหมอคุยกัน รู้สึกเหมือนแน่นๆท้อง สักพักก็เหมือนยกอะไรออกจากท้อง รู้สึกโล่งมาก และจนกระทั่งน้องออกมาร้องเสียงดังมาก คุณพยาบาลบอกผู้ชายนะคะ น้ำหนัก2,645กรัม ร้องไห้จ้า ดูแข็งแรง เราได้สบตากันหนึ่งครั้ง...บอกเลยมันคือรักแรกพบ แล้วหอมแก้มอุ่นๆนั้น1ครั้ง น้ำตาเราไหลด้วยความปลื้มปิติ...พอหมอเย็บแผลเรียบร้อย จากนั้นเราก็ไปนอนพักในห้อง ยังไม่ปวดและเจ็บแผลมาก ต้องนอนราบทั้งวันและยังชาจากการบล๊อคหลัง
ตอนบ่ายๆสามีก็ถูกตามให้ไปดูลูกเห็นว่าลูกมีอ๊อกซิเจนในเลือดต่ำแต่ยังไม่น่าห่วงอะไร เราด้วยความเพลียและเจ็บแผลเลยขอพยาบาลฉีดยาแก้ปวดแล้วหลับไป
จนประมาณหัวค่ำทางNICUก็มาตามให้สามีลงไปดูอาการอยู่หลายชม.ก็กลับมาเราก็หลับๆตื่นเพราะห่วงลูกและอยากถามอาการลูกมาเขาเป็นยังไงบ้างแต่สามีก็หลับไปแล้ว
ตกกลางคืนตอนตี 3 สามีก็ถูกตามก็ไปดูลูกอีกครั้ง เรากระวนกระวายใจมาก กลับมาราวๆตี4 ถามเขาก็เงียบ ๆ บอกลูกอาการไม่ค่อยดีและไม่บอกอะไรมากกว่านี้ เหมือนไม่อยากให้ไม่สบายใจ พอสามีหลับไปเราได้ยินสามีนอนละเมอร้องไห้...
เวลาประมาณ ตี 5 เราก็กัดฟันพยายามหัดลุกขึ้นนั่งเพื่อจะไปดูลูกในตอนเช้าได้ พยาบาลบอกถ้าคุณยังนั่งไม่ได้เราก็ให้ลงไม่ได้ เราก็ปรับที่นอนตั้งให้นั่ง ขยับขาไปมาเพื่อจะลุกขึ้นให้ได้
จนกระทั่งเวลา 6 โมงเช้าสามีถูกตามไปNICUอีกครั้ง ครั้งนี้สามีโทรกลับมาหาเราและพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆให้ลงมาดูลูกเถอะพอไหวมั้ย ตอนนี้ลูกเราหัวใจหยุดเต้นแล้ว2ครั้ง ครั้งนี้ครั้งที่3ตอนนี้หมอกำลังปั๊มหัวใจ พอเราได้ฟังแค่นั้น ก็เหมือนทุกอย่างมันว่างเปล่า หัวใจสลาย กัดฟันลุกขึ้นมาจากเตียงทั้งที่เจ็บแผลผ่าตัดมาก อ้อนวอนขอเปลนั่งเพื่อไปหาลูกที่NICU เวลานั้นมันลืมความเจ็บปวดทุกอย่าง พอถึงหน้าห้องNICUสามีเดินออกมารับน้ำตาไหลเมื่อเห็นเรา เราลุกเดินจากเปลนั่งเอามือประคองแผลที่เหมือนจะทะลักออกมาสามีก็เดินมาประคองเข้าไปในNICU พอได้เห็นลูก เราปล่อยโฮเลย ลูกน้อยนอนนิ่งโดนปั๊มหัวใจ สายน้ำเกลือเครื่องช่วยหายใจระโยงระยาง วินาทีนี้หัวใจแม่แทบสลาย คุณหมออีกคนเดินมาบอกปอดมีแรงดันสูง เลือดเข้าไปฟอกในปอดไม่ได้จึงให้ยาลดแรงดันในปอด ยาทำให้หัวใจน้องล้าและหยุดเต้นไปสองครั้งแล้ว(ตอนค่ำๆและตี 3 อีกครั้ง) จึงให้ยากระตุ้นหัวใจไปอีก คุณหมอวินิจฉัยว่าลูกเรามีพัฒนาการปอดที่ไม่แข็งแรงแต่กำเนิด ทั้งที่เราไปฝากท้อง และซาวด์เพื่อดูความผิดปกติของลูกมาสม่ำเสมอก็ปกติ แข็งแรง คุณหมอแจ้งว่าบางครั้งการซาวด์ก็ไม่เห็น เพราะมันเป็นการยากที่จะรู้ไปถึงปอดของเด็ก เพราะปอดยังไม่ได้ทำงานตอนอยู่ในครรภ์ทารกหายใจทางสายสะดือ ซึ่งครั้งนี้ลูกเราหัวใจหยุดเต้นเป็นครั้งที่สามแล้วปั๊มหัวใจมา20นาทีแล้ว คุณหมอถามเราว่าจะให้ทำต่อไปหรือยุติการปั๊มหัวใจก็ให้บอก ...เรากับสามีเจ็บปวดมากและทนเห็นลูกไม่ไหว จึงให้หมอยุติการปั๊มหัวใจที่30นาที เราก้าวขาไปจับลูก ผิวนุ่มนิ่มตัวยังอุ่นอยู่เลย เราร้องไห้เหมือนคนเสียสติ เจ็บปวด เรายืนเหมือนไม่มีคนไม่มีแรง จะเป็นลม ทำใจรับเรื่องโหดร้ายไม่ได้ หลังจากถอดเครื่องช่วยหายใจถอดสายระโยงระยางออก ลูกเราค่อยๆหลับไป หน้าตาน่ารัก ยิ้มน้อยๆ เรากับสามีใจจะขาด เราได้กอดหอมและสบตากันครั้งเดียวตอนคลอดและได้อุ้มตอนลูกกำลังจะสิ้นใจ เราไม่รู้เลยว่าการสบตากันครั้งนั้นคือครั้งแรกครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย เราอุ้มแล้วบอกลูกว่าให้เขากลับมาเกิดกับแม่อีกนะบอกเขาว่าเรารักเขามาก เราให้สามีอุ้มตอนแรกเขาไม่กล้าอุ้มแต่สุดท้ายเขาก็อุ้ม เหมือนลูกจะรับรู้ว่าพ่อกับแม่มาหาเขาแล้ว เขาสูดหายใจเฮือกนึงก่อนจะนิ่งหลับไปบนอกพ่อ ลาก่อนลูกรัก...
เราเฝ้ารอวันที่ลูกคลอดมาทุกอย่างก็เตรียมให้ลูกแล้วห้องนอนก็เตรียมไว้อย่างดีแต่ลูกไม่มีโอกาสได้ใช้เลย ความฝันทุกอย่างมันพังทลายลง และมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก เร็วเกินไป ลูกเราอยู่ได้22ชม.(หลังจากคลอด) หลังจากที่ลูกเสียเวลา7.40น.ของวันที่23ธ.ค.2558 ทางรพ.ให้เราไปอาบน้ำแต่งตัวให้ลูก เรามองหน้าลูก กอดเค้าไว้กับอก ร้องไห้ บอกลูกหลับให้สบาย ขอบคุณที่หนูอดทนรอแม่มากอดหนู ตัวลูกอุ่นๆหอมๆ ใบหน้าเล็กๆ จมูกโด่งปากแดง ยิ้มน้อยๆ เหมือนเค้าหลับไป... คุณพ่อคุณแม่สามีมาถึงเขาร้องไห้หนักมากแล้วอุ้มหลานไว้แนบอก เรากลับขึ้นไปพักรักษาตัวที่ห้องอีกครั้งมีพี่สะใภ้อยู่เป็นเพื่อน เราร้องไห้ตลอดเวลา ใจนึงก็อยากไปส่งลูกมากๆแต่ไปไม่ได้หมอยังไม่ให้ออก ใจนึงก็คิดนะว่าถ้าได้ไปคงทำใจไม่ได้แน่ๆ ส่วนสามีและพ่อแม่สามีได้ไปนำศพลูกไปประกอบพิธีทางศาสนาเรียบร้อยในวันนั้น
เย็นวันที่23ธ.ค.2558 สามีกลับมาหาเราที่โรงพยาบาลร้องไห้โฮบอกสงสารลูกกลัวลูกหนาวกลัวลูกเปื้อนดิน ลูกเหมือนหลับไปเลย ตัวยังอุ่นๆอยู่เลย สะเทือนใจมาก สงสารสามีมาก คืนนั้นเรากอดกันร้องไห้พยายามปลอบใจซึ่งกันและกัน ภาพของลูกยังติดตา เป็นค่ำคืนที่ผ่านไปอย่างยากลำบาก
วันที่24ธ.ค.2558
เช้าเรามีอาการคัดเต้านมมาก ปวดถึงรักแร้ ได้ยินเสียงเด็กทารกห้องอื่นร้องน้ำนมก็ไหล เราร้องไห้คิดถึงลูกแต่ไม่มีลูกแล้ว คุณหมอให้ใส่ชุดชั้นในพยุงไว้และห้ามปั๊มนมปล่อยให้แห้งหายไปเอง น้ำนมก็ไหลอยู่อย่างนั้นจนเสื้อเปียกไปหมด พยาบาลเห็นก็สงสารจึงเอาเจลเย็นมาประคบเต้านมให้ คิดถึงลูกก็คิดถึง นอนไม่หลับร้องไห้ตลอดเวลาเราคิดว่าเราต้องเป็นบ้าแน่ๆ จึงขอพบจิตแพทย์ขอคำแนะนำ และยาสำหรับแก้เครียดมากินทำให้หลับได้ดีขึ้นทั้งเราและสามี คืนนั้นเรานอนคิด เราต้องทำใจให้เข้มแข็ง จะทำร่างกายให้แข็งแรงให้ได้เพื่อรอวันเค้ากลับมา
วันที่25ธ.ค.2558
เราออกรพ.ตอนบ่ายก่อนกลับบ้านเราแวะซื้อดอกไม้ธูปเทียนและนมไปที่หลุมศพลูกเอาดอกไม้ไปโปรย
...ลูกกำลังกลับคืนสู่ธรรมชาติแล้ว
กลับมาถึงบ้าน ไม่เจอของๆลูกเลยเพราะแม่สามีเก็บให้เรียบร้อยคงกลัวทำใจไม่ได้ นี่เป็นความสูญเสียของเรา เราไม่เคยคาดคิดมาก่อนเหมือนยังไม่ตื่นจากฝันร้าย เหมือนฝันร้ายที่ตื่นขึ้นมามันคือความจริง
เปิดประตูห้องนอนเข้ามา...สูดหายใจลึกๆอีกครั้ง คิดว่าถึงยังไงชีวิตเราก็ต้องเดินต่อไป เราต้องเข้มแข็งเพราะเราบอกลูกก่อนสิ้นใจแล้วว่าให้กลับมาเป็นลูกแม่อีกครั้งนะ
เชื่อแน่ว่าเราต้องได้เจอกันอีกครั้งลูกรัก
วันที่เขียน
26ธ.ค.2558
คุณแม่ท่านไหนเคยมีประสบการณ์เช่นนี้มาแชร์ให้ฟังกันได้นะคะ และมีวิธีทำใจกันอย่างไรบ้างแนะนำกันมาได้นะคะ