คือตอนนี้เราอายุ 20 แล้ว เรียนอยู่มหาลัยที่ต่างประเทศ เคยมีแฟนคนนึงตอนเรียนม.ปลายที่เมืองไทยตอนอายุ 14 คบกันมาสองปีแต่ก็ไม่เคยทำอะไรกันมากไปกว่ากอดกับหอมแก้มเลย
คือเรื่องมีอยู่ว่าเราเป็นนักเรียนทุน แล้วทางมหาลัยก็ให้เราเป็นผู้คุมหอ เมื่อตอนเปิดเทอมผู้คุมหอทุกคนจะต้องกลับมาก่อนนักเรียนคนอื่นๆ เพื่อที่จะควบคุมความเรียบร้อยในหอ พอเรามาถึงก็จัดของอยู่ในห้องไม่มีอะไรมาก อยู่ดีๆ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตู พอเปิดไปก็เจอผู้ชายคนนึงยืนอยู่หน้าห้อง เราก็งงๆ เพราะว่านี้มันยังไม่ถึงเวลาเปิดเทอม นักเรียนส่วนใหญ่ก็เลยยังมาไม่ถึง เราก็เลยตัดสินใจเริ่มบทสนทนา ปล. บทสนทนาพอแปลเป็นภาษาไทยแล้วอาจจะฟังดูแปลกๆนะคะ ทนอ่านกันหน่อยก็แล้วกันเนอะ
เรา: ไฮ เราชื่อ XXX นะ ยินดีที่ได้รู้จัก เราเป็นผู้คุมหอใหม่ของหอนี้ มีอะไรให้เราช่วยไหม?
เขา (นาย A) : เอิ่มคือผมพึ่งมาถึงอ่ะครับ แล้วไม่มีกุญแจเข้าห้อง ถามยามแล้วเขาบอกให้มาเคอะที่ห้องนี้
เรา: อ๋อ โอเคๆ เดี๋ยวรอเราแปปนึงนะ
พอเสร็จแล้วเราก็ถามว่าเขาอยู่ห้องไหน จะได้ให้กุญแจถูกเบอร์ แล้วนั้นก็เป็นบทสนทนาแรกของเรากับเขา
พอเวลาผ่านไปเวลาเราเดินไปคลาสก็บังเอิญเจอกันบ้างอะไรบ้าง เราก็ทักทายเขาตามประสาผู้คุมหอ เหมือนกับที่เราถามลูกหอคนอื่นๆ คุยกันไปคุยกันมาก็พึ่งจะรู้ว่าเขาเรียนอยู่ปีเดียวกับเรา คณะเดียวกันอีก แต่ไม่เคยเจอกันเลยเพราะคลาสนึงมีเด็กประมาน 600กว่าคน
มีอยู่วันนึงไกล้ๆ ไฟน้อล ประมานเที่ยงๆ เราออกมากดน้ำกินหน้าหอ ก็ได้ยินคนตะโกนชื่อเรา พอหันไปก็เจอนาย A เขาก็เข้ามาคุย ถามนู้นนี้นั่นตามประสา แล้วพอดีว่าพรุ่งนี้พวกเรามีสอบวิชานึง แล้วเขาบอกเขาไม่ค่อยมั่นใจ จะให้เราช่วยติวให้หน่อยได้ไหม เราก็บอกว่าได้สิไม่มีปันหา เขาก็บอกว่าเดี๋ยวเขาจะมาหาเราที่ห้องได้ไหมอีกครึ่ง ชม. เพราะเขามีธุระต้องไปทำก่อน อ๋อลืมบอกไปนะคะว่าห้องเราเป็นห้องรวม คือเป็น สวีท มีสามห้องนอน แล้วก็มีห้องส่วนกลางที่มีห้องครัวห้องนั่งเล่น เขามาที่ห้องรูมเมทเราก็อยู่ ไม่ได้มีอะไรน่าเกลียด เราเลยกล้าตอบตกลงไป พอเสร็จแล้วเขาก็บอกว่ามีเบอร์ไหม เขาจะได้โทรหาเผื่อเขามาไม่ทันนัด แล้วพอดีโทรศัพท์เราพังอยู่จริงๆ เราเลยบอกว่าไม่มี แหะๆ เขาก็มองเราแบบ งงๆ ประมาณว่า โกหกรึปล่าวเนี่ย หลังจากนั้นเราสองคนก้แยกย้ายกันไป เราก็กลับไปอ่านหนังสือต่อ ส่วนเขาก้ไปทำธุระของเขา แต่ว่าธุระเขานานกว่าที่ขาดเขาเลยไม่ได้มาตามนัดวันนั้น เราก็นั่งติวจนเกือบสี่ทุ่มเห็นดึกแล้วคิดว่าเออยังไงก็คงไม่มาแล้วแหละเราเลยไปนอน
หลังจากนั้นเราสองคนก็ไม่ได้เจอกันสักพักใหญ่ๆ สองสามวันต่อมาเราก็เปิดเช็กเมล์ของมหาลัย ก็เห็นเมล์ชื่อแปลกๆส่งมาหา พอกดอ่านก็พึ่งรู้ว่าเป็นเมล์ของนาย A สรุปคือวันนั้นเขามาไม่ทันเวลาเขาเลยส่งเมล์มาบอกเรา แต่เราเองแหละที่ไม่ได้เช็กเมล์เพราะมัวแต่อ่านหนังสือสอบ
อาทิตย์นึงผ่านไปทุกคนสอบเสร็จ ชีวิตดี๊ดี ลัลล้ากันท่วนหน้า เราสอบเสร็จปุ๊บก้กลับมาห้องปั๊บกรี๊ดลั้นห้องประมาณว่าสอบเสร็จแล้วโว้ยยยยยยย แล้วก็เม้ากับรูมเมทประมาณว่าคืนนี้ไปไหนกันดีบลาบลาบลา สักพักก็ได้ยินเสียงคนมาเคาะประตู พอเปิดประตูไปก้เจอนาย A อีกละ ตัวที่ท่วมเหงื่อมาเลย เสื้อนี้เปียกโชกกล้ามแบบออก เราก็แบบเซไฮ แล้วก็บอกเขาว่าขอโทษที่ไม่ได้ตอบอีเมล์ เขาก็บอกไม่เป็นไรที่จริงแล้วคืนนั้นเขามาเคาะประตูห้องเราตอนดึกๆแต่ไม่เห็นมีใครตอบ เขาเลยนึกว่าเรานอนแล้ว หลังจากนั้นเขาก็ถามว่าสอบเสร็จแล้วมีแพลนไปไหนไหม เราก็บอกเนี่ยเดี๋ยวคืนนี้จะไปที่ ... กับรูมเมท เขาก็บอกว่าเที๋ยวให้สนุกนะ แล้ววันนั้นออกไปกับเราบ้างได้ไหม? เราก็แบบสอึกไปสักสามวิ เอิ่มนี้คือเขาชวนเราไปแบบเพื่อนหรือว่าอะไร เราก็เอาวะ ทำใจดีสู้เสือไปก่อนก็บอกไปว่าได้สิ อยากไปไหนก็บอกมาก็แล้วกัน หลังจากนั้นเขาก็ขอตัวไปอาบน้ำก่อนเพราะเขาพึ่งกลับมาจากยิม (ไม่บอกชั้นก็รู้หยะตัวเปียกสะขนาด)
พอปิดประตูไปรูมเมทเราก็ถามว่าเมื่อกี้คุยกับใคร เราก็บอกว่าเพื่อน มันก็บอกเพื่อนอะไรมีการชวนไปเดท เราก็เริ่มเอะใจ สรุปคือที่เขาว่าคุยๆด้วยอะไรด้วยนี้คือเขามีใจ? ตอนนั้นเราเองก็บอกตรงๆ ไม่ได้คิดอะไรกับเขาเลยแม้แต่น้อย เพราะตัวเราเองก็คุยกับทุกคน เป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดี หลังจากวันนั้นเขาก็แอดเรามาในเฟซ เราก็เลยรับแอดไป แล้วสองสามวันผ่านไปเขาก็เมสเสจมาหาเราถามว่าคืนนี้จะไปเที่ยวไหนรึปล่าว เราก็แบบเอาแล้วไง เริ่มคิดถึงส่งที่รูมเมทพูด ก็เริ่มตงิดๆใจประมานว่าสรุปมันคิดยังไงกับชั้นกันแน่ แล้วบังเอิ๊นนบังเอินเราจะออกไปงานปาร์ตี้ที่ผับแห่งนึงพอดี เราเลยบอกเขาว่าเออเนี่ยจะไปที่ผับนี้จะไปด้วยกันไหมเพราะเพื่อนปีเดียวกันไปกันหมด คิดในใจว่าถ้าเขาตอบตกลงก็คงมีใจชัว แต่ ปรากฏเขาก็บอกว่าไม่ว่างเพราะต้องดู UFC เราก็คิดในใจแล้วจะถามกูทามมายยยว่าว่างไหม ? หลังจากวันนั้นเราก็เลยไม่เชื่อรูมเมทละว่าเขามีใจให้เรา ก็ใช้ชีวิตตามประสาคนโสดต่อไป อิอิ
พอสอบไฟน้อลเสร็จเด็กส่วนใหญ่ก็ทยอยกันกลับบ้าน ย้ายของออกจากหอบ้างอะไรบ้าง หอก็เริ่มกลับมาเงียบอีกครั้ง เราด้วยความที่เป็นผู้คุมหอก็ต้องกลับหลังชาวบ้านเขาอีกเหมือนเคย รูมเมทก็กลับกันหมด ห้องก็โคตรเงียบ หลอนสุดๆบอกเลย เราก็เล่นนาย A ก็ทักมาอีกละ คราวนี้มาถามเราเรื่องว่าถ้าเขาจะย้ายห้องเทอมหน้าเนี่ยต้องเอาของไปเก็บไว้ที่ไหน เราก็แบบคิดในใจแปลกเนอะลูกหอคนอื่นไม่เห็นจะมาวุ้นวายกับชีวิตชั้นเท่านายคนนี้เลย เราก็ส่งอีเมล์ออกไปหาลูกหอทุกคนเรื่องรายละเอียดทุกอย่างแล้วนะ แถวยังปริ้นรายละเอียดมาติดไว้ตรงประตูทางเข้าหออีก ทำไมไม่รู้จักอ่าน เอาจริงๆ ก็ไม่อยากจะคิดไปเองว่าเขาหาเรื่องคุยแต่มันก็อดตงิดใจไม่ได้ เพราะตัวเขาเองก็หน้าตาโอเค หุ่นนี้ก็ดี ไม่เหมือนคนที่จะมาชอบคนธรรมดาๆแบบเรา
ช่วงเที่ยงๆของวันเดียวกัน เราก็เช็คเฟซตามประสา แล้วพอดีเปิดไปเจอ video ของ Stephen Curry ที่ชู๊ด 3 point (พอดีเราบ้าบาสมาก) เลยแชร์ในเฟส แล้วนาย A ก็มีคอมเม้นบอกว่าเขาก็ทำได้นะแบบเนี่ยเดี๋ยวโชว์ให้ดูไหม? เราก็บอกเอาดิ
ตกเย็นของวันนั้นเราก็เริ่มหิว ก็เลยชวนเพื่อนที่อยู่หอเดียวกันออกไปหาอะไรกิน เป็นเพื่อนผู้ชายสองคนแต่สองคนนี้เป็นแค่เพื่อนนะ มันมีแฟนกันแล้วทั้งคู่ พอตอนเดินกลับจากร้านอาหารมาหอเราก็เดินกลับมากับเพื่อนสองคนนั้นแล้วก็เล่นไอโฟนไปด้วย (ซื้อเครื่องใหม่ละอันเก่าพัง) อยู่ๆก็ได้ยินเสียงนาย A ตะโกนทักเรา เราก็เลยเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์แล้วก็ทักเขา เขาก็เดินมาหา ส่วนเพื่อนเราสองคนก็หาได้แคร์เราไม่ เดินกลับหอกันไปซะงั้น ไม่มีหันมามองเลยว่าเราหยุดคุยกับใคร แล้วเราก็เริ่มคุยกันอีกครั้ง
นาย A: ไปไหนมาหรอ
เรา: พอดีหิวข้าวเลยชวนเพื่อนไปหาอะไรทาน
นาย A: ไหนบอกจะออกไป hang out กับเราไง ทำไมออกไปกินกับคนอื่นแล้วไม่มาชวนซักที
เรา: ยูจะให้ไอชวนยูหรอ? ไอก็รอให้ยูมาชวนไออยู่เนี่ยรู้ไหม (ก็ตอบกลับไปแบบติดตลก เขาก็ขำๆ)
นาย A: คืนนี้ว่างไหมเดี๋ยวเขาจะเล่นบาสโชว์
เรา: ว่างอ่ะว่าง แต่เราจะบินกลับไทยพรุ่งนี้แล้วแค่ต้องจัดของอีกนิดหน่อย
นาย A: โอเค ไอก็จะกลับพรุ่งนี้เหมือนกันงั้นเดี๋ยวคืนนี้ไอออกกำลังกายเสร็จจะเมสเสจมาหาให้ยูไปเจอที่สนามบาสแล้วกัน
เรา: โอเคเดี๋ยวไอไปหาตอนอยู่ออกกำลังเสร็จ
นาย A: เครื่องออกกี๋โมงอ่ะหรุ่งนี้?
เรา: ก็บอก 6 โมงเช้า คงต้องออกจากมหาลัยตอนตีสี่
นาย A: ก็บอกว่าเครื่องเขาออก 8โมงเช้าอาจจะขอแชร์รถไปสนามบินกับเราด้วยได้ไหม
เรา: จะดีหรอ? ยูอาจจะต้องรอที่สนามบินนานมากเลยนะ
นาย A: อือ ไม่ได้ตั้งใจจะนอนอยู่แล้ว ยังไงก็ต้องแพ๊คทั้งคืนอยู่ดี
เรา: โอเคแล้วแต่ยูแล้วกัน แต่เราจะออกตีสี่นะ ถ้าช้าไม่อจริงๆด้วยไม่อยากตกเครื่อง
นาย A: โอเค
เรา: ดี
นาย A: เออช่วยอะไรเราหน่อยสิ
เรา: อะไรอ่ะ
นาย A: ฝากเครื่องนอนไว้ห้องยูได้ไหม เพราะขี้เกียดเอาไปเก็บที่ storage มันไกลจากหอมาก
เรา: โอเคไม่มีปันหา เอามาพรุ่งนี้เข้าก่อนไปสนามบินก็ได้
นาย A: ขอบคุณนะ

งั้นเดี๋ยวคืนนี้จะเมสเสจไปหา
เรา: โอเค บาย
ประมาณสามทุ่มของคืนนั้น เขาก็เมสเสจมาหาเราถามว่านอนยังถ้ายังออกมาดูเขาเล่นบาสไหม เราก็บอกยังไม่นอน แล้วเราก้เดินไปที่สนามบาสซึ่งห่างจากหอเราประมาณสามนาที พอไกล้ถึงสนามบาสเราก็โบกมือให้เรา เราก็ทักเรากลับแล้วก้ถอดเสื้อ ชั้นก็ตกใจสิคะ แบบจะถอดทำมายยยยยยย แค่ลำพังใส่เสื้อขาพเจ้าก็รู้อยู่แล้วว่าหุ่นคุฯเอ็กซ์ขนาดไหน นี้ถอดเสื้อโชว์อีก พระเจ้าช่วยสิเป็นลม ปรากฏเขาแค่เปลี่ยนเสื้อเฉยๆ เพราะตัวเก่ามันเปียก ฮ่าๆๆๆ สักพักใหญ่ๆหลังจากนั้นเขาก็เล่นเส็จพอดี เราก็เลยเดินกลับหอพร้อมกับเขา เอาจริงๆ ณ จุดๆนี้ก็แอบสงสัยเหมือนกันว่าสรุปทั้งหมดนี้เขาคิดยังไงกับเรากันแน่ แต่เราก็ไม่ได้ถามอะไรเพราะฝรั่งไม่เหมือนคนไทย เลยยิ่งไม่อยากคิดเองเออเอง พอกลับหอต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปนอนเพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปสนามบิน
พอเราตื่นประมานตีสาม (นัดรถมารับไปสนามบินตอนตีสี่) ก็ เมสเสจไปหาเขาถาม
เรา: ยังไม่ตายไช่ไหม?
นาย A: ฮ่าๆยังๆ แต่ว่ายังแพ๊คไม่เสร็จเลย สงสัยจะไปกับยูไม่ทันละ
เรา: เห็นไหมเราแล้วว่ามันเช้าเกินไป
นาย A: แต่เราอยากไปกับยูจริงๆนะ
เรา: อือไม่เป็นไรหรอก เราไม่ได้โกดซะหน่อย ไม่ต้องแก้ตัวหรอก
นาย A: แต่เรายังเอาของมาฝากไว้ในห้องเราได้ไหม?
เรา: ได้สิ
นาย A: งั้นเดี๋ยวเราไปหาที่ห้องยูเลยนะ
เรา: โอเค
นาย A: กินอะไรรึยัง?
เรา: ยังเลยเช้าไปกินอะไรไม่ลง
นาย A: เรามี energy drink สนใจไหม?
เรา: มันคืออะไรอ่ะ
นาย A: เดี๋ยวเอาลงไปให้ดู
เรา: โอเค ลงมาเลยได้ไหมเดี๋ยวจะไปแล้ว เอาของยูลงมีทีเดียวเลยนะ
นาย A: ครับๆ
สักพักเขาก็มาเคาะประตูห้อง แล้วก็เอาของเขาเข้ามา ไม่ได้เยอะอะไร แค่เครื่องนอนถุงเดียว เราก็บอกให้เขาเอาไปไว้ในห้องเราเลย ส่วนตัวเราก็อยู่ในห้องนั่งเล่น พอเขาเก็บของไว้ในห้องเราเสร็จเขาก็เดินออกมาแล้วก็เอา energy drink มาให้เรา (ไม่ได้จะมอมเราหรือว่าอะไรนะ มันคือ energy drink จริงๆ) ก่อนเขาจะให้เรากินเขายังโชว์พวก ingredient ข้างกล่องให้ดูด้วย เออมันอร่อยจริงหวะ ฮ่าๆ เราชอบมากเลยเอาตรงๆ กินแล้วก็ไม่ค่อยเพลียเท่าที่ควร พอเสร็จแล้วรถที่จะมารับเราที่สนามบินก็โทรมาหาเราบอกจอดรถอยู่หน้าหอแล้ว
เรา: รถโทรตามแล้วต้องไปละ
นาย A: โอเคเดี๋ยวไอช่วยขนของออกไป
เรา: เฮ้ยไม่เป็นไรแค่นี้เองเบามาก
นาย A: แน่ใจ๊?
เรา: มากกกกก
นาย A: โอเค งั้นไปละนะ
เรา: โอเค
แล้วเขาก็เข้ามากอดเราตามประสาฝรั่ง (มั้ง?) เราก็กอดตอบแต่ทำไมรู้สึกกอดมันนานกว่าปกติวะ เริ่มจะไม่ดีละ รู้สึกแปลกๆ เราเลยผละเขาออก ตอนนั้นรู้สึกเหมือนอยู่ๆ บรรยากาศรอบข้างมันแปลกๆ เราเลยรีบเปิดประตูห้องแล้วก้ลากกระเป๋าออกไป เขาก็คงรู้สึกแบบเดียวกันเลยต่างคนต่างเงียบ แล้วก็เดินออกมาจากห้อง ขนของไปที่รถ
นาย A: เดืนทางปลอดภัยนะ
เรา: โอเค บาย
แล้วเราก็รีบขึ้นรถปิดประตูเลย
วันที่พอแค่นี้ก่อนละกันเนอะ ถ้าอยากรู้ต่อเดี๋ยวไว้วันหลังมาเล่าให้ฟังเพื่มแต่ว่าจากที่เล่ามาทุกคนคิดว่าเขามีใจให้เรารึปล่าวคะ? แล้วถ้าเขามีใจไห้ เราควรจะทำยังไงดีคะ? ตัวเราเองตอนแรกไม่ได้คิดอะไรแต่ตอนนี้เริ่มคิดแล้ว ควรจะคุยต่อไปดีไหมคะ?
ถ้าเพื่อนทำแบบนี้กับเรา เขารู้สึกอย่างไรกับเรากันแน่คะ?
คือเรื่องมีอยู่ว่าเราเป็นนักเรียนทุน แล้วทางมหาลัยก็ให้เราเป็นผู้คุมหอ เมื่อตอนเปิดเทอมผู้คุมหอทุกคนจะต้องกลับมาก่อนนักเรียนคนอื่นๆ เพื่อที่จะควบคุมความเรียบร้อยในหอ พอเรามาถึงก็จัดของอยู่ในห้องไม่มีอะไรมาก อยู่ดีๆ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตู พอเปิดไปก็เจอผู้ชายคนนึงยืนอยู่หน้าห้อง เราก็งงๆ เพราะว่านี้มันยังไม่ถึงเวลาเปิดเทอม นักเรียนส่วนใหญ่ก็เลยยังมาไม่ถึง เราก็เลยตัดสินใจเริ่มบทสนทนา ปล. บทสนทนาพอแปลเป็นภาษาไทยแล้วอาจจะฟังดูแปลกๆนะคะ ทนอ่านกันหน่อยก็แล้วกันเนอะ
เรา: ไฮ เราชื่อ XXX นะ ยินดีที่ได้รู้จัก เราเป็นผู้คุมหอใหม่ของหอนี้ มีอะไรให้เราช่วยไหม?
เขา (นาย A) : เอิ่มคือผมพึ่งมาถึงอ่ะครับ แล้วไม่มีกุญแจเข้าห้อง ถามยามแล้วเขาบอกให้มาเคอะที่ห้องนี้
เรา: อ๋อ โอเคๆ เดี๋ยวรอเราแปปนึงนะ
พอเสร็จแล้วเราก็ถามว่าเขาอยู่ห้องไหน จะได้ให้กุญแจถูกเบอร์ แล้วนั้นก็เป็นบทสนทนาแรกของเรากับเขา
พอเวลาผ่านไปเวลาเราเดินไปคลาสก็บังเอิญเจอกันบ้างอะไรบ้าง เราก็ทักทายเขาตามประสาผู้คุมหอ เหมือนกับที่เราถามลูกหอคนอื่นๆ คุยกันไปคุยกันมาก็พึ่งจะรู้ว่าเขาเรียนอยู่ปีเดียวกับเรา คณะเดียวกันอีก แต่ไม่เคยเจอกันเลยเพราะคลาสนึงมีเด็กประมาน 600กว่าคน
มีอยู่วันนึงไกล้ๆ ไฟน้อล ประมานเที่ยงๆ เราออกมากดน้ำกินหน้าหอ ก็ได้ยินคนตะโกนชื่อเรา พอหันไปก็เจอนาย A เขาก็เข้ามาคุย ถามนู้นนี้นั่นตามประสา แล้วพอดีว่าพรุ่งนี้พวกเรามีสอบวิชานึง แล้วเขาบอกเขาไม่ค่อยมั่นใจ จะให้เราช่วยติวให้หน่อยได้ไหม เราก็บอกว่าได้สิไม่มีปันหา เขาก็บอกว่าเดี๋ยวเขาจะมาหาเราที่ห้องได้ไหมอีกครึ่ง ชม. เพราะเขามีธุระต้องไปทำก่อน อ๋อลืมบอกไปนะคะว่าห้องเราเป็นห้องรวม คือเป็น สวีท มีสามห้องนอน แล้วก็มีห้องส่วนกลางที่มีห้องครัวห้องนั่งเล่น เขามาที่ห้องรูมเมทเราก็อยู่ ไม่ได้มีอะไรน่าเกลียด เราเลยกล้าตอบตกลงไป พอเสร็จแล้วเขาก็บอกว่ามีเบอร์ไหม เขาจะได้โทรหาเผื่อเขามาไม่ทันนัด แล้วพอดีโทรศัพท์เราพังอยู่จริงๆ เราเลยบอกว่าไม่มี แหะๆ เขาก็มองเราแบบ งงๆ ประมาณว่า โกหกรึปล่าวเนี่ย หลังจากนั้นเราสองคนก้แยกย้ายกันไป เราก็กลับไปอ่านหนังสือต่อ ส่วนเขาก้ไปทำธุระของเขา แต่ว่าธุระเขานานกว่าที่ขาดเขาเลยไม่ได้มาตามนัดวันนั้น เราก็นั่งติวจนเกือบสี่ทุ่มเห็นดึกแล้วคิดว่าเออยังไงก็คงไม่มาแล้วแหละเราเลยไปนอน
หลังจากนั้นเราสองคนก็ไม่ได้เจอกันสักพักใหญ่ๆ สองสามวันต่อมาเราก็เปิดเช็กเมล์ของมหาลัย ก็เห็นเมล์ชื่อแปลกๆส่งมาหา พอกดอ่านก็พึ่งรู้ว่าเป็นเมล์ของนาย A สรุปคือวันนั้นเขามาไม่ทันเวลาเขาเลยส่งเมล์มาบอกเรา แต่เราเองแหละที่ไม่ได้เช็กเมล์เพราะมัวแต่อ่านหนังสือสอบ
อาทิตย์นึงผ่านไปทุกคนสอบเสร็จ ชีวิตดี๊ดี ลัลล้ากันท่วนหน้า เราสอบเสร็จปุ๊บก้กลับมาห้องปั๊บกรี๊ดลั้นห้องประมาณว่าสอบเสร็จแล้วโว้ยยยยยยย แล้วก็เม้ากับรูมเมทประมาณว่าคืนนี้ไปไหนกันดีบลาบลาบลา สักพักก็ได้ยินเสียงคนมาเคาะประตู พอเปิดประตูไปก้เจอนาย A อีกละ ตัวที่ท่วมเหงื่อมาเลย เสื้อนี้เปียกโชกกล้ามแบบออก เราก็แบบเซไฮ แล้วก็บอกเขาว่าขอโทษที่ไม่ได้ตอบอีเมล์ เขาก็บอกไม่เป็นไรที่จริงแล้วคืนนั้นเขามาเคาะประตูห้องเราตอนดึกๆแต่ไม่เห็นมีใครตอบ เขาเลยนึกว่าเรานอนแล้ว หลังจากนั้นเขาก็ถามว่าสอบเสร็จแล้วมีแพลนไปไหนไหม เราก็บอกเนี่ยเดี๋ยวคืนนี้จะไปที่ ... กับรูมเมท เขาก็บอกว่าเที๋ยวให้สนุกนะ แล้ววันนั้นออกไปกับเราบ้างได้ไหม? เราก็แบบสอึกไปสักสามวิ เอิ่มนี้คือเขาชวนเราไปแบบเพื่อนหรือว่าอะไร เราก็เอาวะ ทำใจดีสู้เสือไปก่อนก็บอกไปว่าได้สิ อยากไปไหนก็บอกมาก็แล้วกัน หลังจากนั้นเขาก็ขอตัวไปอาบน้ำก่อนเพราะเขาพึ่งกลับมาจากยิม (ไม่บอกชั้นก็รู้หยะตัวเปียกสะขนาด)
พอปิดประตูไปรูมเมทเราก็ถามว่าเมื่อกี้คุยกับใคร เราก็บอกว่าเพื่อน มันก็บอกเพื่อนอะไรมีการชวนไปเดท เราก็เริ่มเอะใจ สรุปคือที่เขาว่าคุยๆด้วยอะไรด้วยนี้คือเขามีใจ? ตอนนั้นเราเองก็บอกตรงๆ ไม่ได้คิดอะไรกับเขาเลยแม้แต่น้อย เพราะตัวเราเองก็คุยกับทุกคน เป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดี หลังจากวันนั้นเขาก็แอดเรามาในเฟซ เราก็เลยรับแอดไป แล้วสองสามวันผ่านไปเขาก็เมสเสจมาหาเราถามว่าคืนนี้จะไปเที่ยวไหนรึปล่าว เราก็แบบเอาแล้วไง เริ่มคิดถึงส่งที่รูมเมทพูด ก็เริ่มตงิดๆใจประมานว่าสรุปมันคิดยังไงกับชั้นกันแน่ แล้วบังเอิ๊นนบังเอินเราจะออกไปงานปาร์ตี้ที่ผับแห่งนึงพอดี เราเลยบอกเขาว่าเออเนี่ยจะไปที่ผับนี้จะไปด้วยกันไหมเพราะเพื่อนปีเดียวกันไปกันหมด คิดในใจว่าถ้าเขาตอบตกลงก็คงมีใจชัว แต่ ปรากฏเขาก็บอกว่าไม่ว่างเพราะต้องดู UFC เราก็คิดในใจแล้วจะถามกูทามมายยยว่าว่างไหม ? หลังจากวันนั้นเราก็เลยไม่เชื่อรูมเมทละว่าเขามีใจให้เรา ก็ใช้ชีวิตตามประสาคนโสดต่อไป อิอิ
พอสอบไฟน้อลเสร็จเด็กส่วนใหญ่ก็ทยอยกันกลับบ้าน ย้ายของออกจากหอบ้างอะไรบ้าง หอก็เริ่มกลับมาเงียบอีกครั้ง เราด้วยความที่เป็นผู้คุมหอก็ต้องกลับหลังชาวบ้านเขาอีกเหมือนเคย รูมเมทก็กลับกันหมด ห้องก็โคตรเงียบ หลอนสุดๆบอกเลย เราก็เล่นนาย A ก็ทักมาอีกละ คราวนี้มาถามเราเรื่องว่าถ้าเขาจะย้ายห้องเทอมหน้าเนี่ยต้องเอาของไปเก็บไว้ที่ไหน เราก็แบบคิดในใจแปลกเนอะลูกหอคนอื่นไม่เห็นจะมาวุ้นวายกับชีวิตชั้นเท่านายคนนี้เลย เราก็ส่งอีเมล์ออกไปหาลูกหอทุกคนเรื่องรายละเอียดทุกอย่างแล้วนะ แถวยังปริ้นรายละเอียดมาติดไว้ตรงประตูทางเข้าหออีก ทำไมไม่รู้จักอ่าน เอาจริงๆ ก็ไม่อยากจะคิดไปเองว่าเขาหาเรื่องคุยแต่มันก็อดตงิดใจไม่ได้ เพราะตัวเขาเองก็หน้าตาโอเค หุ่นนี้ก็ดี ไม่เหมือนคนที่จะมาชอบคนธรรมดาๆแบบเรา
ช่วงเที่ยงๆของวันเดียวกัน เราก็เช็คเฟซตามประสา แล้วพอดีเปิดไปเจอ video ของ Stephen Curry ที่ชู๊ด 3 point (พอดีเราบ้าบาสมาก) เลยแชร์ในเฟส แล้วนาย A ก็มีคอมเม้นบอกว่าเขาก็ทำได้นะแบบเนี่ยเดี๋ยวโชว์ให้ดูไหม? เราก็บอกเอาดิ
ตกเย็นของวันนั้นเราก็เริ่มหิว ก็เลยชวนเพื่อนที่อยู่หอเดียวกันออกไปหาอะไรกิน เป็นเพื่อนผู้ชายสองคนแต่สองคนนี้เป็นแค่เพื่อนนะ มันมีแฟนกันแล้วทั้งคู่ พอตอนเดินกลับจากร้านอาหารมาหอเราก็เดินกลับมากับเพื่อนสองคนนั้นแล้วก็เล่นไอโฟนไปด้วย (ซื้อเครื่องใหม่ละอันเก่าพัง) อยู่ๆก็ได้ยินเสียงนาย A ตะโกนทักเรา เราก็เลยเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์แล้วก็ทักเขา เขาก็เดินมาหา ส่วนเพื่อนเราสองคนก็หาได้แคร์เราไม่ เดินกลับหอกันไปซะงั้น ไม่มีหันมามองเลยว่าเราหยุดคุยกับใคร แล้วเราก็เริ่มคุยกันอีกครั้ง
นาย A: ไปไหนมาหรอ
เรา: พอดีหิวข้าวเลยชวนเพื่อนไปหาอะไรทาน
นาย A: ไหนบอกจะออกไป hang out กับเราไง ทำไมออกไปกินกับคนอื่นแล้วไม่มาชวนซักที
เรา: ยูจะให้ไอชวนยูหรอ? ไอก็รอให้ยูมาชวนไออยู่เนี่ยรู้ไหม (ก็ตอบกลับไปแบบติดตลก เขาก็ขำๆ)
นาย A: คืนนี้ว่างไหมเดี๋ยวเขาจะเล่นบาสโชว์
เรา: ว่างอ่ะว่าง แต่เราจะบินกลับไทยพรุ่งนี้แล้วแค่ต้องจัดของอีกนิดหน่อย
นาย A: โอเค ไอก็จะกลับพรุ่งนี้เหมือนกันงั้นเดี๋ยวคืนนี้ไอออกกำลังกายเสร็จจะเมสเสจมาหาให้ยูไปเจอที่สนามบาสแล้วกัน
เรา: โอเคเดี๋ยวไอไปหาตอนอยู่ออกกำลังเสร็จ
นาย A: เครื่องออกกี๋โมงอ่ะหรุ่งนี้?
เรา: ก็บอก 6 โมงเช้า คงต้องออกจากมหาลัยตอนตีสี่
นาย A: ก็บอกว่าเครื่องเขาออก 8โมงเช้าอาจจะขอแชร์รถไปสนามบินกับเราด้วยได้ไหม
เรา: จะดีหรอ? ยูอาจจะต้องรอที่สนามบินนานมากเลยนะ
นาย A: อือ ไม่ได้ตั้งใจจะนอนอยู่แล้ว ยังไงก็ต้องแพ๊คทั้งคืนอยู่ดี
เรา: โอเคแล้วแต่ยูแล้วกัน แต่เราจะออกตีสี่นะ ถ้าช้าไม่อจริงๆด้วยไม่อยากตกเครื่อง
นาย A: โอเค
เรา: ดี
นาย A: เออช่วยอะไรเราหน่อยสิ
เรา: อะไรอ่ะ
นาย A: ฝากเครื่องนอนไว้ห้องยูได้ไหม เพราะขี้เกียดเอาไปเก็บที่ storage มันไกลจากหอมาก
เรา: โอเคไม่มีปันหา เอามาพรุ่งนี้เข้าก่อนไปสนามบินก็ได้
นาย A: ขอบคุณนะ
เรา: โอเค บาย
ประมาณสามทุ่มของคืนนั้น เขาก็เมสเสจมาหาเราถามว่านอนยังถ้ายังออกมาดูเขาเล่นบาสไหม เราก็บอกยังไม่นอน แล้วเราก้เดินไปที่สนามบาสซึ่งห่างจากหอเราประมาณสามนาที พอไกล้ถึงสนามบาสเราก็โบกมือให้เรา เราก็ทักเรากลับแล้วก้ถอดเสื้อ ชั้นก็ตกใจสิคะ แบบจะถอดทำมายยยยยยย แค่ลำพังใส่เสื้อขาพเจ้าก็รู้อยู่แล้วว่าหุ่นคุฯเอ็กซ์ขนาดไหน นี้ถอดเสื้อโชว์อีก พระเจ้าช่วยสิเป็นลม ปรากฏเขาแค่เปลี่ยนเสื้อเฉยๆ เพราะตัวเก่ามันเปียก ฮ่าๆๆๆ สักพักใหญ่ๆหลังจากนั้นเขาก็เล่นเส็จพอดี เราก็เลยเดินกลับหอพร้อมกับเขา เอาจริงๆ ณ จุดๆนี้ก็แอบสงสัยเหมือนกันว่าสรุปทั้งหมดนี้เขาคิดยังไงกับเรากันแน่ แต่เราก็ไม่ได้ถามอะไรเพราะฝรั่งไม่เหมือนคนไทย เลยยิ่งไม่อยากคิดเองเออเอง พอกลับหอต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปนอนเพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปสนามบิน
พอเราตื่นประมานตีสาม (นัดรถมารับไปสนามบินตอนตีสี่) ก็ เมสเสจไปหาเขาถาม
เรา: ยังไม่ตายไช่ไหม?
นาย A: ฮ่าๆยังๆ แต่ว่ายังแพ๊คไม่เสร็จเลย สงสัยจะไปกับยูไม่ทันละ
เรา: เห็นไหมเราแล้วว่ามันเช้าเกินไป
นาย A: แต่เราอยากไปกับยูจริงๆนะ
เรา: อือไม่เป็นไรหรอก เราไม่ได้โกดซะหน่อย ไม่ต้องแก้ตัวหรอก
นาย A: แต่เรายังเอาของมาฝากไว้ในห้องเราได้ไหม?
เรา: ได้สิ
นาย A: งั้นเดี๋ยวเราไปหาที่ห้องยูเลยนะ
เรา: โอเค
นาย A: กินอะไรรึยัง?
เรา: ยังเลยเช้าไปกินอะไรไม่ลง
นาย A: เรามี energy drink สนใจไหม?
เรา: มันคืออะไรอ่ะ
นาย A: เดี๋ยวเอาลงไปให้ดู
เรา: โอเค ลงมาเลยได้ไหมเดี๋ยวจะไปแล้ว เอาของยูลงมีทีเดียวเลยนะ
นาย A: ครับๆ
สักพักเขาก็มาเคาะประตูห้อง แล้วก็เอาของเขาเข้ามา ไม่ได้เยอะอะไร แค่เครื่องนอนถุงเดียว เราก็บอกให้เขาเอาไปไว้ในห้องเราเลย ส่วนตัวเราก็อยู่ในห้องนั่งเล่น พอเขาเก็บของไว้ในห้องเราเสร็จเขาก็เดินออกมาแล้วก็เอา energy drink มาให้เรา (ไม่ได้จะมอมเราหรือว่าอะไรนะ มันคือ energy drink จริงๆ) ก่อนเขาจะให้เรากินเขายังโชว์พวก ingredient ข้างกล่องให้ดูด้วย เออมันอร่อยจริงหวะ ฮ่าๆ เราชอบมากเลยเอาตรงๆ กินแล้วก็ไม่ค่อยเพลียเท่าที่ควร พอเสร็จแล้วรถที่จะมารับเราที่สนามบินก็โทรมาหาเราบอกจอดรถอยู่หน้าหอแล้ว
เรา: รถโทรตามแล้วต้องไปละ
นาย A: โอเคเดี๋ยวไอช่วยขนของออกไป
เรา: เฮ้ยไม่เป็นไรแค่นี้เองเบามาก
นาย A: แน่ใจ๊?
เรา: มากกกกก
นาย A: โอเค งั้นไปละนะ
เรา: โอเค
แล้วเขาก็เข้ามากอดเราตามประสาฝรั่ง (มั้ง?) เราก็กอดตอบแต่ทำไมรู้สึกกอดมันนานกว่าปกติวะ เริ่มจะไม่ดีละ รู้สึกแปลกๆ เราเลยผละเขาออก ตอนนั้นรู้สึกเหมือนอยู่ๆ บรรยากาศรอบข้างมันแปลกๆ เราเลยรีบเปิดประตูห้องแล้วก้ลากกระเป๋าออกไป เขาก็คงรู้สึกแบบเดียวกันเลยต่างคนต่างเงียบ แล้วก็เดินออกมาจากห้อง ขนของไปที่รถ
นาย A: เดืนทางปลอดภัยนะ
เรา: โอเค บาย
แล้วเราก็รีบขึ้นรถปิดประตูเลย
วันที่พอแค่นี้ก่อนละกันเนอะ ถ้าอยากรู้ต่อเดี๋ยวไว้วันหลังมาเล่าให้ฟังเพื่มแต่ว่าจากที่เล่ามาทุกคนคิดว่าเขามีใจให้เรารึปล่าวคะ? แล้วถ้าเขามีใจไห้ เราควรจะทำยังไงดีคะ? ตัวเราเองตอนแรกไม่ได้คิดอะไรแต่ตอนนี้เริ่มคิดแล้ว ควรจะคุยต่อไปดีไหมคะ?