ทริปคนจนมีแต่ใจไปเที่ยวเลยแบบโง่ๆ ดูจากชื่อทริปแล้วก็คงพอเดาออกว่าเราไปเที่ยวแบบไม่มีการวางแผนอะไรใดๆ เลยยยยยยย ย้ำอีกครั้งนะคะว่าไม่มีการวางแผนอะไรเลย เปลี่ยนตลอดเวลา ดีนะไม่เลยไปไกลกว่านี้อีก อิอิ ใครแนะนำที่ไหน + ดูแผนที่ไปไหนได้ก็ไปมันหมดทุกที่ ทุนทรัพย์ก็น้อย มีแต่ใจล้วนๆ 555555 แก๊งคนจนของเรารอบนี้มีสมาชิกทั้งหมด 5 คน ใช้เงินกองกลางเป็น ค่ารถ ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าขนม รวมอยู่ในนี้เลยค่ะ เราเที่ยวตั้งแต่วันที่ 15 - 18 ธันวาคม 2558 3 คืน 4วัน
วันที่ 1 (15 ธันวาคม 58)
ออกเดินทางด้วยรถทัวร์ จาก บขส.ขอนแก่น เวลา 10.00 น. ตั๋วราคา 127 บาท ใช้เวลาในการเดินทาง 4 ชั่วโมง ถึง บขส.เลย วิ่งขึ้นรถสุดชีวิต จริงๆต้องทันรอบ 09.30 น. นะ แต่ไม่ทันอยู่ดี เจ็บปวดตรงเห็นรถค่อยๆเคลื่อนที่ออกจากชานชาลา แต่ไม่ทันนี่แหละ T^T (รถแวะเข้าภูกระดึงก่อน) ถึงปุ๊บแม่เพื่อนมารับจากบขส. เพื่อไปพักบ้านเพื่อน ที่ห่างจากตัวจังหวัดไปทางท่าลี่ประมาณ 20 กิโลเมตร วางกระเป๋าได้ เอารถบ้านเพื่อนออกไปเที่ยวทีนที
ไปที่อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำหมานตอนบน ไปถึงที่ปุ๊บ รถแสนรู้มากกกก ดับปั๊บ มองหน้ากัน แอบตกใจ (เพื่อนจะรู้ไหมว่าเราสวดมนต์เรียบร้อย) แต่โชคดีที่มีเพื่อนผู้ชายไปด้วย พอรู้เรื่องรถบ้าง ช่วยกันเข็นรถหลบข้างทาง เปิดเช็คกระโปรงหน้ารถ โธ่......วววววว หม้อน้ำรั่ว จอดทิ้งไว้รอให้เครื่องเย็น แล้วไปล่องแพ (แพเล็ก 5-10คน) ราคา 600 บาท กว่าเรือจะมาผูกติดแพ กว่าจะวุ่นวายกันเสร็จ คงทำเอาคุณตาคนขับปวดหัวไม่น้อย พวกเราล่องแพไปฝั่งห้วยกระทิง ตอนแรกก็ชั่งใจจะเล่น น้ำเย็นมากกกกก ถึงกับกรี๊ดสนั่นหวั่นไหว แต่ก็เล่นเหมือนเดิม นี่แหละที่เขาบอกไปกับเพื่อนรู้ใจ ทำอะไรก็สนุก ใช้เวลาในการล่องแพประมาณชั่วโมงครึ่ง บอกจอดให้เล่นน้ำได้ มีชูชีพให้ฟรี ราคาอาหารปกติ วิวสวยแวดล้อมไปด้วยภูเขา แม่ค้าพูดเพราะ คนขับเรือตามใจลูกค้า กว่าจะเล่นน้ำถ่ายรูปเสร็จ ก็เกือบหกโมงเย็นแล้ว
ในทริปนี้สิ่งที่หายากอีกอย่าง คือ คลื่นโทรศัพท์มือถือ ถ้าเจอคลื่นต้องรีบโทรหาที่บ้านทันที ตื่นเต้นยิ่งกว่าเจอโอปป้า นับว่าชีวิต slow life ขึ้นมาเยอะเลย ลงมาจากอ่างเก็บน้ำ อาบน้ำ กินข้าว เข้านอน สลบไปตามๆกัน
วันที่ 2 (16 ธันวาคม 58)
วันนี้ตื่นแต่เช้า อากาศค่อนข้างเย็น แต่กำลังดี เตรียมตัวออกเดินทางไปที่อำเภอภูเรือ เวลา 06.00 น. วางแผนว่าจะเอารถเก๋งบ้านเพื่อนไป แต่........รถเสีย 5555555 ตกลงกันใหม่ ณ วินาทีนั้น ว่างั้นเรามาโบกรถไปกันเถอะ (โบก โกบก แล้วก็ โบก โบก โบก) ตื่นเต้นมากกกกกกกก......ลาก ก. ไก่ถึงดาวพลูโต ไม่เคยต้องโบกรถมาก่อนในชีวิต นี้ครั้งแรกเลยค่าาาา าาาา ก่อนโบกต้องแต่งหน้า เติมตา ทาปากให้พร้อมทุกคน.....เว่อออออร์ (ไม่รู้เขาจะจอดหรือเขาจะกลัว อิอิ) โชคดีของพวกเราโบกคันแรกก็จอดเลยยยยยย เป็นรถกระบะวีโก้สีดำ พี่เขาเพิ่งกลับมาจากในเมือง (ขอบคุณอีกครั้งนะคะ) บ้านพี่เขาอยู่ทางจะไปพอดี ซึงเป็นทางแยกสามารถไปภูเรือได้ ลงรถคันแรกที่แยกบนถนนหมายเลข 2399 โบกเกือบทุกคันที่คิดว่าสามารถบรรทุกลูกหมู 5 ตัวได้ คนขับรถก็ใจดีจอดเกือบทุกคันที่พวกเราโบก หรือเห็นพวกเราข้างทาง จอดแม้กระทั่งมอเตอร์ไซค์ (คนเลยน่าฮักอีหลี) จนสุดท้ายได้รถของคุณครูโรงเรียนบ้านห้วยไคร้ นั่งไปจนถึงปากทางเข้าหมู่บ้าน ลงตรงปากทางเข้าบ้าน อยู่ตรงข้ามกับวัดพอดี ทันใดนั้นเองก็มีเพื่อนตาดีเห็นป้ายน้ำตก บอกจะเดินไปดูน้ำตก เดินขึ้นเขาประมาณ 4 กิโล โอ้โหหหหห.....แม่จ๋าาาาา เดินได้ 300 เมตร ถามทางคุณป้า บอกว่าถ้าจะถึงน้ำตกต้องเดินต่ออีกไกลกว่าป้าย โบกมือลาทันใด ไกลเกินไม่ไหวจริงๆ ไปไหว้พระในวัดดีกว่า คนดีพระคุ้มครองจริงๆ เดินเข้าวัดปุ๊บ คุณป้า คุณน้า คุณยาย ถามทันทีว่ามาจากไหน จะไปไหนกันต่อ กินข้าวมาหรือยัง พวกเราบอกว่ายัง ก็เอาข้าวมีไข่พะโล้ ไข่เจียว ปลาทูทอด ไข่ต้ม ลาบเนื้อ เอาขนม เอาน้ำเย็นมาให้ ระหว่างรอรถก็ถ่ายรูป หยอกหมาไป ชาวบ้านหมู่บ้านนี้น่ารักมากกกกกกกกก ประทับใจสุดๆไปเลย ไม่คิดมาก่อนว่าจะเจอกับอะไรที่น่าประทับใจและงดงามแบบนี้ เก็บเป็นความทรงจำที่ดีพับใส่ในหัวใจเลยค่ะ รอประมาณ 30 นาทีได้ รถก็ยังไม่มา เดินต่ออีกนิด ทั้งเดินทั้งบ่นให้เพื่อน จริงๆก็บ่นให้ทุกเรื่อง จนเป็นงานอดิเรกและเรื่องตลกในทริปไปแล้ว เดินไปได้ 10 ก้าว ก็โชคดีเจอรถพี่ที่จะไปหล่มสัก ผ่านภูเรือแน่นอน พี่เขาจอดรับทันที แถมยังเล่าว่าสมัยเรียนที่ก็เคยไปเที่ยวแบบพายเป้ โบกรถแบบนี้เหมือนกัน เห็นพวกเราแล้วคิดถึงสมัยเรียน พี่ใจดีส่งถึงหน้าตลาดภูเรือ (ขอบคุณพี่ใจดีนะคะ)
ถึงหน้าตลาด เถียงกันเล็กน้อย มั้ง? ว่าจะเอาไงต่อ เดินเข้าไปในตลาดหาข้อมูลที่เที่ยว แม่ค้าแนะนำปหลายที่ แถมบอกที่เหมารถเสร็จสรรพ สุดท้ายตกลงกันได้ เหมารถเที่ยว ไปเกษตรที่สูง น้ำตก (ราคารถเหมาตรงนี้เป็นราคากลางค่ะ) ทางขึ้นเกษตรที่สูงไม่ธรรมดาจริงๆ หน้านี่เหลืองเลยคะ เพื่อนในกลุ่มถึงกับต้องให้เพื่อนประคอง ดมยาตลอดเวลา พวกเราเตรียมตัวเต็มที่กับการจะเล่นน้ำตก แต่!!!!......แค่เท้าจุ่มน้ำ ร้องจ๊ากกกกกกกก หดขากลับแทบไม่ทัน น้ำเย็นมากกกกก ก็ได้แต่ถ่ายรูปห่างๆ อย่างห่วงๆ แล้วค่อยขึ้นยอดภูเรือ ก่อนขึ้นมีที่ถ่ายรูปเป็นสวนต้นคริสต์มาสหลังอำเภอ สวยงามมมมมมม มีตุ๊กตา ป้ายให้ถ่ายคู่ ตอนกลางคืนจะมีไฟเปิดคล้ายสวนเรืองแสง ถึงยอดภูเรือเกือบๆ สี่โมงเย็น อากาศหนาวเลยค่ะ เสื้อแขนยาวที่ขนมาพร้อมออกจากกระเป๋าทันที กะว่าขึ้นไปถึงจะเดินดูรอบๆ ดูสวนหิน ดูน้ำตก แต่กว่าจะหาเต็นท์ ทำเรื่องเช่าชุดนอน เช่าเตา เช่าหม้อ ขนของ ก็ค่ำพอดี ชุดนอนที่เช่ามามีเบาะ หมอนใบเล็กน่ารัก ถุงนอนให้ ผ้าคลุมเต็นท์สามารถเช่าผ้าใบเพิ่มได้ผืนละ 50 บาท (เต็นท์อื่นใช่เชือกผูกแค่นิดเดียว เต็นท์เราสองเต็นท์หมดเชือกฟางไปเป็นม้วน) สามารถประกอบอาหารได้ ก่อไฟได้เฉพาะในเตาเท่านั้น หม้อข้างบนมีให้เช่า ใบละ 50 บาท ไฟฟ้าเปิดสว่างถึงแค่ 2 ทุ่ม ข้างบนมีร้านค้าขายเกือบทุกอย่าง รวมถึงหมูกระทะ จะชาร์ตแบตต้องไปชาร์ตที่ร้านขายของ เครื่องละ 30 บาท แต่ถ้าไม่มีแดดก็ซวยไป เพราะร้านค้าใช้ไฟจากโซล่าเซลล์ พวกเราซื้อมันมาเผากับไข่มาต้มมาม่า ส่วนอย่างอื่นซื้อมาจากพื้นราบ
คลุมเต๊นท์ อาบน้ำเสร็จปุ๊บ ฝนตกทันที (เต็นท์ข้างๆน่ารักมุ้งมิ้ง ฝรั่งเต็นท์ถัดๆไปหล่อมากกกกกกกกกกกกกกกก....แต่เขามาเป็นคู๋ 555555555 ชะนีน้อยเลยได้แต่มอง) ตอนกลางคืนแบบนี้นั่งเผามัน ต้มมาม่า ปิ้งหนมปัง กับบรรยากาศฝนตก ก็ฟินไปอีกแบบ
ป.ล. พีคสุดน่าจะเป็นตอนนอน มีกลิ่นแปลกๆเกิดขึ้นถึงกับขมคอกันเลยทีเดียว 55555555 ดมช่วยๆกัน แป๊บเดียวก็หมด
#เป็นวันที่ประทับใจที่สุด
#เป็นความประทับใจที่คงหาไม่ได้อีกแล้ว
#ไม่รู้จะได้มีโอกาสทำอะไรแบบนี้อีกไหม
#เป็นทริปที่คุ้มค่า
#น้ำใจคนเลยงดงาม
#รักแล้วรักเลย
[CR] ทริปคนจนมีแต่ใจไปเที่ยวเลยแบบโง่ๆ
วันที่ 1 (15 ธันวาคม 58)
ออกเดินทางด้วยรถทัวร์ จาก บขส.ขอนแก่น เวลา 10.00 น. ตั๋วราคา 127 บาท ใช้เวลาในการเดินทาง 4 ชั่วโมง ถึง บขส.เลย วิ่งขึ้นรถสุดชีวิต จริงๆต้องทันรอบ 09.30 น. นะ แต่ไม่ทันอยู่ดี เจ็บปวดตรงเห็นรถค่อยๆเคลื่อนที่ออกจากชานชาลา แต่ไม่ทันนี่แหละ T^T (รถแวะเข้าภูกระดึงก่อน) ถึงปุ๊บแม่เพื่อนมารับจากบขส. เพื่อไปพักบ้านเพื่อน ที่ห่างจากตัวจังหวัดไปทางท่าลี่ประมาณ 20 กิโลเมตร วางกระเป๋าได้ เอารถบ้านเพื่อนออกไปเที่ยวทีนที
ไปที่อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำหมานตอนบน ไปถึงที่ปุ๊บ รถแสนรู้มากกกก ดับปั๊บ มองหน้ากัน แอบตกใจ (เพื่อนจะรู้ไหมว่าเราสวดมนต์เรียบร้อย) แต่โชคดีที่มีเพื่อนผู้ชายไปด้วย พอรู้เรื่องรถบ้าง ช่วยกันเข็นรถหลบข้างทาง เปิดเช็คกระโปรงหน้ารถ โธ่......วววววว หม้อน้ำรั่ว จอดทิ้งไว้รอให้เครื่องเย็น แล้วไปล่องแพ (แพเล็ก 5-10คน) ราคา 600 บาท กว่าเรือจะมาผูกติดแพ กว่าจะวุ่นวายกันเสร็จ คงทำเอาคุณตาคนขับปวดหัวไม่น้อย พวกเราล่องแพไปฝั่งห้วยกระทิง ตอนแรกก็ชั่งใจจะเล่น น้ำเย็นมากกกกก ถึงกับกรี๊ดสนั่นหวั่นไหว แต่ก็เล่นเหมือนเดิม นี่แหละที่เขาบอกไปกับเพื่อนรู้ใจ ทำอะไรก็สนุก ใช้เวลาในการล่องแพประมาณชั่วโมงครึ่ง บอกจอดให้เล่นน้ำได้ มีชูชีพให้ฟรี ราคาอาหารปกติ วิวสวยแวดล้อมไปด้วยภูเขา แม่ค้าพูดเพราะ คนขับเรือตามใจลูกค้า กว่าจะเล่นน้ำถ่ายรูปเสร็จ ก็เกือบหกโมงเย็นแล้ว
ในทริปนี้สิ่งที่หายากอีกอย่าง คือ คลื่นโทรศัพท์มือถือ ถ้าเจอคลื่นต้องรีบโทรหาที่บ้านทันที ตื่นเต้นยิ่งกว่าเจอโอปป้า นับว่าชีวิต slow life ขึ้นมาเยอะเลย ลงมาจากอ่างเก็บน้ำ อาบน้ำ กินข้าว เข้านอน สลบไปตามๆกัน
วันที่ 2 (16 ธันวาคม 58)
วันนี้ตื่นแต่เช้า อากาศค่อนข้างเย็น แต่กำลังดี เตรียมตัวออกเดินทางไปที่อำเภอภูเรือ เวลา 06.00 น. วางแผนว่าจะเอารถเก๋งบ้านเพื่อนไป แต่........รถเสีย 5555555 ตกลงกันใหม่ ณ วินาทีนั้น ว่างั้นเรามาโบกรถไปกันเถอะ (โบก โกบก แล้วก็ โบก โบก โบก) ตื่นเต้นมากกกกกกกก......ลาก ก. ไก่ถึงดาวพลูโต ไม่เคยต้องโบกรถมาก่อนในชีวิต นี้ครั้งแรกเลยค่าาาา าาาา ก่อนโบกต้องแต่งหน้า เติมตา ทาปากให้พร้อมทุกคน.....เว่อออออร์ (ไม่รู้เขาจะจอดหรือเขาจะกลัว อิอิ) โชคดีของพวกเราโบกคันแรกก็จอดเลยยยยยย เป็นรถกระบะวีโก้สีดำ พี่เขาเพิ่งกลับมาจากในเมือง (ขอบคุณอีกครั้งนะคะ) บ้านพี่เขาอยู่ทางจะไปพอดี ซึงเป็นทางแยกสามารถไปภูเรือได้ ลงรถคันแรกที่แยกบนถนนหมายเลข 2399 โบกเกือบทุกคันที่คิดว่าสามารถบรรทุกลูกหมู 5 ตัวได้ คนขับรถก็ใจดีจอดเกือบทุกคันที่พวกเราโบก หรือเห็นพวกเราข้างทาง จอดแม้กระทั่งมอเตอร์ไซค์ (คนเลยน่าฮักอีหลี) จนสุดท้ายได้รถของคุณครูโรงเรียนบ้านห้วยไคร้ นั่งไปจนถึงปากทางเข้าหมู่บ้าน ลงตรงปากทางเข้าบ้าน อยู่ตรงข้ามกับวัดพอดี ทันใดนั้นเองก็มีเพื่อนตาดีเห็นป้ายน้ำตก บอกจะเดินไปดูน้ำตก เดินขึ้นเขาประมาณ 4 กิโล โอ้โหหหหห.....แม่จ๋าาาาา เดินได้ 300 เมตร ถามทางคุณป้า บอกว่าถ้าจะถึงน้ำตกต้องเดินต่ออีกไกลกว่าป้าย โบกมือลาทันใด ไกลเกินไม่ไหวจริงๆ ไปไหว้พระในวัดดีกว่า คนดีพระคุ้มครองจริงๆ เดินเข้าวัดปุ๊บ คุณป้า คุณน้า คุณยาย ถามทันทีว่ามาจากไหน จะไปไหนกันต่อ กินข้าวมาหรือยัง พวกเราบอกว่ายัง ก็เอาข้าวมีไข่พะโล้ ไข่เจียว ปลาทูทอด ไข่ต้ม ลาบเนื้อ เอาขนม เอาน้ำเย็นมาให้ ระหว่างรอรถก็ถ่ายรูป หยอกหมาไป ชาวบ้านหมู่บ้านนี้น่ารักมากกกกกกกกก ประทับใจสุดๆไปเลย ไม่คิดมาก่อนว่าจะเจอกับอะไรที่น่าประทับใจและงดงามแบบนี้ เก็บเป็นความทรงจำที่ดีพับใส่ในหัวใจเลยค่ะ รอประมาณ 30 นาทีได้ รถก็ยังไม่มา เดินต่ออีกนิด ทั้งเดินทั้งบ่นให้เพื่อน จริงๆก็บ่นให้ทุกเรื่อง จนเป็นงานอดิเรกและเรื่องตลกในทริปไปแล้ว เดินไปได้ 10 ก้าว ก็โชคดีเจอรถพี่ที่จะไปหล่มสัก ผ่านภูเรือแน่นอน พี่เขาจอดรับทันที แถมยังเล่าว่าสมัยเรียนที่ก็เคยไปเที่ยวแบบพายเป้ โบกรถแบบนี้เหมือนกัน เห็นพวกเราแล้วคิดถึงสมัยเรียน พี่ใจดีส่งถึงหน้าตลาดภูเรือ (ขอบคุณพี่ใจดีนะคะ)
ถึงหน้าตลาด เถียงกันเล็กน้อย มั้ง? ว่าจะเอาไงต่อ เดินเข้าไปในตลาดหาข้อมูลที่เที่ยว แม่ค้าแนะนำปหลายที่ แถมบอกที่เหมารถเสร็จสรรพ สุดท้ายตกลงกันได้ เหมารถเที่ยว ไปเกษตรที่สูง น้ำตก (ราคารถเหมาตรงนี้เป็นราคากลางค่ะ) ทางขึ้นเกษตรที่สูงไม่ธรรมดาจริงๆ หน้านี่เหลืองเลยคะ เพื่อนในกลุ่มถึงกับต้องให้เพื่อนประคอง ดมยาตลอดเวลา พวกเราเตรียมตัวเต็มที่กับการจะเล่นน้ำตก แต่!!!!......แค่เท้าจุ่มน้ำ ร้องจ๊ากกกกกกกก หดขากลับแทบไม่ทัน น้ำเย็นมากกกกก ก็ได้แต่ถ่ายรูปห่างๆ อย่างห่วงๆ แล้วค่อยขึ้นยอดภูเรือ ก่อนขึ้นมีที่ถ่ายรูปเป็นสวนต้นคริสต์มาสหลังอำเภอ สวยงามมมมมมม มีตุ๊กตา ป้ายให้ถ่ายคู่ ตอนกลางคืนจะมีไฟเปิดคล้ายสวนเรืองแสง ถึงยอดภูเรือเกือบๆ สี่โมงเย็น อากาศหนาวเลยค่ะ เสื้อแขนยาวที่ขนมาพร้อมออกจากกระเป๋าทันที กะว่าขึ้นไปถึงจะเดินดูรอบๆ ดูสวนหิน ดูน้ำตก แต่กว่าจะหาเต็นท์ ทำเรื่องเช่าชุดนอน เช่าเตา เช่าหม้อ ขนของ ก็ค่ำพอดี ชุดนอนที่เช่ามามีเบาะ หมอนใบเล็กน่ารัก ถุงนอนให้ ผ้าคลุมเต็นท์สามารถเช่าผ้าใบเพิ่มได้ผืนละ 50 บาท (เต็นท์อื่นใช่เชือกผูกแค่นิดเดียว เต็นท์เราสองเต็นท์หมดเชือกฟางไปเป็นม้วน) สามารถประกอบอาหารได้ ก่อไฟได้เฉพาะในเตาเท่านั้น หม้อข้างบนมีให้เช่า ใบละ 50 บาท ไฟฟ้าเปิดสว่างถึงแค่ 2 ทุ่ม ข้างบนมีร้านค้าขายเกือบทุกอย่าง รวมถึงหมูกระทะ จะชาร์ตแบตต้องไปชาร์ตที่ร้านขายของ เครื่องละ 30 บาท แต่ถ้าไม่มีแดดก็ซวยไป เพราะร้านค้าใช้ไฟจากโซล่าเซลล์ พวกเราซื้อมันมาเผากับไข่มาต้มมาม่า ส่วนอย่างอื่นซื้อมาจากพื้นราบ
คลุมเต๊นท์ อาบน้ำเสร็จปุ๊บ ฝนตกทันที (เต็นท์ข้างๆน่ารักมุ้งมิ้ง ฝรั่งเต็นท์ถัดๆไปหล่อมากกกกกกกกกกกกกกกก....แต่เขามาเป็นคู๋ 555555555 ชะนีน้อยเลยได้แต่มอง) ตอนกลางคืนแบบนี้นั่งเผามัน ต้มมาม่า ปิ้งหนมปัง กับบรรยากาศฝนตก ก็ฟินไปอีกแบบ
ป.ล. พีคสุดน่าจะเป็นตอนนอน มีกลิ่นแปลกๆเกิดขึ้นถึงกับขมคอกันเลยทีเดียว 55555555 ดมช่วยๆกัน แป๊บเดียวก็หมด
#เป็นวันที่ประทับใจที่สุด
#เป็นความประทับใจที่คงหาไม่ได้อีกแล้ว
#ไม่รู้จะได้มีโอกาสทำอะไรแบบนี้อีกไหม
#เป็นทริปที่คุ้มค่า
#น้ำใจคนเลยงดงาม
#รักแล้วรักเลย