ไม่ได้ตั้งใจจะไปเที่ยวเล้ยยยยย!!!! แค่อยากกลับบ้านเกิดไปหาพ่อหาแม่ให้หายคิดถึง ตามประสาเด็กบ้านนอก ที่ออกมาตามหาความฝันในเมืองกรุงเอ้งงงงงงง ความจริงคือเหนื่อยกับชีวิตมาก อยากไปพักกายพักใจ ให้หายเหนื่อยสักหน่อย
คือเราวางแผนว่าต้นเดือนธันวาคม เป็นช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์ยาวหลายวัน เลยว่าจะลาพักร้อนไปชาร์จแบตที่บ้านเกิดดีกว่า คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่ พี่ๆ และหลานๆ มากมาย เราจากบ้านมาเรียนที่ จ.ชลบุรี ตั้งแต่ ม.ปลาย แล้วก็ต่อมหาลัยที่ กทม. พอเรียนจบก็ทำงานต่อเลย ปีนึงจะมีโอกาสกลับบ้านต่างจังหวัดก็ประมาณ 2 ครั้ง
เวลาโทรคุยกับที่บ้านทุกครั้ง ก็มักจะได้ยินคำถามว่า “เมื่อไหร่จะกลับบ้าน” ซึ่งปีนี้ ชีวิตเราค่อนข้างยุ่ง เพราะปกติเราจะเดินทางเพื่อท่องเที่ยว จะมีทริปแทบทุกเดือน แต่...ทั้งทำงานด้วย ติดเรียนป.โทด้วย เลยไปไหนลำบากนิดนึง เงินก็หมดไปกับการลงทุนเรื่องการเรียนสะเยอะ เลยหยุดเที่ยวมาสักพักแล้ว และเป็นช่วงที่กำลังจะเรียนจบ อัดทั้งรายงาน และการอ่านหนังสือสอบ ตอนนี้ผลสอบประมวลความรู้ก็ออกหมดแล้ว สอบซ่อมไปแล้ว อ่านหนังสือสาหัสมาก เหนื่อยมาก และเครียดมาก เลยคิดว่าต้องไปชาร์จแบตให้ร่างกายสักหน่อย จะได้มีแรงมาสู้ชีวิตใน กทม. กันต่อไป
*** แผนการท่องเที่ยวของเรา ***
ด้วยงบประมาณที่มีอย่างจำกัด และเราไม่สามารถจองตั๋วเครื่องบินในราคาโปรโมชั่นแบบล่วงหน้าได้ เพราะเราต้องรอให้ผลสอบประมวลออกก่อนว่าเราสอบผ่านมั้ย เพราะถ้าเราสอบตกนั่นหมายความว่า เราต้องเอาวันพักร้อนที่เหลือลางานเพื่อไปสอบซ่อมนั่นเอง พอตารางสอบออกว่าต้องสอบซ่อมวันไหน แต่ผลสอบยังไม่ออก ถึงจะช้าไปหน่อย (ก็รอลุ้นกันไป) แต่เราก็จัดการกับชีวิตเราได้แล้ว แผนการเดินทางก็เริ่มตั้งแต่ จะเดินทางอย่างไรดีล่ะ เครื่องบิน รถทัวร์ รถไฟ อันไหนดี บวกกับเป็นวันหยุดยาว คงจะมีคนลางานยาวแบบเราเยอะพอสมควร เรานั่งส่องเว็บเช็คราคาสายการบินที่ไปสุราษฎร์ธานีทุกวัน จิ้มไปจิ้มมา เจอของนกแอร์ ไปกลับในราคา 1,895 บาท คือรวมทุกอย่าง เราเลือกที่นั่งได้ฟรี เราได้สแน็คฟรี เราได้โหลดกระเป๋าฟรี 15 กก.ซึ่งสายการบินอื่นๆ 2,500 up แต่สุดท้ายเราติดสอบซ่อมอีก 1 วิชา แงๆๆๆๆๆๆๆๆ ต้องยกเลิกเที่ยวบินขาไป แล้วเดินทางด้วยรถไฟแทน และจองตั๋วล่วงหน้าไม่ได้ สอบเสร็จเราก็รีบโทรถามที่นั่งว่างทันที แล้วก็เดินทางไปลุ้นเอาเองที่หัวลำโพงอีกที ในที่สุดก็ได้ตั๋วมาครอบครอง เราขอจนท.ขายตั๋วว่าขอนั่งริมหน้าต่าง เค้าก็จัดให้ค่ะ มีผ้าห่ม น้ำดื่มและสแน็คไว้บริการด้วยค่ะ เราเตรียมหมอนใบเล็กใส่เป้ไปด้วย สรุปได้นั่งคนเดียวจนถึงสุราษฎร์ธานี นอนสบายใจเลย

บรรยากาศภายในสถานีรถไฟหัวลำโพง
บรรยากาศภายในรถไฟ
*** อีกไม่นานก็เช้า...ถึงแล้วสุราษฎร์ธานี ***
เดินถ่ายรูปเสร็จ เราก็แวะตลาดสดซื้อกับข้าวกลับบ้าน คนที่นั่นเค้าเรียกกันว่าตลาดเช้า หรือ ตลาดล่าง เดินข้ามสะพานจากสถานีรถไฟไปอีกฝั่ง แล้วเลี้ยวขวา เดินเลียบซอยไปเรื่อยๆ ของกินเพียบ แล้วก็เดินย้อนกลับมาขึ้นรถสองแถวกลับบ้าน คือเรากลับบ้านแบบไม่ได้บอกใคร โทรหาแม่ตอนซื้อกับข้าวเนี่ยแหละว่าจะกินอะไรกันมั้ยอยู่ที่ตลาด แม่ร้อง อ้าวววววววววว!!!!!! มาเมื่อไหร่ ทำไมไม่บอกก่อน แล้วจะมาบ้านยังงัย 555555555 แหม่!!!! บอกแม่ว่าลงรถเมล์ละเดินเข้าบ้านเองก็ได้ ไม่ต้องออกมารับ อยู่กรุงเทพเดินจนชินล้าววววว พอถึงบ้านเราก็พักผ่อนตามอัธยาศัย Zzzzzzz...
จุดหมายปลางทางครั้งนี้ เราตั้งใจว่า จะไปเที่ยวสะพานแขวนเขาพัง ที่ อ.บ้านตาขุน แล้วก็ไป One Day Trip ที่เขื่อนเชียวหลาน เรานั่งหาข้อมูลราคาทัวร์เพื่อล่องเรือ และ เส้นทางไปเขาพัง ก็จะได้ข้อมูลคร่าวๆ ตามนี้เลยค่ะ
*** การเดินทางไปเขื่อนเชี่ยวหลาน ***
วิธีแรก
นั่งรถไฟจากหัวลำโพง > สถานีสุราษฎร์ธานี > ต่อรถบัส บขส. สุราษฎร์-ภูเก็ต หรือรถตู้ หน้าสถานีรถไฟ > รถบัสลงที่หน้าตลาดตาขุนต้องต่อรถเข้าไปท่าเรือเอง ส่วนรถตู้ขับไปส่งที่ท่าเรือในเขื่อนค่ะ
วิธีที่สอง
สนามบินดอนเมือง > สนามบินสุราษฎร์ธานี > ต่อรถเข้าเมือง อ. พุนพิน แล้วไปต่อรถบัส บขส. หรือ รถตู้ที่สามแยกหนองขรี หรืออาจจะแจ้งรถตู้ให้มารับที่สนามบิน อันนี้ต้องต่อรองดูค่ะ
ส่วนวิธีการเดินทางทริปของเราตามนี้เลย
นั่งรถไฟจากหัวลำโพง > สถานีสุราษฎร์ธานี (นอนบ้านหนึ่งคืน) > ให้พี่สาวขับรถมาส่งที่สามแยกหนองขรี ซื้อตั๋วรสบัส บขส. สุราษฎร์-ภูเก็ต > ลงหน้าตลาดตาขุน > ให้เพื่อน (บ้านอยู่หน้าเขื่อน)ขับรถเข้าไปส่งที่ท่าเรือ
ทริปเราอาจจะเหมาะกับคนที่ต้องการที่เที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ค่ะ เพราะขณะที่อยู่ในเขื่อนนั้น จะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ที่พักเป็นห้องน้ำรวมและเปิดปิดไฟเป็นเวลา ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ เราเดินทางจากกรุงเทพมาคนเดียว แต่นัดเจอกับเพื่อนที่สุราษฎร์ฯ ไปกัน 2 คน ซื้อทริป 2 วัน 1 คืน กับแพของอุทยาน พักแพเพลินไพร ซึ่งเป็นแพของอุทยาน เพื่อนๆ สามารถวางแผนการท่องเที่ยว เขื่อนเชี่ยวหลาน 2 วัน 1 คืน โดยให้ทัวร์มารับที่สนามบินสุราษฎร์ธานีเลยก็ได้ค่ะ แต่ทางทัวร์จะบวกค่ารถรับส่งเพิ่มไปอีกจากราคาทัวร์ สำหรับคนที่ลุยๆ อยากจะไปหาความมันส์ และประสบการณ์เอาข้างหน้า เราแนะนำว่าโบกรถฟรีจากคนที่ไปรับญาติที่ลงเครื่องในสนามบินเพื่อมาลงที่สามแยกหนองขรี แล้วมารอรถตู้ไปอ.บ้านตาขุน ซึ่งผ่านทางเข้าเขื่อนด้วย หรือจะลุ้นโบกรถฟรีก็ได้ค่ะ ดีไม่ดีอาจจะได้นั่งรถฟรีจากสนามบินมาที่ทางเข้าเขื่อนเลยด้วยค่ะ สุราษฎร์ธานีเมืองคนดีและมีน้ำใจน๊าา 5555 วิธีนี้เราเองก็ยังไม่เคยลอง แต่ถ้าไปกันหลายคนขอรับประกันว่าสนุกแน่นอนค่ะ
*** เขื่อนรัชชประภา ***
เขื่อนรัชชประภา มีชื่อเรียกดั้งเดิมว่า เขื่อนเชี่ยวหลาน เป็นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งที่สองของภาคใต้ อยู่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อก่อนสร้างแล้วเสร็จได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัว พระราชทานนามให้ใหม่ว่า “เขื่อนรัชชประภา” มีความหมายว่า “แสงสว่างแห่งราชอาณาจักร”
เขื่อนรัชชประภา สร้างปิดกั้นลำน้ำคลองแสง ที่บ้านเชี่ยวหลาน ตำบลเขาพัง อำเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฎร์ธานีโดยพื้นที่ส่วนใหญ่ติดอุทยานแห่งชาติเขาสกเกือบทั้งหมด เป็นเขื่อนหินถมแกนดินเหนียว สูง 94 เมตร ความยาวสันเขื่อน 761 เมตร และมีเขื่อนปิดกั้นช่องเขาขาดอีก 5 แห่ง มีความจุ 5,638.8 ล้านลูกบาศก์เมตร พื้นที่อ่างเก็บน้ำ 185 ตารางกิโลเมตร ปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเฉลี่ยปีละ 3,057 ล้านลูกบาศก์เมตร ติดตั้งเครื่องผลิตไฟฟ้า เครื่องละ 80,000 กิโลวัตต์ จำนวน 3 เครื่อง รวมกำลัง การผลิต 240,000 กิโลวัตต์ ให้พลังงานไฟฟ้าเฉลี่ยปีละประมาณ 554 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง
เขื่อนรัชชประภา เริ่มดำเนินการก่อสร้าง เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2525 แล้วเสร็จในเดือนกันยายน2530 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินเปิดเขื่อนรัชชประภา และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ เมื่อวันพุธที่ 30 กันยายน 2530 แต่เดิมนั้นสามารถเดินทางได้โดยจาก อำเภอพนม แต่เนื่องจากเส้นทางดังกล่าวมีความสลับซับซ้อนประกอบด้วยเหวจำนวนมากเส้นทาง ดังกล่าวจึงต้องปิดตัวลงโดยปัจจุบันสามรถเดินทางโดยผ่านอำเภอบ้านตาขุน เขื่อนรัชชประภา เป็นโครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่สำคัญแห่งหนึ่งในภาคใต้ ที่สร้างความมั่นคงให้แก่ระบบไฟฟ้า และความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศชาติ นอกจากนี้ยังเป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ ในปี พ.ศ. 2530 และพระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก ในปี พ.ศ. 2531
ประโยชน์
• การชลประทานเพื่อการเพาะปลูก ปริมาณน้ำที่ปล่อยจากเขื่อนให้ประโยชน์ต่อการเพาะปลูกพืช บริเวณสองฝั่งแม่น้ำในตอนล่าง เป็นผลให้พื้นที่ประมาณ 100,000 ไร่ ในเขตท้องที่ตำบลตาขุน อำเภอคีรีรัฐนิคม และอำเภอพุนพิน สามารถทำนาปรัง และปลูกพืชในฤดูแล้งได้ผลดี
• บรรเทาอุทกภัย การกักเก็บน้ำของเขื่อนในฤดูฝน จะช่วยลดความรุนแรงของสภาวะน้ำท่วมในพื้นที่ตอนล่างได้เป็นอย่างดี
• การประมง อ่างเก็บน้ำของเขื่อนรัชชประภาเป็นแหล่งประมงน้ำจืดที่สำคัญ ทุกๆ ปี การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้ปล่อยพันธุ์ปลาและกุ้งเป็นจำนวนมากลงไปในอ่างเก็บน้ำ สามารถให้ผลผลิตทางด้านการประมงเฉลี่ยปีละ 300 ตัน ซึ่งเป็นการส่งเสริมรายได้ให้กับราษฎรในพื้นที่ได้อีกทางหนึ่ง
• การท่องเที่ยว ทัศนียภาพโดยรอบบริเวณเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ สวยสดงดงาม และสงบร่มรื่น เหมาะแก่การไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ และสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวปีละกว่า 70,000 คน ให้เดินทางมาเยี่ยมชมเขื่อนรัชชประภา พื้นที่อ่างเก็บน้ำมีทัศนียภาพอันงดงาม ประกอบด้วยยอดเขาหินปูนที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมามากมาย จนได้รับฉายาว่า "กุ้ยหลินเมืองไทย" ซึ่งพื้นที่น้ำเกือบทั้งหมด อยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติเขาสก (เว้นเพียงพื้นที่น้ำในเขตทุ่นลอย อันได้แก่ รอบพระตำหนักเรือนรับรองที่ประทับ หน้าช่องระบายน้ำ และตลอดแนวสันเขื่อน อยู่ในความรับผิดชอบของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย)
• การผลิตไฟฟ้า พลังน้ำจากเขื่อนสามารถนำมาผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ปีละ 315 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง ช่วยเสริมระบบไฟฟ้าในภาคใต้ให้มั่นคงยิ่งขึ้น นอกจากนี้น้ำที่ปล่อยผ่านเครื่องผลิตไฟฟ้า ยังส่งต่อเพื่อใช้ประโยชน์ในด้านเกษตรกรรม บริเวณพื้นที่ท้ายน้ำอีกด้วย
• แก้ไขน้ำเสียและผลักดันน้ำเค็ม สภาพน้ำที่มีบปริมาณน้อยของลำน้ำพุมดวง-ตาปี ในฤดูแล้ง ทำให้เกิดภาวะน้ำเน่าเสียได้ง่าย ขณะเดียวกันบริเวณปากแม่น้ำจะมีน้ำเค็มรุมล้ำเข้ามาตามลำน้ำ น้ำที่ปล่อยจากเขื่อนรัชชประภาจะช่วยเจือจางน้ำเสียในลำน้ำ และต้านทานการรุกล้ำของน้ำเค็มที่ปากแม่น้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขอบคุณที่มา :
https://th.wikipedia.org/wiki/เขื่อนรัชชประภา
ต้นประดู่แดง บริเวณศาลาประภาภิรมย์ ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงปลูกเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2531 เนื่องในการเปิดใช้งานโรงไฟฟ้าเขื่อนรัชชประภา
[CR] [CR] ขอไปชาร์จแบตแพร้พ #slowlife @ เ ขื่ อ น เ ชี่ ย ว ห ล า น + ส ะ พ า น แ ข ว น เ ข า พั ง จ.สุราษฎร์ธานี
ไม่ได้ตั้งใจจะไปเที่ยวเล้ยยยยย!!!! แค่อยากกลับบ้านเกิดไปหาพ่อหาแม่ให้หายคิดถึง ตามประสาเด็กบ้านนอก ที่ออกมาตามหาความฝันในเมืองกรุงเอ้งงงงงงง ความจริงคือเหนื่อยกับชีวิตมาก อยากไปพักกายพักใจ ให้หายเหนื่อยสักหน่อย
คือเราวางแผนว่าต้นเดือนธันวาคม เป็นช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์ยาวหลายวัน เลยว่าจะลาพักร้อนไปชาร์จแบตที่บ้านเกิดดีกว่า คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่ พี่ๆ และหลานๆ มากมาย เราจากบ้านมาเรียนที่ จ.ชลบุรี ตั้งแต่ ม.ปลาย แล้วก็ต่อมหาลัยที่ กทม. พอเรียนจบก็ทำงานต่อเลย ปีนึงจะมีโอกาสกลับบ้านต่างจังหวัดก็ประมาณ 2 ครั้ง
เวลาโทรคุยกับที่บ้านทุกครั้ง ก็มักจะได้ยินคำถามว่า “เมื่อไหร่จะกลับบ้าน” ซึ่งปีนี้ ชีวิตเราค่อนข้างยุ่ง เพราะปกติเราจะเดินทางเพื่อท่องเที่ยว จะมีทริปแทบทุกเดือน แต่...ทั้งทำงานด้วย ติดเรียนป.โทด้วย เลยไปไหนลำบากนิดนึง เงินก็หมดไปกับการลงทุนเรื่องการเรียนสะเยอะ เลยหยุดเที่ยวมาสักพักแล้ว และเป็นช่วงที่กำลังจะเรียนจบ อัดทั้งรายงาน และการอ่านหนังสือสอบ ตอนนี้ผลสอบประมวลความรู้ก็ออกหมดแล้ว สอบซ่อมไปแล้ว อ่านหนังสือสาหัสมาก เหนื่อยมาก และเครียดมาก เลยคิดว่าต้องไปชาร์จแบตให้ร่างกายสักหน่อย จะได้มีแรงมาสู้ชีวิตใน กทม. กันต่อไป
ด้วยงบประมาณที่มีอย่างจำกัด และเราไม่สามารถจองตั๋วเครื่องบินในราคาโปรโมชั่นแบบล่วงหน้าได้ เพราะเราต้องรอให้ผลสอบประมวลออกก่อนว่าเราสอบผ่านมั้ย เพราะถ้าเราสอบตกนั่นหมายความว่า เราต้องเอาวันพักร้อนที่เหลือลางานเพื่อไปสอบซ่อมนั่นเอง พอตารางสอบออกว่าต้องสอบซ่อมวันไหน แต่ผลสอบยังไม่ออก ถึงจะช้าไปหน่อย (ก็รอลุ้นกันไป) แต่เราก็จัดการกับชีวิตเราได้แล้ว แผนการเดินทางก็เริ่มตั้งแต่ จะเดินทางอย่างไรดีล่ะ เครื่องบิน รถทัวร์ รถไฟ อันไหนดี บวกกับเป็นวันหยุดยาว คงจะมีคนลางานยาวแบบเราเยอะพอสมควร เรานั่งส่องเว็บเช็คราคาสายการบินที่ไปสุราษฎร์ธานีทุกวัน จิ้มไปจิ้มมา เจอของนกแอร์ ไปกลับในราคา 1,895 บาท คือรวมทุกอย่าง เราเลือกที่นั่งได้ฟรี เราได้สแน็คฟรี เราได้โหลดกระเป๋าฟรี 15 กก.ซึ่งสายการบินอื่นๆ 2,500 up แต่สุดท้ายเราติดสอบซ่อมอีก 1 วิชา แงๆๆๆๆๆๆๆๆ ต้องยกเลิกเที่ยวบินขาไป แล้วเดินทางด้วยรถไฟแทน และจองตั๋วล่วงหน้าไม่ได้ สอบเสร็จเราก็รีบโทรถามที่นั่งว่างทันที แล้วก็เดินทางไปลุ้นเอาเองที่หัวลำโพงอีกที ในที่สุดก็ได้ตั๋วมาครอบครอง เราขอจนท.ขายตั๋วว่าขอนั่งริมหน้าต่าง เค้าก็จัดให้ค่ะ มีผ้าห่ม น้ำดื่มและสแน็คไว้บริการด้วยค่ะ เราเตรียมหมอนใบเล็กใส่เป้ไปด้วย สรุปได้นั่งคนเดียวจนถึงสุราษฎร์ธานี นอนสบายใจเลย
เดินถ่ายรูปเสร็จ เราก็แวะตลาดสดซื้อกับข้าวกลับบ้าน คนที่นั่นเค้าเรียกกันว่าตลาดเช้า หรือ ตลาดล่าง เดินข้ามสะพานจากสถานีรถไฟไปอีกฝั่ง แล้วเลี้ยวขวา เดินเลียบซอยไปเรื่อยๆ ของกินเพียบ แล้วก็เดินย้อนกลับมาขึ้นรถสองแถวกลับบ้าน คือเรากลับบ้านแบบไม่ได้บอกใคร โทรหาแม่ตอนซื้อกับข้าวเนี่ยแหละว่าจะกินอะไรกันมั้ยอยู่ที่ตลาด แม่ร้อง อ้าวววววววววว!!!!!! มาเมื่อไหร่ ทำไมไม่บอกก่อน แล้วจะมาบ้านยังงัย 555555555 แหม่!!!! บอกแม่ว่าลงรถเมล์ละเดินเข้าบ้านเองก็ได้ ไม่ต้องออกมารับ อยู่กรุงเทพเดินจนชินล้าววววว พอถึงบ้านเราก็พักผ่อนตามอัธยาศัย Zzzzzzz...
จุดหมายปลางทางครั้งนี้ เราตั้งใจว่า จะไปเที่ยวสะพานแขวนเขาพัง ที่ อ.บ้านตาขุน แล้วก็ไป One Day Trip ที่เขื่อนเชียวหลาน เรานั่งหาข้อมูลราคาทัวร์เพื่อล่องเรือ และ เส้นทางไปเขาพัง ก็จะได้ข้อมูลคร่าวๆ ตามนี้เลยค่ะ
วิธีแรก
นั่งรถไฟจากหัวลำโพง > สถานีสุราษฎร์ธานี > ต่อรถบัส บขส. สุราษฎร์-ภูเก็ต หรือรถตู้ หน้าสถานีรถไฟ > รถบัสลงที่หน้าตลาดตาขุนต้องต่อรถเข้าไปท่าเรือเอง ส่วนรถตู้ขับไปส่งที่ท่าเรือในเขื่อนค่ะ
วิธีที่สอง
สนามบินดอนเมือง > สนามบินสุราษฎร์ธานี > ต่อรถเข้าเมือง อ. พุนพิน แล้วไปต่อรถบัส บขส. หรือ รถตู้ที่สามแยกหนองขรี หรืออาจจะแจ้งรถตู้ให้มารับที่สนามบิน อันนี้ต้องต่อรองดูค่ะ
ส่วนวิธีการเดินทางทริปของเราตามนี้เลย
นั่งรถไฟจากหัวลำโพง > สถานีสุราษฎร์ธานี (นอนบ้านหนึ่งคืน) > ให้พี่สาวขับรถมาส่งที่สามแยกหนองขรี ซื้อตั๋วรสบัส บขส. สุราษฎร์-ภูเก็ต > ลงหน้าตลาดตาขุน > ให้เพื่อน (บ้านอยู่หน้าเขื่อน)ขับรถเข้าไปส่งที่ท่าเรือ
ทริปเราอาจจะเหมาะกับคนที่ต้องการที่เที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ค่ะ เพราะขณะที่อยู่ในเขื่อนนั้น จะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ที่พักเป็นห้องน้ำรวมและเปิดปิดไฟเป็นเวลา ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ เราเดินทางจากกรุงเทพมาคนเดียว แต่นัดเจอกับเพื่อนที่สุราษฎร์ฯ ไปกัน 2 คน ซื้อทริป 2 วัน 1 คืน กับแพของอุทยาน พักแพเพลินไพร ซึ่งเป็นแพของอุทยาน เพื่อนๆ สามารถวางแผนการท่องเที่ยว เขื่อนเชี่ยวหลาน 2 วัน 1 คืน โดยให้ทัวร์มารับที่สนามบินสุราษฎร์ธานีเลยก็ได้ค่ะ แต่ทางทัวร์จะบวกค่ารถรับส่งเพิ่มไปอีกจากราคาทัวร์ สำหรับคนที่ลุยๆ อยากจะไปหาความมันส์ และประสบการณ์เอาข้างหน้า เราแนะนำว่าโบกรถฟรีจากคนที่ไปรับญาติที่ลงเครื่องในสนามบินเพื่อมาลงที่สามแยกหนองขรี แล้วมารอรถตู้ไปอ.บ้านตาขุน ซึ่งผ่านทางเข้าเขื่อนด้วย หรือจะลุ้นโบกรถฟรีก็ได้ค่ะ ดีไม่ดีอาจจะได้นั่งรถฟรีจากสนามบินมาที่ทางเข้าเขื่อนเลยด้วยค่ะ สุราษฎร์ธานีเมืองคนดีและมีน้ำใจน๊าา 5555 วิธีนี้เราเองก็ยังไม่เคยลอง แต่ถ้าไปกันหลายคนขอรับประกันว่าสนุกแน่นอนค่ะ
เขื่อนรัชชประภา มีชื่อเรียกดั้งเดิมว่า เขื่อนเชี่ยวหลาน เป็นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งที่สองของภาคใต้ อยู่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อก่อนสร้างแล้วเสร็จได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัว พระราชทานนามให้ใหม่ว่า “เขื่อนรัชชประภา” มีความหมายว่า “แสงสว่างแห่งราชอาณาจักร”
เขื่อนรัชชประภา สร้างปิดกั้นลำน้ำคลองแสง ที่บ้านเชี่ยวหลาน ตำบลเขาพัง อำเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฎร์ธานีโดยพื้นที่ส่วนใหญ่ติดอุทยานแห่งชาติเขาสกเกือบทั้งหมด เป็นเขื่อนหินถมแกนดินเหนียว สูง 94 เมตร ความยาวสันเขื่อน 761 เมตร และมีเขื่อนปิดกั้นช่องเขาขาดอีก 5 แห่ง มีความจุ 5,638.8 ล้านลูกบาศก์เมตร พื้นที่อ่างเก็บน้ำ 185 ตารางกิโลเมตร ปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเฉลี่ยปีละ 3,057 ล้านลูกบาศก์เมตร ติดตั้งเครื่องผลิตไฟฟ้า เครื่องละ 80,000 กิโลวัตต์ จำนวน 3 เครื่อง รวมกำลัง การผลิต 240,000 กิโลวัตต์ ให้พลังงานไฟฟ้าเฉลี่ยปีละประมาณ 554 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง
เขื่อนรัชชประภา เริ่มดำเนินการก่อสร้าง เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2525 แล้วเสร็จในเดือนกันยายน2530 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินเปิดเขื่อนรัชชประภา และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ เมื่อวันพุธที่ 30 กันยายน 2530 แต่เดิมนั้นสามารถเดินทางได้โดยจาก อำเภอพนม แต่เนื่องจากเส้นทางดังกล่าวมีความสลับซับซ้อนประกอบด้วยเหวจำนวนมากเส้นทาง ดังกล่าวจึงต้องปิดตัวลงโดยปัจจุบันสามรถเดินทางโดยผ่านอำเภอบ้านตาขุน เขื่อนรัชชประภา เป็นโครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่สำคัญแห่งหนึ่งในภาคใต้ ที่สร้างความมั่นคงให้แก่ระบบไฟฟ้า และความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศชาติ นอกจากนี้ยังเป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ ในปี พ.ศ. 2530 และพระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก ในปี พ.ศ. 2531
ประโยชน์
• การชลประทานเพื่อการเพาะปลูก ปริมาณน้ำที่ปล่อยจากเขื่อนให้ประโยชน์ต่อการเพาะปลูกพืช บริเวณสองฝั่งแม่น้ำในตอนล่าง เป็นผลให้พื้นที่ประมาณ 100,000 ไร่ ในเขตท้องที่ตำบลตาขุน อำเภอคีรีรัฐนิคม และอำเภอพุนพิน สามารถทำนาปรัง และปลูกพืชในฤดูแล้งได้ผลดี
• บรรเทาอุทกภัย การกักเก็บน้ำของเขื่อนในฤดูฝน จะช่วยลดความรุนแรงของสภาวะน้ำท่วมในพื้นที่ตอนล่างได้เป็นอย่างดี
• การประมง อ่างเก็บน้ำของเขื่อนรัชชประภาเป็นแหล่งประมงน้ำจืดที่สำคัญ ทุกๆ ปี การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้ปล่อยพันธุ์ปลาและกุ้งเป็นจำนวนมากลงไปในอ่างเก็บน้ำ สามารถให้ผลผลิตทางด้านการประมงเฉลี่ยปีละ 300 ตัน ซึ่งเป็นการส่งเสริมรายได้ให้กับราษฎรในพื้นที่ได้อีกทางหนึ่ง
• การท่องเที่ยว ทัศนียภาพโดยรอบบริเวณเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ สวยสดงดงาม และสงบร่มรื่น เหมาะแก่การไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ และสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวปีละกว่า 70,000 คน ให้เดินทางมาเยี่ยมชมเขื่อนรัชชประภา พื้นที่อ่างเก็บน้ำมีทัศนียภาพอันงดงาม ประกอบด้วยยอดเขาหินปูนที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมามากมาย จนได้รับฉายาว่า "กุ้ยหลินเมืองไทย" ซึ่งพื้นที่น้ำเกือบทั้งหมด อยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติเขาสก (เว้นเพียงพื้นที่น้ำในเขตทุ่นลอย อันได้แก่ รอบพระตำหนักเรือนรับรองที่ประทับ หน้าช่องระบายน้ำ และตลอดแนวสันเขื่อน อยู่ในความรับผิดชอบของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย)
• การผลิตไฟฟ้า พลังน้ำจากเขื่อนสามารถนำมาผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ปีละ 315 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง ช่วยเสริมระบบไฟฟ้าในภาคใต้ให้มั่นคงยิ่งขึ้น นอกจากนี้น้ำที่ปล่อยผ่านเครื่องผลิตไฟฟ้า ยังส่งต่อเพื่อใช้ประโยชน์ในด้านเกษตรกรรม บริเวณพื้นที่ท้ายน้ำอีกด้วย
• แก้ไขน้ำเสียและผลักดันน้ำเค็ม สภาพน้ำที่มีบปริมาณน้อยของลำน้ำพุมดวง-ตาปี ในฤดูแล้ง ทำให้เกิดภาวะน้ำเน่าเสียได้ง่าย ขณะเดียวกันบริเวณปากแม่น้ำจะมีน้ำเค็มรุมล้ำเข้ามาตามลำน้ำ น้ำที่ปล่อยจากเขื่อนรัชชประภาจะช่วยเจือจางน้ำเสียในลำน้ำ และต้านทานการรุกล้ำของน้ำเค็มที่ปากแม่น้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขอบคุณที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/เขื่อนรัชชประภา
ต้นประดู่แดง บริเวณศาลาประภาภิรมย์ ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงปลูกเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2531 เนื่องในการเปิดใช้งานโรงไฟฟ้าเขื่อนรัชชประภา
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น