ดราม่า อย. เครื่องดื่มในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท (วิทยาทานสำหรับนักธุรกิจรายใหม่หรือในอนาคต)

ตอนนี้จขกท.เลิกดราม่าแล้วค่า ฮี่ๆๆๆๆๆ
เรื่องราวตอนจบติดตามได้ข้างล่างค่า
*******ตอนนี้กำลังจะเขียนรีวิววิธีการขออย.ทั้งหมดอยู่ค่ะ*********
เพื่อเป็นวิทยาทานที่แท้จริง
เดี๋ยวจะมาแปะกระทู้ให้นะคะ ตอนนี้ขอเวลาเรียบเรียงข้อมูลแพร๊พพพพ
^^

จขกท.กำลังจะขายน้ำผลไม้บรรจุขวดค่ะ กำลังเข้าสู่กระบวนการขอ อย.
เลยได้เข้าไปพูดคุยขอคำปรึกษากับสสจ.ของจังหวัดมาเรียบร้อย
ทางสสจ.เค้าบอกว่า ให้จขกท.มาอ่านคู่มือ
"การกำกับดูแลผลิตภัณฑ์อาหารแนวใหม่ (Re-process) : 7 ประเภท"
อาหาร 7 ประเภทที่ว่านี้คือ
1.นมโค
2.นมปรุงแต่ง
3.ผลิตภัณฑ์ของนม
4.นมเปรี้ยว
5.ไอศกรีม
6.อาหารในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท
7.เครื่องดื่มในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท
ถ้าใครมีผลิตภัณฑ์เหล่านี้ในมือและต้องการจะขอ อย.แล้วนั้น ก็อย่าเพิ่งปิดกระทู้หนีนะคะ

อันที่จริงมีคู่มือที่เป็นหนังสือเลยค่ะ แต่จขกท.หาลิงค์ไม่เจอแล้ว
มีแต่ลิงค์ที่เป็นไฟล์นำเสนอ power point  
http://iodinethailand.fda.moph.go.th/food_54/data/news/2557/570110%20PPT.pdf

ในส่วนของจขกท.เองต้องปฏิบัติตามในPower point สไลด์ที่ 46

ไม่รอช้าก็จัดการศึกษาประกาศกระทรวงต่างๆและเตรียมเอกสารที่จำเป็น
ซึ่งลิสต์ของเอกสารที่จขกท.ต้องมีนั้น มีดังนี้ค่ะ

1.แบบ สบ.5  จำนวน 2 ฉบับ
2.ใบอนุญาตผลิตอาหาร (อ.2) อันนี้ จขกท.ได้มาเรียบร้อยแล้วค่ะ
3.ข้อมูลผู้ติดต่อและสถานประกอบการ
4.แบบ สบ.5-1 จำนวน 2 ฉบับ
5.แบบ สบ.5-2  (ในกรณีที่มีวัตถุเจือปนอาหาร จำพวกสีและกลิ่นสังเคราะห์ วัตถุกันเสีย)
[ถ้าใครต้องการดาวน์โหลดเอกสารเหล่านี้ เข้าลิงค์นี้เลยค่ะ http://iodinethailand.fda.moph.go.th/food_54/downloadForm.php]

ในPower point จะมีตัวอย่างในการกรอกเอกสารอยู่ค่ะ ตั้งแต่สไลด์ที่ 51-67
เหมือนจะไม่ยากใช่มั้ยคะ


************งานจะเริ่มเข้าตั้งแต่บัดนี้ค่ะ*****************

ในสไลด์ที่ 55 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเอกสาร ข้อมูลผู้มาติดต่อและสถานประกอบการ



จะเห็นได้ว่าผู้ที่มาติดต่อหรือผู้ที่ต้องการจะขอ อย.นั้น
จะต้องเป็นผู้ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรต่างๆ
โดยผู้ประกอบการทุกคนต้องผ่านการอบรมหลักสูตรกฎหมายอาหารและการขออนุญาต
จึงจะสามารถอบรมหลักสูตรอื่นๆถัดมาได้ตามความต้องการของสถานประกอบการนั้นๆ

จขกท.ก็โอเคคคคคคคคคคค ต้องอบรมใช่มั้ยคะ ได้ค่ะ
ไหนนนนนนนนนนนน
ไปดูตารางอบรมซิ
อ้อออออออออออออ นี่ไงงงงงงง  ตารางอบรม http://iodinethailand.fda.moph.go.th/food_54/data/news/2558/581103_train.pdf



มีไปแล้วนี่นาาาาาา ปี 58 ไม่เป็นไรค่ะ
รอปี 59 ได้   เอออออออออออออ ว่าแต่ จะมีเมื่อไหร่นาาาาาาาาาาาาาาาาา
โทรไปถามเค้าดูดีกว่าาาาาาาาาา
จขกท.ก็โทรไปถามค่ะ สรุปเจ้าหน้าที่เค้าบอกว่า   มีอีกทีประมาณกลางปีหน้า
จขกท.ก็ถามอีก หลักสูตรกฎหมายอาหารและการขออนุญาต  ผู้ประกอบการทุกรายที่จะขอ อย. ต้องอบรมใช่มั้ยคะ ไม่ทราบว่าเปิดปีละกี่ครั้งคะ
เจ้าหน้าที่ตอบมาว่า  ปีละ 2 ครั้งค่ะ

มาถึงตรงนี้จขกท.เลยมานั่งอ่านและทำความเข้าใจกระบวนงานนี้ใหม่อีกรอบ
ปรากฏว่าผู้ประกอบการรายใหม่ที่ต้องการจะขอ อย.อาหาร 7 ประเภทข้างต้นต้องผ่านการอบรมนี้จริงๆค่ะ
โดยเมื่ออบรมผ่านหลักสูตรนี้แล้ว จะสามารถประเมินผลิตภัณฑ์อาหารด้วยตนเองได้
เมื่อทำการประเมิน และได้เลขสารบบอาหาร (เลขอย.) มาแล้ว
จึงนำผลิตภัณฑ์ที่จะจำหน่ายออกสู่ตลาด"ล็อต"แรก
ไปส่งตรวจวิเคราะห์คุณภาพด้วยหน่วยงานของรัฐที่ทางอย.รับรอง

พอมาถึงตรงนี้ จขกท.เกิดคำถามขึ้นในใจค่ะ
1.ถ้าการอบรมหลักสูตรต่างๆจำเป็นขนาดนี้ ทำไมจึงเปิดแค่ปีละ 2 ครั้งคะ มันน่าจะทุกๆเดือนมั้ยคะ
โดยเฉพาะหลักสูตรกฎหมายอาหารและการขออนุญาต ที่ทุกคนต้องอบรม
จึงจะสามารถอบรมหลักสูตรอื่นต่อได้ แต่ดันมีสถิติการจัดเพียงปีละ 2 ครั้งเท่านั้น (เฉลี่ยครั้งละ 100 คน แต่อาหารในประเทศไทยมีเป็นแสนเป็นล้านยี่ห้อ)
ซึ่งก็หมายความว่า SME สามารถขออย.ได้เพียงปีละ 2 ครั้งเท่านั้น
อันที่จริงจขกท.ได้พยายามดูหน่วยงานอื่นที่ได้จัดการอบรมนี้แทน อย.เหมือนกันนะคะ
แต่พบว่า ไม่มีเลยค่ะ ถึงจะมี ก็มีการอบรมหัวข้ออื่นเพียงเท่านั้น

2.เวลา SME ผลิตเพื่อจำหน่ายออกสู่ตลาด ถึงจะเป็นล็อตแรกที่ผลิต
ก็ผลิตทีละ 100-200 ขวดค่ะ ไม่มี SME โรงไหนผลิตทีละ 12 ขวด ไปส่งตรวจวิเคราะห์หรอกนะคะ
แล้วส่งตรวจวิเคราะห์แต่ละรอบนั้นใช้เวลาอย่างต่ำ 15-30 วัน
จะต้องมีการเพาะเชื้อนู่นนี่อีกมากมาย ถ้าเครื่องดื่มล็อตนั้นเกิดไม่ผ่าน มีสารเคมีเจือปน
ก็เรียกเก็บไม่ทันแล้วจ้า ไปอยู่ในท้องประชาชนไหนต่อไหนหมดแล้ว
หน่วยงานเฝ้าระวังจะทำงานกันทันหรอคะ

3.เมื่อวานนี้ทางอย.ได้มีการออกมาเปิดระบบ E-submission ซึ่งเป็นระบบที่ให้สถานประกอบการสามารถยื่นขออย. (สบ.5)ได้ทางอินเตอร์เน็ต
ถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถ


ท่านคะ ท่านมาเปิดตารางอบรมหลักสูตรกฎหมายอาหารและการขออนุญาตแบบเดือนละครั้งให้หนูก่อนสิคะ
ท่านว่าจะให้เร็วๆ จะเร็วยังไงคะท่านนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
ปีละ 2 ครั้งนะคะ ท่านนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน

สุดท้ายนี้ สิ่งที่จขกท.ต้องการคือ
อยากจะสอบถามไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องด้านนี้โดยตรง ว่าทางออกที่ดีกว่านี้มีมั้ยคะ เพราะตอนนี้สิ่งที่ SME อาหารลำบากจริงๆคือตรงนี้ค่ะ
แต่จขกท.ก็งงเหมือนกันนะคะว่า ทำไมไม่เห็นมีใครออกมาตื่นตัวกับเรื่องนี้  หรือว่าเป็นฉันเองที่หลังเขา T^T

*************จขกท.ก็ยอมรับนะคะว่าส่วนหนึ่งเกิดจากการศึกษาข้อมูลที่ไม่ดีพอของจขกท.เอง***************

แต่ถึงแม้ว่าจะรู้ตอนนี้หรือตอนไหน
การเปิดอบรมปีละ 2 ครั้ง ก็โหดร้ายเกินไปสำหรับ SME อาหารนะคะ

ในขณะนี้จขกท.ได้โทรไปปรึกษากับ สสจ.แล้วค่ะ
ซึ่งจะเดินทางไปพูดคุยกันวันจันทร์หน้าค่ะ
ตอนนี้พี่เจ้าหน้าที่ ที่รับผิดชอบ เดินทางไปประชุมต่างจังหวัดค่ะ

ได้เรื่องยังไงจขกท.จะมาอัพเดทนะคะ

ขอบคุณค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
นึกถึงกรณีที่ทำงานผม

เจ้านาย(ต่างชาติ) พยายามทำเรื่องขอ work-permit ให้พนักงาน(ต่างชาติ) ทำจนวีซ่าจะหมดอายุก็ยังไม่ผ่านซักที(ขนาดทำถูกต้องทุกอย่างยังโดนตีกลับด้วยเหตุผลที่เล็กน้อยมากเช่นเอกสารจะต้องผ่านการแปลจากสำนักงานภาษาของจุฬาเท่านั้น แต่บริษัทตูอยู่เมืองชลนะเฟ้ย)

สุดท้ายเจ้านายเข้ากรุงเทพยัดแบ้งค์พันไปปึกหนึ่ง เอกสารผ่านฉลุยทั้ง ๆ ที่แทบไม่ได้แก้อะไรเลย
ความคิดเห็นที่ 15
จขกท ไม่ต้องผ่านการอบรมทั้ง 2 หลักสูตร ก็สามารถยื่นขอจดทะเบียนผลิตภัณฑ์ได้ค่ะ โดยในเอกสารที่ต้องกรอกข้อมูลผู้ติดต่อ จขกท ก็กรอกเฉพาะข้อมูลติดต่อของ จขกท ไป
**** ผู้ที่ผ่านการอบรมทั้ง 2 หลักสูตร (กฎหมายอาหารและการยื่นขออนุญาตผลิตภัณฑ์) และสอบได้คะแนน 80% ขึ้นไป ทั้งสองหลักสูตร จะได้สิทธิ์ Fast track ซึ่งก็คือ เวลายื่นจะทะเบียนฯ ผู้ยื่นที่ได้ Fast track จะถูกลดขั้นตอนลง จากระยะเวลาที่ จนท ใช่ในการพิจารณาปกติ 25-35 วันทำการ ก็จะเหลือเพียงแค่ 7 วัน

สำหรับ จขกท ในระหว่างที่จัดทำเอกสารต่างๆ (ค่อนข้างเยอะ) เพื่อขออนุญาต ดิฉันแนะนำให้ส่งตัวอย่างวิเคราะห์ก่อนเลยค่ะ เพราะกรมวิทย์ฯ ใช้เวลาในการวิเคราะห์นาน อย่างน้อยก็ 30-45 วันทำการ (ถ้าคิวไม่เยอะ) เมื่อผลการวิเคราะห์ออก และผ่านเกณฑ์มาตรฐานตามที่ อย. กำหนด จขกท ก็จะได้ยื่นเอกสารทั้งหมดได้ในคราวเดียว

ปล. ขอแนะนำให้ศึกษาประกาศฯและขั้นตอน รวมถึงรายละเอียดต่างๆในการกรอกเอกสารให้ดี จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเอากลับมาแก้หลายครั้งค่ะ
ความคิดเห็นที่ 4
คนที่จะทำอาหาร เครื่องดื่ม ลักษณะนี้
ต้องมีความรู้มากมายเกี่ยวกับ การฆ่าเชื้อ(ท้องเสีย ฯ) การใส่สารปรุงแต่ง กันเสีย กันบูด สีอาหาร ฯลฯ
ชนิดภาชนะบรรจุที่ใช้บรรจุอาหารได้
ไม่งั้นผู้บริโภคก็จะเสี่ยงกับอันตรายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น

ที่จริงแล้ว หลักสูตรบังคับต้องเปิดถี่ที่สุด หลักสูตรทางเลือกห่างๆ กันหน่อยก็ได้
วิทยากรก็มีอยู่ในกรมอยู่แล้ว

ไม่รู้ว่ามีคนซักกี่คนที่จะใส่ใจแบบคุณ ยังไงก็ขอให้ขายดีนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่