สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
นึกถึงกรณีที่ทำงานผม
เจ้านาย(ต่างชาติ) พยายามทำเรื่องขอ work-permit ให้พนักงาน(ต่างชาติ) ทำจนวีซ่าจะหมดอายุก็ยังไม่ผ่านซักที(ขนาดทำถูกต้องทุกอย่างยังโดนตีกลับด้วยเหตุผลที่เล็กน้อยมากเช่นเอกสารจะต้องผ่านการแปลจากสำนักงานภาษาของจุฬาเท่านั้น แต่บริษัทตูอยู่เมืองชลนะเฟ้ย)
สุดท้ายเจ้านายเข้ากรุงเทพยัดแบ้งค์พันไปปึกหนึ่ง เอกสารผ่านฉลุยทั้ง ๆ ที่แทบไม่ได้แก้อะไรเลย
เจ้านาย(ต่างชาติ) พยายามทำเรื่องขอ work-permit ให้พนักงาน(ต่างชาติ) ทำจนวีซ่าจะหมดอายุก็ยังไม่ผ่านซักที(ขนาดทำถูกต้องทุกอย่างยังโดนตีกลับด้วยเหตุผลที่เล็กน้อยมากเช่นเอกสารจะต้องผ่านการแปลจากสำนักงานภาษาของจุฬาเท่านั้น แต่บริษัทตูอยู่เมืองชลนะเฟ้ย)
สุดท้ายเจ้านายเข้ากรุงเทพยัดแบ้งค์พันไปปึกหนึ่ง เอกสารผ่านฉลุยทั้ง ๆ ที่แทบไม่ได้แก้อะไรเลย
ความคิดเห็นที่ 15
จขกท ไม่ต้องผ่านการอบรมทั้ง 2 หลักสูตร ก็สามารถยื่นขอจดทะเบียนผลิตภัณฑ์ได้ค่ะ โดยในเอกสารที่ต้องกรอกข้อมูลผู้ติดต่อ จขกท ก็กรอกเฉพาะข้อมูลติดต่อของ จขกท ไป
**** ผู้ที่ผ่านการอบรมทั้ง 2 หลักสูตร (กฎหมายอาหารและการยื่นขออนุญาตผลิตภัณฑ์) และสอบได้คะแนน 80% ขึ้นไป ทั้งสองหลักสูตร จะได้สิทธิ์ Fast track ซึ่งก็คือ เวลายื่นจะทะเบียนฯ ผู้ยื่นที่ได้ Fast track จะถูกลดขั้นตอนลง จากระยะเวลาที่ จนท ใช่ในการพิจารณาปกติ 25-35 วันทำการ ก็จะเหลือเพียงแค่ 7 วัน
สำหรับ จขกท ในระหว่างที่จัดทำเอกสารต่างๆ (ค่อนข้างเยอะ) เพื่อขออนุญาต ดิฉันแนะนำให้ส่งตัวอย่างวิเคราะห์ก่อนเลยค่ะ เพราะกรมวิทย์ฯ ใช้เวลาในการวิเคราะห์นาน อย่างน้อยก็ 30-45 วันทำการ (ถ้าคิวไม่เยอะ) เมื่อผลการวิเคราะห์ออก และผ่านเกณฑ์มาตรฐานตามที่ อย. กำหนด จขกท ก็จะได้ยื่นเอกสารทั้งหมดได้ในคราวเดียว
ปล. ขอแนะนำให้ศึกษาประกาศฯและขั้นตอน รวมถึงรายละเอียดต่างๆในการกรอกเอกสารให้ดี จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเอากลับมาแก้หลายครั้งค่ะ
**** ผู้ที่ผ่านการอบรมทั้ง 2 หลักสูตร (กฎหมายอาหารและการยื่นขออนุญาตผลิตภัณฑ์) และสอบได้คะแนน 80% ขึ้นไป ทั้งสองหลักสูตร จะได้สิทธิ์ Fast track ซึ่งก็คือ เวลายื่นจะทะเบียนฯ ผู้ยื่นที่ได้ Fast track จะถูกลดขั้นตอนลง จากระยะเวลาที่ จนท ใช่ในการพิจารณาปกติ 25-35 วันทำการ ก็จะเหลือเพียงแค่ 7 วัน
สำหรับ จขกท ในระหว่างที่จัดทำเอกสารต่างๆ (ค่อนข้างเยอะ) เพื่อขออนุญาต ดิฉันแนะนำให้ส่งตัวอย่างวิเคราะห์ก่อนเลยค่ะ เพราะกรมวิทย์ฯ ใช้เวลาในการวิเคราะห์นาน อย่างน้อยก็ 30-45 วันทำการ (ถ้าคิวไม่เยอะ) เมื่อผลการวิเคราะห์ออก และผ่านเกณฑ์มาตรฐานตามที่ อย. กำหนด จขกท ก็จะได้ยื่นเอกสารทั้งหมดได้ในคราวเดียว
ปล. ขอแนะนำให้ศึกษาประกาศฯและขั้นตอน รวมถึงรายละเอียดต่างๆในการกรอกเอกสารให้ดี จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเอากลับมาแก้หลายครั้งค่ะ
ความคิดเห็นที่ 4
คนที่จะทำอาหาร เครื่องดื่ม ลักษณะนี้
ต้องมีความรู้มากมายเกี่ยวกับ การฆ่าเชื้อ(ท้องเสีย ฯ) การใส่สารปรุงแต่ง กันเสีย กันบูด สีอาหาร ฯลฯ
ชนิดภาชนะบรรจุที่ใช้บรรจุอาหารได้
ไม่งั้นผู้บริโภคก็จะเสี่ยงกับอันตรายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น
ที่จริงแล้ว หลักสูตรบังคับต้องเปิดถี่ที่สุด หลักสูตรทางเลือกห่างๆ กันหน่อยก็ได้
วิทยากรก็มีอยู่ในกรมอยู่แล้ว
ไม่รู้ว่ามีคนซักกี่คนที่จะใส่ใจแบบคุณ ยังไงก็ขอให้ขายดีนะครับ
ต้องมีความรู้มากมายเกี่ยวกับ การฆ่าเชื้อ(ท้องเสีย ฯ) การใส่สารปรุงแต่ง กันเสีย กันบูด สีอาหาร ฯลฯ
ชนิดภาชนะบรรจุที่ใช้บรรจุอาหารได้
ไม่งั้นผู้บริโภคก็จะเสี่ยงกับอันตรายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น
ที่จริงแล้ว หลักสูตรบังคับต้องเปิดถี่ที่สุด หลักสูตรทางเลือกห่างๆ กันหน่อยก็ได้
วิทยากรก็มีอยู่ในกรมอยู่แล้ว
ไม่รู้ว่ามีคนซักกี่คนที่จะใส่ใจแบบคุณ ยังไงก็ขอให้ขายดีนะครับ
แสดงความคิดเห็น
ดราม่า อย. เครื่องดื่มในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท (วิทยาทานสำหรับนักธุรกิจรายใหม่หรือในอนาคต)
เรื่องราวตอนจบติดตามได้ข้างล่างค่า
*******ตอนนี้กำลังจะเขียนรีวิววิธีการขออย.ทั้งหมดอยู่ค่ะ*********
เพื่อเป็นวิทยาทานที่แท้จริง
เดี๋ยวจะมาแปะกระทู้ให้นะคะ ตอนนี้ขอเวลาเรียบเรียงข้อมูลแพร๊พพพพ
^^
จขกท.กำลังจะขายน้ำผลไม้บรรจุขวดค่ะ กำลังเข้าสู่กระบวนการขอ อย.
เลยได้เข้าไปพูดคุยขอคำปรึกษากับสสจ.ของจังหวัดมาเรียบร้อย
ทางสสจ.เค้าบอกว่า ให้จขกท.มาอ่านคู่มือ
"การกำกับดูแลผลิตภัณฑ์อาหารแนวใหม่ (Re-process) : 7 ประเภท"
อาหาร 7 ประเภทที่ว่านี้คือ
1.นมโค
2.นมปรุงแต่ง
3.ผลิตภัณฑ์ของนม
4.นมเปรี้ยว
5.ไอศกรีม
6.อาหารในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท
7.เครื่องดื่มในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท
ถ้าใครมีผลิตภัณฑ์เหล่านี้ในมือและต้องการจะขอ อย.แล้วนั้น ก็อย่าเพิ่งปิดกระทู้หนีนะคะ
อันที่จริงมีคู่มือที่เป็นหนังสือเลยค่ะ แต่จขกท.หาลิงค์ไม่เจอแล้ว
มีแต่ลิงค์ที่เป็นไฟล์นำเสนอ power point
http://iodinethailand.fda.moph.go.th/food_54/data/news/2557/570110%20PPT.pdf
ในส่วนของจขกท.เองต้องปฏิบัติตามในPower point สไลด์ที่ 46
ไม่รอช้าก็จัดการศึกษาประกาศกระทรวงต่างๆและเตรียมเอกสารที่จำเป็น
ซึ่งลิสต์ของเอกสารที่จขกท.ต้องมีนั้น มีดังนี้ค่ะ
1.แบบ สบ.5 จำนวน 2 ฉบับ
2.ใบอนุญาตผลิตอาหาร (อ.2) อันนี้ จขกท.ได้มาเรียบร้อยแล้วค่ะ
3.ข้อมูลผู้ติดต่อและสถานประกอบการ
4.แบบ สบ.5-1 จำนวน 2 ฉบับ
5.แบบ สบ.5-2 (ในกรณีที่มีวัตถุเจือปนอาหาร จำพวกสีและกลิ่นสังเคราะห์ วัตถุกันเสีย)
[ถ้าใครต้องการดาวน์โหลดเอกสารเหล่านี้ เข้าลิงค์นี้เลยค่ะ http://iodinethailand.fda.moph.go.th/food_54/downloadForm.php]
ในPower point จะมีตัวอย่างในการกรอกเอกสารอยู่ค่ะ ตั้งแต่สไลด์ที่ 51-67
เหมือนจะไม่ยากใช่มั้ยคะ
************งานจะเริ่มเข้าตั้งแต่บัดนี้ค่ะ*****************
ในสไลด์ที่ 55 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเอกสาร ข้อมูลผู้มาติดต่อและสถานประกอบการ
จะเห็นได้ว่าผู้ที่มาติดต่อหรือผู้ที่ต้องการจะขอ อย.นั้น
จะต้องเป็นผู้ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรต่างๆ
โดยผู้ประกอบการทุกคนต้องผ่านการอบรมหลักสูตรกฎหมายอาหารและการขออนุญาต
จึงจะสามารถอบรมหลักสูตรอื่นๆถัดมาได้ตามความต้องการของสถานประกอบการนั้นๆ
จขกท.ก็โอเคคคคคคคคคคค ต้องอบรมใช่มั้ยคะ ได้ค่ะ
ไหนนนนนนนนนนนน
ไปดูตารางอบรมซิ
อ้อออออออออออออ นี่ไงงงงงงง ตารางอบรม http://iodinethailand.fda.moph.go.th/food_54/data/news/2558/581103_train.pdf
มีไปแล้วนี่นาาาาาา ปี 58 ไม่เป็นไรค่ะ
รอปี 59 ได้ เอออออออออออออ ว่าแต่ จะมีเมื่อไหร่นาาาาาาาาาาาาาาาาา
โทรไปถามเค้าดูดีกว่าาาาาาาาาา
จขกท.ก็โทรไปถามค่ะ สรุปเจ้าหน้าที่เค้าบอกว่า มีอีกทีประมาณกลางปีหน้า
จขกท.ก็ถามอีก หลักสูตรกฎหมายอาหารและการขออนุญาต ผู้ประกอบการทุกรายที่จะขอ อย. ต้องอบรมใช่มั้ยคะ ไม่ทราบว่าเปิดปีละกี่ครั้งคะ
เจ้าหน้าที่ตอบมาว่า ปีละ 2 ครั้งค่ะ
มาถึงตรงนี้จขกท.เลยมานั่งอ่านและทำความเข้าใจกระบวนงานนี้ใหม่อีกรอบ
ปรากฏว่าผู้ประกอบการรายใหม่ที่ต้องการจะขอ อย.อาหาร 7 ประเภทข้างต้นต้องผ่านการอบรมนี้จริงๆค่ะ
โดยเมื่ออบรมผ่านหลักสูตรนี้แล้ว จะสามารถประเมินผลิตภัณฑ์อาหารด้วยตนเองได้
เมื่อทำการประเมิน และได้เลขสารบบอาหาร (เลขอย.) มาแล้ว
จึงนำผลิตภัณฑ์ที่จะจำหน่ายออกสู่ตลาด"ล็อต"แรก
ไปส่งตรวจวิเคราะห์คุณภาพด้วยหน่วยงานของรัฐที่ทางอย.รับรอง
พอมาถึงตรงนี้ จขกท.เกิดคำถามขึ้นในใจค่ะ
1.ถ้าการอบรมหลักสูตรต่างๆจำเป็นขนาดนี้ ทำไมจึงเปิดแค่ปีละ 2 ครั้งคะ มันน่าจะทุกๆเดือนมั้ยคะ
โดยเฉพาะหลักสูตรกฎหมายอาหารและการขออนุญาต ที่ทุกคนต้องอบรม
จึงจะสามารถอบรมหลักสูตรอื่นต่อได้ แต่ดันมีสถิติการจัดเพียงปีละ 2 ครั้งเท่านั้น (เฉลี่ยครั้งละ 100 คน แต่อาหารในประเทศไทยมีเป็นแสนเป็นล้านยี่ห้อ)
ซึ่งก็หมายความว่า SME สามารถขออย.ได้เพียงปีละ 2 ครั้งเท่านั้น
อันที่จริงจขกท.ได้พยายามดูหน่วยงานอื่นที่ได้จัดการอบรมนี้แทน อย.เหมือนกันนะคะ
แต่พบว่า ไม่มีเลยค่ะ ถึงจะมี ก็มีการอบรมหัวข้ออื่นเพียงเท่านั้น
2.เวลา SME ผลิตเพื่อจำหน่ายออกสู่ตลาด ถึงจะเป็นล็อตแรกที่ผลิต
ก็ผลิตทีละ 100-200 ขวดค่ะ ไม่มี SME โรงไหนผลิตทีละ 12 ขวด ไปส่งตรวจวิเคราะห์หรอกนะคะ
แล้วส่งตรวจวิเคราะห์แต่ละรอบนั้นใช้เวลาอย่างต่ำ 15-30 วัน
จะต้องมีการเพาะเชื้อนู่นนี่อีกมากมาย ถ้าเครื่องดื่มล็อตนั้นเกิดไม่ผ่าน มีสารเคมีเจือปน
ก็เรียกเก็บไม่ทันแล้วจ้า ไปอยู่ในท้องประชาชนไหนต่อไหนหมดแล้ว
หน่วยงานเฝ้าระวังจะทำงานกันทันหรอคะ
3.เมื่อวานนี้ทางอย.ได้มีการออกมาเปิดระบบ E-submission ซึ่งเป็นระบบที่ให้สถานประกอบการสามารถยื่นขออย. (สบ.5)ได้ทางอินเตอร์เน็ต
ถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถ
ท่านคะ ท่านมาเปิดตารางอบรมหลักสูตรกฎหมายอาหารและการขออนุญาตแบบเดือนละครั้งให้หนูก่อนสิคะ
ท่านว่าจะให้เร็วๆ จะเร็วยังไงคะท่านนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
ปีละ 2 ครั้งนะคะ ท่านนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
สุดท้ายนี้ สิ่งที่จขกท.ต้องการคือ
อยากจะสอบถามไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องด้านนี้โดยตรง ว่าทางออกที่ดีกว่านี้มีมั้ยคะ เพราะตอนนี้สิ่งที่ SME อาหารลำบากจริงๆคือตรงนี้ค่ะ
แต่จขกท.ก็งงเหมือนกันนะคะว่า ทำไมไม่เห็นมีใครออกมาตื่นตัวกับเรื่องนี้ หรือว่าเป็นฉันเองที่หลังเขา T^T
*************จขกท.ก็ยอมรับนะคะว่าส่วนหนึ่งเกิดจากการศึกษาข้อมูลที่ไม่ดีพอของจขกท.เอง***************
แต่ถึงแม้ว่าจะรู้ตอนนี้หรือตอนไหน
การเปิดอบรมปีละ 2 ครั้ง ก็โหดร้ายเกินไปสำหรับ SME อาหารนะคะ
ในขณะนี้จขกท.ได้โทรไปปรึกษากับ สสจ.แล้วค่ะ
ซึ่งจะเดินทางไปพูดคุยกันวันจันทร์หน้าค่ะ
ตอนนี้พี่เจ้าหน้าที่ ที่รับผิดชอบ เดินทางไปประชุมต่างจังหวัดค่ะ
ได้เรื่องยังไงจขกท.จะมาอัพเดทนะคะ
ขอบคุณค่ะ