ชัยชนะที่เจ็บปวด
http://www.siamsport.co.th/Column/151221_069.html
(คลิกอ่านได้จาก link ด้านบน หรือใน spoil ก็ได้ค่ะ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ชัยชนะที่เจ็บปวด
ภาพที่เห็นเบื้องหน้า มันชัดเจนที่สุดครับ
ตั้งแต่สาวเท้าออกจากสถานีฟูแล่ม บรอดเวย์ สเตชั่น ระหว่างทางถนนสายนี้สู่ตัวสนาม ป้ายแบนเนอร์น้อยใหญ่ที่ทำขึ้นมาเพื่อกุนซือคนนี้แสดงออกบางสิ่งบางอย่างของ คำว่า "ศรัทธา" พุ่งเข้าตาอย่างจัง
เสื้อยืดโทนสีขาวสลับน้ำเงินที่สวมทัพเสื้อแจ็กเกต, ผ้าพันคอกันหนาวรูปผู้ชายคนหนึ่งที่ใครต่อใครเรียกเขาว่าผู้วิเศษ อะไรต่อมิอะไรที่มองแวบเดียวรู้ว่าเป็นเขาคนนี้ ถูกขุดคุ้ยถูกงัดออกมาใช้งานโดยมิจำเป็นต้องมีหมายนัด
ถ้าไม่ใช่เขาคงไม่เกิดปรากฏการณ์แบบนี้
ทีมที่กำลังแกว่งเท้าอยู่ปากเหว มีแต้มห่างจากโซนสีแดงแค่แต้มเดียว แพ้ 9 จาก 16 เกมแรก สถิติย่ำแย่ตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่ไม่มีแฟนบอลคนไหน หรือถ้าจะมีก็นับหัวได้ อยากให้เขาโดนปลดออกจากตำแหน่ง ตรงกันข้ามกับกุนซือบางคนบนหัวตารางกลับถูกวิพากษ์วิจารณ์ชนิดสาดเสียเทเสีย และอยากให้ออกวันนี้ พรุ่งนี้ มะรืน
ครับ พวกเขาศรัทธาเขายังไง วันนี้มันก็ยังเป็นเช่นนั้นไม่เปลี่ยนแปลง
แฟนบอลแทบทุกหัวระแหงมองถึงผลงานที่ร่วมกันสร้าง มันสมอง ฝีไม้ลายมือ และเกียรติประวัติที่เคยทำมามากกว่าผลแข่งขันในปัจจุบัน มากกว่าอันดับคะแนนที่ล่อแหลมต่อการหล่นสู่โซนอันตราย
ชีวิตหลังไร้มูรินโญ่ในเกมแรกของซีซั่นนี้เป็นยังไง?
พลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังเท้า
ไม่แปลก ไม่เซอร์ไพรส์ ไม่ใช่เรื่องคาดไม่ถึง เป็นสิ่งที่หลายคนคาดเดาเอาไว้ตั้งแต่ก่อนเริ่มฟาดแข้ง
เชลซี กลับมาเป็น เชลซี อย่างที่ทุกคนรู้จักมักคุ้น ประสิทธิภาพที่เคยแข็งแกร่งกลับมาทำงานอย่างเคร่งครัด
ส่วนซันเดอร์แลนด์ ยังคงไม่กลายร่างจากเดิม ฟอร์มช่วงหลังเข้าขั้นห่วยแตก เก็บได้แค่ 5 แต้มจาก 11 เกมนัดเยือน แบ่งเป็น ชนะ 1 เสมอ 2 แพ้ถึง 8!! มิหนำซ้ำโดนทะลวงประตูหลังถึง 33 เม็ด กวักมือเรียกให้คู่ต่อสู้มาล่อเป้าตรงกรอบเป็นจำนวน 106 ครั้ง
แซม อัลลาร์ไดซ์ สมควรหงุดหงิดลูกน้องถ้าจะหาจุดระบายถึงความพ่ายแพ้ แต่ที่แน่ๆ เขาควรรีบออกแอ็กชั่นและทำอะไรสักอย่างในตลาดหน้าหนาวที่จะถึง ไม่ว่าต้องทุ่มทุนสร้างต้องกู้หนี้ยืมสินยังไง หากยังหวังเป็นสมาชิกในลีกสูงสุดฤดูกาลหน้า
ขุมกำลังชุดนี้ยิ่งเล่นยิ่งเละ หาจุดแข็งไม่เจอ เพิ่มเติมคือจุดอ่อนรายล้อม
อีกด้านหนึ่งของมุมลูกหนัง เราเคยเห็นทีมขนาดเล็กไม่กลัวเกรงทีมขนาดใหญ่และไม่สนใจว่าจะเป็นอย่างไร ด้วยเช่นเดียวกัน พวกเขามีศาสตร์ลูกหนังเป็นอาวุธคอยใช้งาน นักเตะค่าจ้างไม่แพงมากแต่ถ้าวิ่งสู้เต็มที่ มีใจจะเล่นตามแท็กติกไม่เหยาะแหยะ นักเตะทีมใหญ่ก็ทำอะไรได้ยาก
แต่ซันเดอร์แลนด์ไม่มี ไม่มีอะไรเลย
แม้ว่าปรับหมากส่ง อดัม จอห์นสัน เพิ่มมิติเกมรุกหลังโดนนำก่อนตั้งแต่ไก่โห่ หรือปล่อย ฟาบิโอ บอรินี่ แทนที่ โอล่า ตอยโวเน่น เป็นอีกทางเลือกหนึ่งเพื่อทวงประตูคืน แต่เอาเข้าจริงมันหาความสมดุลของทีมนี้ไม่เจอ ครึ่งหลังดูดีขึ้นจริงแต่ก็ล้วงลึกแล้วขาดคำว่า รายละเอียด ระเบียบวินัย และ ทีมเวิร์ก
ถ้าบิ๊กแซมยังปล่อยปละละเลย ทำท่ายักไหล่ไม่สนใจ เกิดวิกฤติกับซันเดอร์แลนด์แน่นอนครับ เหนื่อยแน่ๆ และอาจเข็นไม่ขึ้นอีกเลย
โชเซ่ มู-ริน-โญ่
โชเซ่ มู-ริน-โญ่
โชเซ่ มู-ริน-โญ่
ไม่ใช่กลุ่มก้อนสีน้ำเงินทุกหมู่เหล่าที่ตะเบ็งคอจนเสียงแหบแห้ง แม้แต่สาวกแบล็กแคตส์แดนอีสานก็ไม่นิ่งดูดายโหนกระแสไปกับเขาด้วย เปล่งชื่อนี้ออกมาเป็นระยะ อาจไม่ดังเท่าเจ้าบ้าน กระนั้นมันก็แสดงให้เห็นว่ากุนซือมาดยียวนคนนี้เป็นที่เคารพรักมากน้อยแค่ ไหน
สลับสับเปลี่ยนกับการร้องเพลงด่า "แกะดำ" บางคนที่ทำตัวน่าสงสัย เช่น "Where you when we are shit?" (ตอนทีมกำลังห่วยแตก พวก
หายหัวไปไหนว่ะ?)
ท่วงทำนองแบบนั้นรวมถึงช่วงโหว่ระหว่างปรบมือหลังทีมได้ประตูนำ 1-0, 2-0, 3-0 ก็เป็นการให้เกียรติและอาลัยถึง มูรินโญ่ ผู้จากไปเช่นเดียวกัน
สำหรับโลกลูกหนัง ความจริงแล้วในความพ่ายแพ้นั้นมันยังมีชัยชนะที่แอบแฝงอยู่ด้วยเสมอ ครั้งนี้ มูรินโญ่ อาจเป็นผู้แพ้แต่เขาคือผู้เสียสละที่ยิ่งใหญ่ ยอมเจ็บปวดมากที่สุดเพื่อความสุขของคนหมู่มาก
เชลซี คว้าสามแต้มได้ในเกมที่ 17 ส่งผลดีต่อสถานการณ์อันดับในปัจจุบัน ดีดตัวเองออกจากเส้นแบ่งระหว่างสวรรค์กับนรก 4 คะแนนห่างจากโซนสีแดง นั่นคือแง่ง่ามบวกที่ต้องการ
เชลซี ชนะ มูรินโญ่ก็ชนะไปด้วย เพราะมันคือทีมของเขา นักเตะของเขา แต่แค่กลายเป็นอดีตต่อกัน
ทุกอย่างมันมีคำตอบอยู่ในตัวมันเอง ภาพฉากตั้งแต่วินาทีแรกจนสิ้นสุดเสียงนกหวีดที่เดอะ บริดจ์ เที่ยวล่าสุด ต่อให้คุณตาบอดมองไม่เห็นหรือหูดับไม่รับเสียงใดๆ ทว่าสิ่งที่มันสัมผัสได้ชัดเจนมากถึงมากที่สุด คือ การแสดงออกในมุมของฟุตบอล นี่คือเชลซีที่เราคุ้นเคย กลับมาเป็นทีมระดับเฮฟวี่เวตของเวทีนี้ ขย่มทีมเล็กกว่าได้อยู่หมัด ต่อบอลฉึบฉับ เล่นชิ่งหนึ่งสองสวยงาม งานเนี้ยบส่งบอลแม่นยำ หวังผลได้ในแดนหน้า จบสกอร์เฉียบขาด เกมรับเพียบด้วยวินัยเข้มข้น และแทบไม่พลาดง่ายๆ กันเลย
ใครจะว่าอย่างไรก็ตาม มุมมองส่วนตัว ผมเองเชื่อมั่นเต็มร้อยมาโดยตลอดว่าในทีมนี้มี "แกะดำ" อยู่จริง คนเหล่านี้ที่เคยทำให้สปิริตภายในทีมหายไปอย่างน่าเซอร์ไพรส์ ดูมีความมั่นใจขึ้น กระเหี้ยนกระหือรือที่จะเล่น ขยันขันแข็งกันไล่บอล กลายเป็นคนละคนจาก 3-4เดือนแรกที่ซีซั่นนี้รูดม่านเปิดฉาก
บอกไม่ได้เต็มปากหรอกครับว่าใครกันที่เป็น "แอปเปิลเน่า" ที่มีส่วนทำให้มูรินโญ่ตกงาน แต่มันมีมากกว่าคนคนเดียวที่จับกลุ่มรวมพลังกันต่อต้านกุนซือของตัวเอง ไม่เล่นตามแท็กติกที่สั่งตอนออกภาคสนามจริง แต่แสดงละครระหว่างการซ้อมทำตามคำสั่งแทน
ผู้ต้องสงสัยในหมู่แฟนบอล สวมรองเท้าสตั๊ดลงสนามกันถ้วนหน้า ยกเว้น เอแด็น อาซาร์ ที่เจ็บจนไม่มีชื่อในทีม
แฟนเชลซีรู้
นักเตะในทีมรู้
ทีมงานโค้ชชุดนี้รู้
แม้กระทั่งเสี่ยหมีหรือบอร์ดขาใหญ่ก็ยังรู้
แต่แค่ไม่บ้วนคำพูดออกมาเป็นคำเฉลยผ่านสาธารณะชนเท่านั้นเอง
ชีวิตต้องดำเนินต่อ หันหลังกลับไปมองอดีตไม่ได้ นักเตะที่ถูกมองว่าสร้างปัญหาก็ทำหน้าที่ในส่วนของตัวเอง สตีฟ ฮอลแลนด์ มือขวาขึ้นมาคุมทีมแทนชั่วคราว เสี่ยหมีกับทีมงานหาคนมาแทนได้ในระยะสั้นนั่นคือ กุส ฮิดดิ้งก์ หนีบเอา ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา อดีตตำนานดาวยิงมาด้วยอีกคน
เรื่องคาใจของแฟนบอลมันได้รับคำตอบจากการแสดงออกแง่ของฟุตบอล เพราะกลุ่มแข้งที่ตกเป็นเป้าสายตาของใครหลายคน ทำผลงานดีขึ้นผิดหูผิดตา
เคยขีดเขียนเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า เกมรับมือซันเดอร์แลนด์ บางคนที่โชว์ฟอร์มไม่เอาอ่าวไม่เอามหาสมุทร จะกลับมาวิ่งเล่นเต็มที่ วิ่งเป็นม้าดีดทั่วสนาม บางคนที่โดนมองว่าเป็นเนื้อร้ายของความตกต่ำซีซั่นนี้ จะกลับมาบวกสถิติส่วนตัวทั้งการเข้าปะทะ แอสซิสต์ ยิงประตู
แล้วก็เป็นจริง
บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ทำประตูเครื่องหมายการค้าของตัวเองได้ บันทึกลูกแรกของซีซั่นนี้ บันทึกลูกแรกตั้งแต่ปีเดือนแห่งความรักปี 2015
เชส ฟาเบรกาส ที่กลับมาคืนตัวจริงเต็มที่ทุ่มเท กว่าที่เคยเป็นมา เสียงโห่จากทั้งสแตนด์ทั้งสี่ฝั่งระหว่างเปลี่ยนตัว สะท้อนถึงความรู้สึกของผู้จงรักภักดีหลายอย่าง
เช่นกัน ดีเอโก้ คอสต้า ที่อาจไม่มีชื่ออยู่บนสกอร์บอร์ด ยังดูมุ่งมั่นกว่าเดิมเยอะเลย ซึ่งผลงานในสนามแบบนี้ยิ่งทำให้แฟนบอลแสดงปฏิกิริยารับไม่ได้กับฟอร์มก่อน หน้านี้ช่วงแรก
เปโดร โรดริเกวซ ที่เข้าๆ ออกๆ ตัวจริง-สำรองในยุคของมูรินโญ่ เบิกสกอร์ได้ ดูมีชีวิตชีวาขึ้นจากเดิม
ออสการ์ นี่คือแมน ออฟ เดอะ แมตช์ โชว์ฝีเท้าและทีเด็ดให้ทุกคนได้ประจักษ์ แสดงศักยภาพที่แท้จริงออกมาให้เห็นเต็มตา เป็นภาพที่เราไม่เคยเห็นมันเลยตอนมีกุนซือโปรตุกีสยืนอยู่ข้างสนาม
จอห์น เทอร์รี่ กับ คูร์ต ซูม่า คู่หูแนวรับเกมนี้ ก่อความผิดพลาดระบบส่วนตัวน้อยมาก
บางคนเผชิญหน้ากับข้อครหาจากแฟนบอลโทษฐานแสดงละคร หักหลังเพื่อนร่วมอาชีพกันเอง มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับที่ความบังเอิญจะมาบังเกิดในช่วงเวลาเดียวกัน ชุดเดียวกันหน้าเดิมทั้งนั้นแต่ดันฟอร์มตกยกทีม จนคนเก่งอย่าง มูรินโญ่ อยู่ไม่ครบเทอม
บรรยากาศในสนามจากที่ได้สัมผัส ยอมรับเลยครับว่า มันผสมปนเประหว่าง ดีใจ เสียใจ แฮปปี้ เจ็บปวด รวดร้าว สมหวัง ผิดหวัง ปรบมือกระโดดโลดเต้นฉลองประตูของทีม แต่ไม่วายเป่าปากโห่ไปยังนักเตะบางคนที่ทรยศต่อตัวเอง ต่ออาชีพ ต่อโค้ชที่เคยเดินกอดคอกัน ต่อสโมสร และที่สำคัญต่อแฟนบอลตัวเอง
ครับ มันเป็นชัยชนะที่สำคัญแต่แลกมาด้วยความเจ็บปวดข้างใน
นับว่าเสี่ยหมีเดินหมากแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ฉลาดพอตัว ดึง กุส ฮิดดิ้งก์ (อีกครั้ง) เข้ามาปลุกสปิริตเดิมๆ ให้คืนชีพ ซึ่งก็น่าจะทำได้ เพราะเจ้าตัวมีคุณสมบัติเพียบพร้อมทั้งประสบการณ์ บารมี กึ๋น ฝีมือ อีกอย่างเป็นที่เคารพของบรรดานักเตะด้วย
ยี่ห้อเชลซี หวังแค่รอดตายคงเป็นไปไม่ได้ จะจบในท็อปซิกซ์ไปยูโรปา ลีกกลายเป็นเป้าหมายขั้นแรก 21 เกมหรือตามทฤษฎียังสามารถแอบหวังสี่อันดับแรก จะไปได้ไกลแค่ไหน ต้องตามลุ้น แต่ที่ไม่ต้องลุ้นคือ จากนี้ไปเราคงได้เห็นเชลซีทีมเดิมอย่างที่เคยเป็น
ยังไงก็แล้วแต่ แฟนบอลเชลซี ก็สนับสนุนยืนเคียงข้างทีมต่อไป ผลักดันสู้ให้ถึงที่สุดแต่ความรู้สึกลึกๆ นับจากนี้ไม่มีทางเหมือนเดิม กับ นักเตะบางคน ย้ำนะครับ แค่บางคน
จะให้กอดคอกันต่อ?
"ได้"
แต่สนิทใจเหมือนเคยมั้ย?
"ไม่"
นั่นคือเรื่องจริงจากการได้สัมผัส ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ บ่ายแก่ๆ ของวันเสาร์
"อีกา"
cr : http://www.siamsport.co.th/Column/151221_069.html
บทความข้างบนนี้ พูดถึงบรรยากาศในนัดล่าสุดระหว่างเชลซี - ซันเดอร์แลนด์
ซึ่งเป็นนัดแรกหลังจากน้ามูโดนปลด
คนนอกอย่างเราที่ไม่ใช่แฟนเชลซี ได้อ่านแล้วก็มีหลายอย่าง ที่ทำเราอึ้งไปเหมือนกัน
เรื่องที่ดีๆ คือ การได้เห็นว่า แฟนเชลซีรัก และศรัทธาในตัวน้ามูขนาดไหน
ส่วนเรื่องไม่ดีคือ พวกนักเตะแกะดำในทีม ถ้าทีมที่เราเชียร์ มีนักเตะแบบนี้ เราคงเสียใจมากอ่ะ
ป.ลิง.. ขออภัย หากใครเคยอ่านมาก่อนนี้แล้ว
อ่านแล้วรู้สึกยังไงกันบ้าง มาแชร์กันได้นะคะ
หลังจากได้อ่านบทความนี้แล้วรู้เลยว่าแฟนเชลซีรักน้ามูมากจริงๆ
http://www.siamsport.co.th/Column/151221_069.html
(คลิกอ่านได้จาก link ด้านบน หรือใน spoil ก็ได้ค่ะ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
บทความข้างบนนี้ พูดถึงบรรยากาศในนัดล่าสุดระหว่างเชลซี - ซันเดอร์แลนด์
ซึ่งเป็นนัดแรกหลังจากน้ามูโดนปลด
คนนอกอย่างเราที่ไม่ใช่แฟนเชลซี ได้อ่านแล้วก็มีหลายอย่าง ที่ทำเราอึ้งไปเหมือนกัน
เรื่องที่ดีๆ คือ การได้เห็นว่า แฟนเชลซีรัก และศรัทธาในตัวน้ามูขนาดไหน
ส่วนเรื่องไม่ดีคือ พวกนักเตะแกะดำในทีม ถ้าทีมที่เราเชียร์ มีนักเตะแบบนี้ เราคงเสียใจมากอ่ะ
ป.ลิง.. ขออภัย หากใครเคยอ่านมาก่อนนี้แล้ว
อ่านแล้วรู้สึกยังไงกันบ้าง มาแชร์กันได้นะคะ