หลายท่านน่าจะพุ่งเป้าความสนใจไปที่ดาร์บี้แมตช์เมือง “แมนเชสเตอร์” ซูเปอร์ซันเดย์ ระหว่างเจ้าถิ่น แมนฯ ยูไนเต็ด ปะทะ แมนฯ ซิตี้ ที่ “ช่วงชิง” ความเป็นหัวตาราง “Top3” และวัดระยะความห่าง “ความต่าง” ของทั้ง 2 สโมสร
ทว่า อีกแมตช์วันอาทิตย์ที่บอกได้เลยว่า “แซ่บเวอร์” ไม่แพ้กัน แต่กระแสในเวทีโลกค่อนข้างเงียบเชียบ ไม่เหมือนอุณหภูมิความร้อนย่านตะวันออกเฉียงเหนือของอังกฤษก็คือ เกมซันเดอร์แลนด์ – นิวคาสเซิล จากสเตเดี้ยม ออฟ ไลท์
จะว่าไปแล้ว เกมดาร์บี้แมตชถิ่นอีสานบ้านผู้ดีอังกฤษ มี “เดิมพัน” สูงกว่า “ดาร์บี้ แมนเชสเตอร์” ด้วยซ้ำ เพราะสถานการณ์ของทั้ง 2 ทีมกำลังอยู่ในช่วงสำคัญ ความเป็น ความตายมากกว่าในส่วนท้าย “bottom 3” ของตาราง
เริ่มตั้งแต่ “ภาพซ้ำ” อีกแล้วครับท่านว่า แซม อัลลาไดซ์ กุนซือคนใหม่ “แมวดำ” คือ ผู้จัดการทีมคนที่ 4 ติดต่อกัน ที่พอเข้ารับตำแหน่งแค่ 2 นัดก็ต้องนำทีมพบกับแมตช์ที่หนักสุดในโปรแกรมของสโมสร
ครับ ก็อยากที่ทราบๆแหละว่า ซันเดอร์แลนด์ เปลี่ยนกุนซือค่อนข้างบ่อย และจังหวะการปรับคนทำทีมคงไม่มีช่วงไหน “เหมาะสม” เท่ากับช่วงก่อนเจอคู่ปรับสำคัญที่สุด 1-2 นัดแบบนี้
และสถิติก็บอกนะครับว่า 5 แมตช์ล่าสุด ซันเดอร์แลนด์ ชนะทุกนัด และหากชนะเกมนี้ตอน 1 ทุ่มได้อีก มันจะ “ยิ่งใหญ่” ไม่แค่ชนะเหนือคู่ปรปักษ์ร่วมภาคเป็นเกมที่ 6 ติดต่อกัน แต่จะเป็นเกมเก็บ 3 แต้มเต็มนัดแรกของซันเดอร์แลนด์ในฤดูกาลนี้ด้วยเช่นกัน
ขณะเดียวกันครับ สตีฟ แม็คคลาเรน คลายความกดดันได้เยอะหลังเปิดบ้าน เซนต์ เจมส์ ปาร์ค ไล่ถล่มนอริช 6-2 ในแมตช์ที่ผ่านมา
อดีตกุนซือทีมชาติอังกฤษ “ขอบคุณ” พลังสนับสนุนจากแฟนบอล และทุกฝ่าย ทว่าความน่ากังวลนั้นอยู่ที่ ทัพทูน อาร์มี่ ไม่ได้เล่นดีคู่ควร “สกอร์ไลน์” หรอกครับ แต่เป็นจังหวะของเกมมากกว่า
อย่างไรก็ดี “ชนะ” ก็คือ “ชนะ” และ 3 แต้มดังกล่าวช่วยคลายความกดดันให้แม็คคลาเรน และทีม รวมถึงเรียกขวัญ กำลังใจกลับมาได้ทันเวลาเกมสำคัญกับ “บิ๊กแซม” และลูกทีมพอดี
ก่อนเกมผมได้อ่านบทสัมภาษณ์ของ อัลลาร์ไดซ์ จนกลายเป็นที่มาของบทความในวันนี้ว่า ชัยชนะไม่ได้หมายความแค่ 3 แต้มเท่านั้น แต่เป็นการเดิมพันการ “ตกงาน” เป็นร้อยๆตำแหน่งของบรรดาเจ้าหน้าที่ กับผู้เกี่ยวข้องส่วนต่าง ๆ ของทีมแมวดำ เพราะรายได้หลัก 100 ล้านปอนด์จะหายไปจากการตกชั้น
โดย “คีย์เวิร์ด” จากกุนซือรายนี้คือ คำว่า “ความรับผิดชอบ” ที่เค้าต้องทำทีมให้ได้ดี และหากชนะมันจะเป็นอะไรที่ “หอมหวาน” มาก
นอกเหนือจากประเด็นดังกล่าว ผม “ชอบมาก” ถึงดีกรี “ชื่นชม” เลยก็ว่าได้ที่อดีตกุนซือเวสต์แฮม ซีซั่นก่อน มองเกมดาร์บี้แมตช์ลักษณะนี้ว่า :
นักเตะต้องสู้ระดับ “wearing your heart on your sleeve” หรือควักเอาหัวใจ ความรู้สึก ออกมาข้างนอกให้เห็นกันจะแจ้งโดยไม่ต้องเก็บซ่อนไว้ภายใน
เกมแบบนี้แฟนบอลไม่ได้ต้องการเห็นมิดฟิลด์ต่อบอลกัน 50-60 ครั้งไม่ไปไหน แต่ต้องการเห็นการต่อสู้ในกรอบเขตโทษทั้ง 2 ฝั่ง, คุณภาพบอลโยนเข้าหัวแล้วเขกตุงตาข่าย... เอาสะใจ! เอามันส์ ประมาณนั้น!!!
ทั้งนี้ อัลลาร์ไดซ์ อาจพูดเองจากความรู้สึกส่วนตัว หรือ “สะท้อน” ความรู้สึกที่อาจจะเคยได้ยิน หรือเคยผ่านประสบการณ์การคุมทีมยาวนานของเค้า แล้วนำมา “สื่อสาร”
งานนี้ อาจจะไม่ใช่ “ทั้งหมด” ถูกทุกประการตามความรู้สึกทุกแฟนบอล
แต่ถามว่า “มันโดน” ไหม?
ตอบได้เลยครับว่า “แมร่งโดนมาก!!!”
เพราะคำพูดว่า เป็นความรับผิดชอบของเค้าที่ต้องชนะเพื่อรักษาอาชีพของคนทำงานในสโมสรเป็นร้อย และความรู้สึกแฟน ๆ มากกว่า 3 แต้มด้วยซ้ำ ตามด้วยวลีเด็ด “wearing your heart on your sleeve”
ผมคิดว่าจะ “ตอบโจทย์” ทุกข้อให้เกมนี้นัดมันส์ เพราะแม็คคลาเรน อาจไม่ใช่คนมันส์ แนวซาดิสต์เท่ากับอัลลาร์ไดซ์ ทว่าเจ้าตัวหลังชนฝาแล้ว ณ เวลานี้
เหนือสิ่งอื่นใด หากดาร์บี้แมตช์ภาคอีสานนี้สนุกจริงสมกับ “เนื้อเรื่อง” ที่ผมได้ถ่ายทอดมาข้างต้น
ดาร์บี้แมตช์แมนเชสเตอร์ ในวันเดียวกัน หรือที่เราได้เห็นก่อนหน้านี้ของเมืองลิเวอร์พูล ที่ทำให้ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ต้องกระเด็นจากตำแหน่ง อาจจะต้องหันมามอง “เนื้อแท้” การต่อสู้ตามบริบทที่ แซม อัลลาร์ไดซ์ ได้กล่าวเอาไว้ครั้งนี้
ดาร์บี้แมตช์ลอนดอน หรือไหนๆก็ไม่ต่างกันครับที่ต้องการ “ความรู้สึก” (Emotional) และแพสชั่น แห่งการต่อสู้ของเกมลูกหนังมากกว่าที่เป็นอยู่
ขอบคุณข้อมูล
http://sport.sanook.com/180707/
เนื้อแท้ศึก “ดาร์บี้แมตช์” วันนี้ “อีสานดาร์บี้” เดือดแน่!
หลายท่านน่าจะพุ่งเป้าความสนใจไปที่ดาร์บี้แมตช์เมือง “แมนเชสเตอร์” ซูเปอร์ซันเดย์ ระหว่างเจ้าถิ่น แมนฯ ยูไนเต็ด ปะทะ แมนฯ ซิตี้ ที่ “ช่วงชิง” ความเป็นหัวตาราง “Top3” และวัดระยะความห่าง “ความต่าง” ของทั้ง 2 สโมสร
ทว่า อีกแมตช์วันอาทิตย์ที่บอกได้เลยว่า “แซ่บเวอร์” ไม่แพ้กัน แต่กระแสในเวทีโลกค่อนข้างเงียบเชียบ ไม่เหมือนอุณหภูมิความร้อนย่านตะวันออกเฉียงเหนือของอังกฤษก็คือ เกมซันเดอร์แลนด์ – นิวคาสเซิล จากสเตเดี้ยม ออฟ ไลท์
จะว่าไปแล้ว เกมดาร์บี้แมตชถิ่นอีสานบ้านผู้ดีอังกฤษ มี “เดิมพัน” สูงกว่า “ดาร์บี้ แมนเชสเตอร์” ด้วยซ้ำ เพราะสถานการณ์ของทั้ง 2 ทีมกำลังอยู่ในช่วงสำคัญ ความเป็น ความตายมากกว่าในส่วนท้าย “bottom 3” ของตาราง
เริ่มตั้งแต่ “ภาพซ้ำ” อีกแล้วครับท่านว่า แซม อัลลาไดซ์ กุนซือคนใหม่ “แมวดำ” คือ ผู้จัดการทีมคนที่ 4 ติดต่อกัน ที่พอเข้ารับตำแหน่งแค่ 2 นัดก็ต้องนำทีมพบกับแมตช์ที่หนักสุดในโปรแกรมของสโมสร
ครับ ก็อยากที่ทราบๆแหละว่า ซันเดอร์แลนด์ เปลี่ยนกุนซือค่อนข้างบ่อย และจังหวะการปรับคนทำทีมคงไม่มีช่วงไหน “เหมาะสม” เท่ากับช่วงก่อนเจอคู่ปรับสำคัญที่สุด 1-2 นัดแบบนี้
และสถิติก็บอกนะครับว่า 5 แมตช์ล่าสุด ซันเดอร์แลนด์ ชนะทุกนัด และหากชนะเกมนี้ตอน 1 ทุ่มได้อีก มันจะ “ยิ่งใหญ่” ไม่แค่ชนะเหนือคู่ปรปักษ์ร่วมภาคเป็นเกมที่ 6 ติดต่อกัน แต่จะเป็นเกมเก็บ 3 แต้มเต็มนัดแรกของซันเดอร์แลนด์ในฤดูกาลนี้ด้วยเช่นกัน
ขณะเดียวกันครับ สตีฟ แม็คคลาเรน คลายความกดดันได้เยอะหลังเปิดบ้าน เซนต์ เจมส์ ปาร์ค ไล่ถล่มนอริช 6-2 ในแมตช์ที่ผ่านมา
อดีตกุนซือทีมชาติอังกฤษ “ขอบคุณ” พลังสนับสนุนจากแฟนบอล และทุกฝ่าย ทว่าความน่ากังวลนั้นอยู่ที่ ทัพทูน อาร์มี่ ไม่ได้เล่นดีคู่ควร “สกอร์ไลน์” หรอกครับ แต่เป็นจังหวะของเกมมากกว่า
อย่างไรก็ดี “ชนะ” ก็คือ “ชนะ” และ 3 แต้มดังกล่าวช่วยคลายความกดดันให้แม็คคลาเรน และทีม รวมถึงเรียกขวัญ กำลังใจกลับมาได้ทันเวลาเกมสำคัญกับ “บิ๊กแซม” และลูกทีมพอดี
ก่อนเกมผมได้อ่านบทสัมภาษณ์ของ อัลลาร์ไดซ์ จนกลายเป็นที่มาของบทความในวันนี้ว่า ชัยชนะไม่ได้หมายความแค่ 3 แต้มเท่านั้น แต่เป็นการเดิมพันการ “ตกงาน” เป็นร้อยๆตำแหน่งของบรรดาเจ้าหน้าที่ กับผู้เกี่ยวข้องส่วนต่าง ๆ ของทีมแมวดำ เพราะรายได้หลัก 100 ล้านปอนด์จะหายไปจากการตกชั้น
โดย “คีย์เวิร์ด” จากกุนซือรายนี้คือ คำว่า “ความรับผิดชอบ” ที่เค้าต้องทำทีมให้ได้ดี และหากชนะมันจะเป็นอะไรที่ “หอมหวาน” มาก
นอกเหนือจากประเด็นดังกล่าว ผม “ชอบมาก” ถึงดีกรี “ชื่นชม” เลยก็ว่าได้ที่อดีตกุนซือเวสต์แฮม ซีซั่นก่อน มองเกมดาร์บี้แมตช์ลักษณะนี้ว่า :
นักเตะต้องสู้ระดับ “wearing your heart on your sleeve” หรือควักเอาหัวใจ ความรู้สึก ออกมาข้างนอกให้เห็นกันจะแจ้งโดยไม่ต้องเก็บซ่อนไว้ภายใน
เกมแบบนี้แฟนบอลไม่ได้ต้องการเห็นมิดฟิลด์ต่อบอลกัน 50-60 ครั้งไม่ไปไหน แต่ต้องการเห็นการต่อสู้ในกรอบเขตโทษทั้ง 2 ฝั่ง, คุณภาพบอลโยนเข้าหัวแล้วเขกตุงตาข่าย... เอาสะใจ! เอามันส์ ประมาณนั้น!!!
ทั้งนี้ อัลลาร์ไดซ์ อาจพูดเองจากความรู้สึกส่วนตัว หรือ “สะท้อน” ความรู้สึกที่อาจจะเคยได้ยิน หรือเคยผ่านประสบการณ์การคุมทีมยาวนานของเค้า แล้วนำมา “สื่อสาร”
งานนี้ อาจจะไม่ใช่ “ทั้งหมด” ถูกทุกประการตามความรู้สึกทุกแฟนบอล
แต่ถามว่า “มันโดน” ไหม?
ตอบได้เลยครับว่า “แมร่งโดนมาก!!!”
เพราะคำพูดว่า เป็นความรับผิดชอบของเค้าที่ต้องชนะเพื่อรักษาอาชีพของคนทำงานในสโมสรเป็นร้อย และความรู้สึกแฟน ๆ มากกว่า 3 แต้มด้วยซ้ำ ตามด้วยวลีเด็ด “wearing your heart on your sleeve”
ผมคิดว่าจะ “ตอบโจทย์” ทุกข้อให้เกมนี้นัดมันส์ เพราะแม็คคลาเรน อาจไม่ใช่คนมันส์ แนวซาดิสต์เท่ากับอัลลาร์ไดซ์ ทว่าเจ้าตัวหลังชนฝาแล้ว ณ เวลานี้
เหนือสิ่งอื่นใด หากดาร์บี้แมตช์ภาคอีสานนี้สนุกจริงสมกับ “เนื้อเรื่อง” ที่ผมได้ถ่ายทอดมาข้างต้น
ดาร์บี้แมตช์แมนเชสเตอร์ ในวันเดียวกัน หรือที่เราได้เห็นก่อนหน้านี้ของเมืองลิเวอร์พูล ที่ทำให้ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ต้องกระเด็นจากตำแหน่ง อาจจะต้องหันมามอง “เนื้อแท้” การต่อสู้ตามบริบทที่ แซม อัลลาร์ไดซ์ ได้กล่าวเอาไว้ครั้งนี้
ดาร์บี้แมตช์ลอนดอน หรือไหนๆก็ไม่ต่างกันครับที่ต้องการ “ความรู้สึก” (Emotional) และแพสชั่น แห่งการต่อสู้ของเกมลูกหนังมากกว่าที่เป็นอยู่
ขอบคุณข้อมูล http://sport.sanook.com/180707/