นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและรองประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ ในฐานะผู้ให้การสนับสนุนทางการเงินกับกลุ่มทรู เปิดเผยกับสปริงนิวส์ว่า ในสัปดาห์นี้จะหารือกับผู้บริหารของกลุ่มทรู ในเรื่องของการจัดทำแผนทางด้านการเงิน โดยเฉพาะในเรื่องของแบงก์การันตีที่จะต้องส่งให้ กสทช. ภายใน 90 วันหลังจากประมูลได้ ซึ่งในแผนจะต้องครอบคลุมในทุกด้าน โดยเบื้องต้น ทางทรูอาจจะใช้วิธีของการเพิ่มทุน หาพันธมิตรใหม่ หรือ ต้องหารือกับไชน่าโมบาย ที่ถือหุ้นใหญ่ในทรูด้วย หรือจำเป็นต้องกู้เงินด้วยวิธีการอื่นๆ ที่สำคัญแผนจะต้องมีความเป็นไปได้ทางการเงินที่ทำให้เจ้าหนี้มั่นใจได้เต็มที่
ทั้งนี้ ธนาคารเองเชื่อว่าในการจ่ายเงินงวดแรกจำนวนเกือบ 8,000 ล้านบาทนั้น ไม่มีปัญหา เพราะทรูมีสภาพคล่องทางการเงินจำนวนมาก ส่วนที่สำคัญ คือ เรื่องแผนทางการเงินและแผนการทำธุรกิจในระยะต่อไป หลังจากที่ประมูลได้คลื่นมาแล้วมากกว่า เพราะจะต้องทำให้ธนาคารและเจ้าหนี้มั่นใจเพียงพอว่า จะมีแผนที่จะสามารถขยายธุรกิจและแย่งส่วนแบ่งตลาดมามากเพียงพอ กับค่าประมูลใบอนุญาตที่ได้รับมาและต้องใช้เงินจำนวนมากในขณะนี้ เพราะก่อนหน้าทรูก็ประมูลได้ใบอนุญาตคลื่น 1,800 มาแล้ว
ระบบบริหารจัดการภายในของทรูจะต้องปรับปรุงแก้ไข เนื่องจากธุรกิจในกลุ่มของทรูมีจำนวนมาก จะต้องจัดการให้เกิดประสิทธิผลเพื่อให้กลุ่มทรูแข็งแกร่งขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ นายศุภชัย เจียรวนนท์ ก็รับรู้และได้เริ่มแก้ไขไปบ้างแล้ว
นายอาทิตย์ ยังกล่าวอีกว่า ในส่วนของระบบธรรมาภิบาล ที่ในช่วงนี้กลุ่มซีพีฯ ซึ่งรวมกลุ่มทรูเข้าไปด้วย ก็จะต้องปรับปรุงหลังจากผู้บริหารซีพีอออล์ โดยเฉพาะนายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานกรรมการบริหาร ถูกปรับจาก ก.ล.ต.เป็นเงินกว่า 30 ล้านบาท ฐานใช้ข้อมูลภายใน ทำให้สังคมตั้งข้อสงสัยในเรื่องนี้อย่างมาก ซึ่งธนาคารไทยพาณิชย์เอง ให้ความสำคัญในเรื่องระบบธรรมาภิบาล ก็ตั้งคำถามเช่นนี้กับผู้บริหารกลุ่มทรูเช่นกัน และเห็นความพยายามของนายศุภชัยที่ได้ตั้งใจจริงเรื่องการตอบแทนสังคมโดยเฉพาะซีเอสอาร์ และจะต้องทำงานหนักเรื่องนี้มากขึ้น
ไทยพาณิชย์เตรียมเจรจา "ทรู" ทำแผนการเงินหลังประมูลคลื่น 900 ชนะ
นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและรองประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ ในฐานะผู้ให้การสนับสนุนทางการเงินกับกลุ่มทรู เปิดเผยกับสปริงนิวส์ว่า ในสัปดาห์นี้จะหารือกับผู้บริหารของกลุ่มทรู ในเรื่องของการจัดทำแผนทางด้านการเงิน โดยเฉพาะในเรื่องของแบงก์การันตีที่จะต้องส่งให้ กสทช. ภายใน 90 วันหลังจากประมูลได้ ซึ่งในแผนจะต้องครอบคลุมในทุกด้าน โดยเบื้องต้น ทางทรูอาจจะใช้วิธีของการเพิ่มทุน หาพันธมิตรใหม่ หรือ ต้องหารือกับไชน่าโมบาย ที่ถือหุ้นใหญ่ในทรูด้วย หรือจำเป็นต้องกู้เงินด้วยวิธีการอื่นๆ ที่สำคัญแผนจะต้องมีความเป็นไปได้ทางการเงินที่ทำให้เจ้าหนี้มั่นใจได้เต็มที่
ทั้งนี้ ธนาคารเองเชื่อว่าในการจ่ายเงินงวดแรกจำนวนเกือบ 8,000 ล้านบาทนั้น ไม่มีปัญหา เพราะทรูมีสภาพคล่องทางการเงินจำนวนมาก ส่วนที่สำคัญ คือ เรื่องแผนทางการเงินและแผนการทำธุรกิจในระยะต่อไป หลังจากที่ประมูลได้คลื่นมาแล้วมากกว่า เพราะจะต้องทำให้ธนาคารและเจ้าหนี้มั่นใจเพียงพอว่า จะมีแผนที่จะสามารถขยายธุรกิจและแย่งส่วนแบ่งตลาดมามากเพียงพอ กับค่าประมูลใบอนุญาตที่ได้รับมาและต้องใช้เงินจำนวนมากในขณะนี้ เพราะก่อนหน้าทรูก็ประมูลได้ใบอนุญาตคลื่น 1,800 มาแล้ว
ระบบบริหารจัดการภายในของทรูจะต้องปรับปรุงแก้ไข เนื่องจากธุรกิจในกลุ่มของทรูมีจำนวนมาก จะต้องจัดการให้เกิดประสิทธิผลเพื่อให้กลุ่มทรูแข็งแกร่งขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ นายศุภชัย เจียรวนนท์ ก็รับรู้และได้เริ่มแก้ไขไปบ้างแล้ว
นายอาทิตย์ ยังกล่าวอีกว่า ในส่วนของระบบธรรมาภิบาล ที่ในช่วงนี้กลุ่มซีพีฯ ซึ่งรวมกลุ่มทรูเข้าไปด้วย ก็จะต้องปรับปรุงหลังจากผู้บริหารซีพีอออล์ โดยเฉพาะนายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานกรรมการบริหาร ถูกปรับจาก ก.ล.ต.เป็นเงินกว่า 30 ล้านบาท ฐานใช้ข้อมูลภายใน ทำให้สังคมตั้งข้อสงสัยในเรื่องนี้อย่างมาก ซึ่งธนาคารไทยพาณิชย์เอง ให้ความสำคัญในเรื่องระบบธรรมาภิบาล ก็ตั้งคำถามเช่นนี้กับผู้บริหารกลุ่มทรูเช่นกัน และเห็นความพยายามของนายศุภชัยที่ได้ตั้งใจจริงเรื่องการตอบแทนสังคมโดยเฉพาะซีเอสอาร์ และจะต้องทำงานหนักเรื่องนี้มากขึ้น