เหตุใดที่บรรจุภัณฑ์อาหารประเภทผลไม้สดตัดแต่งพร้อมรับประทานที่วางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อต้องเจาะรู/ช่องไว้บนสินค้า

ขอออกตัวก่อนนะคับว่าเป็นการตั้งกระทู้แรกของผมเลยอาจจะดูงงๆเล็กน้อยเพราะผมจะตั้งคำถามคู่กับความคิดเห็นส่วนตัวผมไปด้วย

ท่านใดมีความรู้เรื่องบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารประเภทผลไม้สดตัดแต่งพร้อมรับประทานที่วางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อบ้างครับ (เช่น ฝรั่ง , มะม่วง เป็นต้น)
หลายท่านรู้หรือไม่ว่า ในครั้งๆแรกๆที่ออกมาวางจำหน่ายนั้น เดิมทีไม่ได้มีการเจาะช่อง/รูเล็กๆที่แผ่นพลาสติกที่เคลือบหุ้มสินค้า แต่เมื่อวางจำหน่ายไปซักระยะหนึ่งก็มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบภาพบนพลาสติกที่เคลือบหุ้มสินค้า และ มีการเจาะช่อง/รูเล็กๆไว้บนสินค้า ซึ่งตอนแรกผมนึกว่ามันเป็นแค่บังเอิญที่พลาสติกอาจจะโดนอะไรกระทบเลยเกิดการฉีกขาด ซึ่งผมเป็นคนค่อนข้างจะช่างสังเกตุ และซื้อสินค้าประเภทนี้อยู่เป็นประจำ ก็เลยนำมาตรวจอย่างละเอียดก็เลยพบว่า ทุกชิ้นมีช่อง/รูเล็กๆไว้จริง


โดยความคิดเห็นส่วนตัวของผมแล้ว ผมคิดว่ามันไม่เหมาะสมและไม่ถูกต้องที่บรรจุภัณฑ์ประเภทหุ้มเคลือบเพื่อปกป้องอาหารให้มีความสะอาดและสดใหม่ จะมีช่อง/รูใดๆก็ตามที่จะสามารถทำให้สิ่งสกปรก เชื้อโรค หรือสิ่งปนเปื้อนใดๆก็ตามที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย เข้าไปสู่สินค้า/อาหารได้

โดยที่ความคิดเห็นผมอาจจะไม่ถูกต้อง ผมก็เรยอยากจะขอข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องนี้ เพราะผมเชื่อว่าทุกสิ่งย่อมต้องมีเหตุผลของมัน ซึ่งผมอาจจะเข้าใจไม่ถูกต้องไปเองก็ได้ ดังนั้นผมก็เลยต้องขอรบกวนให้ผู้รู้ช่วยไขข้อสงสัยของผมในเรื่องนี้ด้วยครับ ซึ่งผมมีภาพประกอบด้านล่างครับ โดยที่ผมนำภาพเฉพาะสินค้าประเภทมะม่วงมาเป็นตัวอย่าง (ที่ผมเจอจะมีฝรั่งด้วยครับโดยที่ผมจะวงสีแดงรอบช่อง/รูไว้ให้สังเกตุได้ง่ายขึ้น)
สองภาพนี้เป็นภาพด้านหลังแผ่นพลาสติกเคลือบ
  
สองภาพถัดมาจะเป็นด้านหน้าของสินค้าบนแผ่นพลาสติกเคลือบ


ภาพนี้เป็นความบังเอิญที่ผมเจอกะตัวเองคือ มีเศษอะไรไม่รู้อยู่ในบรรจุภัณฑ์ ซึ่งมันมีขนาดใหญ่กว่าช่อง / รู ก็ยังปลอมปนเข้ามาได้ !!!


จากทุกภาพ....ในความเห็นส่วนตัวของผม....ในภาพจะเห็นได้ว่าถ้ามองจากด้านหลังฉลากจะเห็นได้ว่า รูที่ได้ถูกเจาะนั้น อยู่ในจุดตำแหน่งเดียวกัน ทุกๆบรรจุภัณฑ์ ในสินค้าทุกชิ้น ทุกกล่อง ผมเลยวิเคราะห์เองว่า นั่นเป็นการเจาะที่เกิดขึ้นจากบริษัทผู้ผลิตโดยตรง

แต่ทว่าสิ่งที่ไม่สมควรที่สุดกว่านั้น ต้องสังเกตุจากรูปภาพฉลากพลาสติกหุ้มเคลือบด้านบนผลิตภัณฑ์ นั่นคือ ช่อง / รูที่ถูกเจาะ ได้อยู่ในตำแหน่ง / จุดที่มีการมองเห็น หรือสังเกตุได้ยาก ผมเลยวิเคราะห์เองว่า นั่นแสดงให้เห็นถึงความจงใจ มีเจตนาในการปิดบัง ปกปิด อำพรางช่อง/รูที่เจาะนั้น เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตุได้โดยง่าย จากผู้ซื้อสินค้า ซึ่งอาจจะด้วยสาเหตุบางประการสาเหตุใดสาเหตุหนึ่ง

ผมก็เลยเกิดคำถามขึ้นอีกคำถามหนึ่งว่า
ถ้า"บังเอิญ"วันใดวันหนึ่งก็ดี มีสิ่งสกปรก เชื้อโรคใดๆ ชนิดหนึ่ง "บังเอิญ"เล็ดรอดผ่านช่อง/รูนั้นตกลงสู่อาหาร และ"บังเอิญ"มีผู้บริโภครายหนึ่งมาซื้อไปเพื่อบริโภค และ"บังเอิญ"เสียยิ่งกว่านั้นคือผู้บริโภครายนั้น มีอาการแพ้ต่อสิ่งปลอมปนนั้นๆ อย่างรุนแรง ถึงขั้นพิการหรือเสียชีวิต

ท้ายที่สุดสำหรับคำถาม....ผมจะถามว่า ถ้าความ"บังเอิญ"เหล่านั้นเกิดขึ้นจริงกับคนใกล้ตัวของคุณ คุณจะ...

สุดท้ายนี้ในส่วนของความคิดเห็น ที่ผมทั้งตั้งคำถามและออกความเห็น ก็เพราะผมเป็นคนที่ซื้อสินค้าชนิดนี้เป็นประจำ และผมถามใครๆ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานในร้าน ตลอดจนถึงผู้จัดการร้าน ทั้งสาขาที่ใกล้บ้านผม และสาขาอื่นใดที่ผมได้เข้าไปซื้อ ก็ไม่มีใครเลย จะตอบคำถามผมได้ซักคน
ในวันนี้ผมเลยต้องขอรบกวนให้ ผู้ที่มีความรู้ในเรื่องนี้ช่วยตอบคำถามไม่ว่าจะเป็นที่มาหรือเหตุผลใดๆก็ตามเพื่อให้ผมได้รู้และเข้าใจในเรื่องที่ผมตั้งกระทู้ในครั้งนี้ว่า สิ่งที่ผมได้แสดงความเห็นนั้น ถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง อย่างไรเพราะอะไร ให้ผมได้รู้ ยอมรับ และเข้าใจในเรื่องที่ยังสงสัยต่างๆ

แต่อย่างน้อยผมก็แอบรู้สึกดีเล็กๆที่ความอยากรู้ก็ดี ความเห็นของผมก็ดี น่าจะช่วยให้คุณภาพการใช้ชีวิตการกินอยู่ของผู้บริโภค(โดยเฉพาะตัวผมเองที่ซื้อทานประจำ)ดีขึ้นบ้างนิดนึงก็ยังดี (^v^)
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
คุณเข้าใจถูกต้องเเล้วนะครับว่ามันไม่ใช่ความบังเอิญ จริงๆ แล้วบรรจุภัณฑ์ของผลไม้ตัดแต่ง ต้องเป็นวัสดุที่ยอมให้ปริมาณ Oxygen, Carbondioxide และ/หรือ Ethylene gas (ผลไม้สุกจะปล่อยแก้สออกมา) และ/หรือ ความชื้นผ่านเข้า-ออกได้อย่างเหมาะสม เป็นสาเหตุให้ผลไม้ด้านในมีการชะลอการเน่าเสีย ไม่เสื่อมสภาพหรือมีกลิ่นรสที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งวัสดุนี้ก็ราคาไม่ถูกครับ ดังนั้นผู้ผลิตผู้ขายหลายรายจึงนิยมใช้วัสุดที่ราคาต่ำลง แต่มีคุณสมบัติการยอมให้สิ่งที่กล่าวมานั้นผ่านเข้า-ออก แย่กว่าวัสดุที่มีคุณภาพสูง ทางออกที่ง่ายและถูกที่สุดคือเจาะรูให้มันสามารถระบายเข้าออกได้ไงครับ เพราะผักผลไม้ตัดแต่งยังคงหายใจต่อไปแม้จะถูกเก็บเกี่ยวมาแล้วตัดแต่งให้อยู่ในบรรจุภัณฑ์

แต่ก็จริงๆ อีกนั่นล่ะ มันก็ยังมีเทคนิคที่นิยมใช้กันในโรงงานผลิตผลไม้ตัดแต่ง นั่นคือเทคนิคที่เรียกว่าคือ Modified atmosphere packaging (MAP) หรือการดัดแปลงสภาพบรรยากาศภายในบรรจุภัณฑ์ ลองดูใน 7-11 ก็ได้ครับ พวกแอ้บเปิ้ลสดของ Dole เป็นต้น เขาจะเเพคโดยการดัดแปลงสภาพในบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมต่อการช่วยชะลออายุของผลไม้ตัดแต่งเช่น การดูดอากาศออก การเติมอากาศ หรือก๊าซเฉื่อยเข้าไป ดังนั้นวิธีนี้ก็ยุ่งยากเพิ่มขึ้น เพิ่มค่าใช้จ่ายมากขึ้นครับ

ทีนี้กับข้อสงสัยเรื่องการปนเปื้อนซ้ำ ผมเห็นด้วยครับที่ไม่ควรมีรู เพราะว่าจะอาจจะทำให้เชื้อจุลินทรีย์ สาเคมี หรืออันตรายทางกายภาพจากเศษอื่นๆ เข้าไปปนเปื้อนได้ ซึ่งของพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นของที่พร้อมกินได้เลยไม่ต้องทำความสะอาดอีก  ทำให้มีโอกาสการปนเปื้อนซ้ำกลับเข้าไปและอันตรายทางชีวภาพ เคมี และกายภาพ มีสิทธิ์ทำอันตรายต่อผู้บริโภคได้ครับ ก็หลายคนคงอาจไม่เข้าใจว่าโรงงานทำมาดี สะอาด ควบคุมการปนเปื้อน แต่ทำไมมาตายที่บรรจุภัณฑ์นะครับ ดักคอไว้ก่อนว่าหลายท่านอาจมาบอกว่า รถเข็นอันตรายกว่า แต่ จขกท เขามีสิทธิ์ถามในส่วนที่เขาอยากรู้นะครับ

แต่! ยังมีอีกหลายแต่ 5555 ผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายคงประเมินความเสี่ยงของความปลอดภัยในอาหารมาแล้วครับ ว่ารูเล็กๆ นี่ มีความเสี่ยงน้อย (จริงๆ เสี่ยงมากเสี่ยงน้อยในฐานะนักวิทย์การอาหาร ผมไม่เห็นด้วย และนิสัยแบบนี้เจ้าของโรงงานไม่ชอบ 5555 เต่เวลาเราอยู่ในโรงงานเราคิดเสมอครับว่าเราคือตัวแทนของคนกิน มาตรวจโรงงานให้ทุกอย่างมันดีต่อคนกิน) ทางผู้ผลิตจึงยังสามารถขายแบบนี้ต่อไปครับ โดยเขาก็จะกำหนดวันหมดอายุ และวิธีการเก็บ การจัดจำหน่าย ให้ปนเปื้อนอันตรายสามอย่างที่ผมว่ามาให้น้อยที่สุด เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้บริโภคครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่