ขอเกริ่นก่อนนะคะ เรากับแฟนและครอบครัวแฟน(แม่/น้องสาวแฟน) กำลังจะย้ายเข้าบ้านที่น้องสาวแฟนซื้อ โดยยื่นกู้ร่วมกับพี่สาวแฟนค่ะและทำเรื่องโอนเรียบร้อยไปแล้วประมาณต้นเดือนที่ผ่านมานี้ค่ะ โดยผ่อนเดือนละ 24000 และชื่อเจ้าบ้านก็คิดว่าเป็นชื่อน้องสาว หรือไม่ก็น้องสาวและพี่สาวแฟน
ตอนแรกที่เค้ามาจัดการ เค้าไม่ได้บอกให้เรากับแฟนช่วยผ่อนค่ะ ก็แค่ช่วยแค่น้ำค่าไฟ ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดภายในบ้าน เพราะแฟนเราหนี้สินค่อนข้างมากและติดแบลคลิสต์ค่ะ ส่วนเราเค้าไม่ได้ถามไถ่อะไรเรื่องให้กู้ร่วม
ทีนี้เค้าจะให้เรากับแฟนช่วยจ่ายค่าบ้านครึ่งหนึ่งคือ 15000 รวมกับทางน้องสาวแฟนอีก 15000 เป็น 30000 ส่วนที่เหลือจาก 24000 คือ 6000 เป็นค่าใช้จ่ายต่างๆในบ้านค่ะ และเริ่มจ่ายสิ้นเดือนนี้ค่ะ
ตอนนี้เรายังไม่ได้จดทะเบียนค่ะ แต่กำลังจะจดภายในปีนี้ ถ้าหาวันไม่ได้ ก็เป็นเดือนมีนาเลย แล้วววววคือออ....มันจะนับเป็นสินสมรสมั้ย หรือไม่อย่างไร เพราะแฟนก็ไม่มีชื่อ แต่ลงเงิน ส่วนเราก็กำลังจะจดทะเบียน
คือที่อยากจะรบกวนขอคำปรึกษาคือว่า ถ้าเรากับแฟนเริ่มช่วยจ่ายไป เราหรือแฟน/เราและแฟนจะมีกรรมสิทธ์อะไรให้บ้านมีมั้ยคะ ในทางกฎหมาย ถ้าเริ่มช่วยจ่ายตั้งแต่งวดมกรา
เราเป็นคนคิดเยอะ คิดเล็กคิดน้อยอ่ะค่ะ เราคิดว่าเงิน 15000 ไม่ใช่น้อยๆ เพราะลำพังเดือนชนเดือนก็ไม่พอแล้ว แล้วเราก็ไม่ค่อยกินเส้นกับน้องสาวแฟนซักเท่าไหร่ ไม่คุยกัน ไม่พูดกัน ต่างคนต่างอยู่
ถ้าเรากับแฟนช่วยจ่าย 15000 ต่อเดือน นี่คือสิ่งที่เราคิดค่ะ
-กรณีแย่ๆ ถ้าแยกทาง เงินที่เราช่วยลงในค่าบ้านไปสูญหมด เลิกดีอาจจะได้คืนหรือจ่ายบางส่วนที่เราช่วยจ่ายไปกลับมา แต่ถ้าไม่ดีคนซวยคือเราเงินเสียแถมต้องโดนไสหัวออกจากบ้าน
-กรณีแฟนเกิดเป็นอะไรขึ้นมา แล้วเราล่ะ อยู่ในบ้านนั้นคนเดียวยังไง มีสิทธิ์ความเป็นเจ้าของซักนิดไหม
-กรณีดีๆเลย อยู่กันสุขสันต์กับแฟนไปเรื่อยๆ แต่ผ่อน 15000 ไปอีก 20-30 ปี (ตอนนี้เราอายุ 30) จนเราอายุ 50-60 แต่เราก็จะไม่มีอะไรเป็นของตัวเองเลย อย่างนี้กู้ผ่อนคอนโดดีกว่ามั้ย มีชื่อเป็นของตัวเอง ผ่อนไม่ถึง 15000
คือเราก็ไม่รู้ว่าอนาคตมันจะเกิดอะไรบ้าง มันอาจจะดี มันอาจจะแย่ มันอาจจะมีตัวลากทางอื่น เราแค่อยากจะเตรียมทางไว้รับมือ
แฟนเราว่าเราเรื่องเยอะ กลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง จะว่าเราเห็นแก่ตัวก็ใช่นะ เรากลัวอนาคตมีปัญหา เราเอาทั้งหมดนี้ที่เราคิดไปคุยกับแฟน แฟนก็บอกว่า ”ตอนนี้มันทำอะไรไม่ทันแล้ว มันต้องช่วยน้องจ่าย เพราะบ้านนี้ถ้าเราไม่ช่วยจ่ายน้องก็ไม่ไหวจ่ายไม่รอดเหมือนกัน มันก็เหมือนเราเป็นเจ้าของด้วยครึ่งนึงแหละ แล้วจะให้แฟนทำยังไง คือทำอะไรไม่ได้แล้ว”
เราเครียดมากเรื่องนี้ไม่รู้จะหันหน้าปรึกษาใคร แฟนเราก็คนกลาง ใจจริงเราก็สงสาร จะไปพูดเรื่องชื่อบ้านมันก็ไม่กล้าพูด เราเองจะไปพูดเองทั้งๆที่อยากพูดก็กลัวจะหาว่างั้นงี้เห็นแก่ตัว เรื่องแค่นี้ต้องเอามาทวงสิทธิ์
ปล. บ้านหลังนี้พี่สาวแฟนเป็นคนจัดการทุกอย่างตั้งแต่ก่อนซื้อจนซื้อเสร็จ และทุกๆอย่างภายในบ้าน การขึ้นบ้านใหม่เอย การจัดสวน การทำม่าน
ปล ระบาย. ตอนแรกคุยกับแฟนว่าเราได้ 2 ห้องเล็ก เอาของเก็บอีกห้อง นอนอีกห้อง แต่ไม่เลย เรามีสิทธิ์แค่ห้องเล็กนั้นที่เค้าให้ อีกห้องให้พระนอน(พระพุธรูป) คนยังอยู่ไม่สบายเลบ อัดตัวกันลงในห้อง 2.6*3 เมตร พร้อมสมบัติและเสื้อผ้า เราอยากซื้อเฟอนิเจอร์ใส่ห้อง จัดการให้เรียบร้อยทีเดียวเพื่อจัดการกับของ แฟนเราก็ไม่อยากให้ซื้อ เพราะกลัวที่บ้านมองว่ามามีเงินซื้อเฟอนิเจอร์ทั้งๆที่ต้องผ่อนบ้านด้วย เพราะทางฝั่งน้องสาวกะแม่เค้าจะไม่ซื้อะไรเลยนอกจากฟูกไว้นอน อึดอัดดดดดดดดดมากกกกกกก ในเมื่อช่วยจ่ายคนละครึ่งแล้ว อยู่ห้องเล็ก อีกห้องก็ใช้ไม่ได้
รบกวนปรึกษาเรื่องการผ่อนบ้าน สินสมรส และการมีสิทธิ์ในบ้านที่เราไม่มีชื่อหน่อยค่ะ
ตอนแรกที่เค้ามาจัดการ เค้าไม่ได้บอกให้เรากับแฟนช่วยผ่อนค่ะ ก็แค่ช่วยแค่น้ำค่าไฟ ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดภายในบ้าน เพราะแฟนเราหนี้สินค่อนข้างมากและติดแบลคลิสต์ค่ะ ส่วนเราเค้าไม่ได้ถามไถ่อะไรเรื่องให้กู้ร่วม
ทีนี้เค้าจะให้เรากับแฟนช่วยจ่ายค่าบ้านครึ่งหนึ่งคือ 15000 รวมกับทางน้องสาวแฟนอีก 15000 เป็น 30000 ส่วนที่เหลือจาก 24000 คือ 6000 เป็นค่าใช้จ่ายต่างๆในบ้านค่ะ และเริ่มจ่ายสิ้นเดือนนี้ค่ะ
ตอนนี้เรายังไม่ได้จดทะเบียนค่ะ แต่กำลังจะจดภายในปีนี้ ถ้าหาวันไม่ได้ ก็เป็นเดือนมีนาเลย แล้วววววคือออ....มันจะนับเป็นสินสมรสมั้ย หรือไม่อย่างไร เพราะแฟนก็ไม่มีชื่อ แต่ลงเงิน ส่วนเราก็กำลังจะจดทะเบียน
คือที่อยากจะรบกวนขอคำปรึกษาคือว่า ถ้าเรากับแฟนเริ่มช่วยจ่ายไป เราหรือแฟน/เราและแฟนจะมีกรรมสิทธ์อะไรให้บ้านมีมั้ยคะ ในทางกฎหมาย ถ้าเริ่มช่วยจ่ายตั้งแต่งวดมกรา
เราเป็นคนคิดเยอะ คิดเล็กคิดน้อยอ่ะค่ะ เราคิดว่าเงิน 15000 ไม่ใช่น้อยๆ เพราะลำพังเดือนชนเดือนก็ไม่พอแล้ว แล้วเราก็ไม่ค่อยกินเส้นกับน้องสาวแฟนซักเท่าไหร่ ไม่คุยกัน ไม่พูดกัน ต่างคนต่างอยู่
ถ้าเรากับแฟนช่วยจ่าย 15000 ต่อเดือน นี่คือสิ่งที่เราคิดค่ะ
-กรณีแย่ๆ ถ้าแยกทาง เงินที่เราช่วยลงในค่าบ้านไปสูญหมด เลิกดีอาจจะได้คืนหรือจ่ายบางส่วนที่เราช่วยจ่ายไปกลับมา แต่ถ้าไม่ดีคนซวยคือเราเงินเสียแถมต้องโดนไสหัวออกจากบ้าน
-กรณีแฟนเกิดเป็นอะไรขึ้นมา แล้วเราล่ะ อยู่ในบ้านนั้นคนเดียวยังไง มีสิทธิ์ความเป็นเจ้าของซักนิดไหม
-กรณีดีๆเลย อยู่กันสุขสันต์กับแฟนไปเรื่อยๆ แต่ผ่อน 15000 ไปอีก 20-30 ปี (ตอนนี้เราอายุ 30) จนเราอายุ 50-60 แต่เราก็จะไม่มีอะไรเป็นของตัวเองเลย อย่างนี้กู้ผ่อนคอนโดดีกว่ามั้ย มีชื่อเป็นของตัวเอง ผ่อนไม่ถึง 15000
คือเราก็ไม่รู้ว่าอนาคตมันจะเกิดอะไรบ้าง มันอาจจะดี มันอาจจะแย่ มันอาจจะมีตัวลากทางอื่น เราแค่อยากจะเตรียมทางไว้รับมือ
แฟนเราว่าเราเรื่องเยอะ กลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง จะว่าเราเห็นแก่ตัวก็ใช่นะ เรากลัวอนาคตมีปัญหา เราเอาทั้งหมดนี้ที่เราคิดไปคุยกับแฟน แฟนก็บอกว่า ”ตอนนี้มันทำอะไรไม่ทันแล้ว มันต้องช่วยน้องจ่าย เพราะบ้านนี้ถ้าเราไม่ช่วยจ่ายน้องก็ไม่ไหวจ่ายไม่รอดเหมือนกัน มันก็เหมือนเราเป็นเจ้าของด้วยครึ่งนึงแหละ แล้วจะให้แฟนทำยังไง คือทำอะไรไม่ได้แล้ว”
เราเครียดมากเรื่องนี้ไม่รู้จะหันหน้าปรึกษาใคร แฟนเราก็คนกลาง ใจจริงเราก็สงสาร จะไปพูดเรื่องชื่อบ้านมันก็ไม่กล้าพูด เราเองจะไปพูดเองทั้งๆที่อยากพูดก็กลัวจะหาว่างั้นงี้เห็นแก่ตัว เรื่องแค่นี้ต้องเอามาทวงสิทธิ์
ปล. บ้านหลังนี้พี่สาวแฟนเป็นคนจัดการทุกอย่างตั้งแต่ก่อนซื้อจนซื้อเสร็จ และทุกๆอย่างภายในบ้าน การขึ้นบ้านใหม่เอย การจัดสวน การทำม่าน
ปล ระบาย. ตอนแรกคุยกับแฟนว่าเราได้ 2 ห้องเล็ก เอาของเก็บอีกห้อง นอนอีกห้อง แต่ไม่เลย เรามีสิทธิ์แค่ห้องเล็กนั้นที่เค้าให้ อีกห้องให้พระนอน(พระพุธรูป) คนยังอยู่ไม่สบายเลบ อัดตัวกันลงในห้อง 2.6*3 เมตร พร้อมสมบัติและเสื้อผ้า เราอยากซื้อเฟอนิเจอร์ใส่ห้อง จัดการให้เรียบร้อยทีเดียวเพื่อจัดการกับของ แฟนเราก็ไม่อยากให้ซื้อ เพราะกลัวที่บ้านมองว่ามามีเงินซื้อเฟอนิเจอร์ทั้งๆที่ต้องผ่อนบ้านด้วย เพราะทางฝั่งน้องสาวกะแม่เค้าจะไม่ซื้อะไรเลยนอกจากฟูกไว้นอน อึดอัดดดดดดดดดมากกกกกกก ในเมื่อช่วยจ่ายคนละครึ่งแล้ว อยู่ห้องเล็ก อีกห้องก็ใช้ไม่ได้