[รีวิว] ทริป Osaka-Ktoyo-USJ-Nara 3 วัน 2 คืน กับ 19,000 บาท (นอนสนามบินคันไซ)



สวัสดีค่ะ เรารู้ว่าตอนนี้ในพันทิปคงมีคนมารีวิวทริปญี่ปุ่นของตัวเองเต็มไปหมด ถูกบ้าง แพงบ้าง เที่ยวเยอะบ้าง เที่ยวน้อยบ้าง แต่เราก็เชื่อว่าในทริปของแต่ละคน ต่างก็มีเสน่ในตัวเอง และในฐานะที่ก่อนไปเราก็อาศัยการหาข้อมูลโดยดูตามรีวิวของหลายๆคนในนี้ เพราะฉะนั้นวันนี้ขอทำรีวิวของตัวเองลงไว้บ้างเป็นการตอบแทนนะคะ

หลังจากผัดวันประกันพรุ่งมานาน ก็ได้เวลาทุบกระปุกเงินเก็บสำหรับทริปไปเที่ยวค่ะ (เราใช้วิธีเก็บแบงค์ 50 กับเอาเงินที่ได้มาในโอกาสต่างๆ ใส่ไว้ตอนรู้สึกอยากไปเที่ยว) เก็บมาปีกว่าๆ ได้มาเจ็ดพันนิดๆ ถึงไม่มากแต่ก็ยังรู้สึกดีกว่าถอนเงินเก็บเพียวๆ มาเที่ยว (เงินส่วนที่ขาดก็เอาเงินเก็บโปะๆ เอา)



ทริปของเราทริปนี้เกิดขี้นก่อนวันเดินทางจริงประมาณ 2 อาทิตย์เท่านั้น แน่นอนว่ามันกระชั้นชิดมากสำหรับการที่จะมาเริ่มหาตั๋วเครื่องบินและที่พักในเวลาแบบนี้ แต่เราก็พบกับตั๋วเครื่องบิน+โรงแรม 2 คืน จากแอร์เอเชียในราคาหมื่นสองกว่าๆ (+ ค่าโหลดสัมภาระเพื่อความสบายใจก็อยู่ที่ 13,040 บาท ค่ะ)

เราออกเดินทางกันในวันที่ 12 – 16 ธันวาคม แต่ตัดวันหัวกับท้ายที่เป็นการนั่งเครื่องออก ก็เหลือเที่ยวญี่ปุ่นจริงๆ 3 วัน 2 คืน (มีแต่คนด่าว่าแกไปทำไมแค่นี้ อย่างกับไปเที่ยวต่างจังหวัด แต่เรามีธุระทำให้ต้องรีบกลับมาค่ะ)

ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ใช้ไป
ตั๋วเครื่องบิน + ที่พัก 13,040 บาท
ค่าตั๋ว Universal Studio Japan 2,120 บาท (ซื้อไปจากไทย)
ค่าเดินทางตลอดทริป 2,082 บาท
ค่าอาหารและขนม 1,324 บาท
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ (ค่าอาบน้ำ ค่าเข้าวัด ฯลฯ )  397 บาท
รวม  18,963 บาท
(ถ้ารวมค่าของฝากให้คนอื่นและตัวเองที่ซื้อเพิ่มแล้ว ยอดรวมทั้งทริปเราอยู่ที่ 22,000 บาทค่ะ)

**ทริปแบบนี้เหมาะกับการลุยๆ ไปเที่ยวกันเองนะคะ ใครจะพาพ่อแม่ญาติผู้ใหญ่ไปอย่าทำตามเลย พาพวกท่านไปแบบสบายๆดีกว่าค่ะ ยังไงก่อนออกเล่าขอเล่าระดับความรันทดของทริปนี้ก่อนแล้วกันเนอะ

ตั๋วเครื่องบิน + ที่พัก
ราคา 13,000 บาทในการจองที่กระชั้นชิดแบบนี้ถือว่าถูกมากสำหรับเรา เพราะฉะนั้นคุณภาพก็เป็นไปเหมาะสมกับราคาค่ะ เครื่องบินไฟลท์ดึก เลือกที่นั่งไม่ได้ ไม่มีอาหาร ไม่มีผ้าห่ม เหมาะกับทริปห่ามๆลุยๆซะมากกว่า ถ้าพาพ่อแม่ไปพาท่านนั่งพวกการบินไทย หรือ ANA ดีกว่าค่ะ เทียบกับการบริการ ความสบาย ความประทับใจที่เพิ่มขึ้นแล้วความคุ้มค่าของราคาที่จ่ายไปนี่ไม่ต่างกันเลย ส่วนที่พักเราชื่อโรงแรม Hearton Shinsaibashi ในโอซาก้า เป็นโรงแรมระดับ 3 ดาว อยู่ใกล้สถานีและแหล่งชอปปิ้ง คุ้มค่ากับราคามากๆค่ะ ( จองโรงแรมแค่สองคืนนะ คืนแรกเรานอนที่สนามบิน )

การเดินทาง
ตลอดการเดินทางในทริปนี้เราซื้อชุดบัตรเติมเงิน ICOCA + HARUKA(ไป-กลับสนามบิน) ราคา 4,060 เยน และเติมเงินเพิ่มไป 2,000 เยนค่ะ ใช้รถไฟและSubway ตลอดการเดินทาง( ในเกียวโตด้วยค่ะ ไม่ได้ขึ้น BUS นะ) ความจริงการใช้บัตร Kansai Thru Pass จะถูกกว่า แต่เนื่องจากเราไม่อยากมานั่งกังวลเรื่องข้อจำกัดของบริษัทรถไฟที่ขึ้นได้ใน Kansai thru เลยเลือกบัตรตัดตามยอดใช้จริงสบายๆดีกว่า (ถ้าดูทริปจะเห็นว่าเราใช้ JR ปนด้วยเยอะมากซึ่ง Kansai Thru ใช้ไม่ได้ )

อาหารการกิน
ทริปนี้หมดเงินค่าอาหารไปพันกว่าบาทเอง ด้วยความที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเดินเที่ยวเดินมันจนลืมหิวลืมกิน หาร้านไม่ได้ก็พึ่ง Lawson กับ Family mart เอา ใน USJ ก็ได้ซื้อแค่รถเข็นข้างทางไปยืนกินระหว่างต่อแถวเครื่องเล่น เข้าร้านอาหารจริงๆนับครั้งได้ แต่ก็ยังได้ชิมขนมข้างทางอย่างมันเผา โมจิ ทาโกะยากิอะไรพวกนี้อยู่บ้างค่ะ (ความจริงได้ไปหาเพื่อนคนญี่ปุ่นแล้วเค้าเลี้ยงข้าวมื้อนึงด้วยเลยประหยัดตังค์ไปอีกหน่อย)

สถานที่ท่องเที่ยว
อันนี้เป็นการไปเที่ยวแบบตามใจฉันนะคะ เน้นที่ไปง่ายๆเป็นหลัก เราไม่ได้ตามไปที่ดังๆที่เค้าไปกันหมดด้วยเวลาเราน้อย เอาแค่ที่อยากไป แล้วอยู่กันตามแต่เวลาจะมี บางทีไม่ทันก็ตัดบ้างอะไรบ้าง

เงินติดตัวและของฝาก
เราหมดเงินกับของฝากคนอื่นและของที่ตัวเองอยากได้ไปแค่สามพันนิดๆเองค่ะ เราถือคติเวลาคนอื่นไปเมืองนอกเราไม่เคยไปเบียดเบียนเวลาเที่ยวใครด้วยการฝากให้เขาซื้อของให้
เพราะงั้นเวลาเราเที่ยวก็จะไม่ให้ใครฝากเราเหมือนกัน(ยกเว้นที่พอโอเคจริงๆ) แถมเราไม่ค่อยถูกปากขนมญี่ปุ่นกล่องสวยๆตามร้านของฝากซะด้วย (กล้วยโตเกียวนี้ไม่ต้องพูดถึง = =” ) เรามักหมดกับของแปลกๆ ราคาถูกไม่มีขายที่ไทยตามร้าน 100 เยนซะมากกว่า สินค้าแบรนด์ก็ไม่ได้ถูกใจอะไรกับของญี่ปุ่นเท่าไหร่ เพราะงั้นทริปนี้แลกเงินติดตัวไป 50,000 เยน หักค่ากิน ค่าเดินทาง ค่าของแล้ว ใช้ไปครึ่งเดียวเองค่ะ ใครที่ไม่ใช่ขาชอปหมดห่วงเรื่องเงินได้เลย

wifi และการเตรียมตัวอื่นๆ
เราไม่ได้ใช้ social network เท่าไหร่ แถมไปกันแค่ 2 คน เลยไม่ได้เช่า Pocket wifi ไปเพราะคิดว่าไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น อาศัย wifi โรงแรมเช็คเฟสบุ๊ค กับคอลไลน์คุยกับที่บ้านเอา และเพราะไม่มี wifi ตลอดทั้งการเดินทางเราจึงไม่สามารถใช้กูเกิ้ลแมพหรือตัวช่วยอะไรได้ สิ่งที่เราใช้ตลอดการเดินทางจึงมีแค่...
- แผนการเดินทางที่ทำไว้จากไทย(ดูรีวิวคนอื่น + วางแผนรถไฟไว้ด้วย hyperdia )
- แผนที่เส้นทางรถไฟของแต่ละเมือง
- หนังสือท่องเที่ยว 1 เล่ม(พกให้อุ่นใจแต่แทบไม่ได้เปิดขึ้นมาดู)
โดยมีตัวช่วยที่สำคัญที่สุดคือ “การถามทาง” ค่ะ



เริ่มกันเลยนะคะ ตอนไปเที่ยวเราไม่ได้ตั้งใจว่ากลับมาจะทำรีวีว เพราะงั้นรูปพวกนี้เลยเป็นรูปถ่ายเล่นๆ ตามใจฉันจากไอโฟนแล้วก็กล้องฟิล์ม อาจจะไม่ได้สวยหรือมีประโยชน์เท่าไหร่ แต่ก็จะเอาลงเท่าที่ลงได้เนอะ

วันออกเดินทาง
วันออกเดินทางเราไปกันด้วย สายการบิน air asia X รอบเวลา 15.40 น.ค่ะ ซึ่งจะถึงสนามบินคันไซเวลาประมาณ 5 ทุ่ม หลังจากผ่านตม. และรับกระเป๋าแล้ว หลายๆคนก็อาจจะต่อรถบัสเข้าเมืองกลับที่พักกัน แต่มันดึกแล้วพวกเราไม่อยากไปนั่งรถต่ออีก เพราะงั้นที่ที่เราจะไปกันคือนี่ค่ะ เดินต่อไปยังอาคารชื่อ AEROPLAZA จะเห็นมีป้ายของ Hotel nikko kansai airport อยู่



อ๊ะๆ แต่พวกเราไม่ได้จะไปโรงแรมกัน เรามาที่นี่ต่างหากค่ะ...



Resting Area ของสนามบิน

หลายๆคนอาจจะเคยได้ยินเรื่องสนามบินคันไซไม่อนุญาตให้คนไปนอนกันตามเก้าอี้ในอาคารผู้โดยสารแล้ว เค้าเลยจัดโซนตรงนี้เฉพาะให้ค่ะ มีwifi ฟรี ที่ชาร์ตแบตฟรี ผ้าห่มบริการฟรีด้วย (แต่ตอนเราถึงไปผ้าห่มหมดแล้วเลยต้องเอาเสื้อคลุมมาห่มแทน)

ตอนแรกเราก็กังวลเรื่องการมานอนสนามบินนะคะ เพราะหนึ่งในความรู้สึกที่เกลียดที่สุดก็คือ การตื่นมางัวเงียแล้วต้องออกไปเที่ยวต่อตัวเน่าโดยที่ยังไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สดชื่น แต่ที่ Rasting Area นี้ก็มีห้องอาบน้ำบริการในราคา 500 เยนค่ะ เราเลยหมดห่วงเรื่องที่อาบน้ำตอนเช้าไปเลย



ใน 1 ห้องอาบน้ำจะมีห้องแยกเป็น 2 ส่วน คือ
1.ส่วนอาบน้ำจริงๆ มีสบู่ แชมพูฟรี (ผ้าเช็ดตัวถ้าไม่มีซื้อได้ในราคา 200 เยน) หยอดเงิน 500 เยนสำหรับน้ำไหล 15 นาที(เชื่อว่าไม่มีใครใช้ถึง 555 )
2.ส่วนห้องแต่งตัวค่ะ กว้างพอสมควร มีกระกร้า ไม้แขวนเสื้อ กระจกเตรียมให้ ถ้าสระผมก็ไปยืมไดร์เป่าผมฟรีมาใช้ได้เลย

สำหรับวันออกเดินทางก็เท่านี้ก่อนแล้วกันนะคะ ^^

**วันอื่นๆ กำลังทยอยลงต่อในคอมเม้นนะคะ ก๊อปมาจากที่พิมพ์แล้วจำนวนตัวอักษรเกินค่ะ > <
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่