สวัสดีค่าาาา

ยินดีต้อนรับเพื่อนๆพี่ๆชาวพันทิป เข้าสู่
กระทู้รีวิวแรกของเรานะคะ ถ้าผิดพลาดตรงไหน ต้องขออภัยมา ณ.ที่นี้ด้วยน้าาา อาจจะมีพิมผิดบ้าง ใช้ภาษาวัยรุ่นบ้าง ก็ขอให้เข้าใจด้วยนาจาา เพื่อเป็นอรรถรสในการอ่านโน้ะ งั้นเรามาเริ่มกันเล้ยยยยย เยยย้
"การเดินทางพิชิตยอดภูกระดึง"
หลังจากที่แฟนไม่ได้พาไปเที่ยวเชียงใหม่ด้วย แฟนก็เลยมีข้อเสนอใหม่ให้ โดยการบอกว่า.."งั้นเดี๋ยวเราไปภูกระดึงกัน แกรู้จักมั้ย ลองไปหาดูๆ" ตอนนั้นเราก็ไม่รู้จักหรอกว่า ภูกระดึงอยู่ที่ไหน ไปยังไง คือไม่รู้อะไรเกี่ยวกับภูกระดึงเลย พอได้ยินแบบนี้ เราก็รีบไปหาอย่างเร็วเลย พอเข้าไปอ่านมันก็ทำให้เราตัดสินใจจะไปอย่างรวดเร็ว เพราะอะไรอะหรอ..ก็เพราะว่า มันเป็นที่ที่มีตำนานอะดิ ภูกระดึง ภูเขาที่เป็นรูปหัวใจ แอร้ยยย แค่นี้ก็รู้สึกถึงความโรแมนติก

...จ่ะ

กลับเข้ามาสู่ความเป็นจริง คือตามตำนานเค้าบอกว่า "หากจะพิสูจน์รักแท้ ให้พาคนรักไปร่วมพิสูจน์รัก ด้วยการเดินทางพิชิตยอดภูกระดึงด้วยกัน ถ้าหากคนรักสามารถร่วมเดินทางไปกับเราจนถึงยอดภูและคอยช่วยเหลือ ดูแลกันและกันเป็นอย่างดีแล้วหละก็ เขาก็คือรักแท้ของเราเป็นแน่แท้" ตู้วหู้วววววว

พออ่านได้ถึงตรงนี้ก็คิดละว่า ต้องไป(must go)!! เราก็เริ่มหาข้อมูลมากขึ้น คือ กะตือรือร้นมากอ่ะ
"ก่อนวันที่จะไป 1 วัน"
วันพฤหัสที่ 10 ธันวาคม หลังจากที่กลับมาจากมหาวิทยาลัย เราก็เตรียมตัวจัดของเก็บกระเป๋า แล้วเราก็ส่งlist ของที่จะต้องเอาไปให้แฟน ให้แฟนจัดกระเป๋าเตรียมไว้เหมือนกัน(แต่สุดท้ายเราก็ไปช่วยจัดอยู่ดี กิกิ)

จากนั้นก็เริ่มเก็บกระเป๋ากันเลอออ *ขนาดแค่เก็บกระเป๋าก็ยังตื่นเต้นสุดๆ*
"What's in My Backpack"
จากที่เราอ่านมา
ช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคม จะมีอากาศหนาวเย็น ตอนที่เราจัดกระเป๋าก็ไม่ได้คิดว่าจะหนาวอะไรขนาดนั้นหรอกมั้ง..อาจจะแค่เย็นๆ(พอไปถึงแล้ว..รู้สึกเลย)
เสื้อผ้า
1. เสื้อกันหนาว เราเอาไป 2ตัว(ควรจะเอาแบบหนาๆไปหน่อย จริงๆนะ เชื่อเถอะ)

2. เสื้อยืดธรรมดา 3ตัว
3. เสื้อยืดแขนยาว 1ตัว
4. กางเกงวอร์มขายาว 2ตัว
5. กางเกงขาสั้น 3ตัว
6. เสื้อคู่ 1ตัว (ใส่คู่กับแฟนตอนเดินขึ้นภู อิอิอิ #โดนเตะออกจากกระทู้ตัวเอง)

7. ถุงเท้า 4 คู่
ปล.จำนวนตัวที่เอาไป เพื่อนๆสามารถจัดตามความเหมาะสมของจำนวนวันหรือตามความต้องการของเพื่อนๆเองได้นะคะ
อาบน้ำ
1. ครีมอาบน้ำ (แบ่งใส่ขวดเล็กๆไป เพื่อความสะดวกในการพกพา)
2. ยาสระผม (แต่ส่วนมากไม่ค่อยเห็นคนสระ ถ้าไปหน้าหนาว แต่เราสระนาจาาา อิอิ><")
3. ยาสีฟัน
4. แปรงสีฟัน
5. โฟมล้างหน้า
ของจำเป็นอื่นๆ
1. ยา (สำหรับคนเป็นโรคประจำตัว สำคัญมากๆ ห้ามลืมเลย)
2. ไฟฉาย (แต่ถ้าจะเปิดเอาจากโทรศัพก็ได้เหมือนกัน)
3. ยานวด (เอาไปได้ใช้แน่นอน T_T)
ปล.ข้างบนศูนย์บริการนักท่องเที่ยวจะมีห้องยาอยู่นะ แต่เราไม่ได้เข้าไป แค่เดินผ่าน
"Let's go"
11 ธันวาคม 2558 และแล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่เรารอคอย วันที่เราจะออกเดินทางไปพิชิตภูกระดึงกัน พร้อมแล้วก็..
ไป กัน เล้ยยยย
เราวางแพลนไว้ว่าจะไปภูกระดึงกัน
3วัน 2คืน ตอนนั้นเป็นเวลาประมาน
เที่ยงครึ่ง แฟนเราก็โทมาถามว่า "จองตั๋วรถทัวร์รึยัง" ด้วยความที่ไปครั้งแรก และไม่รู้ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่า
รถจะไม่เต็ม
เราก็เลยตอบแฟนไปว่า "เดี๋ยวค่อยไปซื้อตอนไปถึงหมอชิตก็ได้" แฟนก็ยังถามย้ำในความมั่นใจผิดๆของเราว่า "แกแน่ใจหรอ" เราก็ยังคงเชื่อมั่นว่ามันจะไม่เต็ม.. หลังจากนั้นผ่านไปประมานครึ่งชม. เราก็เริ่มมีลางสังหรณ์แปลกๆว่า
จะไม่มีที่นั่ง 
เราก็เลยรีบจัดแจงโทรไปหาบริษัทขนส่งเพื่อจะจองตั๋ว บริษัทแรกที่เราโทรไปคือ แอร์เมืองเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้02-936-0142
02-936-0719 สรุปคือ เหลือ 2ที่พอดี แต่ไม่ได้นั่งด้วยกัน เป็นแบบ vip ซึ่ง*แพง* และออกเที่ยวสุดท้ายเลยข่าาา เราก็เลยโทรไปอีกบริษัทคือ บขส.999 นั่นเองงง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้02-872-1777 สรุปคือ เราก็โดยสารรถบขส.999 เนี่ยแหละค่าาา ที่นั่งเหลือ 2ที่สุดท้าย แต่นั่งห่างกันไม่มาก แค่แฟนนั่งเบาะหน้า เรานั่งเบาะหลัง รถป.1 มี 2ชั้น เรานั่งชั้นล่าง ค่ารถคนละ 392บาท บอกเค้าว่า
ลงผานกเค้า ของเรารถออกเวลา 2ทุ่ม แต่ออกจริงๆก็เลทไปนิดหน่อย
หลังจากขึ้นรถไปไม่นาน เราก็หลับไปเพราะ ฤทธิ์ยาแก้เมารถ ตื่นมาอีกทีประมาน 5ทุ่มครึ่ง รถจอดให้พักกินข้าว 20นาที ใช้คูปองอาหารตรงตั๋วกินข้าวได้ ตอนเราลงรถทัวร์ก็สัมผัสได้ถึงความเย็น จนต้องขึ้นรถไปหยิบเสื้อกันหนาวมาใส่ แล้วไปหาอะไรกิน เราเลือกกินเป็นก๋วยเตี๋ยว ตอนกินคือไม่รู้สึกว่าก๋วยเตี๋ยวร้อนเลย เพราะอากาศเย็นมาก พอเวลาหมดพักแล้ว เราก็เดินทางกันต่อ
รถทัวร์เรามาถึงหน้าร้านเจ้กิมตอนประมาน ตี4 กว่าๆ (ในรูปที่เห็นว่าสว่าง เพราะว่าเราถ่ายตอนขากลับ) รถทัวร์จะจอดฝั่งตรงข้ามร้าน ต้องข้ามถนนมา พอลงจากรถ เราก็รู้เลย..
มัน หนาว มากกก เสื้อหนาวที่ถอดเก็บไปตอนขึ้นรถ ได้เอาออกมาใช้อีกรอบ
ณ.ร้านเจ้กิม เราก็จัดแจงวางกระเป๋าไว้บนโต๊ะ ทำธุระส่วนตัว ล้างหน้า, แปรงฟัน, เปลี่ยนเสื้อผ้า หรือใครต้องการที่จะอาบน้ำก็ได้อาบได้นะ แต่อากาศแบบนี้ เราไม่สู้จริมๆ

พอจัดการธุระส่วนตัวเสด เราก็เดินไปสั่งข้าวราดแกงร้านเจ้กิมกิน กินเอาแรงหน่อย ฮึบฮึบ

พอกินเสด เราก็เตรียมตัวขึ้นไปอุทยานกันเลยย
"การเดินทางไปอุทยาน"
จะมีรถ 2แถวสีแดง จอดอยู่ติดกับร้านเจ้กิมเลย ค่าโดยสารคนละ 30บาท(10คน)
แต่. แต่. แต่ ถ้าเราขึ้นรถไป คนบนรถมีประมาน 6คน จะมีคนมาบิ้วให้เราออกเลย ก็จะเสียมากกว่า 30บาท แต่ก็ขึ้นอยู่ที่เราและสมาชิกคนอื่นๆบนรถว่า จะรอให้ครบ 10คน หรือออกเลย
"เมื่อถึงอุทยาน"
อุทยานจะเปิดให้บริการตอน 7โมง ตรงเป๊ะ เจ้าหน้าที่ก็จะมาประจำที่ เรากับแฟนก็แบ่งกัน แฟนไปซื้อบัตรเข้าอุทยาน คนละ 40บาท ส่วนเราไปเช่าเต้นท์ (สำหรับใครที่ไม่ได้จองเต้นท์มาเหมือนเรา สามารถมาเช่าเต้นท์ได้ที่อุทยาน แต่เจ้าหน้าที่จะให้คนที่จองเต้นท์มาทำเรื่องก่อน แล้วค่อยเปิดให้เช่าเต้นท์)
ปล. สำหรับคนที่จะมาช่วงเทศกาล หรือวันหยุดยาว แนะนำให้จองเต้นท์มาก่อน เพราะเต้นท์จะเต็ม
เว็ปไซต์สำหรับจองเต้นของอุทยาน
http://www.dnp.go.th/parkreserve/tent_reservation.asp?lg=1
หลังจากที่เราได้บัตรเข้าอุทยาน และเช่าเต้นท์เสด เราก็เดินไปอาคาร4 เพื่อไปหาลูกหาบ ที่จะช่วยเราหาบกระเป๋าอันหนักอึ้งของเราขึ้นภูไปนั่นเองงง
ขั้นแรก ก็คือ
เค้าจะให้ใบแบบนี้มา ความจริงมันมี 3ส่วน ให้เขียนชื่อและเบอร์โทรลงไป
ขั้นที่สอง
เสดแล้วเราก็ไปต่อแถวชั่งน้ำหนักกระเป๋าใบเขื่องของเราว่าจะมีน้ำหนักตัวเท่าไหร่ (ของเรา 7กิโลเจ้าคะเจ้าขา จะย้ายบ้านใช่มั้ยลูก)
สุดท้าย
เจ้าหน้าที่จะเขียนน้ำหนักของกระเป๋าลงในใบนั้น แล้วฉีกส่วนท้ายให้เก็บไว้(ห้ามทำหายนาจาา เพราะเราต้องให้ลูกหาบตอนที่เค้าเอากระเป๋ามาให้) *ขอเซนเซอร์ชื่อและเบอร์โทรของแฟนเจ้าของกระทู้ไว้นาจาา เพราะเจ้าของกระทู้หวงแฟนค่าาาา*
START
**ขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆพันทิป
ที่ติดตามอ่านและแชร์กระทู้นะคะ
สามารถตามอ่านต่อได้ในคอมเม้น
เจ้าของกระทู้จะพยายามอัพให้เสดเร็วๆ และจะพยายามไม่ให้ขาดตอนนาน ขอบคุณมากค่ะ**


[CR] หนีร้อนไปเติมรัก บนภูกระดึง♡
สวัสดีค่าาาา
หลังจากที่แฟนไม่ได้พาไปเที่ยวเชียงใหม่ด้วย แฟนก็เลยมีข้อเสนอใหม่ให้ โดยการบอกว่า.."งั้นเดี๋ยวเราไปภูกระดึงกัน แกรู้จักมั้ย ลองไปหาดูๆ" ตอนนั้นเราก็ไม่รู้จักหรอกว่า ภูกระดึงอยู่ที่ไหน ไปยังไง คือไม่รู้อะไรเกี่ยวกับภูกระดึงเลย พอได้ยินแบบนี้ เราก็รีบไปหาอย่างเร็วเลย พอเข้าไปอ่านมันก็ทำให้เราตัดสินใจจะไปอย่างรวดเร็ว เพราะอะไรอะหรอ..ก็เพราะว่า มันเป็นที่ที่มีตำนานอะดิ ภูกระดึง ภูเขาที่เป็นรูปหัวใจ แอร้ยยย แค่นี้ก็รู้สึกถึงความโรแมนติก
วันพฤหัสที่ 10 ธันวาคม หลังจากที่กลับมาจากมหาวิทยาลัย เราก็เตรียมตัวจัดของเก็บกระเป๋า แล้วเราก็ส่งlist ของที่จะต้องเอาไปให้แฟน ให้แฟนจัดกระเป๋าเตรียมไว้เหมือนกัน(แต่สุดท้ายเราก็ไปช่วยจัดอยู่ดี กิกิ)
จากที่เราอ่านมา ช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคม จะมีอากาศหนาวเย็น ตอนที่เราจัดกระเป๋าก็ไม่ได้คิดว่าจะหนาวอะไรขนาดนั้นหรอกมั้ง..อาจจะแค่เย็นๆ(พอไปถึงแล้ว..รู้สึกเลย)
เสื้อผ้า
1. เสื้อกันหนาว เราเอาไป 2ตัว(ควรจะเอาแบบหนาๆไปหน่อย จริงๆนะ เชื่อเถอะ)
2. เสื้อยืดธรรมดา 3ตัว
3. เสื้อยืดแขนยาว 1ตัว
4. กางเกงวอร์มขายาว 2ตัว
5. กางเกงขาสั้น 3ตัว
6. เสื้อคู่ 1ตัว (ใส่คู่กับแฟนตอนเดินขึ้นภู อิอิอิ #โดนเตะออกจากกระทู้ตัวเอง)
7. ถุงเท้า 4 คู่
ปล.จำนวนตัวที่เอาไป เพื่อนๆสามารถจัดตามความเหมาะสมของจำนวนวันหรือตามความต้องการของเพื่อนๆเองได้นะคะ
อาบน้ำ
1. ครีมอาบน้ำ (แบ่งใส่ขวดเล็กๆไป เพื่อความสะดวกในการพกพา)
2. ยาสระผม (แต่ส่วนมากไม่ค่อยเห็นคนสระ ถ้าไปหน้าหนาว แต่เราสระนาจาาา อิอิ><")
3. ยาสีฟัน
4. แปรงสีฟัน
5. โฟมล้างหน้า
ของจำเป็นอื่นๆ
1. ยา (สำหรับคนเป็นโรคประจำตัว สำคัญมากๆ ห้ามลืมเลย)
2. ไฟฉาย (แต่ถ้าจะเปิดเอาจากโทรศัพก็ได้เหมือนกัน)
3. ยานวด (เอาไปได้ใช้แน่นอน T_T)
ปล.ข้างบนศูนย์บริการนักท่องเที่ยวจะมีห้องยาอยู่นะ แต่เราไม่ได้เข้าไป แค่เดินผ่าน
11 ธันวาคม 2558 และแล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่เรารอคอย วันที่เราจะออกเดินทางไปพิชิตภูกระดึงกัน พร้อมแล้วก็..ไป กัน เล้ยยยย
เราวางแพลนไว้ว่าจะไปภูกระดึงกัน 3วัน 2คืน ตอนนั้นเป็นเวลาประมาน เที่ยงครึ่ง แฟนเราก็โทมาถามว่า "จองตั๋วรถทัวร์รึยัง" ด้วยความที่ไปครั้งแรก และไม่รู้ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่า รถจะไม่เต็ม
หลังจากขึ้นรถไปไม่นาน เราก็หลับไปเพราะ ฤทธิ์ยาแก้เมารถ ตื่นมาอีกทีประมาน 5ทุ่มครึ่ง รถจอดให้พักกินข้าว 20นาที ใช้คูปองอาหารตรงตั๋วกินข้าวได้ ตอนเราลงรถทัวร์ก็สัมผัสได้ถึงความเย็น จนต้องขึ้นรถไปหยิบเสื้อกันหนาวมาใส่ แล้วไปหาอะไรกิน เราเลือกกินเป็นก๋วยเตี๋ยว ตอนกินคือไม่รู้สึกว่าก๋วยเตี๋ยวร้อนเลย เพราะอากาศเย็นมาก พอเวลาหมดพักแล้ว เราก็เดินทางกันต่อ
รถทัวร์เรามาถึงหน้าร้านเจ้กิมตอนประมาน ตี4 กว่าๆ (ในรูปที่เห็นว่าสว่าง เพราะว่าเราถ่ายตอนขากลับ) รถทัวร์จะจอดฝั่งตรงข้ามร้าน ต้องข้ามถนนมา พอลงจากรถ เราก็รู้เลย.. มัน หนาว มากกก เสื้อหนาวที่ถอดเก็บไปตอนขึ้นรถ ได้เอาออกมาใช้อีกรอบ ณ.ร้านเจ้กิม เราก็จัดแจงวางกระเป๋าไว้บนโต๊ะ ทำธุระส่วนตัว ล้างหน้า, แปรงฟัน, เปลี่ยนเสื้อผ้า หรือใครต้องการที่จะอาบน้ำก็ได้อาบได้นะ แต่อากาศแบบนี้ เราไม่สู้จริมๆ
พอจัดการธุระส่วนตัวเสด เราก็เดินไปสั่งข้าวราดแกงร้านเจ้กิมกิน กินเอาแรงหน่อย ฮึบฮึบ
อุทยานจะเปิดให้บริการตอน 7โมง ตรงเป๊ะ เจ้าหน้าที่ก็จะมาประจำที่ เรากับแฟนก็แบ่งกัน แฟนไปซื้อบัตรเข้าอุทยาน คนละ 40บาท ส่วนเราไปเช่าเต้นท์ (สำหรับใครที่ไม่ได้จองเต้นท์มาเหมือนเรา สามารถมาเช่าเต้นท์ได้ที่อุทยาน แต่เจ้าหน้าที่จะให้คนที่จองเต้นท์มาทำเรื่องก่อน แล้วค่อยเปิดให้เช่าเต้นท์)
ปล. สำหรับคนที่จะมาช่วงเทศกาล หรือวันหยุดยาว แนะนำให้จองเต้นท์มาก่อน เพราะเต้นท์จะเต็ม
เว็ปไซต์สำหรับจองเต้นของอุทยาน
http://www.dnp.go.th/parkreserve/tent_reservation.asp?lg=1
หลังจากที่เราได้บัตรเข้าอุทยาน และเช่าเต้นท์เสด เราก็เดินไปอาคาร4 เพื่อไปหาลูกหาบ ที่จะช่วยเราหาบกระเป๋าอันหนักอึ้งของเราขึ้นภูไปนั่นเองงง
ขั้นแรก ก็คือ
เค้าจะให้ใบแบบนี้มา ความจริงมันมี 3ส่วน ให้เขียนชื่อและเบอร์โทรลงไป
ขั้นที่สอง
เสดแล้วเราก็ไปต่อแถวชั่งน้ำหนักกระเป๋าใบเขื่องของเราว่าจะมีน้ำหนักตัวเท่าไหร่ (ของเรา 7กิโลเจ้าคะเจ้าขา จะย้ายบ้านใช่มั้ยลูก)
สุดท้าย
เจ้าหน้าที่จะเขียนน้ำหนักของกระเป๋าลงในใบนั้น แล้วฉีกส่วนท้ายให้เก็บไว้(ห้ามทำหายนาจาา เพราะเราต้องให้ลูกหาบตอนที่เค้าเอากระเป๋ามาให้) *ขอเซนเซอร์ชื่อและเบอร์โทรของแฟนเจ้าของกระทู้ไว้นาจาา เพราะเจ้าของกระทู้หวงแฟนค่าาาา*
**ขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆพันทิป
ที่ติดตามอ่านและแชร์กระทู้นะคะ
สามารถตามอ่านต่อได้ในคอมเม้น
เจ้าของกระทู้จะพยายามอัพให้เสดเร็วๆ และจะพยายามไม่ให้ขาดตอนนาน ขอบคุณมากค่ะ**