ชีวิตของ Single Mom คนนึงที่เวลาผ่านมาถึงอายุ 60 ปี

จะว่ายังไงดีก่อนละครับก่อนจะเล่าเรื่องนี้Facepalm
เอาเป็นว่ามาเริ่มที่ชีวประวัติของ หญิงแกร่งสุดสตรอง คนนี้ก่อนน่าจะพอเห็นภาพของจุดเริ่มต้นของละครฉากนึงเลยก็ว่าได้
ในบรรดาครอบครัวไทยสมัยก่อน ที่ ป้าๆ ลุงๆ ตาๆ ยายๆ คงจะได้สัมผัสและได้ผ่านประสบการณ์ชีวิตเหมือนกับ หญิงแกร่งคนนี้อย่างแน่นอน
Single Mom คนนี้เธอเกิดเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2498 (วันวาเลนไทน์เลยนะเนี่ย 14 กุมภาพันธ์) ปัจจุบันก็ 60 ขวบแล้ว
เธอคนนี้เป็นบุตรคนโตสุดของ มีพี่น้อง 8 คนด้วยกัน(คนสมัยก่อนมีลูกเยอะจริงๆ)
1.หญิงแกร่งสุดสตรอง (แม่ผมเองแหละครับยิ้ม) (รับราชการครู)                           
2.คนรองผู้ชายอ่อนกว่าแม่ 5 ปีครับ(รับราชการทหาร)                                               
3.ต่อมาน้องสาวที่เดินตามรอย แม่ผม(รับราชการครูเหมือนกัน)                                   
4.คนนี้เธอตอนสาวๆนี้จัดได้ว่า สวยที่สุดในบรรดาพี่น้องผู้หญิงทั้งหมด(เป็นพยาบาล)        
5.คนนี้ก็สวยไล่ๆกันมาเลยครับ เรียนเก่งด้วย(จบป.โท)
6.รับราชการกรมเจ้าท่า(ผู้หญิง)  
7.รับราชการทหารอีกแล้ว(ผู้ชาย)
8.ทำธุรกิจส่วนตัวกับแฟน(ผู้หญิงอีกละ)

     โอ้โห!!! ถึงตรงนี้ทุกคนคงบอก ตา-ยาย เลี้ยงจนได้ดีทุกคนเลยสิเนี่ย(สุดยอดเลยครับผมเองยังอึ้ง!!!) และยิ่งงงเข้าไปอีก ตา-ยาย ทำงานอะไรเลี้ยงลูกได้ขนาดนี้ ตาเป็นทหารเรือยศจ่าธรรมดาๆเนี่ยแหละครับ ส่วนยายก็ลูกชาวสวนธรรมดาๆ
     เอาละเกริ่นหน้าที่การงานพี่น้องจนครบหมดแล้ว เรามาเริ่มเรื่องกันเลยดีกว่า หญิงแกร่งสุดสตรอง เธอคนนี้รับราชการครูเมื่ออายุ 24 หรือ 26 ปี(ผมก็จำไม่ค่อยได้) จบการศึกษา ม.ศ.5(((สมัยนี้ก็ ม.ปลาย หรือ ม.6 นั้นเอง))) แล้วไปต่อ มสธ.
มสธ.หรือมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
ก็คือมหาวิทยาลัยเปิด เช่นเดียวกับมหาวิทยาลัยรามคำแหงนั้นเอง (ถามเกี่ยวอะไรกับSingle Mom ใจเย็นก่อนสิครับอดทนนิดนึง ยิ้ม )  การเรียนในสมัยนั้น แม่ผมเล่ามาว่า ตำราเรียนแต่ละเล่มหนาขนาดที่ว่า ถ้าเอาไปใช้ตีหัวคนเนี่ย มีสลบอะครับ 55555+ มันหนามากๆขนาดผมเห็นยังอุทานเลยว่า โห้แม่ แม่อ่านหมดเนี่ยเลยหรอ
        การเรียนสมัยนั้นแม่ผมเล่าว่า ยากมากกกกกกกกกกกกกก ชนิดที่ว่าต้องอ่านทุกหน้ากันเลยทีเดียว อ่านครบแล้ว อ่านอีก แล้วเวลาประกาศผลสอบสมัยนั้นเขาจะประกาศทางหนังสือพิมพ์รึเปล่า(อันนี้ไม่แน่ใจนะครับ ขออภัย เป็นลูกภาษาไรวะ ไม่แน่ใจ 5555 )
        ถ้าเปรียบเทียบความยากของวิชาที่แม่ผมเรียนนั้น เอางี้ดีกว่าครับ  มันจะมีวิชาปราบเซียน(หินสุดๆตกกันแทบทั้งประเทศ 555)อยู่ 1 ตัว คือวิชาวรรณกรรม วิชาวรรรณนั้นยากยังไง ก็ขนาดคนที่ได้เกียรตินิยมเหรียญทอง ตอนนั้นเขาพูดว่า ผมได้ A เกือบทุกวิชา แต่มี B อยู่ตัวนึง คือ วรรณกรรม
ในตอนนั้นแม่ผมเรียน 2ปี จบครับ เทอมละ 3 วิชา 2ปี 12วิชา แล้วแต่ละวิชาก็อย่างที่ผมกล่าว ตำราหนามากตีหัวคนสลบได้เลย

โอ้โห!!!!กว่าจะเรียนจบ มสธ. มาได้เลือดแต่แทบกระเด็น แต่แกจะอวดว่าเพื่อนๆแกเนี่ยจะมีตกกันเยอะแต่ตัวแกเนี่ยไม่เคยตกเลย 5555 มีแอบโม้ให้ลูกฟังด้วยนะ(หลายๆคนคงสัยทำไม ชีวิตหญิงคนนึงที่ลำบากเรียนจนจบ จะมาเป็น Single Mom ได้อย่างไร)
     ((((สามีคนแรก))) หลังจากจบการศึกษาแม่ของผมก็ได้สอบรับราชการครูจนสำเร็จ ไปบรรจุอยู่ รร.แห่งหนึ่ง เงินเดือนเริ่มต้นในขณะนั้น แม่บอกว่าเดือนละ 600บาท/ด. (กี่ปีแล้วเนี่ย เกือบ40ปีอะครับ)
ฟังไม่ผิดหรอกครับ 600 บาท และได้พบรักแรกของชีวิต(บอกไว้ก่อนแม่ผมเรียนอย่างเดียวเลย ใครมาจีบแกตอนเรียนแกไม่ยุ่งเลยครับ) สามีคนนี้พูดได้ว่ารวยมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ในสมัยนั้นเป็นเจ้าของที่ดิน ร้านค้าต่างๆ เรียกง่ายๆแม่ผมตกถังข้าวสาร สามีคนนี้เรียกได้ว่ารวย นิสัยดี profile ดีจริงๆๆๆ      (โอ้ สบายแล้วแม่ผมเนี่ยได้แต่งกับรักแรกที่ perfect ) เวลาผ่านไปครอบครัวจะสมบูรณ์ได้นั้นสำหรับ ชาย-หญิง ก็คือบุตร บุตรคนนี้เป็นผู้หญิง(พี่สาวผมเอง) เกิดมาทามกลางความพร้อมทุกด้าน  แต่ แต่ แต่ ครอบครัวที่สมบูรณ์นั้นก็ได้พังทลายลงด้วยการที่ ฝ่ายสามีไปมีภรรยาน้อยครับแล้วก็มีลูกกับภรรยาน้อยด้วย แม่ผมคงเป็นเมียหลวงที่แสนดีแบบในละครยอมค่ะ ยอมทิ้งความสบายทุกอย่างหอบลูกสาวคนเดียวที่เธอรักสุดหัวใจ มาอยู่กัน 2 คน ที่บ้านพักครู จากบ้านเรือนหลังใหญ่มาอยู่บ้านพักครูเก่าๆหลังนึง (หลายคนสงสัย สามีไปมีภรรยาน้อยได้ไง แสดงว่าแม่คุณต้องบกพร่องไรสักอย่าง ไม่มีเวลาให้หรือเปล่า มีช่วงเวลาทำให้มือที่สาม เข้ามาได้อย่างไร)
      พูดได้เต็มปากจากใจ แม่ผมสอนหนังสือ 8โมงเช้า-เลิกงาน4โมงเย็น ก่อนเข้างานตื่นตี 5 ทุกวัน เตรียมอาหารเช้าจัดว่าครบสูตร หน้าที่แม่บ้านมีครบโคตรๆ (นี่มันแม่บ้าน แม่ศรีเรือน + กับทำงานที่ผู้คนยกย่องว่ามีค่า อาชีพนึงเลยก็ว่าได้) แต่จะพูดยังไงดีละครับเวลาเปลี่ยนใจคนย่อมเปลี่ยนเป็นธรรมดา(สำหรับคนที่ไม่หนักแน่น) ฝ่ายสามีคงติดนิสัยของชายไทย สมัยโบราณละมั้งที่มีค่านิยมมีภรรยาหลายคนFacepalm
     สุดท้ายชีวิตคู่ที่ดูจะอบอุ่น ก็ได้พังทลายอย่างไม่มีชิ้นดี ไม่มีวันแม้จะกลับคืน แม่ผมทำได้แค่เก็บความเศร้าไว้ในอกแล้วเลือกทางเดินอื่น(ทำไมหรอ พี่ๆผู้หญิงหลายคนรับได้ไหมที่สามีที่ตัวเองรักละไว้ใจพาหญิงอื่นเข้าบ้าน ทั้งๆที่มีลูกสาวละภรรยาอยู่แล้ว ลายละเอียดต่อจากนี้คงนึกภาพได้นะครับ เกินบรรยายร้องไห้)
     สรุปสามีคนแรก เท่าที่เห็นคือ ชายหนุ่มในฝันของหญิงไทยเลย ฐานะมั่นคง หน้าที่การงานokสุดๆ เหตุอะไรทำไมครอบครัวถึงจบลงด้วย การเลิกลาหรือเพราะหญิงแกร่งคนนี้ต้องยอมใช้สามีร่วมกับคนอื่น ครอบครัวถึงจะสมบูรณ์ หรือเพราะการเงิน บ้าแล้วอุส่าศึกษากว่าจะจบมาได้ขนาดนี้ มีหลักเป็นของตัวแล้ว ต้องง้อเงินหรอ NO NO NO!!!
(((แม่ผมให้กำเนิดพี่สาวตอนเธออายุจะแตะๆ30แล้ว)))
    Time skip มาอนาคต 10ปี หลังจากนั้นทำไมไวจัง 10 ปี คือเรื่องข้างบนอะ ผมหลอกถามแม่กับพี่สาว ได้เรื่องประมาณนั้นเลยไม่ละเอียดเท่าไหร่เพราะแม่กับพี่สาวบอกแค่นี้เอง (ตอนนั้นผมยังไม่เกิด)
เห้ยๆเดี๋ยวนะ เจ้าของกระทู้เกิดตอนไหนก็แม่เลิกสามีคนแรกไปแล้ว? ........ก็อย่างที่คิดแหละครับผมเป็นบุตรชาย ที่เกิดจากสามีคนที่ 2 หญิงแกร่งสุดสตรองคนนี้ ให้กำเนิดผมตอนเธออายุ 40 ปี (มีลูกตอนแก่กันเลยทีเดียว) ได้ไงกัน OK เดี๋ยวจะไล่ เอ่ย จะเล่าให้ฟังเค้าล้อเล่น
    10ปี ผ่านไปไวเหมือนเร่งสปีด *4 ความเร็วของหนังเรื่องนึง แม่ผมคนนี้ได้พักรักษาแบดแผลใจนานถึง 10ปี (ทำใจนานมากๆ ก็ด้วยต้องมาอยู่ 2 คน แม่ลูก เธอทุ่มเทเลี้ยงดูพี่สาวผม จนพี่สาวอายุ10ขวบ ช่วงเวลาสิบปีนี้แม่ผมเป็นทั้งพ่อ-ทั้งแม่เวลาเดียว ) และแล้วพอมาถึงความรักครั้งใหม่
(((สามีคนที่ 2 พ่อแท้ๆของผมนั้นเอง)))
คือถ้าเทียบ profile สามีทั้ง 2 คน พ่อของผมเทียบได้ 1ใน100 ของ สามีคนแรกเลย(เรื่องการเงิน ความมั่นคง นะครับ) คือพ่อผมมี 1 บาท พ่อพี่สาวมี100
    งานแต่งสามีคนแรก เรียกได้ว่า อลังการมาก ญาติพี่น้องของทั้ง 2 ฝ่าย มากันครบ สินสอดถ้าเทียบกับปัจจุบัน ก็น่าจะขึ้นล้านบาทได้
แต่พอเลิกลากันแม่ผมไม่ได้เอาสินสอดมาเลยสักบาทคือคืนให้หมดเลย
(((คิดเอาละกันครับค่าสินสอดอย่างเดียวนะเมื่อเกือบ40ปีมาแล้ว คนแรกนี่ถ้ายังอยู่สร้างเสริมบุญซึ่งกันคือแม่ผมคงรวยสบายทั้งชาตินี้เลย แต่ แต่ แต่ ถ้าเป็นแบบนั้นผมคงไม่เกิดมาแน่นอน)))  
    งานแต่งสามีคนสอง กลับกันจากคนแรกโดยสิ้นเชิง สินสอดไม่เยอะครับ พ่อผมทำได้แค่เก็บเงินจัดงาน+กับแม่ผมช่วยออกด้วย งานเล็กๆ 20กว่าคนเอง
( ณ จุดนี้ผมก็แอบคิดน้อยใจแทนพ่อผมเหมือนกัน หือๆ  )
     เพิ่มเติมมมมม พ่อของพ่อ คือปู่ ท่านเสียตั้งแต่พ่อผมเล็กๆ เรียกว่าปากกัดตีนถีบสุดๆ พ่อผมเป็นคนใต้ที่ยากจนมาก พ่อผมส่งตัวเองเรียนได้จนแค่ ม.6
แล้วมาสมัครเป็นนักการภารโรงที่โรงเรียนที่แม่ผมสอนหนังสือ
อ่านๆแล้วดูแปลกๆไหมครับ  ครูหญิง+ภารโรง ถูกครับคำนินทามากมายชนิดที่ว่าถ้าพ่อผมไม่รักแม่ผมจริงๆ ผมก็คงไม่ได้เกิดมา(คำนินทาไม่ได้มีแค่ฝ่าย บรรดา ครูที่อยู่โรงเรียนเดียวกับแม่ด้วยนะครับ คนรอบข้างก็เยอะแรกๆอะนะ ) ท่านคงรักกันจริงๆถึงได้มีผม

ถึงจุดนี้ผมจะไม่ขอเล่าถึงพ่อมากผมนะครับ(สุดจะทนกับสิ่งต่างจริงๆ  สามีคนแรกทำร้ายแค่จิตใจ ส่วนพ่อผมทำร้ายทั้งจิตใจและร่างกาย คงเป็นเพราะกาลเวลาเปลี่ยนคงเบื่อๆแม่ผมด้วย ขนาดมีผมแล้วยังทำแบบนี้)

     ทำไมน้องไม่พูดข้อเสียของแม่น้องเลย ทำไมพูดแต่ข้อเสียของสามีคนแรกละคนสอง คือผมจะแยกเป็นข้อๆเลยแล้วกันครับ
-คือถ้าท่านจะมีข้อเสีย ผมคงไม่ได้มาร่วมกัน 3 คน แม่ พี่สาว ผม จนถึงวันนี้ได้เลยครับ พูดจากใจจริงเพราะท่านยอมเลือกลูกทั้ง 2 คน เลี้ยงอบรมทุกอย่างเองหมด
-ท่านไม่เคยร้องไห้ให้พี่สาวกับผมเห็นเลยซักครั้ง ท่านไม่เคยอวดครวญว่าแม่เหนื่อย แม่ไม่ไหวแล้ว ไม่เคยเลยสักครั้งเดียว

    ทำไมพ่อของน้องกับพี่สาวไม่ช่วยเงินอะไรเลย ค่าเทอมสักเทอมก็ยังดี ค่าชุดนักเรียนก็ได้ ค่ากินก็พอ แค่สักครั้งไม่มีเลยหรอ
-ผมถึงบอกว่าแม่ผมสตรองไงครับ 555555 (ก็คงเคยได้มาบ้างแหละ แต่กรณีพ่อผมบอกแม่ผมว่า คุณกับผมไม่มีเกี่ยวข้องกันแล้ว +คำด่าที่สุดๆจริงๆ สัตว์ป่ามาเต็มเลย อืม OKแย่) ------>อันนี้คือข้อความสุดท้ายที่ได้คุยกับสามีประมาณหลายปีมาแล้ว

หมายเหตุ  คุณ   ในที่นี้แทนสรรพนามด้วย คำว่า เมิง  (แม่ผมไม่เคยพูดคำหยาบกับลูกๆเลยสักครั้งก็ไม่รู้ทำไม)
               ผม     ในที่นี้แทนสรรพนามด้วย คำว่า  gu

ปล.ผมอาจจะเล่าไม่ครบข้ามเยอะพอสมควรเพราะหลังจาก เรา 3 แม่ลูกกลับมาอยู่ด้วยทุกอย่างดีขึ้นแบบ หน้ามือหลังเท้าเลยครับ(ขนาดนั้นเลยหรอ จริงๆครับ) ผมเลยไม่มีความจำเป็นต้องไปคิดถึงเรื่อง แย่ๆ ให้มันมากนักอยู่กับปัจจุบันสุขใจมากๆ

  สถานะปัจจุบัน แม่เกษียณอายุราชการแล้วครับ แม่ผมพึ่งได้ คศ.3 เมื่อตอนอายุ 50+แล้วเอง เทียบเป็น C เท่าไหร่ก็จำไม่ได้แล้วครับ C8 มั้งครับ ช่วยกันทำชนิดที่ว่า แม่ต้องเอาทองไปจำนำเลยทีเดียว แม่บอกคุ้มเพราะมีลูกช่วยพิมพ์ตั้ง 2 คน ประหยัดเลยยอมทำ คศ.3 ได้เงินเดือนเยอะขึ้นมาหน่อยก็พอทำให้ชีวิต 3 แม่ลูกมีกินมีใช้เพิ่มมาหน่อย
   แม่ผมบอก พี่สาวกับผมว่า คนเราจะยังไงเราต้องมีหลักเป็นของตัวเองให้ได้นะลูกแม่ขอแค่นั้นพอ
     -พี่สาวเรียนจบแล้วครับ มีงานทำเรียบร้อยไปหนึ่งคน (แต่งงานแล้ว) (พี่สาวได้พี่เขยดีมาก 5555+ ))
     -ผมเรียนมหาลัยปี 2 และคงจะจบอีกไม่นาน อีก2ปี ผมทำได้แน่ เพราะเราผ่านจุดที่ชนิดว่าน้ำตามันไหลจนแบบ อธิบายไม่ถูกเม่าเหม่อเม่าเหม่อ((((((ในฐานะลูกชายSingle Mom ก็ขอบคุณแบบอย่างที่ไม่ดีของสามีแม่ผมทั้ง 2 คน ผมไม่กินเหล้า ไม่อบายมุข และจะไม่ทำแน่นอนครับ ทำไมแบบอย่างมีแล้วใกล้ตัวด้วยไม่ต้องลองหรือทำตามแค่นั้นก็พอ))))))
    หนี้สินก็ยังมีอยู่ครับ คือบ้านหลังใหม่ที่พึ่งซื้อกันก่อนแม่เกษียณ แต่ครอบครัวเรามีหนี้แค่บ้านครับเลย OK ก็เนี่ยละ ลูก 2 คนช่วยกัน แม่ทำมาเยอะแล้ว(พักได้แล้ว) หนี้เก่าของพ่อผมเหลือไม่เยอะแล้วครับ รวมๆก็ถือว่าสบายกว่าแต่ก่อนมากกกๆๆๆๆๆๆๆเยี่ยม
                                                                        

ปล......สุดท้ายเรื่องที่ผมกล่าวผมไม่ได้จะมีเจตนาว่าร้าย ผู้ชายหรือพ่อผมกับพ่อพี่สาวนะครับ ผมแค่ผ่านช่วงเวลาเหล่านี้มาจึงอยากเป็นกำลังให้ คุณพ่อ คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวทุกท่านเป็นกำลังใจให้ครับเยี่ยม ขอให้ลูกๆของ Single Mom Single Dad เจอแต่สิ่งดีๆตลอดไป

ใกล้ปีใหม่แล้วครอบครัวผม ก็จะไปเที่ยวกันเพื่อนผ่อนคลายความทุกข์ของปีที่ผ่านมา อย่าลืมพาลูกๆไปเที่ยวด้วยนะครับใช้เวลาที่อยู่กับเขาให้ความรักเท่าที่ พ่อ และ แม่ คนนึงจะให้ลูกได้ ผมเชื่อครับว่าลูกๆคุณจะต้องรักคุณ ไม่ว่ายามทุกข์หรือสุข ไม่ว่ายามท่านป่วย ลูกๆของท่านจะอยู่เคียงข้างท่านอย่างแน่นอน

........................ขอบคุณแม่มากครับ สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าครับพลุโอ่ง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่