ที่มา : ไทยรัฐ
คณะเจรจาซึ่งเป็นผู้แทนจากประเทศต่างๆกว่า 190 ประเทศทั่วโลกนำเสนอร่างข้อตกลงฉบับประวัติศาสตร์ ที่จะเป็นแนวทางการแก้ปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยน หลังการเจรจากำหนดกรอบแนวทางนานหลายปีและเข้าสู่การพิจารณาขั้นสุดท้ายระหว่างการประชุมที่กรุงปารีส ที่เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนและเสร็จสิ้นลงในวันนี้ (เสาร์)
นายโลรองต์ ฟาบิอุส รัฐมนตรีต่างประเทศของฝรั่งเศส ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมเปิดเผยว่า ร่างข้อตกลงฉบับนี้เป็นความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์และจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของโลก โดยรายละเอียดของเนื้อหาร่างข้อตกลงฉบับนี้มีความแตกต่าง เป็นธรรม แข็งแกร่งและยั่งยืน ซึ่งจะเป็นข้อผูกพันธ์ทางกฎหมายที่นานาประเทศจะต้องรับไปเป็นแนวทางปฏิบัติ โดยจะเริ่มใช้ในปี 2563
ข้อตกลงฉบับนี้มีเนื้อหาที่ระบุถึงเป้าหมายในการจำกัดอุณหภูมิไม่ให้เพิ่มขึ้นเกินกว่า 2 องศาเซลเซียส นับตั้งแต่ช่วงก่อนเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายต่อไปคือจำกัดไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส โดยแต่ละประเทศจะต้องนำเสนอแผนตัวเลขปล่อยก๊าซเรือนกระจกทุกๆ 5 ปี และทุกประเทศต้องลดการใช้พลังงานฟอสซิล และหันไปใช้พลังงานหมุนเวียนหรือพลังงานทางเลือกอื่นๆ โดยวางแนวทางให้พลังงานแสงอาทิตย์เป็นแหล่งพลังงานสำคัญของโลกในระยะ 10 ปีข้างหน้า
ก่อนหน้านี้ผู้แทนการประชุมระบุว่า หากไม่มีการทำข้อตกลงลดโลกร้อนฉบับนี้ โลกจะต้องก้าวเข้าสู่ยุคของการเผชิญผลกระทบจากภัยแล้งรุนแรง และคลื่นความร้อนรุนแรงที่จะทำให้พืชและสัตว์สูญพันธ์จำนวนมาก ตลอดจนต้องเผชิญกับการเกิดน้ำท่วมใหญ่ ระดับน้ำทะเลหนุน จนบางประเทศที่เป็นเกาะเล็กๆอาจต้องจมหายไปจากแผนที่โลก
โดยร่างข้อตกลงกำลังถูกนำเสนอให้กับผู้นำประเทศต่างๆหรือผู้แทนระดับสูงของแต่ละประเทศพิจารณาแล้ว ด้านนายฟรองซัวส์ ออลลองด์ ประธานาธิบดีของฝรั่งเศส เรียกร้องให้ทั่วโลกรับแผนข้อตกลงฉบับประวัติศาสตร์นี้เพื่อเป็นแนวทางกรเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของโลก
http://www.thairath.co.th/clip/32709
ที่ประชุมลดโลกร้อนบรรลุข้อตกลง วางแนวทางให้พลังงานแสงอาทิตย์เป็นแหล่งพลังงานสำคัญของโลกในระยะ 10 ปีข้างหน้า
คณะเจรจาซึ่งเป็นผู้แทนจากประเทศต่างๆกว่า 190 ประเทศทั่วโลกนำเสนอร่างข้อตกลงฉบับประวัติศาสตร์ ที่จะเป็นแนวทางการแก้ปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยน หลังการเจรจากำหนดกรอบแนวทางนานหลายปีและเข้าสู่การพิจารณาขั้นสุดท้ายระหว่างการประชุมที่กรุงปารีส ที่เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนและเสร็จสิ้นลงในวันนี้ (เสาร์)
นายโลรองต์ ฟาบิอุส รัฐมนตรีต่างประเทศของฝรั่งเศส ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมเปิดเผยว่า ร่างข้อตกลงฉบับนี้เป็นความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์และจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของโลก โดยรายละเอียดของเนื้อหาร่างข้อตกลงฉบับนี้มีความแตกต่าง เป็นธรรม แข็งแกร่งและยั่งยืน ซึ่งจะเป็นข้อผูกพันธ์ทางกฎหมายที่นานาประเทศจะต้องรับไปเป็นแนวทางปฏิบัติ โดยจะเริ่มใช้ในปี 2563
ข้อตกลงฉบับนี้มีเนื้อหาที่ระบุถึงเป้าหมายในการจำกัดอุณหภูมิไม่ให้เพิ่มขึ้นเกินกว่า 2 องศาเซลเซียส นับตั้งแต่ช่วงก่อนเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายต่อไปคือจำกัดไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส โดยแต่ละประเทศจะต้องนำเสนอแผนตัวเลขปล่อยก๊าซเรือนกระจกทุกๆ 5 ปี และทุกประเทศต้องลดการใช้พลังงานฟอสซิล และหันไปใช้พลังงานหมุนเวียนหรือพลังงานทางเลือกอื่นๆ โดยวางแนวทางให้พลังงานแสงอาทิตย์เป็นแหล่งพลังงานสำคัญของโลกในระยะ 10 ปีข้างหน้า
ก่อนหน้านี้ผู้แทนการประชุมระบุว่า หากไม่มีการทำข้อตกลงลดโลกร้อนฉบับนี้ โลกจะต้องก้าวเข้าสู่ยุคของการเผชิญผลกระทบจากภัยแล้งรุนแรง และคลื่นความร้อนรุนแรงที่จะทำให้พืชและสัตว์สูญพันธ์จำนวนมาก ตลอดจนต้องเผชิญกับการเกิดน้ำท่วมใหญ่ ระดับน้ำทะเลหนุน จนบางประเทศที่เป็นเกาะเล็กๆอาจต้องจมหายไปจากแผนที่โลก
โดยร่างข้อตกลงกำลังถูกนำเสนอให้กับผู้นำประเทศต่างๆหรือผู้แทนระดับสูงของแต่ละประเทศพิจารณาแล้ว ด้านนายฟรองซัวส์ ออลลองด์ ประธานาธิบดีของฝรั่งเศส เรียกร้องให้ทั่วโลกรับแผนข้อตกลงฉบับประวัติศาสตร์นี้เพื่อเป็นแนวทางกรเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของโลก
http://www.thairath.co.th/clip/32709