บทวิเคราะห์ของ Kim Eng มองออกมาเป็นหลายกรณี
กรณีที่ 1 หาก ADVANC DTAC ชนะการประมูลที่ราคาไม่เกิน 4 หมื่นล้านบาท แนะนำซื้อ ADVANC และ DTAC (เพราะราคา DTAC ปรับลงมาต่ำเกินไป)
กรณีที่ 2 หาก ราคาเกิน 4 หมื่นล้านบาทขึ้นไป หากถึง 5 หมื่นล้านบาท จะกระทบราคาเหมาะสมปี 59 ของ ADVANC 3 บาท จาก 275 เหลือ 272 บาท
กรณีที่ 3 หาก ADVANC TRUE ชนะการประมูล คาดว่า TRUE อาจต้องเพิ่มทุนอย่างน้อยเท่ากับค่าใบอนุญาต 900 ราคาเหมาะสมยังไม่ระบุ เพราะรอดูความชัดเจนเรื่องเพิ่มทุน ส่วน DTAC จะถูกปรับลงเหลือ 37.50 บาท
กรณีที่ 4 หาก ADVANC JAS ชนะการประมูล จะทำให้เกิดการแข่งขันรุนแรงขึ้น และจะปรับลดคำแนะนำของกลุ่มสื่อสารลงเป็น "น้อยกว่าตลาด" หลีกเลี่ยงการลงทุน และรอกลับเข้าซื้อ ADVANC เมื่อการแข่งขันลดต่ำลง
มาถึง ณ เวลานี้ คงไม่มีใครกล้าให้คำแนะนำสำหรับหุ้นในกลุ่มนี้ เพราะผู้เข้าประมูลแต่ละรายก็มีความจำเป็น และมีเหตุผลของตนในการที่จะชนะประมูลทั้งนั้น และมาถึงจุดนี้ ก็ยังไม่มีใครถอดใจ
ADVANC เป็นหุ้นในดวงใจนักวิเคราะห์ทุกสำนักในเวลานี้ แต่นั่นอยู่บนสมมติฐานที่ว่า ADVANC จะไม่ลดการจ่ายเงินปันผล อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมา คงไม่ได้กังวลเรื่องความแพงของใบอนุญาต แต่น่าจะเป็นความกังวลเรื่องอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่อาจจะต้องลดลง เพราะส่วนใหญ่ก็เชื่อกันว่า ADVANC จะได้คลื่น 900 มาแน่ๆ การที่ราคาปรับตัวลงจึงเป็นการปรับลงเพื่อรักษาระดับเงินปันผลให้อยู่ในอัตราที่เท่าเดิม (แสดงว่าตลาดได้มีการปรับลดคาดการณ์ปันผลของ ADVANC ในอนาคตไปแล้ว)
DTAC ส่วนใหญ่จะมองว่า DTAC จะต้องสู้เพื่อให้ได้ใบอนุญาตนี้ และก็คาดว่า DTAC จะชนะ แต่ส่วนตัวผมเองก็ไม่อยากฟันธงอะไรทั้งนั้น เพราะอีก 2 รายที่เหลือเขาก็มีเหตุผลในการสู้ของเขานะ ชะตาของ DTAC จึงขึ้นอยู่กับผลการประมูลจริงๆ หากชนะการประมูล ราคาหุ้นก็น่าจะดีดกลับไปได้ เพราะ ณ ปัจจุบันมันลงมามากเกินไป
แต่หากไม่ได้ แม้ DTAC จะยังดำเนินธุรกิจต่อไปได้ แต่จะมีต้นทุนสูงกว่าคนอื่น และการลงทุนก็จะไม่คุ้มค่า นอกจากนั้น ที่สำคัญคือ จะส่งผลลบทางจิตวิทยาต่อนักลงทุนทั่วไป ว่า Telenor ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ของ DTAC นั้นไม่ได้ให้ความสำคัญกับการลงทุนในประเทศไทยแล้วตามที่ลือกัน ราคาหุ้นก็คงหลุด 40 บาท และไปเจอกันแถวๆที่นักวิเคราะห์ให้ คือ 36 - 37 บาท
TRUE หลังจากที่ยึกยือเรื่องการเงินงวดแรกไปก่อนหน้านี้ ทำให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองตรงกันว่า TRUE คงหลีกไม่พ้นการเพิ่มทุนถ้าต้องการใบอนุญาต 900 ครั้งนี้ ซึ่งเลยทำให้นักวิเคราะห์ลดความน่าจะเป็นในการที่ TRUE จะชนะการประมูลลงไป เพราะต่อให้ไม่ได้คลื่นก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
แต่หาก TRUE ต้องการขึ้นเป็นเบอร์ 2 จะต้องได้คลื่นนี้มาเพื่อพัฒนาการให้บริการ และบีบให้ DTAC มีต้นทุนการบริการที่สูง และมีความเสี่ยงในระยะสั้น 3 ปีข้างหน้าทันที เพราะคลื่นของ DTAC จะหมดสัมปทานในปี 2561
JAS นี่ถือเป็นตัวแปรสำคัญในการประมูลครั้งนี้เลยทีเดียว หาก JAS ชนะการประมูลครั้งนี้ แทบทุกค่ายก็มองตรงกันว่า การแข่งขันจากผู้เล่นรายใหม่จะทำให้หุ้นกลุ่มนี้ ไม่น่าสนใจ และพร้อมจะ underweight กลุ่มสื่อสารลงทันที
เอาเป็นว่า รักใครชอบใคร ไปจับคู่กันเอาเองละกันว่าใครจะชนะการประมูลบ้าง แล้วผลการประมูลจะออกมาเป็นแบบไหน
ข้อมูลการขายชอร์ต
DTAC ตั้งแต่ 1 ธันวา - 11 ธันวาคม นับตั้งแต่หลุด 47.50 บาทลงมา มีแรงชอร์ตเข้ามาอย่างต่อเนื่องสูงถึง 3.1 ล้านหุ้น
ADVANC เพิ่งมามีแรงชอร์ตหนักๆเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาจำนวน 1 ล้านหุ้น ส่วนก่อนหน้านั้นที่ราคายืนอยู่ระดับ 200 บาท มีแรงชอร์ตแค่เพียงราววันละ 1 แสนหุ้นเท่านั้น
บทวิเคราะห์กิมเอ็ง วิเคราะห์ได้น่าสนใจสำหรับการประมูลคลื่น 900 วันพรุ่งนี้
กรณีที่ 1 หาก ADVANC DTAC ชนะการประมูลที่ราคาไม่เกิน 4 หมื่นล้านบาท แนะนำซื้อ ADVANC และ DTAC (เพราะราคา DTAC ปรับลงมาต่ำเกินไป)
กรณีที่ 2 หาก ราคาเกิน 4 หมื่นล้านบาทขึ้นไป หากถึง 5 หมื่นล้านบาท จะกระทบราคาเหมาะสมปี 59 ของ ADVANC 3 บาท จาก 275 เหลือ 272 บาท
กรณีที่ 3 หาก ADVANC TRUE ชนะการประมูล คาดว่า TRUE อาจต้องเพิ่มทุนอย่างน้อยเท่ากับค่าใบอนุญาต 900 ราคาเหมาะสมยังไม่ระบุ เพราะรอดูความชัดเจนเรื่องเพิ่มทุน ส่วน DTAC จะถูกปรับลงเหลือ 37.50 บาท
กรณีที่ 4 หาก ADVANC JAS ชนะการประมูล จะทำให้เกิดการแข่งขันรุนแรงขึ้น และจะปรับลดคำแนะนำของกลุ่มสื่อสารลงเป็น "น้อยกว่าตลาด" หลีกเลี่ยงการลงทุน และรอกลับเข้าซื้อ ADVANC เมื่อการแข่งขันลดต่ำลง
มาถึง ณ เวลานี้ คงไม่มีใครกล้าให้คำแนะนำสำหรับหุ้นในกลุ่มนี้ เพราะผู้เข้าประมูลแต่ละรายก็มีความจำเป็น และมีเหตุผลของตนในการที่จะชนะประมูลทั้งนั้น และมาถึงจุดนี้ ก็ยังไม่มีใครถอดใจ
ADVANC เป็นหุ้นในดวงใจนักวิเคราะห์ทุกสำนักในเวลานี้ แต่นั่นอยู่บนสมมติฐานที่ว่า ADVANC จะไม่ลดการจ่ายเงินปันผล อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมา คงไม่ได้กังวลเรื่องความแพงของใบอนุญาต แต่น่าจะเป็นความกังวลเรื่องอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่อาจจะต้องลดลง เพราะส่วนใหญ่ก็เชื่อกันว่า ADVANC จะได้คลื่น 900 มาแน่ๆ การที่ราคาปรับตัวลงจึงเป็นการปรับลงเพื่อรักษาระดับเงินปันผลให้อยู่ในอัตราที่เท่าเดิม (แสดงว่าตลาดได้มีการปรับลดคาดการณ์ปันผลของ ADVANC ในอนาคตไปแล้ว)
DTAC ส่วนใหญ่จะมองว่า DTAC จะต้องสู้เพื่อให้ได้ใบอนุญาตนี้ และก็คาดว่า DTAC จะชนะ แต่ส่วนตัวผมเองก็ไม่อยากฟันธงอะไรทั้งนั้น เพราะอีก 2 รายที่เหลือเขาก็มีเหตุผลในการสู้ของเขานะ ชะตาของ DTAC จึงขึ้นอยู่กับผลการประมูลจริงๆ หากชนะการประมูล ราคาหุ้นก็น่าจะดีดกลับไปได้ เพราะ ณ ปัจจุบันมันลงมามากเกินไป
แต่หากไม่ได้ แม้ DTAC จะยังดำเนินธุรกิจต่อไปได้ แต่จะมีต้นทุนสูงกว่าคนอื่น และการลงทุนก็จะไม่คุ้มค่า นอกจากนั้น ที่สำคัญคือ จะส่งผลลบทางจิตวิทยาต่อนักลงทุนทั่วไป ว่า Telenor ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ของ DTAC นั้นไม่ได้ให้ความสำคัญกับการลงทุนในประเทศไทยแล้วตามที่ลือกัน ราคาหุ้นก็คงหลุด 40 บาท และไปเจอกันแถวๆที่นักวิเคราะห์ให้ คือ 36 - 37 บาท
TRUE หลังจากที่ยึกยือเรื่องการเงินงวดแรกไปก่อนหน้านี้ ทำให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองตรงกันว่า TRUE คงหลีกไม่พ้นการเพิ่มทุนถ้าต้องการใบอนุญาต 900 ครั้งนี้ ซึ่งเลยทำให้นักวิเคราะห์ลดความน่าจะเป็นในการที่ TRUE จะชนะการประมูลลงไป เพราะต่อให้ไม่ได้คลื่นก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
แต่หาก TRUE ต้องการขึ้นเป็นเบอร์ 2 จะต้องได้คลื่นนี้มาเพื่อพัฒนาการให้บริการ และบีบให้ DTAC มีต้นทุนการบริการที่สูง และมีความเสี่ยงในระยะสั้น 3 ปีข้างหน้าทันที เพราะคลื่นของ DTAC จะหมดสัมปทานในปี 2561
JAS นี่ถือเป็นตัวแปรสำคัญในการประมูลครั้งนี้เลยทีเดียว หาก JAS ชนะการประมูลครั้งนี้ แทบทุกค่ายก็มองตรงกันว่า การแข่งขันจากผู้เล่นรายใหม่จะทำให้หุ้นกลุ่มนี้ ไม่น่าสนใจ และพร้อมจะ underweight กลุ่มสื่อสารลงทันที
เอาเป็นว่า รักใครชอบใคร ไปจับคู่กันเอาเองละกันว่าใครจะชนะการประมูลบ้าง แล้วผลการประมูลจะออกมาเป็นแบบไหน
ข้อมูลการขายชอร์ต
DTAC ตั้งแต่ 1 ธันวา - 11 ธันวาคม นับตั้งแต่หลุด 47.50 บาทลงมา มีแรงชอร์ตเข้ามาอย่างต่อเนื่องสูงถึง 3.1 ล้านหุ้น
ADVANC เพิ่งมามีแรงชอร์ตหนักๆเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาจำนวน 1 ล้านหุ้น ส่วนก่อนหน้านั้นที่ราคายืนอยู่ระดับ 200 บาท มีแรงชอร์ตแค่เพียงราววันละ 1 แสนหุ้นเท่านั้น