Star War 7 ศึกสายเลือด ถล่มดาราจักร

ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ ทางพันทิพเป็นอย่างสูง ที่จัดกิจกรรมให้สมาชิกได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ส่งท้ายปลายปี

ลิเกฝรั่ง ซามุไรอวกาศที่ห่างหายไปนานจากจอเงิน ได้กลับมาโลดแล่นอีกครั้ง หลังจากการขายกิจการของลูคัส
ให้แก่ดิสนีย์ นายทุนคนใหม่จึงดำริสร้างเป็นการเร่งด่วน โดยให้คนรุ่นใหม่สานต่อจากงานลูคัสผู้ประพันธ์และสร้างหนัง
แต่ยังให้ลูคัสเป็นที่ปรึกษา เพื่อให้โครงเรื่องสอดคล้องกับภาคก่อนๆ

เมื่อครั้งสมัยภาค4-6 ลูคัสมีคุโรซาว่า อากิระ ปรมาจารย์หนังอีพิกเป็นที่ปรึกษา และแรงบันดาลใจ
พอมาภาค1-3 ลูคัสทำร่วมกับเพื่อนซี้สปีลเบิร์ก หลายคนๆชอบภาค4-6 มากกว่า

เนื่องจากองค์ประกอบในเรื่องมีความเป็นจีนยุคต้าถัง และญี่ปุ่นยุคยามาโต้ กับยุคโชกุนลงมา แต่ปรับให้เนียนแบบอวกาศ

พอมาภาค1-3 กลายเป็นขาดๆเกินๆในเรื่องวัฒนธรรม ที่ผสานไม่เข้ากันดีนัก แต่ไม่ถ้าสังเกตุหรือทราบถึงอิทธิพลที่ลูคัสรับมาสร้างหนัง
ก็จะไม่ติดใจเป็นประเด็น ยิ่งคิวบู๊จากภาค4-6เป็นแม่แบบ พอภาค1-3ก็เปลี่ยนจนออกทะเล ถือเป็นเรื่องนานาจิตตัง

ในภาค7 จึงไม่มีตรา20century foxเหมือน ภาค1-6 มีแต่ตราลูคัสฟิล์มอย่างเดียว เนื่องจากดิสนีย์เป็นเจ้าของสิทธิ์และจัดจำหน่าย

เนื่องหาต่อจากนี้จะมีกล่าวถึงเนื้อเรื่อง ซึ่งจะซ่อนไว้ และเล่าตามหนังทั้งหกภาคเป็นหลัก ไม่อิงสิ่งพิมพ์ใดๆ
เนื่องด้วยลูคัสแต่งขึ้นมาเป็นโครงก่อน พอเป็นหนังฉายแล้ว ถึงอนุญาตในผู้อื่นแต่งเรื่องเสริมให้เนียนภาคหลัง

จึงไม่สามารถใช้เป็นส่วนต้องต่อเติม ให้มีน้ำหนักใดๆได้เต็มที่ เพราะล้วนเกิดหลังจากหนังฉายแล้วทั้งสิ้น

ภาค7 เป็นเรื่องต่อจากภาค6 30-40ปี โดยสามตัวละครหลักยังอยู่ครบ คือ

ลุค สกายวอล์คเกอร์ บุตรคนโต อนาคิน เจไดที่กลายเป็นเวเดอร์ กับแพดเม่ ราชินีดาวนาบู
เลอา ออร์กานา บุตรีคนรอง เป็นน้องสาวฝาแฝดของลุค แต่แยกกันเลี้ยง แต่งงานกับฮาน โซโล หลังจบภาค6
ฮาน โซโล โคบาลอวกาศ นักส่งของทุกชนิด ชอบการพนัน มาพบลุคในภาค4 และมีบททั้งไตรภาค
ภาคนี้บู๊กระจายลีลายิงแบบเดียวกับซาเอบะ เรียว ไม่ต้องเล็งยิงโดนเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ในภาค7 เป็นตัวเดินเรื่องหลัก และโดนดาบลูกชายแทง(จริงรึเปล่าไม่รู้) แต่ตายไม่ตายต้องดูภาคต่อๆไป

สามนักแสดงหลัก ยังดูดีไม่เป็นตุ่มเดินได้ เค้าหน้าเดิม ดูแล้วจำได้แน่นอน แฟนหนังดูแล้วหายคิดถึง

ตัวรองยังมาครบ ได้แก่
C-3PO  พูดมาก ปากจัด เหมือนเดิม สาระแนไปเรื่อย
R2-D2  บทน้อยแต่สำคัญ ภาคต่อไปคงเยอะ
ชิวอี้   บู๊กระจายคู่โซโล อึดยิ่งกว่าดายฮาร์ด

สามตัวนี้ฟังพูดรู้เรื่องแค่ตัวเดียวเหมือนเดิม ที่เหลือมีล่ามแปลภาษาในเรื่องให้

เหล่าตัวประกอบอดทน เหมือนเดิม
เหล่าทหารจักรวรรดิ์ ยิงใครไม่เคยโดน ซุ่มซ่ามเป็นบางครั้ง งานหลักชอบคุยกัน
งานอดิเรกทำตามคำสั่ง หูตา ฟางเป็นปรกติ ตัวเอกจึงรอดมาตลอด จากเหตุผลที่กล่าวมานี้

ไคโร เรน ตัวร้ายที่พยายามเป็น หวังมาแทนเวเดอร์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนแรกเก่งโชว์พาวดี พอตัวเอกเข้าถึงเคล็ดวิชาได้ก็เริ่มง้อย แต่พลังบีบยังสุดยอดอยู่
ในเรื่องเป็นลูกโซโล เลอาเห็นแววจึงส่งไปอยู่กับลุงลุค จะได้เป็นเจได แต่ไปๆมาๆกลับใฝ่ต่ำไปเข้ากับซิธ
กลายเป็นศิษย์ล้างครู เพลงดาบไม่เท่าไหร่ อาศัยพลังปรี๊ดเป็นหลัก

โครงเรื่อง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เดินตามภาค4 โดยหุ่นที่กุมความลับสำคัญเป็นชนวนให้เกิดการไล่ล่าไปตลอด จนไปตั้งหลักกับทัพพระเอก
จึงตีโต้กลับฐานผู้ร้าย และชนะแบบเฉียดฉิว แต่ตอนจบไม่ได้จบแค่ฉลองชนะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ยังไปหาลุค ยังวิหารเจได และต่อภาค8
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ลุคจะมีมือขวาเป็นเหล็กเพื่อให้ผู้ชมจำได้ แต่ในท้ายภาค5 จะได้แขนกลซึ่งเหมือนแขนคนมาต่อแทน

การเดินเรื่อง
แบบวิ่ง สู้ ฟัด พักเป็นช่วงๆเพื่อประหยัดทุนสร้าง อธิบายเรื่องเล็กน้อย บางครั้งยืดไปบ้างแต่ไม่เกินนาที
ใครลุกไปเข้าหนังน้ำอาจข้ามบางศึกไปได้ แนะนำว่า เตรียมตัวให้พร้อมกับการนั่งนาน สองชั่วโมงครึ่ง

ตัดต่อ
เรื่องถูกตัดให้ย่นย่อมาก คงเพื่อทำรอบฉายให้มากที่สุด ทำให้บางรายละเอียดต้องละไว้ในฐานที่เข้าใจ
อาจมีตัดแบบขยายเวลา ออกมาเป็นแผ่นในภายหลัง แต่ไม่ห้วนสั้นแบบภาค1-3 ที่ลูคัสตัดแบบเข้าใจเอง
และการเชื่อมภาพแต่ละช่วงดีกว่าภาค1-6 ไม่ดูน่าเบื่อแต่ยังคงรูปแบบการตัดต่อที่เป็นเอกลักษณ์ไว้ จนได้รางวัลตุ๊กตาทอง
จากน้องใหม่สมัยนั้นมีผู้หญิงร่วมตัดต่อด้วย แต่ทำให้กระชับขึ้น

ดนตรีประกอบ
ดีกว่าภาค1-6 มีธีมเพลงประจำตัวขึ้นมาเมื่อแต่ละคนออกมา เช่น เวเดอร์ ลุค ซิธ
และมีธีมเพลงตัวเอกเพิ่มมาด้วย ทำให้ต่อยอดการเพลงชุดเก่าที่ประพันธ์ก่อนน่า
เพลงแต่ละช่วงที่บรรเลงลงตัวกับภาพที่ฉาย ไม่ปล่อยออกมาตลอดจนเสียสมาธิในการฟังบทสนทนา

ระดับเสียง(ซาว์นแทร็ค ภาษาอังกฤษ เท่านั้น)
ส่วนใหญ่อยู่ในระดับที่ไม่ต่างกันมากนัก แต่มีบางเสียงของตัวประกอบอดทนกระซิบกระซาบกัน ที่เบาไปหน่อย
เสียงลั่นโรง วิ่งรอบโรงตลอดเมื่อยิงกัน ใครดูจอยักษ์ ลำโพงเพดาน เก้าอี้โยก ไม่ขาดทุนแน่นอน

ทักษะยุทธ
ในเรื่องจะเป็นแบบโกวเล้ง คือ เก่งเองไม่ต้องมีคนสอน ฟังเคล็ดวิชาบุ๊บเก่งปั๊บ ขนาดจะใช้ดาบแสงไม่ต้องมีคนบอก
ก็รู้ว่ากดปุ่นไหน(ไม่รู้โดนตัดออกรึเปล่า) วิชาสายโอบีวัน คือ สะกดจิต มีใช้ในหนังโดยไม่มีคนสอน อยู่ๆใช้เป็นเอง
แนวการฟันดาบเป็นภาค1-3 ไม่ใช่ดาบคาตานะสู้กัน แต่เป็นดาบฝรั่ง กับแนวอาฮุยเน้นแทง โดยเฉพาะตอนยกแขนฟันเหนือหัว
กลับยกสูงจนปลายดาบแถบจะทิ่มหลังแข้ง ถ้าเป็นของจริงคงขาขาดไปแล้ว ซึ่งภาค4-6ครูดาบกำกับได้ดีกว่ามาก
มีการเสกดาบเล่นระยะแบบภาค5เล็กน้อย ตอนดวลก่อนหิมะถล่มไม่กี่วิ ถ้าไม่คิดอะไรมากก็สนุกแบบงิ้วลีลาใหม่
ที่เด็ดจริงๆ คือ มีการตัดวัตถุในฉากแบบในหนังจีนเสียที โดยจำลองจากป่าไผ่ ทำได้ดี แต่ยังไม่มีวิชาตัวเบา คงเก็บไว้ภาคต่อไป

ในเรื่องจะมีคนที่ยิงปืนแม่น แบบแพดเม่ ที่ยิงเก่งสุดในเรื่อง รองลงคือโอบีวัน ลุค โซโล

ในเรื่องไม่ปรากฏเพลงดาบลับ อย่างที่ ภาค3 โอบีวัน ใช้ท่าลับ แบบดาบผ่าศิลา คือ ฟันครั้งเดียว ขาดเป็นสามท่อน
(เช่นเดียวกับท่า ดาบผ่าภูผา สำนักอิจิมอนจิ ของอาคาชิ โคจิ ประธานนร.ปี2 โรงเรียนลูกผู้ชาย โดยฝึกผ่าป้ายหิน)
ที่สะพานเดินเรือ ของยานแม่นายพลกรีวาส โดยฟัดหุ่นพลทหาร ซึ่งอนาคินไม่ปรากฏว่ามีเพลงดาบลับในหนัง

ดาบแสงในภาค7 ของซิธจะมีรูปลำแสงที่ต่างจากของเจไดอย่างชัดเจน คือ มีสีแดง ลำแสงแตกพร่า คดไปมาคล้ายกริชชวา

พลัง มีคนที่สัมผัสได้นอกจากเจไดและซิธ
ในหนังภาค1-6 มีเพียงเจได กับซิธที่สัมผัสถึงการมีอยู่ของพลังได้ แต่ภาคนี้มีคนอื่นที่สัมผัสได้ด้วย ดูท่าจะออกมาอีกหลายภาค

ดาบแสงสีฟ้า ของใคร
ดาบของอนาคิน ที่หายไปตอนที่ลุคเสียแขนในภาค5 พอภาค6 ลุคสร้างดาบแสงใหม่เป็นสีเขียว(ลูคัสว่าจะได้แยกออกว่าเป็นดาบเล่มใหม่)

วลีประจำเรื่อง I Have a bad feeling about this
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ภาค7 โซโลเป็นคนพูด

ยานพาหนะ
ภาค7 ยังรักษารูปแบบจากภาค6 ไว้ ยานฟอลคอนยังดูเป็นเศษเหล็กเหมือนเดิม xวิงค์แรกเหมือนภาค6
กลางเรื่องไปจะเห็นรุ่นใหม่ โดยต่างจากรุ่นเดิมที่ช่องดูดอากาศทั้งสี่ การขึ้นหุ่นต่างจากแบบเก่าที่เป็นแบบยกไปวาง
แผงควบคุมยังเก่าเหมือนเดิม ภาคต่อไปคงเปลี่ยนให้ล้ำขึ้น


หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่กล่าวมาข้างต้น ช่วยให้ผู้อ่านก่อนเข้าชม ได้อรรถรสในการชมมากยิ่งขึ้น


ท้ายนี้ผิดพลาดประการใด ผู้เขียนต่อขออภัยมา ณ ที่นี้ ขอบคุณครับ