ตอนเด็กๆผมให้พระพุทธเจ้าเป็นบุคคลใน ปวศ ที่ผมชื่อชอบอันดับ 1 รองลงมาเป็นนักวิทยาศาสตร์หมด
เพราะพอโตขึ้นเริ่มรู้สึกว่า เหตุการณ์ต่างๆในพระไตรปิฎกมันพิสดาร เหมาะเจาะ บังเอิญ เหลือเชื่อ การดำเนินเรื่องราวต่างๆคล้ายกับนิยายมากกว่าเป็นเรื่องจริง คนอะไรจะพิเศษขนาดนั้น ชีวประวัติของพระพุทธเจ้าดูไม่น่าจะเป็นเรื่องจริง
ผมคิดเองว่าบางทีศาสนาพุทธอาจจะเป็นการคิดของหลายๆคน หรือเป็นการคิดของคนๆเดียว แต่ท่านคนนั้นก็ต้องเป็นคนเดินดินปกติธรรมดาเหมือนคนทั่วไป แต่ยุคหลังถูกเพิ่มสิ่งต่างๆเข้าไปให้ดูมหัสจรรย์ เมื่อมันขาดหลักฐาน ดูไม่ชัดเจน ผมจึงตัดพระพุทธเจ้าออกไปจากบุคคลในปวศที่ผมชอบ
แต่นักวิทยาศาสตร์นี่มีผลงานจริงๆ เรื่องราวมีเหตุมีผลจับต้องได้ ประวัติชีวิตไม่ได้พิสดาร มหัศจรรย์ขนาดนั้น แต่สร้างผลงานยิ่งใหญ่ออกมาเพราะความอัจฉริยะ ความรัก การทำงานอย่างจริงจังมุ่งมานะไม่ย่อท้อ นี่จึงเป็นโรลโมเดลแบบอย่างให้ผมในการดำเนินชีวิต การค้นหาความจริงของเอกภพช่างเป็นเรื่องที่น่าติดตาม น่าค้นหา แม้มีชีวิตอยู่เพียงราตรีเดียวเพื่อค้นหาการทำงานของธรรมชาติก็ขึ้นชื่อว่าเป็น สัตบุรุษ
ตอนนี้ศาสนาพุทธสำหรับผม คือออกไปทางแนวปรัชญา คติ คำคม ในการดำเนินชีวิต มากกว่ามองในแบบเชิงปรัวัติศาสตร์ ความจริง หรือวิทยาศาสตร์
เช่นที่ผมชอบมากในตอนนี้ในฐานะที่เป็น graduate student บัณฑิตศึกษา
อันคนไขน้ำทั้งหลายย่อมไขน้ำ
ช่างศรทั้งหลายย่อมดัดศร
ช่างถากทั้งหลายย่อมถากไม้
บัณฑิตทั้งหลายย่อมฝึกตน
"พวกคนไขน้ำย่อมไขน้ำไปตามชอบใจของตนได้,
แม้ช่างศรก็ย่อมลนดัดลูกศร คือทำให้ตรง,
ถึงช่างถาก เมื่อจะถากเพื่อเป็นประโยชน์แก่ทัพสัมภาระมีกงเป็นต้น ย่อมดัดไม้ คือทำให้ตรงหรือคด ตามชอบใจของตน.
บัณฑิตทั้งหลายทำเหตุมีประมาณเท่านี้ ให้เป็นอารมณ์อย่างนั้นแล้ว ยังมรรคมีโสดาปัตติมรรคเป็นต้นให้เกิดขึ้นอยู่
ย่อมชื่อว่าทรมานตน, แต่เมื่อบรรลุพระอรหัตแล้วย่อมจัดว่าทรมานโดยส่วนเดียว."
บุคคลในปวศที่ผมชอบ5อันดับแรกมีนักวิทยาศาสตร์ 4 และพระพุทธเจ้า 1 แต่ตอนนี้จะเป็นนักวิทยาศาสตร์หมดเลย 5 คนไม่มีพระพุทธเจ้า
ผมคิดถูกไหมครับ
บุคคลในปวศที่ผมชอบ5อันดับแรกมีนักวิทยาศาสตร์ 4 และพระพุทธเจ้า 1 แต่ตอนนี้จะเป็นนักวิทยาศาสตร์หมดเลย 5 คนไม่มีพระพุทธเจ้า
เพราะพอโตขึ้นเริ่มรู้สึกว่า เหตุการณ์ต่างๆในพระไตรปิฎกมันพิสดาร เหมาะเจาะ บังเอิญ เหลือเชื่อ การดำเนินเรื่องราวต่างๆคล้ายกับนิยายมากกว่าเป็นเรื่องจริง คนอะไรจะพิเศษขนาดนั้น ชีวประวัติของพระพุทธเจ้าดูไม่น่าจะเป็นเรื่องจริง ผมคิดเองว่าบางทีศาสนาพุทธอาจจะเป็นการคิดของหลายๆคน หรือเป็นการคิดของคนๆเดียว แต่ท่านคนนั้นก็ต้องเป็นคนเดินดินปกติธรรมดาเหมือนคนทั่วไป แต่ยุคหลังถูกเพิ่มสิ่งต่างๆเข้าไปให้ดูมหัสจรรย์ เมื่อมันขาดหลักฐาน ดูไม่ชัดเจน ผมจึงตัดพระพุทธเจ้าออกไปจากบุคคลในปวศที่ผมชอบ
แต่นักวิทยาศาสตร์นี่มีผลงานจริงๆ เรื่องราวมีเหตุมีผลจับต้องได้ ประวัติชีวิตไม่ได้พิสดาร มหัศจรรย์ขนาดนั้น แต่สร้างผลงานยิ่งใหญ่ออกมาเพราะความอัจฉริยะ ความรัก การทำงานอย่างจริงจังมุ่งมานะไม่ย่อท้อ นี่จึงเป็นโรลโมเดลแบบอย่างให้ผมในการดำเนินชีวิต การค้นหาความจริงของเอกภพช่างเป็นเรื่องที่น่าติดตาม น่าค้นหา แม้มีชีวิตอยู่เพียงราตรีเดียวเพื่อค้นหาการทำงานของธรรมชาติก็ขึ้นชื่อว่าเป็น สัตบุรุษ
ตอนนี้ศาสนาพุทธสำหรับผม คือออกไปทางแนวปรัชญา คติ คำคม ในการดำเนินชีวิต มากกว่ามองในแบบเชิงปรัวัติศาสตร์ ความจริง หรือวิทยาศาสตร์
เช่นที่ผมชอบมากในตอนนี้ในฐานะที่เป็น graduate student บัณฑิตศึกษา
อันคนไขน้ำทั้งหลายย่อมไขน้ำ
ช่างศรทั้งหลายย่อมดัดศร
ช่างถากทั้งหลายย่อมถากไม้
บัณฑิตทั้งหลายย่อมฝึกตน
"พวกคนไขน้ำย่อมไขน้ำไปตามชอบใจของตนได้,
แม้ช่างศรก็ย่อมลนดัดลูกศร คือทำให้ตรง,
ถึงช่างถาก เมื่อจะถากเพื่อเป็นประโยชน์แก่ทัพสัมภาระมีกงเป็นต้น ย่อมดัดไม้ คือทำให้ตรงหรือคด ตามชอบใจของตน.
บัณฑิตทั้งหลายทำเหตุมีประมาณเท่านี้ ให้เป็นอารมณ์อย่างนั้นแล้ว ยังมรรคมีโสดาปัตติมรรคเป็นต้นให้เกิดขึ้นอยู่
ย่อมชื่อว่าทรมานตน, แต่เมื่อบรรลุพระอรหัตแล้วย่อมจัดว่าทรมานโดยส่วนเดียว."
บุคคลในปวศที่ผมชอบ5อันดับแรกมีนักวิทยาศาสตร์ 4 และพระพุทธเจ้า 1 แต่ตอนนี้จะเป็นนักวิทยาศาสตร์หมดเลย 5 คนไม่มีพระพุทธเจ้า
ผมคิดถูกไหมครับ