โฮมสเตย์กับชาวบ้านที่ภูฏาน มณฑลฮา (Haa)

หลังจากได้มีโอกาสไปทำงานที่ภูฏานอยู่เกือบเดือน ได้เรียนรู้อะไรมากมายกลับมา แต่สิ่งหนึ่งที่ประทับใจคือการพักกับชาวบ้านที่มณฑล Haa เป็นมณฑลเล็กๆที่เงียบสงบ ไม่ไกลจากเมืองหลวงทิมพูมากนัก ใช้เวลาในการนั่งรถประมาณ 3 ชั่วโมงก็ถึง จริงๆแล้วไม่ไกล แต่ด้วยถนนที่เล็กและเป็นทางขึ้นเขาตลอด ทำให้ไม่สามารถขับได้เร็วนัก เท่าที่เห็นสามารถขับได้ไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง



มาถึงโฮมสเตย์ บ้านหลังค่อนข้างใหญ่ มี 3 ชั้น ส่วนใหญ่สร้างจากไม้ ด้านในมีแบ่งเป็นหลายห้อง เพราะส่วนใหญ่จะอยู่กันแบบครอบครัวใหญ่ ทำให้มีหลายห้องนอน ห้องน้ำ (แต่ไม่มีห้องอาบน้ำ) และห้องครัว



ห้องครัวจะเป็นแบบง่ายๆ ทำอาหารและนั่งทานในห้องนี้เลย ห้องครัวจะมีเครื่องทำความร้อน โดยใส่ไม้เข้าไปด้านใน และจะมีปล่องควันต่อออกไปด้านนอก ทำให้ในห้องนั้นเพิ่มความอบอุ่นได้ดี อากาศที่ Haa จะหนาวกว่าที่เมืองหลวงทิมพู เสื้อกันหนาวเป็นสิ่งจำเป็นมากในการเดินทางในช่วงหน้าหนาว



เมื่อมาถึงบ้านสิ่งแรกที่เจ้าของบ้านจะเสริฟต้อนรับคือชานมร้อน เราชอบชานมที่นี้เพราะไม่หวาน และไม่ค่อยเข้มชามาก จะเน้นหนักไปทางนมมากกว่า ซึ่งหากดื่มชานมในตัวเมือง ส่วนใหญ่จะใส่ครีมเทียม แต่หากเป็นในอำเภอเล็กๆเค้าจะใส่นมวัวสดๆ เพราะทุกบ้านมีเลี้ยงโคนมไว้



อาหารที่นี้ส่วนใหญ่จะมีส่วนประกอบของชีสและเนย หากใครชอบทานชีสจะรักอาหารที่นี้เลย แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องน้ำหนักตัวค่ะ เพราะขึ้นแน่นอน อุดมด้วยชีส เนย และน้ำมัน (จะตั้งกระทู้รีวิวอาหารภูฏานอีกครั้งนะคะ)



นี้คือห้องนอน โชคดีที่มีเครื่องทำความร้อนไว้ให้  ห้องนอนเรียบง่าย แต่สะอาดและผ้าห่มอุ่นมาก (อากาศ -2องศา) ที่บ้านพักไม่มีอินเตอร์นะคะ แต่สามารถรับสัญญาณ 3Gได้ แต่มาที่เงียบสงบแบบนี้ทั้งทีขอนอนฟังเสียงบรรยากาศ และเสียงสัตว์ตอนกลางคืนดีกว่า หลังจากล้างหน้าแปรงฟันก็ถึงเวลาพักผ่อน ต้องบอกว่าหลับเป็นตาย เพราะตอนนั่งรถมาลุ้นมาตลอดทาง กลัวตกเขา



ตื่นแต่เช้า เพื่อเดินไปดูวิถีชีวิตชาวบ้าน และสถานที่รอบๆ ชาวบ้านส่วนใหญ่จะมีพื้นที่เพื่อปลูกผักไว้สำหรับเลี้ยงวัวและสำหรับรับประทาน หากใครมีพื้นที่เยอะ และมีผลผลิตมาก ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ ก็จะนำผักเข้าไปขายในเมืองทิมพู แต่ช่วงที่เราไปกันเป็นช่วงต้นธันวาคม เป็นหน้าหนาวทำให้ไม่ค่อยมีผลผลิตมากนัก ส่วนต้นไม้ส่วนใหญ่ก็จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล



เดินไปเจอเด็กน้อยกำลังจะไปโรงเรียน น้องแต่งชุด Goh ซึ่งเป็นชุดประจำชาติของผู้ชาย ส่วนผู้หญิงเรียกว่า Kira ทุกวันจันทร์คนส่วนใหญ่จะแต่งกายด้วยชุดประจำชาติ เราว่าดีนะ ทำให้ทุกคนยังคงอนุรักษ์การแต่งกายพื้นบ้านไว้อยู่



นี้คือบรรยากาศโดยรอบหมู่บ้าน มีบ้านเรือนไม่กี่หลัง ทุกอย่างดีมาก เงียบ และโล่งสงบมาก ได้สูดอากาศเต็มปอดอีกครั้ง



หลังจากเดินกับมาที่พัก คุณป้าทำอาหารเช้าไว้รอ จะเป็นไข่ดาว ทานกับข้าวแดง และ Eazay ซึ่งแต่ละที่จะมีวิธีการปรุงและรสที่แตกต่างกัน และจะมีแป้งคล้ายแพนเค้กเวลาทานให้ทาเนย ซึ่งเป็นอาหารเช้าหลักของคนที่นี้



หลังจากทานอาหารเช้าก็ขับรถเข้าในตัวเมือง Haa นั่งรถไปประมาณ 15 นาทีก็ถึง ตัวเมืองเล็กมาก (ลากเสียงยาวมาก) ส่วนใหญ่จะเปิดเป็นร้านค้าเล็กๆ ขายของใช้จำเป็น และอาหารแห้ง



ที่สะดุดตาและอยากลอง คืออันนี้ เป็นชีสก้อนเล็กๆที่แข็งมาก ราคา 90 บาททั้งเส้น 1 ก้อนใช้เวลาทานประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าจะละลาย เราไม่ทราบขั้นตอนการทำ แต่ทราบว่าเป็นชีสที่แข็งมาก รสเหมือนกินนมอัดเม็ด ไม่คาวและไม่หวาน อมเหมือนลูกอม แปลกดี



อาหารขึ้นชื่อของที่นี้คือ Hoentay เป็น Buckwheat flour ซึ่งเหมือนกับแป้งโซบะ ส่วนไส้ด้านในกับกระหล่ำปลีกับชีส ทานคู่กับซอสพริก



สิ่งที่น่าเศร้าของที่นี้คือ จะมีลูกหมาตายเป็นจำนวนมาก หากเกิดในช่วงหน้าหนาว อย่างตัวนี้แม่มันพึ่งตาย แต่โชคดีที่มีคนเก็บมันไปเลี้ยงแล้ว เพราะหากปล่อยไว้ตามถนน เจ้าตัวนี้ต้องหนาวตายแน่ๆ เพราะตกกลางคืนอากาศที่นี้หนาวเข้ากระดูกมาก หลังจากเล่นกับลูกหมา และชมเมืองเสร็จ จริงๆใช้เวลาไม่นานก็เดินทั่วแล้วเราเลือกที่จะเดินขึ้นเขาเพื่อชมวิวโดยรอบกัน



ที่นี้มีเขาหลายลูกให้เลือก อยากได้สูงมากสูงน้อยเลือกได้เลย เราเลือกขนาดกำลังดีใช้เวลาเดินประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงยอดเขา



ด้านบนลมเย็นมาก แต่วิวสวยสุด ตอนขึ้นเขาไม่ยากเท่าตอนลง ขาลงน่ากลัวมาก



เราพักกันที่นี้ 2 คืนก็เดินทางกลับทิมพู ระหว่างที่กลับเราเจอเข้ากับ Yak หน้าตาเหมือนวัวแต่มีขน และตัวจะใหญ่กว่า เป็นสัตว์ป่าที่เหลือจำนวนไม่มากแล้ว คนขับบอกว่าอย่าเข้าไปใกล้มาก เพราะเค้าจะค่อนข้างตื่นคน อาจจะเข้ามาขวิดได้



ขับต่อไปอีกครึ่งชั่วโมงจะถึงจะสูงสุดของที่นี้ ความสูง 3,988 เมตร ทั้งสูงทั้งหนาว วิ่งไม่ได้ เพราะหายใจไม่ทัน





อยากให้เห็นวิว วิวสวยมาก ไม่น่าเชื่อว่าประเทศเล็กๆจะมีวิว อากาศที่ดีขนาดนี้ หลังจากเราพักกันที่ Haa ก็กลับมาที่ทิมพู และเดินทางต่อไปที่ พูนาคา และ วังดี ซึ่งพูนาคาและวังดี เป็นอีกมณฑลเล็กๆที่มีสิ่งน่าประทับใจมากๆ

ราคาที่พักคนละ 250 บาท
อาหารเย็นคนละ 150 บาท
อาหารเช้าคนละ 100 บาท

กระทู้นี้เป็นมินิรีวิวสั้นๆที่โฮมเสตย์ในฮาค่ะ ส่วนเรื่องอาหารในภูฏานจะรีบทำให้เสร็จแล้วมารีวิวในครั้งต่อไปค่ะ

ขอบคุณค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ชีวิตในต่างแดน เที่ยวต่างประเทศ ประเทศภูฏาน
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่