ส่วนใหญ่แต่ละคนล้วนมีสไตล์ในเป็นของตัวเอง แต่ก็มีไม่น้อยเหมือนกัน ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเอง เหมาะกับสไตล์แบบไหนกันแน่? การท่องเที่ยวก็เหมือนกัน ล้วนมีสไตล์ที่เราชอบแล้วก็ใช่สำหรับตัวเอง หลายคนอาจสงสัยว่าทำไม? ถึงต้องมาเดินเท้าเที่ยวตากแดดตากลม เดินเท้าไปเรื่อยๆ จากฝั่งธนบุรีแล้วโค้งย้อนมายังฝั่งพระนคร ระยะทางก็ไม่ใช่จะใกล้ๆ ไม่เบื่อหรือรู้สึกเหนื่อยหรืออย่างไร? ถ้าอยากรู้ มีคำตอบให้ครับ...
เมื่อวานนี้ น้องชาย(ลูกพี่ลูกน้อง) ถามด้วยความสงสัยว่า “ พี่หายไปไหนบ่อยๆไม่เห็นเข้ามาคุยในเฟสบ้างเลยช่วงนี้ ก็เลยตอบไปว่า “ ไปเดินเที่ยวย้อนอดีตชุมชนเก่าแก่ในอดีตริมแม่น้ำเจ้าพระยา พอกลับมา ก็มานั่งเขียนเป็นรีวิว ลงให้คนอ่านกันในห้องบูล ของเว็บไซค์ Pantip “ น้องชายถามต่ออีกว่า “ ที่พี่ทำแบบนี้ ได้เงินไหม? “ จึงอธิบายให้ฟังไปว่า “ มันก้อไม่ได้เงินหรอก แต่มันทำให้ระดับความสุขของพี่มีเพิ่มขึ้น เพราะเหมือนได้ไปปลดปล่อยความเครียด ลดความเร็วรีบในการใช้ชีวิตลง แถมได้ออกกำลังกายไปด้วยในตัวอีกด้วย เป็นการลงทุนท่องเที่ยวที่ใช้เงินเพียงเล็กน้อย แต่คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ (กำไรเห็นๆ)
แต่ที่ทำให้พี่รู้สึกตื่นเต้นมากที่สุด ก็คือ การได้ไปพบเห็น ได้พูดคุยการทุกคนที่พบเจอตลอดเส้นทางที่ผ่านทาง ทำให้มีโอกาสได้เปิดหูเปิดตา กับเรื่องราวที่น่าจะใกล้เคียงกับความจริงมากที่สุด จนรู้สึกเสมือนตัวพี่ได้หลุดย้อนเข้าไปนั่งอยู่ในตำนานเรื่องเล่าในอดีตเสียเอง แต่ก่อนได้อ่านประวัติเรื่องราวในอดีตจากตำรา ซึ่งคนที่เขียนก็ได้ปรุงแต่งเอาแต่สิ่งที่ตัวเองต้องการ อะไรที่ไม่เป็นประโยชน์ของตัวเองก็ข้ามไปเสีย เพื่อทำให้คนรุ่นหลังคล้อยตาม บางเรื่องบางเหตุการณ์ เมื่ออ่านแล้วก็ไม่รู้สึกสมเหตุสมผล จนได้มาเดินเที่ยวนี่แหละ พี่ค่อนข้างชัดเจนและเริ่มเข้าใจเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมาในอดีต รู้สึกสมเหตุสมผลมากยิ่งขึ้น ในแต่ละแห่งมีเรื่องราวเป็นของตัวเอง ยิ่งเมื่อได้นำมาเชื่อมต่อกัน ยิ่งทำให้เข้าใจความรู้สึกนึกคิดของผู้คนในยุคสมัยนั้นว่า พวกเขาคิดและมีเหตุผลกันอย่างไร? อย่างเช่น “ การชนะศึกพม่าของพระเจ้าตากสิน การรุกคืบของลัทธิล่าอาณานิคม เหตุผลการก่อขบถและการสำเร็จโทษพระเจ้าตากสิน การตั้งราชวงศ์ใหม่ยุคกรุงรัตนโกสินทร์ การพัฒนาและการเอาตัวรอดจากยุคนักล่าอาณานิคม จนมาถึงยุคปัจจุบัน “ ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ณ ตอนนั้น มันมีเหตุผลและส่งผลกับตัวเราในปัจจุบัน หากไม่มีวันนั้น ชีวิตครอบครัวเราทุกคน ก็อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นในวันนี้
ส่วนการได้มีโอกาสถ่ายทอดทั้งภาพและร้อยเรียงเรื่องราวที่มีสาระ แบ่งปันให้คนอื่นที่สนใจได้รู้ด้วย ยิ่งรู้สึกมีประโยชน์และมีคุณค่ากับชีวิตมากขึ้นไปอีก อยากทำแบบนี้มาตั้งนานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้ทำ พอได้ทำมันก็เลยรู้สึกดีเอามากๆ...คิดดูสิ นายทำงานหาเงินได้ เป้าหมายลึกๆของนาย ก็คือ การนำเงินที่ได้ ไปตอบสนองความสุขของนายอยู่ดี จริงไหม? น้องมันตอบกลับมาว่า “ เออ! จริงครับพี่ เข้าใจล่ะ “
นี่แหละคือ สไตล์การเที่ยวของผม เป็นการท่องเที่ยวอย่างง่ายๆไม่ต้องเดินทางไกลมากนัก ได้เรียนรู้เหตุการณ์ในอดีตไปด้วย แถมสุขภาพยังแข็งแรงขึ้นอีก ใช้เงินไม่ต้องมากนัก แต่สามารถกระจายรายได้ไปตามชุมชนที่เราเดินผ่านทาง หิวที่ไหน? แวะอุดหนุนกันตรงนั้น คงเอาไปเปรียบกับ ทริปท่องเที่ยวแบบอลังการงานสร้างไม่ได้ เหตุเพราะ ต้นทุนเงินในกระเป๋าของคนเรามันมีไม่เท่ากัน ขนาดของกล่องขอบเขตการท่องเที่ยว ณ ตอนนี้ เน้นต้องได้สาระและคุ้มค่า ตามสโลแกนที่ว่า “ เที่ยวเมืองไทย ใกล้ไกลยังไงก็คุ้ม “ เงินทองจะได้ไม่รั่วไหลออกนอกกล่องโดยไม่จำเป็น
มีหลายท่านที่บอกว่า อยากมีโอกาสไปเดินเที่ยวเล่นแบบนี้บ้าง แต่เพลียกับแดดที่ร้อนของเมืองไทยเหลือเกิน ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ หากได้มีโอกาสได้อ่านรีวิวครั้งแรกสุด ตอนเริ่มต้นเดินจากวัดลิงขบ(ฝั่งธนบุรี) ความร้อนของแสงแดดมันแผดเผาคอจนไหม้เกรียมไปหมด แต่นั่นคือบทเรียนที่ได้และเรียนรู้ที่จะหาวิธีป้องกันไม่ให้มันเกิดซ้ำขึ้นอีก ด้วยการใส่เสื้อมีปกคอหรือไม่ก็ใช้ผ้าผืนเล็กๆคล้องคอเอาไว้ สวมหมวกป้องกัน เสื้อแขนยาวใส่ซ้อนข้างใน พกร่มใส่กระเป๋าแบบพับได้ไปด้วย กะเวลาเดินตั้งแต่เช้าๆให้ถึงที่หมายก่อนเที่ยงวันและเดินตามเส้นทางลัดเล็กๆที่แดดส่องไม่ค่อยถึง เพราะจะมีร่มไม้หรือชายคาบ้าน/อาคาร ช่วยบดบังแสงแดดเอาไว้ให้ หากรู้สึก Overheat จนเกินไป ก็สามารถแวะหาซื้อกาแฟเย็นๆดูดดับร้อนได้ มีขายตลอดเส้นทางเดินผ่านอยู่แล้ว ดังนั้น จึงไม่รู้สึกว่า แดดจะเป็นอุปสรรคกับการเดินเที่ยวแบบนี้อีกต่อไป
มาเถอะ มาลองเดินเท้าเที่ยวด้วยกัน แล้วจะรู้ว่า “ คุณเองก็ทำได้ “ การที่ได้ไปสัมผัสกับมุมมองใหม่ เปลี่ยนวิธีการเที่ยวแบบอาหารจานด่วน มาเป็นอาหารที่กินกัน แบบสโลว์ไลฟ์ (Slow life) ย้อนยุคกันบ้าง อาจทำให้ชีวิตเราสดชื่นขึ้นอย่างคาดไม่ถึงมาก่อนก็ได้ จนต้องเผลออุทานออกมาว่า " โอ้ พระเจ้าจอร์จ มันยอดมาก " มาร่วมสักครั้งสองครั้ง แล้วค่อยไปเดินสร้างสไตล์ในแบบของคุณเองอีกที สนใจหลังไมค์มาได้เลย หากกลัวจะเหงาและไม่มีเพื่อนคุยระหว่างเดิน ก็ให้ชวนเพื่อนๆมาด้วย (ไม่จำกัดจำนวน วัยและเพศ) และสิ่งที่คุณจะได้กำไรแน่นอน ก็คือ ประสบการณ์และสุขภาพที่แข็งแรงขึ้นอย่างเหลือเชื่อจริงๆ...รับรอง ขนาดผมมีปัญหาปวดขัดหัวเข่า จากการฝืนสังขารไปเดินขึ้นเขาแล้วมุดลงเที่ยวในถ้ำลึกแถวๆจังหวัดสระบุรีมาก่อน ตอนนี้ ไม่ใช่แค่เดินได้คล่อง ยังสามารถวิ่งออกกำลังกายได้ทุกวัน...ไม่ต้องกินยาหรือหาหมอให้เจ็บตัวอีกเลย
สำหรับการเดินเที่ยวย้อนยุคฯครั้งนี้ ต่อเนื่องจากตอนที่ 2 (วัดยานนาวา - ท่าน้ำสี่พระยา)โดยเดินจากบริเวณท่าน้ำสี่พระยา ลัดเลาะตามสถานที่ต่างๆย่านชุมชนตลาดน้อย ไปสิ้นสุดที่ ท่าน้ำราชวงศ์ ครับ
(เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2558)
[CR] เที่ยวกรุงเทพ 360 องศา “ เส้นทางเดินย้อนอดีตชุมชนเก่าแก่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งพระนคร ” ใน 1 วัน (ตอนที่ 3)
ส่วนใหญ่แต่ละคนล้วนมีสไตล์ในเป็นของตัวเอง แต่ก็มีไม่น้อยเหมือนกัน ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเอง เหมาะกับสไตล์แบบไหนกันแน่? การท่องเที่ยวก็เหมือนกัน ล้วนมีสไตล์ที่เราชอบแล้วก็ใช่สำหรับตัวเอง หลายคนอาจสงสัยว่าทำไม? ถึงต้องมาเดินเท้าเที่ยวตากแดดตากลม เดินเท้าไปเรื่อยๆ จากฝั่งธนบุรีแล้วโค้งย้อนมายังฝั่งพระนคร ระยะทางก็ไม่ใช่จะใกล้ๆ ไม่เบื่อหรือรู้สึกเหนื่อยหรืออย่างไร? ถ้าอยากรู้ มีคำตอบให้ครับ...
เมื่อวานนี้ น้องชาย(ลูกพี่ลูกน้อง) ถามด้วยความสงสัยว่า “ พี่หายไปไหนบ่อยๆไม่เห็นเข้ามาคุยในเฟสบ้างเลยช่วงนี้ ก็เลยตอบไปว่า “ ไปเดินเที่ยวย้อนอดีตชุมชนเก่าแก่ในอดีตริมแม่น้ำเจ้าพระยา พอกลับมา ก็มานั่งเขียนเป็นรีวิว ลงให้คนอ่านกันในห้องบูล ของเว็บไซค์ Pantip “ น้องชายถามต่ออีกว่า “ ที่พี่ทำแบบนี้ ได้เงินไหม? “ จึงอธิบายให้ฟังไปว่า “ มันก้อไม่ได้เงินหรอก แต่มันทำให้ระดับความสุขของพี่มีเพิ่มขึ้น เพราะเหมือนได้ไปปลดปล่อยความเครียด ลดความเร็วรีบในการใช้ชีวิตลง แถมได้ออกกำลังกายไปด้วยในตัวอีกด้วย เป็นการลงทุนท่องเที่ยวที่ใช้เงินเพียงเล็กน้อย แต่คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ (กำไรเห็นๆ)
แต่ที่ทำให้พี่รู้สึกตื่นเต้นมากที่สุด ก็คือ การได้ไปพบเห็น ได้พูดคุยการทุกคนที่พบเจอตลอดเส้นทางที่ผ่านทาง ทำให้มีโอกาสได้เปิดหูเปิดตา กับเรื่องราวที่น่าจะใกล้เคียงกับความจริงมากที่สุด จนรู้สึกเสมือนตัวพี่ได้หลุดย้อนเข้าไปนั่งอยู่ในตำนานเรื่องเล่าในอดีตเสียเอง แต่ก่อนได้อ่านประวัติเรื่องราวในอดีตจากตำรา ซึ่งคนที่เขียนก็ได้ปรุงแต่งเอาแต่สิ่งที่ตัวเองต้องการ อะไรที่ไม่เป็นประโยชน์ของตัวเองก็ข้ามไปเสีย เพื่อทำให้คนรุ่นหลังคล้อยตาม บางเรื่องบางเหตุการณ์ เมื่ออ่านแล้วก็ไม่รู้สึกสมเหตุสมผล จนได้มาเดินเที่ยวนี่แหละ พี่ค่อนข้างชัดเจนและเริ่มเข้าใจเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมาในอดีต รู้สึกสมเหตุสมผลมากยิ่งขึ้น ในแต่ละแห่งมีเรื่องราวเป็นของตัวเอง ยิ่งเมื่อได้นำมาเชื่อมต่อกัน ยิ่งทำให้เข้าใจความรู้สึกนึกคิดของผู้คนในยุคสมัยนั้นว่า พวกเขาคิดและมีเหตุผลกันอย่างไร? อย่างเช่น “ การชนะศึกพม่าของพระเจ้าตากสิน การรุกคืบของลัทธิล่าอาณานิคม เหตุผลการก่อขบถและการสำเร็จโทษพระเจ้าตากสิน การตั้งราชวงศ์ใหม่ยุคกรุงรัตนโกสินทร์ การพัฒนาและการเอาตัวรอดจากยุคนักล่าอาณานิคม จนมาถึงยุคปัจจุบัน “ ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ณ ตอนนั้น มันมีเหตุผลและส่งผลกับตัวเราในปัจจุบัน หากไม่มีวันนั้น ชีวิตครอบครัวเราทุกคน ก็อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นในวันนี้
ส่วนการได้มีโอกาสถ่ายทอดทั้งภาพและร้อยเรียงเรื่องราวที่มีสาระ แบ่งปันให้คนอื่นที่สนใจได้รู้ด้วย ยิ่งรู้สึกมีประโยชน์และมีคุณค่ากับชีวิตมากขึ้นไปอีก อยากทำแบบนี้มาตั้งนานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้ทำ พอได้ทำมันก็เลยรู้สึกดีเอามากๆ...คิดดูสิ นายทำงานหาเงินได้ เป้าหมายลึกๆของนาย ก็คือ การนำเงินที่ได้ ไปตอบสนองความสุขของนายอยู่ดี จริงไหม? น้องมันตอบกลับมาว่า “ เออ! จริงครับพี่ เข้าใจล่ะ “
นี่แหละคือ สไตล์การเที่ยวของผม เป็นการท่องเที่ยวอย่างง่ายๆไม่ต้องเดินทางไกลมากนัก ได้เรียนรู้เหตุการณ์ในอดีตไปด้วย แถมสุขภาพยังแข็งแรงขึ้นอีก ใช้เงินไม่ต้องมากนัก แต่สามารถกระจายรายได้ไปตามชุมชนที่เราเดินผ่านทาง หิวที่ไหน? แวะอุดหนุนกันตรงนั้น คงเอาไปเปรียบกับ ทริปท่องเที่ยวแบบอลังการงานสร้างไม่ได้ เหตุเพราะ ต้นทุนเงินในกระเป๋าของคนเรามันมีไม่เท่ากัน ขนาดของกล่องขอบเขตการท่องเที่ยว ณ ตอนนี้ เน้นต้องได้สาระและคุ้มค่า ตามสโลแกนที่ว่า “ เที่ยวเมืองไทย ใกล้ไกลยังไงก็คุ้ม “ เงินทองจะได้ไม่รั่วไหลออกนอกกล่องโดยไม่จำเป็น
มีหลายท่านที่บอกว่า อยากมีโอกาสไปเดินเที่ยวเล่นแบบนี้บ้าง แต่เพลียกับแดดที่ร้อนของเมืองไทยเหลือเกิน ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ หากได้มีโอกาสได้อ่านรีวิวครั้งแรกสุด ตอนเริ่มต้นเดินจากวัดลิงขบ(ฝั่งธนบุรี) ความร้อนของแสงแดดมันแผดเผาคอจนไหม้เกรียมไปหมด แต่นั่นคือบทเรียนที่ได้และเรียนรู้ที่จะหาวิธีป้องกันไม่ให้มันเกิดซ้ำขึ้นอีก ด้วยการใส่เสื้อมีปกคอหรือไม่ก็ใช้ผ้าผืนเล็กๆคล้องคอเอาไว้ สวมหมวกป้องกัน เสื้อแขนยาวใส่ซ้อนข้างใน พกร่มใส่กระเป๋าแบบพับได้ไปด้วย กะเวลาเดินตั้งแต่เช้าๆให้ถึงที่หมายก่อนเที่ยงวันและเดินตามเส้นทางลัดเล็กๆที่แดดส่องไม่ค่อยถึง เพราะจะมีร่มไม้หรือชายคาบ้าน/อาคาร ช่วยบดบังแสงแดดเอาไว้ให้ หากรู้สึก Overheat จนเกินไป ก็สามารถแวะหาซื้อกาแฟเย็นๆดูดดับร้อนได้ มีขายตลอดเส้นทางเดินผ่านอยู่แล้ว ดังนั้น จึงไม่รู้สึกว่า แดดจะเป็นอุปสรรคกับการเดินเที่ยวแบบนี้อีกต่อไป
มาเถอะ มาลองเดินเท้าเที่ยวด้วยกัน แล้วจะรู้ว่า “ คุณเองก็ทำได้ “ การที่ได้ไปสัมผัสกับมุมมองใหม่ เปลี่ยนวิธีการเที่ยวแบบอาหารจานด่วน มาเป็นอาหารที่กินกัน แบบสโลว์ไลฟ์ (Slow life) ย้อนยุคกันบ้าง อาจทำให้ชีวิตเราสดชื่นขึ้นอย่างคาดไม่ถึงมาก่อนก็ได้ จนต้องเผลออุทานออกมาว่า " โอ้ พระเจ้าจอร์จ มันยอดมาก " มาร่วมสักครั้งสองครั้ง แล้วค่อยไปเดินสร้างสไตล์ในแบบของคุณเองอีกที สนใจหลังไมค์มาได้เลย หากกลัวจะเหงาและไม่มีเพื่อนคุยระหว่างเดิน ก็ให้ชวนเพื่อนๆมาด้วย (ไม่จำกัดจำนวน วัยและเพศ) และสิ่งที่คุณจะได้กำไรแน่นอน ก็คือ ประสบการณ์และสุขภาพที่แข็งแรงขึ้นอย่างเหลือเชื่อจริงๆ...รับรอง ขนาดผมมีปัญหาปวดขัดหัวเข่า จากการฝืนสังขารไปเดินขึ้นเขาแล้วมุดลงเที่ยวในถ้ำลึกแถวๆจังหวัดสระบุรีมาก่อน ตอนนี้ ไม่ใช่แค่เดินได้คล่อง ยังสามารถวิ่งออกกำลังกายได้ทุกวัน...ไม่ต้องกินยาหรือหาหมอให้เจ็บตัวอีกเลย
สำหรับการเดินเที่ยวย้อนยุคฯครั้งนี้ ต่อเนื่องจากตอนที่ 2 (วัดยานนาวา - ท่าน้ำสี่พระยา)โดยเดินจากบริเวณท่าน้ำสี่พระยา ลัดเลาะตามสถานที่ต่างๆย่านชุมชนตลาดน้อย ไปสิ้นสุดที่ ท่าน้ำราชวงศ์ ครับ
(เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2558)