[CR] รีวิว Grabcar เดินทางสบายๆ แบบไม่ต้องโบก

กระทู้รีวิว
สวัสดีชาวพันทิปทุกคนค่ะ ช่วงนี้เห็นกระแสของแท็กซี่จากแอพพลิเคชั่นกำลังมาแรง
เราเป็นคนนึงที่ใช้บริการบ่อย เลยอยากลองทำรีวิวแบบละเอียดแบบนี้ดูบ้าง เผื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับใครอีกหลายๆ คนค่ะ  

ตัวเราทำงานออฟฟิศค่ะ จริงๆ มีรถส่วนตัว แต่ใช้ไม่บ่อย
เพราะบางทีต้องไปหาลูกค้าและเราเองเป็นคนที่ไม่แม่นเรื่องเส้นทาง
ที่สำคัญคือที่จอดรถออฟฟิศลูกค้าแต่ละที่หายากอย่างกับทอง
ก็เลยตั้งใจลองเรียกแท็กซี่ดู คืออยากรู้ว่ามันจะดีกว่ารึเปล่าเมื่อเทียบกับการขับรถเอง
อย่างที่บอกค่ะว่าใช้แอพฯ เลยจะเรียก Grabtaxi
และในบางทีก็จะเรียก Grabcar ค่ะเพราะตัวนี้จะสบายกว่า
ซึ่งวันนี้เราเลือกรีวิว Grabcar แล้วกันนะคะ เพราะไม่ค่อยเห็นใครรีวิวเท่าไหร่เมื่อเทียบกับ Grabtaxi
ปกติหรืออีกยี่ห้อคือ Uber อันนี้ส่วนตัวเห็นคนรีวิวกันเยอะแล้ว

Grabcar จะเป็นบริการแท็กซี่เครือเดียวกับ Grabtaxi ค่ะ แต่จะต่างกันตรงที่เป็นรถส่วนตัว (ไม่ใช่แท็กซี่แบบที่โบกกันทั่วไป)
คนขับจะเป็นคนที่มาขับประจำบ้าง หารายได้เสริมบ้าง ลักษณะจะคล้ายๆ กับ Uber เลยค่ะ รถที่เอามาขับก็เป็นรถบ้านทั่วไป ใครที่ยังนึกภาพไม่ออก มันจะอารมณ์ประมาณเพื่อนขับรถมารับน่ะค่ะ
อย่างตอนเรานั่ง เราสตาร์ทจากสำนักงานเขตลาดพร้าวไปที่เซ็นทรัลพระรามเก้าค่ะ



วิธีการเรียกแบบคร่าวๆ (เท่าที่เราจะอธิบายรู้เรื่อง ^^)
ก็คือโหลดแอพ Grabtaxi มา (แอพเดียวแต่เรียกรถได้ทุกประเภทในเครือค่ะ)
จากนั้นให้เรากำหนดจุดสตาร์ทตรง ‘From’ ค่ะ
ณ จุดนี้เราเริ่มจากสำนักงานเขตลาดพร้าว แล้วก็กำหนดจุดหมายตรง ‘To’ ซึ่งก็คือเซ็นทรัลพระรามเก้า
จากนั้นดูที่ประเภทรถค่ะ อย่างตอนนี้มันตั้งต้นไว้ที่แบบแท็กซี่
(*รูปที่ 1) ในจอก็จะบอกว่าราคามิเตอร์จะอยู่ประมาณกี่บาท ระยะทาง รวมถึงจำนวนรถที่มีในบริเวณนั้นค่ะ ก็ 30 คัน แต่!! เราจะไป Grabcar ก็เลื่อนประเภทรถมาเป็น Grabcar (Economy)
(*รูปที่ 2) ค่ะ แบบ Premium
(*รูปที่ 3) จะต่างจากแบบ Economy ตรง 2 ข้อหลักๆ เท่าที่เราทราบตามนี้ค่ะ

1.ราคาแบบ Premium จะสูงกว่า แต่ไม่มากค่ะ อย่างในภาพที่เราลองกดก็ต่างกันแค่ 50 บาท
2.ประเภทรถที่เป็นรถดีกว่า เรียกง่ายๆ ว่ารถแพงกว่า Segment จะอยู่ประมาณ C หรือ D ค่ะ

ซึ่งแบบ Premium เราเคยใช้อยู่ 2 รอบ เป็น Toyota Camry ทั้ง 2 รอบค่ะ
แต่ข้อเสียของแบบนี้คือรถน้อยกว่าแบบ Economy จริงๆ ถ้ามีกว่านี้ก็ดีค่ะ
เวลาเดินทางหลายคนก็อยากไปแบบ Premium นะ หารกันแล้วคุ้มดี



มาต่อกับการเรียกรถค่ะ พอกด Next มาแล้ว จะมีรายละเอียดให้ใส่โค้ดโปรโมชั่น
แต่เราไม่มี เลยกด Confirm Booking ไปเลยค่ะ



พอกด Confirm มันก็จะเริ่มหารถให้เราแล้วค่ะ
หน้าจอก็จะขึ้นว่าตอนนี้มีรถคันไหนอยู่ใกล้เราบ้าง แล้วก็รอแป๊ปนึงค่ะเพื่อที่คนขับจะกดรับเรา



รอประมาณนาทีเดียวก็มีคนกดรับเราค่ะหน้าจอก็จะขึ้นรายละเอียดของคนขับทะเบียนรุ่นรถยนต์
ราคาที่ต้องจ่าย และบอกว่าอยู่ห่างจากเรากี่กิโลพอคนขับกดรับเราเขาจะโทรมาค่ะ
เราก็บอกเขาว่าอยู่ตรงไหนอาจจะบอกเพิ่มไปก็ได้ค่ะว่าใส่เสื้อสีอะไรอยู่กันกี่คนเพื่อที่เขาจะได้เห็นเราง่ายขึ้นค่ะ

เรื่องราคาเป็นราคาที่ Fix ไว้เลยค่ะ ซึ่งเรามองว่าเป็นข้อดีมากๆ ฝนตก รถติดก็ราคาเดิม บางทีนั่งแท็กซี่เจอรถติดเผลอๆ ราคาแพงกว่านี้



ในภาพก็จะเป็นระยะทางจากคนขับถึงเราค่ะ มันก็จะบอกว่าห่างจากเรากี่นาที เราก็เตรียมตัวไปถ้าทำอะไรติดพันอยู่ แต่ตอนนั้นเรายืนเล่นมือถือรออยู่แล้วค่ะ พอจะถึงแล้วคนขับก็โทรมาอีกทีบอกว่าจะถึงแล้ว



แล้วรถที่เรากดเรียกก็มา... รอบนี้เป็น Suzuki SX4 ค่ะ สีขาวน่ารักมุ้งมิ้ง
เช็ครุ่นรถ เช็คทะเบียนรถ โอเคถูกคัน เมื่อรถจอดเทียบก็กระโดดขึ้นได้เลยค่ะ



ขึ้นมาก็เจอกับคนขับค่ะ ทักทายกันนิดหน่อย แต่ระหว่างที่รถติดเราก็จัดการเริ่มสัมภาษณ์ถามพี่เขาค่ะว่ามาขับ Grabcar โอมั้ย? คันที่เราเจอนี่พี่เขาก็บอกว่าเริ่มขับได้อาทิตย์นึง มาขับเป็นงานประจำอย่างจริงจังเลยค่ะ

ก็ถามต่อว่าขับเป็นงานประจำแล้วพี่ขับตั้งแต่กี่โมง
พี่เขาบอกว่า ตั้งแต่ตีห้า ขับจนถึงสายๆ ก็เอาลูกไปฝากเลี้ยง กลับมาขับต่อจนเย็นแล้วไปรับลูก
เราถามว่ารายได้เป็นยังไง ดีมั้ย? พี่เขาบอกว่าโอเคเลย แล้วก็ชอบที่เป็นอิสระ ไม่ต้องเป็นลูกน้องใคร ขยันก็ได้เยอะหน่อย ฟังแล้วหันไปบอกเพื่อนเลยค่ะว่า ไป! ลาออกมาขับบ้าง ฮา



ระหว่างรถติดพี่เขาก็หันมาถามว่า ใช้มือถือ Samsung หรือเปล่า?
ถ้าใช้ชาร์จฟรีได้เลย แต่พอดีเราใช้ iPhone เลยไม่ได้ชาร์จ
(iPhone 4 ด้วยค่ะ รูปเลยออกมาไม่ค่อยชัดต้องขออภัย)
พี่คนขับบอกว่าบางทีรถติดผู้โดยสารก็เล่นมือถือเพลินจนแบตหมด ก็ชาร์จได้ ไม่คิดเงินเพิ่ม



ระหว่างทางก็รถติดเป็นระยะค่ะ ทั้งที่เพิ่งเที่ยง ปกติตอนเย็นก็จะติดกว่านี้  
แต่ค่าโดยสารมัน Fix มาแล้วที่ 155 บาท เรามากับเพื่อนอีกคน นั่งกันชิลเลยค่ะ
หารกันก็คนละ 70-80 บาทค่ะ ราคาไม่แพงมากเท่าไหร่



ถึงที่หมายแล้วค่ะ เซ็นทรัลพระราม 9 พี่คนขับก็จอด จ่ายเงิน ค่าโดยสาร 155 บาท
แต่ตอนนั้นเราจ่ายไป 160 ไม่ได้เอาเงินทอน ถือเป็นการสิ้นสุดพิธีกรรมการขึ้น Grabcar ค่ะ



ในส่วนของใบเสร็จ มันจะมีใบเสร็จมาทางอีเมลที่เราลงทะเบียนไว้ค่ะ
อันนี้คือใบเสร็จที่เราได้มา (ขออนุญาตเบลอชื่อเรา ชื่อคนขับ และทะเบียนรถนะคะ)

มาดูข้อสรุปจากเรากันเลยนะคะ จากประสบการณ์ที่นั่งมาก็พบได้ดังนี้

ข้อดี
1.รถค่อนข้างใหม่ค่ะ นั่งสบายกว่าแท็กซี่ และสะอาดมาก พี่คนขับเล่าว่ารถต้องไม่เก่าเกิน 5 ปีด้วยค่ะถ้าจะเอามาใช้
2.ราคาที่อาจจะดูแพงกว่าแท็กซี่ แต่มันคงที่ ซึ่งเราแนะนำเลยถ้าใครจะใช้ตอนรถติด หรือฝนตกหนักๆ เพราะจะค้างเติ่งอยู่ในรถนานเป็นชั่วโมงราคาก็เท่าเดิม
3.คนขับสุภาพ มีมารยาท จริงๆ เราเจอคนขับดีทุกคนค่ะ สวัสดีกันทุกครั้งที่ขึ้นรถ
แต่ในกรณีพี่คนนี้เขาก็จะน่ารักตรงที่บอกว่าชาร์จมือถือได้ ทิชชู่ในรถใช้ได้
เบรคกระทันหันก็หันมาขอโทษ ถือเป็นคนขับที่เราประทับใจคนนึงค่ะ
4.สะดวกสำหรับคนที่ขี้เกียจหาที่จอดรถ หรือไม่รู้เส้นทาง

ข้อเสีย
1.โลเคชั่นของคนขับมันไม่ค่อย Real Time เท่าไหร่ ห่างจากเรา 8 นาที
ก็มาเป็น 5 แล้วก็ 2 น่ะค่ะ (หรือเป็นที่เน็ตมือถือเราก็ไม่รู้นะ)
2.ถ้าไม่ใช่ในเมืองก็จะไม่ค่อยมีรถ เราเคยลองเรียกจากรังสิต จะไปจตุจักร
มีรถ Grabcar คันเดียวเองค่ะ แล้วเขาก็ไม่กดรับเราด้วย T-T
แต่เราหาได้แคร์ไม่ ก็เรียก Grabtaxi ธรรมดากันไป ซึ่งก็มีเยอะอยู่ อันนี้ก็บริการดีเช่นกันค่ะ

ขอบคุณที่ติดตามจนจบค่ะ ผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัย ณ ที่นี้เลยนะคะ
ปล.ตอนนี้แอปมันมีเวอร์ชั่นใหม่ ในรูปมันเป็นเวอร์ชั่นเก่าต้องขออภัยด้วยเน่อ



ชื่อสินค้า:   Grabcar
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่