ตู้ชาร์จไฟฟ้า PEA vs ความคาดหวังของประชาชนผู้ใช้รถไฟฟ้า
อยากให้เพื่อนๆร่วมแสดงความคิดเห็น เพื่อให้สะท้อนภาพความต้องการในการใช้ตู้ชาร์จรถไฟฟ้า ของ PEA ให้การไฟฟ้าได้เห็นถึงปัญหา ได้ตระหนักถึงความต้องการ และรับรู้ถึงความขาดแคลน เพื่อพัฒนาและเพิ่มตู้ชาร์จไฟฟ้าให้มากขึ้นโดยเร็ว ตอบโจทย์ผู้ใช้รถไฟฟ้าที่ต้องเดินทางไกล และมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกวัน
ก่อนอื่นเลย เราก็ขอแชร์ประสบการณ์ส่วนตัว ในการเดินทางไกลด้วยรถไฟฟ้าของผม ดังนี้
เมื่อขับรถไฟฟ้าออกต่างจังหวัดครั้งใด สิ่งที่ผมคิดถึงและมีความกังวลเป็นพิเศษ คือ การหาตู้ชาร์จรถไฟฟ้า ซึ่งในปัจจุบันยังมีไม่เพียงพอกับจำนวนผู้ใช้รถไฟฟ้า ที่มีจำนวนมากมายมหาศาล และเติบโตเร็วมากทวีเพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าๆตัว ในแต่ละปี โดยตู้ชาร์จรถไฟฟ้าในปัจจุบันยังไม่มีไม่เพียงพอ ไม่สามารถรองรับความต้องการชาร์จไฟของผู้ใช้รถไฟฟ้าที่มีจำนวนมาก ได้อย่างครอบคลุม เมื่อพูดถึงตรงนี้แล้วทำให้เห็นภาพผู้ใช้รถไฟฟ้า ที่ต้องรอต่อคิวชาร์จรถไฟฟ้ากันเป็นจำนวนมาก และต้องเสียเวลารอการชาร์จไฟฟ้าเป็นชั่วโมงหรือหลายชั่วโมง นี่ยังไม่รวมถึงช่วงเทศกาล ที่ต้องออกมาเตือนให้ผู้ใช้รถไฟฟ้า อย่านำรถออกมาใช้ในเวลาดังกล่าว เพราะทำให้ต้องรอนานกว่าปกติมาก และเสียเวลาในการเดินทางเป็นอย่างมาก
การไฟฟ้าแห่งประเทศไทย (ไม่ว่าจะเป็นการไฟฟ้านครหลวง หรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือการไฟฟ้าฝ่ายผลิตที่มีที่ชาร์จให้บริการตามเขื่อนต่างๆ) ในฐานะที่เป็นหน่วยงานของรัฐ เป็นผู้ริเริ่ม บุกเบิก และเชิญชวนให้ประชาชนหันมาใช้รถไฟฟ้า การรณรงค์ ตลอดจนการประชาสัมพันธ์ของท่าน ได้ผลเข้าเป้าเกินคาด เกิน 100% เพราะในปัจจุบันมีผู้ใช้รถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นทวีคูณมากเป็นหลายเท่าในแต่ละปี แต่ทำไมท่านไม่พัฒนาและขยายจำนวนตู้ชาร์จไฟฟ้า ให้เพียงพอกับจำนวนผู้ใช้รถไฟฟ้าเหล่านี้ หรือท่านจะหลอกให้ผู้ใช้รถไฟฟ้าหันมาใช้รถไฟฟ้า แล้วทิ้งเขาไว้โดยไม่สนใจใยดี ไม่มีการขยายสถานีชาร์จรถไฟฟ้าเพื่อรองรับกลุ่มผู้ใช้รถไฟฟ้าเหล่านี้ ที่หลงทางมาตามคำเชิญชวนของท่านล่ะครับ
จริงๆแล้วการทำสถานีชาร์จรถไฟฟ้า เป็นสิ่งที่ง่ายมาก และสามารถขยายให้ทั่วถึงได้โดยไม่ยาก สามารถทำได้ในทันที เพราะการไฟฟ้าเป็นเจ้าของเสาไฟฟ้าทุกต้น เพียงตั้งจุดเสียบปลั๊กสำหรับขั้วของรถไฟฟ้า ที่เสาไฟฟ้าก็สามารถชาร์จได้แล้ว เหมือนกับรถตู้ของธนาคารออมสิน ที่ออกมาบริการประชาชนตามจุดต่างๆ จะเห็นได้ว่า เขามีจุดชาร์จไฟฟ้าติดอยู่เสาไฟฟ้า พอรถมาจอดที่จุดดังกล่าว ก็เสียบปลั๊กของการไฟฟ้าจากจุดดังกล่าวได้เลย (เหมือนการเสียบปลั๊กเครื่องไฟฟ้าตามบ้านเราดีๆนั่นเอง) เพียงแต่การใช้ไฟในรูปแบบนี้ อาจเป็นการชาร์จช้า เหมือนการชาร์จจากปลั๊กชาร์จไฟฉุกเฉิน ที่ผู้ใช้รถไฟฟ้าอย่างพวกเราใช้อยู่นั่นเอง แต่หากการไฟฟ้าเพิ่มตู้แปลงไฟติดตั้งไว้ข้างเสาไฟฟ้า และตีเส้นเว้นที่จอดรถไฟฟ้าไว้ เพียงแค่นี้ ก็สามารถทำเป็นที่จอดชาร์จรถไฟฟ้าได้เลย(เหมือนสถานีชาร์จรถย่อยๆแห่งหนึ่ง ใส่ได้ 2 หัวอีกต่างหาก รองรับได้ถึง 2 คัน หน้า-หลัง ทั้ง 2 ข้างของเสาไฟฟ้า) เห็นมั๊ยไม่เห็นจะยาก และไม่ต้องลงทุนสูงด้วย โดยทุกเสาไฟฟ้าสามารถทำแบบนี้ได้หมด หากการไฟฟ้าจะเอาจริงและส่งเสริมผู้ใช้รถไฟฟ้าอย่างจริงจัง (ไม่ใช่ชวนเพื่อนมาใช้รถไฟฟ้า และไม่มีมาตราการรองรับ เหมือนหลอกพาเพื่อนมาทิ้ง)
โดยอาจทำเป็นเสาสถานีที่จ่ายไฟฟ้า ในหลายรูปแบบ เช่น
- สถานีชาร์จช้า โดยต่อสายและทำปลั๊กชาร์จไฟเหมือนหัวเสียบปลั๊กรถตู้ออมสิน ตั้งไว้เป็นที่ชาร์จสำหรับผู้ใช้ไฟสำหรับจอดชาร์จชาร์จค้างคืน ตามจุดต่างๆในเมือง หรือในชุมชน หรือในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆก็ได้ (โดยมีการสแกน QR CODE ก่อนใช้ไฟทุกครั้ง)
- สถานีชาร์จกำลังไฟต่ำ 25 Kw ก็เพียงเพิ่มตู้ยืน ที่มีเครื่องแปลงไฟ ACเป็นDC ติดข้างเสาไฟ และมี QR CODE ให้สแกนก็จบแล้ว
- ส่วนตู้ชาร์จขนาด 50-120 Kw ก็สามารถทำได้ในลักษณะนี้เช่นกัน แต่หากต้องใช้กับสายไฟแรงสูงที่มีกำลังไฟมาก็ต้องไปใช้เสาไฟฟ้าต้นใหญ่ หรือเสาแรงสูงที่มีสายไฟฟ้าขนาดใหญ่พาดผ่านแทน หรือไปขยายตามจุดต่างๆ ในบริเวณหน้าสำนักงานการไฟฟ้าทุกแห่ง ทุกอำเภอก็ได้
จากที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่า การขยายสถานีชาร์จรถไฟฟ้า PEA ของการไฟฟ้าเป็นสิ่งที่ง่ายมาก เมื่อเทียบกับเอกชน ที่ต้องใช้เงินลงทุนในการสร้างสถานีชาร์จเป็นจำนวนมาก (เริ่มจากต้องขออนุญาตจากไฟฟ้า ต้องลงทุนลากสายไฟฟ้าขนาดใหญ่ใหม่ ต้องเสียค่าเช่าพื้นที่ ต้องซื้อตู้มาติดตั้ง ต้องจ้างบริษัทผู้เชี่ยวชาญในการติดตั้ง ฯลฯ) ซึ่งกว่าจะทำได้ต้องลงทุนเป็นล้านบาท แต่การไฟฟ้าไม่ต้องลงทุนอะไรมากมายเหมือนเขาเลย เพราะทรัพยากรทุกอย่างทางการไฟฟ้ามีหมดแล้ว ทั้งบุคคลากร ทั้งเสาไฟฟ้า ทั้งสายไฟ เพราะเสาไฟฟ้าทุกต้น และสายไฟฟ้าที่พาดผ่านบนเสาทุกต้นเป็นของท่าน เพียงแต่ต่อเชื่อมแยกลงมาก็ใช้ได้แล้ว
หากการไฟฟ้าเริ่มต้นลงมือทำสถานีชาร์จรถตามที่ผมแนะนำดังกล่าวอย่างจริงจัง รับรองได้ว่ามีจุดชาร์จรถไฟฟ้า เพียงพออย่างแน่นอน ไม่ต้องมีปั๊มชาร์จรถไฟฟ้าแบบต่างประเทศ ไม่ต้องมีสถานีชาร์จรถไฟฟ้าที่หรูหราก็ได้ ทำได้ไม่ยากเลย
สุดท้ายหวังว่าการไฟฟ้าในฐานะที่เป็นหน่วยงานของรัฐและเป็นที่พึ่งของประชาชน เป็นตัวหลักในการผลิตไฟฟ้า เพื่อรองรับความต้องการของประชาชน และเป็นผู้ที่รณรงค์ให้คนไทยหันมาใช้รถไฟฟ้ากันมากขึ้น ควรเป็นหน่วยงานแรกๆที่เป็นที่พึ่งหลักให้กับประชาชนผู้ใช้ไฟผู้ใช้รถไฟฟ้า ไม่ใช่เป็นที่พึ่งสุดท้าย ที่ไม่ยอมพัฒนา ให้ประชาชนต้องมาแย่งที่ชาร์จกัน ต้องทะเลาะกัน และรู้สึกขัดใจทุกครั้งเมื่อต้องเดินทาง เหมือนที่ผ่านมา
ฝากถึงทางรัฐบาล ผู้บริหารของการไฟฟ้า ตลอดจนผู้มีส่วนเกี่ยวฃ้องทุกท่าน ให้ช่วยโปรดพิจารณาอนุมัติตู้ชาร์จไฟเพิ่มเติม ในทุกจังหวัด ทุกอำเภอและทุกเส้นทางการเดินทางหลัก-รอง ให้กับประชาชนผู้ใช้รถไฟฟ้า ให้มีที่ชาร์จไฟเพียงพอ ไม่ใช่ให้ไปพึ่งภาคเอกชนเพียงอย่างเดียว
ตู้ชาร์จไฟฟ้า PEA vs ความคาดหวังของประชาชนผู้ใช้รถไฟฟ้า
อยากให้เพื่อนๆร่วมแสดงความคิดเห็น เพื่อให้สะท้อนภาพความต้องการในการใช้ตู้ชาร์จรถไฟฟ้า ของ PEA ให้การไฟฟ้าได้เห็นถึงปัญหา ได้ตระหนักถึงความต้องการ และรับรู้ถึงความขาดแคลน เพื่อพัฒนาและเพิ่มตู้ชาร์จไฟฟ้าให้มากขึ้นโดยเร็ว ตอบโจทย์ผู้ใช้รถไฟฟ้าที่ต้องเดินทางไกล และมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกวัน
ก่อนอื่นเลย เราก็ขอแชร์ประสบการณ์ส่วนตัว ในการเดินทางไกลด้วยรถไฟฟ้าของผม ดังนี้
เมื่อขับรถไฟฟ้าออกต่างจังหวัดครั้งใด สิ่งที่ผมคิดถึงและมีความกังวลเป็นพิเศษ คือ การหาตู้ชาร์จรถไฟฟ้า ซึ่งในปัจจุบันยังมีไม่เพียงพอกับจำนวนผู้ใช้รถไฟฟ้า ที่มีจำนวนมากมายมหาศาล และเติบโตเร็วมากทวีเพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าๆตัว ในแต่ละปี โดยตู้ชาร์จรถไฟฟ้าในปัจจุบันยังไม่มีไม่เพียงพอ ไม่สามารถรองรับความต้องการชาร์จไฟของผู้ใช้รถไฟฟ้าที่มีจำนวนมาก ได้อย่างครอบคลุม เมื่อพูดถึงตรงนี้แล้วทำให้เห็นภาพผู้ใช้รถไฟฟ้า ที่ต้องรอต่อคิวชาร์จรถไฟฟ้ากันเป็นจำนวนมาก และต้องเสียเวลารอการชาร์จไฟฟ้าเป็นชั่วโมงหรือหลายชั่วโมง นี่ยังไม่รวมถึงช่วงเทศกาล ที่ต้องออกมาเตือนให้ผู้ใช้รถไฟฟ้า อย่านำรถออกมาใช้ในเวลาดังกล่าว เพราะทำให้ต้องรอนานกว่าปกติมาก และเสียเวลาในการเดินทางเป็นอย่างมาก
การไฟฟ้าแห่งประเทศไทย (ไม่ว่าจะเป็นการไฟฟ้านครหลวง หรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือการไฟฟ้าฝ่ายผลิตที่มีที่ชาร์จให้บริการตามเขื่อนต่างๆ) ในฐานะที่เป็นหน่วยงานของรัฐ เป็นผู้ริเริ่ม บุกเบิก และเชิญชวนให้ประชาชนหันมาใช้รถไฟฟ้า การรณรงค์ ตลอดจนการประชาสัมพันธ์ของท่าน ได้ผลเข้าเป้าเกินคาด เกิน 100% เพราะในปัจจุบันมีผู้ใช้รถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นทวีคูณมากเป็นหลายเท่าในแต่ละปี แต่ทำไมท่านไม่พัฒนาและขยายจำนวนตู้ชาร์จไฟฟ้า ให้เพียงพอกับจำนวนผู้ใช้รถไฟฟ้าเหล่านี้ หรือท่านจะหลอกให้ผู้ใช้รถไฟฟ้าหันมาใช้รถไฟฟ้า แล้วทิ้งเขาไว้โดยไม่สนใจใยดี ไม่มีการขยายสถานีชาร์จรถไฟฟ้าเพื่อรองรับกลุ่มผู้ใช้รถไฟฟ้าเหล่านี้ ที่หลงทางมาตามคำเชิญชวนของท่านล่ะครับ
จริงๆแล้วการทำสถานีชาร์จรถไฟฟ้า เป็นสิ่งที่ง่ายมาก และสามารถขยายให้ทั่วถึงได้โดยไม่ยาก สามารถทำได้ในทันที เพราะการไฟฟ้าเป็นเจ้าของเสาไฟฟ้าทุกต้น เพียงตั้งจุดเสียบปลั๊กสำหรับขั้วของรถไฟฟ้า ที่เสาไฟฟ้าก็สามารถชาร์จได้แล้ว เหมือนกับรถตู้ของธนาคารออมสิน ที่ออกมาบริการประชาชนตามจุดต่างๆ จะเห็นได้ว่า เขามีจุดชาร์จไฟฟ้าติดอยู่เสาไฟฟ้า พอรถมาจอดที่จุดดังกล่าว ก็เสียบปลั๊กของการไฟฟ้าจากจุดดังกล่าวได้เลย (เหมือนการเสียบปลั๊กเครื่องไฟฟ้าตามบ้านเราดีๆนั่นเอง) เพียงแต่การใช้ไฟในรูปแบบนี้ อาจเป็นการชาร์จช้า เหมือนการชาร์จจากปลั๊กชาร์จไฟฉุกเฉิน ที่ผู้ใช้รถไฟฟ้าอย่างพวกเราใช้อยู่นั่นเอง แต่หากการไฟฟ้าเพิ่มตู้แปลงไฟติดตั้งไว้ข้างเสาไฟฟ้า และตีเส้นเว้นที่จอดรถไฟฟ้าไว้ เพียงแค่นี้ ก็สามารถทำเป็นที่จอดชาร์จรถไฟฟ้าได้เลย(เหมือนสถานีชาร์จรถย่อยๆแห่งหนึ่ง ใส่ได้ 2 หัวอีกต่างหาก รองรับได้ถึง 2 คัน หน้า-หลัง ทั้ง 2 ข้างของเสาไฟฟ้า) เห็นมั๊ยไม่เห็นจะยาก และไม่ต้องลงทุนสูงด้วย โดยทุกเสาไฟฟ้าสามารถทำแบบนี้ได้หมด หากการไฟฟ้าจะเอาจริงและส่งเสริมผู้ใช้รถไฟฟ้าอย่างจริงจัง (ไม่ใช่ชวนเพื่อนมาใช้รถไฟฟ้า และไม่มีมาตราการรองรับ เหมือนหลอกพาเพื่อนมาทิ้ง)
โดยอาจทำเป็นเสาสถานีที่จ่ายไฟฟ้า ในหลายรูปแบบ เช่น
- สถานีชาร์จช้า โดยต่อสายและทำปลั๊กชาร์จไฟเหมือนหัวเสียบปลั๊กรถตู้ออมสิน ตั้งไว้เป็นที่ชาร์จสำหรับผู้ใช้ไฟสำหรับจอดชาร์จชาร์จค้างคืน ตามจุดต่างๆในเมือง หรือในชุมชน หรือในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆก็ได้ (โดยมีการสแกน QR CODE ก่อนใช้ไฟทุกครั้ง)
- สถานีชาร์จกำลังไฟต่ำ 25 Kw ก็เพียงเพิ่มตู้ยืน ที่มีเครื่องแปลงไฟ ACเป็นDC ติดข้างเสาไฟ และมี QR CODE ให้สแกนก็จบแล้ว
- ส่วนตู้ชาร์จขนาด 50-120 Kw ก็สามารถทำได้ในลักษณะนี้เช่นกัน แต่หากต้องใช้กับสายไฟแรงสูงที่มีกำลังไฟมาก็ต้องไปใช้เสาไฟฟ้าต้นใหญ่ หรือเสาแรงสูงที่มีสายไฟฟ้าขนาดใหญ่พาดผ่านแทน หรือไปขยายตามจุดต่างๆ ในบริเวณหน้าสำนักงานการไฟฟ้าทุกแห่ง ทุกอำเภอก็ได้
จากที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่า การขยายสถานีชาร์จรถไฟฟ้า PEA ของการไฟฟ้าเป็นสิ่งที่ง่ายมาก เมื่อเทียบกับเอกชน ที่ต้องใช้เงินลงทุนในการสร้างสถานีชาร์จเป็นจำนวนมาก (เริ่มจากต้องขออนุญาตจากไฟฟ้า ต้องลงทุนลากสายไฟฟ้าขนาดใหญ่ใหม่ ต้องเสียค่าเช่าพื้นที่ ต้องซื้อตู้มาติดตั้ง ต้องจ้างบริษัทผู้เชี่ยวชาญในการติดตั้ง ฯลฯ) ซึ่งกว่าจะทำได้ต้องลงทุนเป็นล้านบาท แต่การไฟฟ้าไม่ต้องลงทุนอะไรมากมายเหมือนเขาเลย เพราะทรัพยากรทุกอย่างทางการไฟฟ้ามีหมดแล้ว ทั้งบุคคลากร ทั้งเสาไฟฟ้า ทั้งสายไฟ เพราะเสาไฟฟ้าทุกต้น และสายไฟฟ้าที่พาดผ่านบนเสาทุกต้นเป็นของท่าน เพียงแต่ต่อเชื่อมแยกลงมาก็ใช้ได้แล้ว
หากการไฟฟ้าเริ่มต้นลงมือทำสถานีชาร์จรถตามที่ผมแนะนำดังกล่าวอย่างจริงจัง รับรองได้ว่ามีจุดชาร์จรถไฟฟ้า เพียงพออย่างแน่นอน ไม่ต้องมีปั๊มชาร์จรถไฟฟ้าแบบต่างประเทศ ไม่ต้องมีสถานีชาร์จรถไฟฟ้าที่หรูหราก็ได้ ทำได้ไม่ยากเลย
สุดท้ายหวังว่าการไฟฟ้าในฐานะที่เป็นหน่วยงานของรัฐและเป็นที่พึ่งของประชาชน เป็นตัวหลักในการผลิตไฟฟ้า เพื่อรองรับความต้องการของประชาชน และเป็นผู้ที่รณรงค์ให้คนไทยหันมาใช้รถไฟฟ้ากันมากขึ้น ควรเป็นหน่วยงานแรกๆที่เป็นที่พึ่งหลักให้กับประชาชนผู้ใช้ไฟผู้ใช้รถไฟฟ้า ไม่ใช่เป็นที่พึ่งสุดท้าย ที่ไม่ยอมพัฒนา ให้ประชาชนต้องมาแย่งที่ชาร์จกัน ต้องทะเลาะกัน และรู้สึกขัดใจทุกครั้งเมื่อต้องเดินทาง เหมือนที่ผ่านมา
ฝากถึงทางรัฐบาล ผู้บริหารของการไฟฟ้า ตลอดจนผู้มีส่วนเกี่ยวฃ้องทุกท่าน ให้ช่วยโปรดพิจารณาอนุมัติตู้ชาร์จไฟเพิ่มเติม ในทุกจังหวัด ทุกอำเภอและทุกเส้นทางการเดินทางหลัก-รอง ให้กับประชาชนผู้ใช้รถไฟฟ้า ให้มีที่ชาร์จไฟเพียงพอ ไม่ใช่ให้ไปพึ่งภาคเอกชนเพียงอย่างเดียว