สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
Gen Y กับ Gen Z ก็แบบนี้ล่ะ
เกิดมาในยุคที่มี Internet
โลกหมุนเร็วขึ้น ข้อมูลข่าวสารหาง่ายขึ้น องค์ความรู้กระจายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
จึงพึ่งพาประสบการณ์น้อยลง
คนรุ่นนี้ไม่เคยต้องรับรู้สภาพที่ไม่แน่นอน สงคราม แรงกดดันในระดับสูง ... เลยไม่ได้โหยหาความแน่นอนแบบคนยุคก่อน
ให้ความสำคัญกับอัตตลักษณ์มากกว่า ให้ความสำคัญกับ Individual Passion มากกว่า เพราะรู้สึกว่าตัวเองมีทางเลือก
งานหาง่าย ข้าวมีกิน อยากรวยเร็ว ... เลยกล้าเปลี่ยนงานบ่อย ชอบ Work Life Balance
เปลี่ยนแปลงการมองชีวิตจาก Life Cycle เป็น Life Circle เหนื่อยก็พัก แล้วเริ่มชีวิตใหม่เป็น Loop เล็กๆ หลายๆ Loop
ไม่มี Loyalty ทั้งต่อองค์กร ต่อสินค้า ... แต่มี Loyalty ต่อตัวเอง
เกิดมาในยุคที่มี Internet
โลกหมุนเร็วขึ้น ข้อมูลข่าวสารหาง่ายขึ้น องค์ความรู้กระจายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
จึงพึ่งพาประสบการณ์น้อยลง
คนรุ่นนี้ไม่เคยต้องรับรู้สภาพที่ไม่แน่นอน สงคราม แรงกดดันในระดับสูง ... เลยไม่ได้โหยหาความแน่นอนแบบคนยุคก่อน
ให้ความสำคัญกับอัตตลักษณ์มากกว่า ให้ความสำคัญกับ Individual Passion มากกว่า เพราะรู้สึกว่าตัวเองมีทางเลือก
งานหาง่าย ข้าวมีกิน อยากรวยเร็ว ... เลยกล้าเปลี่ยนงานบ่อย ชอบ Work Life Balance
เปลี่ยนแปลงการมองชีวิตจาก Life Cycle เป็น Life Circle เหนื่อยก็พัก แล้วเริ่มชีวิตใหม่เป็น Loop เล็กๆ หลายๆ Loop
ไม่มี Loyalty ทั้งต่อองค์กร ต่อสินค้า ... แต่มี Loyalty ต่อตัวเอง
ความคิดเห็นที่ 19
เด็กยุคใหม่มีความกล้า มีความฝัน แล้วเค้าก็ชดเชยการขาดประสบการณ์และความรู้ด้วยการอ่านหนังสือและจากอินเตอร์เน็ตแทน
พวกนี้ถ้าพอมีเงินลงทุนบางคนก็ไปได้ไกลเลยก็เห็นเยอะ ถ้าพลาดล้มก็พลาดตั้งแต่เด็กมีบทเรียนให้ก้าวไปได้ไกลกว่าเดิมอีก
บางคนมาพลาดตอนอายุมากแล้วก็เหนื่อยกว่าจะกลับมายืนได้เหมือนเดิม อันนี้คือความได้เปรียบของเด็กสมัยนี้
เทียบคนสมัยก่อน ไม่ค่อยมีแหล่งความรู้ ต้องสะสมประสบการณ์ไปก่อน ถ้ารุ่นพ่อรุ่นแม่ทำฐานมาให้ดีก็ดีไป
ถ้าไม่มีอะไรมาเลยก็ต้องไปเป็นลูกจ้างไปก่อนอยู่หลายปี กว่าจะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เก็บเงิน เก็บความรู้ เงยหน้ามาอีกทีอายุก็พอสมควรแล้ว
ความกล้า ความฝันมันก็หดหายไปตามวัยและเวลาอ่ะแหละ เลยทำให้ความอยากเป็นเจ้าของกิจการมันลดลง
ยิ่งถ้าไม่ได้อยู่ในครอบครัวที่มีแวดวงทำกิจการเอง จะเหนื่อยกับกระบวนการคิดและขั้นตอน รวมไปถึงคอนเนคชั่นด้วย
พอพลาดล้มทีก็กลัวอีก หรือทุนหมดบ้าง เลยเป็นเหตุให้กลับไปทำงานประจำต่อเพราะมั่นคงและถนัดกว่า
พวกนี้ถ้าพอมีเงินลงทุนบางคนก็ไปได้ไกลเลยก็เห็นเยอะ ถ้าพลาดล้มก็พลาดตั้งแต่เด็กมีบทเรียนให้ก้าวไปได้ไกลกว่าเดิมอีก
บางคนมาพลาดตอนอายุมากแล้วก็เหนื่อยกว่าจะกลับมายืนได้เหมือนเดิม อันนี้คือความได้เปรียบของเด็กสมัยนี้
เทียบคนสมัยก่อน ไม่ค่อยมีแหล่งความรู้ ต้องสะสมประสบการณ์ไปก่อน ถ้ารุ่นพ่อรุ่นแม่ทำฐานมาให้ดีก็ดีไป
ถ้าไม่มีอะไรมาเลยก็ต้องไปเป็นลูกจ้างไปก่อนอยู่หลายปี กว่าจะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เก็บเงิน เก็บความรู้ เงยหน้ามาอีกทีอายุก็พอสมควรแล้ว
ความกล้า ความฝันมันก็หดหายไปตามวัยและเวลาอ่ะแหละ เลยทำให้ความอยากเป็นเจ้าของกิจการมันลดลง
ยิ่งถ้าไม่ได้อยู่ในครอบครัวที่มีแวดวงทำกิจการเอง จะเหนื่อยกับกระบวนการคิดและขั้นตอน รวมไปถึงคอนเนคชั่นด้วย
พอพลาดล้มทีก็กลัวอีก หรือทุนหมดบ้าง เลยเป็นเหตุให้กลับไปทำงานประจำต่อเพราะมั่นคงและถนัดกว่า
ความคิดเห็นที่ 11
ยุคสมัยที่คนทำงานส่งตัวเองเรียน
กลายมาเป็นยุคสมัยของการมีสิ่งฟุ่มเฟือยด้วยเงินพ่อแม่
ความรู้สึกมันแตกต่างกันมากมาย
การหาเงินด้วยความยากลำบาก กลายเป็นเรื่องของคนไม่ฉลาด
การได้มาง่ายๆ กลายเป็นคนมีไหวพริบ
หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน
ในชีวิตจริงวิ่ง 100 เมตรหรือจะสู้นักวิ่งมาราธอน
คนประสบความสำเร็จด้วยตัวเอง ถึงอย่างไรก็ยังมีความภาคภูมิใจไว้กับตัว
กลายมาเป็นยุคสมัยของการมีสิ่งฟุ่มเฟือยด้วยเงินพ่อแม่
ความรู้สึกมันแตกต่างกันมากมาย
การหาเงินด้วยความยากลำบาก กลายเป็นเรื่องของคนไม่ฉลาด
การได้มาง่ายๆ กลายเป็นคนมีไหวพริบ
หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน
ในชีวิตจริงวิ่ง 100 เมตรหรือจะสู้นักวิ่งมาราธอน
คนประสบความสำเร็จด้วยตัวเอง ถึงอย่างไรก็ยังมีความภาคภูมิใจไว้กับตัว
แสดงความคิดเห็น
ปัจจุบัน "เด็กจบใหม่อยากเป็นเจ้าของกิจการ นักลงทุนในตลาดหุ้น มากกว่าเป็นลูกจ้าง" คุณว่าเป็นเพราะอะไรครับ ?