คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
เมื่อไม่นานมานนี้ เอาขนมไปให้เขา ช่วงที่เราพักเบรคค่ะ แล้วก็เลยเดินขึ้นไปคุยกับเขาที่แผงควบคุมเครื่องเล่นสักแปบนะคะ แต่ก็ทิ้งระยะกันพอสมควร สักพักเรารู้สึกแปลกๆ เลยมองไปที่เครื่องเล่นอีกเครื่องที่อยู่ใกล้ๆ เขา ภาพที่เห็นคือเพื่อนพนง.ผญ.ที่ดูแลเครื่องเล่นถือโทรศัพท์มาทางเรากับพี่เขาซะงั้น เราก็เอ๋อรับประทานเลยค่ะ ทำอะไรไม่ถูก พี่เขาเห็นเราเงียบไปเลยมองหน้าเราล่ะมั้งคะ พอเห็นว่าสายตาเราไปอยู่ไหนเขาก็หันไปมองชตาม เท่านั้นล่ะค่ะพี่เขาบอกว่ามาถ่ายใกล้ๆเลยไหม เราก็แบบตกใจซิคะ เฮ้ย! ไม่คิดจะห้ามนู่นนี่นั่นเลยเหรอ เราไม่รู้หรอกว่าค่ะว่าเขาถ่ายจริงหรือเล่น แต่เรานี่ใจไม่ดีไปเลย คือเราเองก็ไม่รู้นะคะว่าพี่เขามีแฟนหรือยังหรือโสดอยู่ แล้วเราก็ดันไม่กล้าถามอีก มันก็เลยเหมือนเป็นปัญหาเรื่องโสดไม่โสดอยู่เหมือนกันค่ะ TT
ล่าสุดสดๆ ร้อนๆ ค่ะ เราทำงานแล้วพักเบรคค่ะ เลยลองเดินเล่นๆ ไปแถวเครื่องเล่นที่เจอเขาครั้งแรก ก็ปรากฎว่าเขาดูแลเครื่องเล่นนั้นอยู่ค่ะ เราก็รอจนมีลูกค้าไปเล่นเครื่องเล่น เราเดินจนเกือบถึงทางเข้า แล้วก็ถามเขาว่าเล่นได้ไหม เขาก็บอกได้ (ถามไปงั้นแหละค่ะ พอให้มีเรื่องคุยกัน) เราก็ติดซิปเสื้อคลุมเราระหว่างเดินเข้าไปในเครื่องเล่น พอมาตรงที่เขาอยู่ เราก็ฝากถุงผ้าที่ใส่ขนมกับโทรศัพท์ไว้ แล้วเขาก็บอกเราว่ายืนตัวตรง เราก็งง ยืนตัวตรงทำไม พอเรายืนตัวตรงแค่นั้นแหละค่ะ เขายื่นมือมารูดซิปเสื้อให้เราจนสุดเลยค่ะ เราทั้งตกใจทั้งฟิน ก้มหน้างุดไม่กล้ามองเขาเลย แถมยังมีลูกค้าคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่บนเครื่องเล่นอีก
พอเล่นเสร็จ เราก็กะจะเล่นอีกรอบ แต่พอดีมีเพื่อนคนนึงผ่านมา แล้วเขาเห็นเรายืนอยู่กับพี่เขา เลยชี้ๆ มาประมาณว่าคนนี้เหรอ เราก็ส่ายหน้าบอกปัดๆ ไป ทีนี้เพื่อนคนนั้นอยากเล่นบ้าง แต่ไม่มีเสื้อคลุม เราเลยเดินลงไปเอาเสื้อคลุมให้เพื่อน พี่เขาเห็นเราเดินไปก็บอกว่าจะไปแต่ไม่เอาถุงไปเนี่ยนะ เราหันมาบอกเขาเดี๋ยวมา ก็ให้เพื่อนใส่เสื้อคลุมเราไปเล่นค่ะ
ระหว่างนั้นเราก็ยืนอยู่กับเขา แต่ห่างๆ กันนะคะ เขาถามว่าพักกี่นาที เราบอก30นาที เขาบอก30นาที ยังอุตส่าห์เดินมาถึงนี้ เราก็ยิ้มๆ แต่ในใจเรารู้เหตุผลอยู่แล้วว่าทำไมเรามาขนาดนี้ 555 แต่เราก็ไม่ได้กลับบ้านกับเขาอีกแล้วนะคะ
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเรากับพี่เขาค่ะ มันเหมือนจะอะไรมากกว่าแค่เพื่อน แต่เอาจริงๆ ก็เหมือนไม่มีอะไรพิเศษ บางทีเขาทำให้เรารู้สึกไปเองว่าเป็นคนพิเศษ (จับมือในบ้านผีสิง ล็อค-ปลดล็อคตัวล็อคให้ อาสาไปส่งบ้าน) แต่บางครั้งก็ไม่มีอะไรเกินเลย ที่คุยๆ กันมาก็มีแต่เรื่องทั่วๆ ไป เราคิดว่าเขารู้ล่ะคะว่าเราชอบเขา เอาขนมไปให้ขนาดนั้น แต่ปัญหามันที่เราสงสัยก็คือ
1. พี่เขามีแฟนหรือยัง คือเราอยากเดินหน้าต่อค่ะ แต่มันติดปัญหาตรงนี้จริงๆ ค่ะ เราไม่แน่ใจสถานะของพี่เขา แถมอะไรๆก็ดูคลุมเครือ อยากชวนคุยสานสัมพันธ์ให้มากกว่านี้ก็ทำไม่ได้ บางทีก็อึดอัดที่ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ตรงไหนในความสัมพันธ์แบบนี้ เราเคยถามเพื่อนในแผนกเดียวกับเขา เพื่อนเราบอกว่าไม่สนิทกับพี่เขาเท่าไหร่ แต่เคยได้ยินว่ามีเมียแล้ว เราเลยค้างๆคาๆกับความจริงข้อนี้ด้วย
2. จากที่ชาวพันทิปอ่านมา คิดว่านี่พฤติกรรมของผช.ที่ใจดี หรือแอบมีใจให้เรา หรือให้ความหวังหัวใจเราไปวันๆ ค่ะ เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาชอบเราไหม แต่เราคิดว่าเราแสดงออกชัดเจนแล้วนะคะ จากการเอาขนมไปให้ แต่เราก็ไม่เคยบอกเขาว่าโสดนะคะ 555
สุดท้ายนี้ ถ้าหากเราต้องตัดใจ รบกวนแนะนำวิธีให้ด้วยนะคะ เพราะเรากับเขาทำงานที่เดียวกัน คงยากที่จะไม่ให้เจอหน้ากัน เรากลัวเป็นแบบคราวนั้นที่เราหายไปไม่เจอเขาอยู่พักนึง พอเจอกันเขาก็มาถามเราว่าหายไปไหน แล้วเราจะเจ็บเรื่อยๆ ต่อไปแบบนี้ ขอบคุณทุกคนที่มารับฟังปัญหาความรักของคนวัย20+นิดๆนะคะ ขอบคุณค่ะ
ล่าสุดสดๆ ร้อนๆ ค่ะ เราทำงานแล้วพักเบรคค่ะ เลยลองเดินเล่นๆ ไปแถวเครื่องเล่นที่เจอเขาครั้งแรก ก็ปรากฎว่าเขาดูแลเครื่องเล่นนั้นอยู่ค่ะ เราก็รอจนมีลูกค้าไปเล่นเครื่องเล่น เราเดินจนเกือบถึงทางเข้า แล้วก็ถามเขาว่าเล่นได้ไหม เขาก็บอกได้ (ถามไปงั้นแหละค่ะ พอให้มีเรื่องคุยกัน) เราก็ติดซิปเสื้อคลุมเราระหว่างเดินเข้าไปในเครื่องเล่น พอมาตรงที่เขาอยู่ เราก็ฝากถุงผ้าที่ใส่ขนมกับโทรศัพท์ไว้ แล้วเขาก็บอกเราว่ายืนตัวตรง เราก็งง ยืนตัวตรงทำไม พอเรายืนตัวตรงแค่นั้นแหละค่ะ เขายื่นมือมารูดซิปเสื้อให้เราจนสุดเลยค่ะ เราทั้งตกใจทั้งฟิน ก้มหน้างุดไม่กล้ามองเขาเลย แถมยังมีลูกค้าคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่บนเครื่องเล่นอีก
พอเล่นเสร็จ เราก็กะจะเล่นอีกรอบ แต่พอดีมีเพื่อนคนนึงผ่านมา แล้วเขาเห็นเรายืนอยู่กับพี่เขา เลยชี้ๆ มาประมาณว่าคนนี้เหรอ เราก็ส่ายหน้าบอกปัดๆ ไป ทีนี้เพื่อนคนนั้นอยากเล่นบ้าง แต่ไม่มีเสื้อคลุม เราเลยเดินลงไปเอาเสื้อคลุมให้เพื่อน พี่เขาเห็นเราเดินไปก็บอกว่าจะไปแต่ไม่เอาถุงไปเนี่ยนะ เราหันมาบอกเขาเดี๋ยวมา ก็ให้เพื่อนใส่เสื้อคลุมเราไปเล่นค่ะ
ระหว่างนั้นเราก็ยืนอยู่กับเขา แต่ห่างๆ กันนะคะ เขาถามว่าพักกี่นาที เราบอก30นาที เขาบอก30นาที ยังอุตส่าห์เดินมาถึงนี้ เราก็ยิ้มๆ แต่ในใจเรารู้เหตุผลอยู่แล้วว่าทำไมเรามาขนาดนี้ 555 แต่เราก็ไม่ได้กลับบ้านกับเขาอีกแล้วนะคะ
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเรากับพี่เขาค่ะ มันเหมือนจะอะไรมากกว่าแค่เพื่อน แต่เอาจริงๆ ก็เหมือนไม่มีอะไรพิเศษ บางทีเขาทำให้เรารู้สึกไปเองว่าเป็นคนพิเศษ (จับมือในบ้านผีสิง ล็อค-ปลดล็อคตัวล็อคให้ อาสาไปส่งบ้าน) แต่บางครั้งก็ไม่มีอะไรเกินเลย ที่คุยๆ กันมาก็มีแต่เรื่องทั่วๆ ไป เราคิดว่าเขารู้ล่ะคะว่าเราชอบเขา เอาขนมไปให้ขนาดนั้น แต่ปัญหามันที่เราสงสัยก็คือ
1. พี่เขามีแฟนหรือยัง คือเราอยากเดินหน้าต่อค่ะ แต่มันติดปัญหาตรงนี้จริงๆ ค่ะ เราไม่แน่ใจสถานะของพี่เขา แถมอะไรๆก็ดูคลุมเครือ อยากชวนคุยสานสัมพันธ์ให้มากกว่านี้ก็ทำไม่ได้ บางทีก็อึดอัดที่ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ตรงไหนในความสัมพันธ์แบบนี้ เราเคยถามเพื่อนในแผนกเดียวกับเขา เพื่อนเราบอกว่าไม่สนิทกับพี่เขาเท่าไหร่ แต่เคยได้ยินว่ามีเมียแล้ว เราเลยค้างๆคาๆกับความจริงข้อนี้ด้วย
2. จากที่ชาวพันทิปอ่านมา คิดว่านี่พฤติกรรมของผช.ที่ใจดี หรือแอบมีใจให้เรา หรือให้ความหวังหัวใจเราไปวันๆ ค่ะ เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาชอบเราไหม แต่เราคิดว่าเราแสดงออกชัดเจนแล้วนะคะ จากการเอาขนมไปให้ แต่เราก็ไม่เคยบอกเขาว่าโสดนะคะ 555
สุดท้ายนี้ ถ้าหากเราต้องตัดใจ รบกวนแนะนำวิธีให้ด้วยนะคะ เพราะเรากับเขาทำงานที่เดียวกัน คงยากที่จะไม่ให้เจอหน้ากัน เรากลัวเป็นแบบคราวนั้นที่เราหายไปไม่เจอเขาอยู่พักนึง พอเจอกันเขาก็มาถามเราว่าหายไปไหน แล้วเราจะเจ็บเรื่อยๆ ต่อไปแบบนี้ ขอบคุณทุกคนที่มารับฟังปัญหาความรักของคนวัย20+นิดๆนะคะ ขอบคุณค่ะ
แสดงความคิดเห็น
ผู้ชายใจดีไม่คิดอะไรหรือแค่ให้ความหวัง! สับสนไปหมดแล้ว
เราชอบผู้ชายอยู่คนนึงค่ะ เขาเป็นพนง.ประจำที่เพิ่งเข้ามาแต่เราเป็นพาททามที่ทำมาหลายปี เราทำงานในสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งค่ะ เรารู้จักเขาครั้งแรกจากตอนที่จะไปเล่นเครื่องเล่นในที่ทำงานของตัวเองค่ะ แต่เราเลิกงานของวันนั้นแล้วและพาครอบครัวเข้างานมาได้ด้วย เราพาแม่กับน้องชาย2คนมาค่ะ แต่คนที่เล่นเครื่องเล่นนั้นกับเรามีแค่น้องชายคนกลาง
ตอนเรายืนรอต่อแถวเล่นเครื่องเล่น พี่เขาก็เดินมาบอกใส่เสื้อคลุมให้พี่หน่อย แล้วก็ยื่นแจ๊ตแกตบางๆ ให้เรา เพราะเรายังอยู่ในชุดพนักงานอยู่ แต่ตอนเราไปเล่นเครื่องเล่นอื่นก็ไม่มีใครบอกแบบนี้นะคะ แต่เราก็ใส่ค่ะตามใจพี่เขา ทีนี้โทรศัพท์เรามันยัดใส่กระเป๋ากางเกงไม่ได้เพราะใหญ่เกิน จะยัดใส่เสื้อคลุมของพี่เขาก็ไม่ได้ เพราะมันไม่มีซิป
พอจะขึ้นเครื่องเล่น พี่เขาก็ให้เรากับน้องนั่งท้ายสุดเลยค่ะ เราก็นั่งนะคะ แต่ในใจนี่รู้เลยว่านั่งท้ายมันเสียวสุดๆ ส่วนโทรศัพท์เราก็ฝากพี่เขาไว้ค่ะ พอเครื่องเล่นทำงานแค่นั้นล่ะ กรี๊ดเป็นนางร้ายในละครหลังข่าวเลย เหมือนพี่เขาแกล้งเราหรือเปล่าไม่แน่ใจ เพราะเครื่องเล่นใช้เวลานานกว่าแล้วก็ขึ้นสูงกว่าปกติ จนน้องคนกลางเราบอกว่าเขาจัดหนักให้เราหรือเปล่า เราก็บอกไม่รู้ค่ะ แต่ในใจก็คิดแบบนั้นอยู่หน่อยๆ
พอเครื่องเล่นหยุดพี่เขาก็ไปรอตรงทางออก เราถอดแจ๊กแกตคืนพี่เขาพร้อมบอก'เสียวมากอ่ะพี่' เขาคืนโทรศัพท์เรามาแล้วบอก'ถ้าพักกลางวัน มาเอาเสื้อคลุมพี่ไปใส่เล่นได้นะ' แค่นั้นล่ะค่ะ ปิ๊งงง! ชอบเขาขึ้นมาเลยค่ะ
อาจเพราะเราเป็นผญ.ที่ปลื้มคนง่ายเป็นทุนเดิม ประกอบกับเรายังไม่เคยเจอใครที่พูดแบบนี้กับเราด้วยมั้งคะ เลยหวั่นไหวง่าย แต่พี่เขาก็ไม่ใช่คนหล่ออะไรนะคะ แถมตัวอ้วนนิดๆผิวคล้ำหน่อยๆด้วย 555 แต่เรารู้สึกว่าเขาใจดีค่ะ
พอเราใกล้จะกลับบ้าน เลยซื้อน้ำดำกระป๋องไปฝากพี่เขาค่ะ เขารับไปพร้อมขอบคุณ เราก็ยิ้มให้เขา เดินมาได้3-4ก้าว เราก็หันไปมองเขาค่ะ แต่กลายเป็นว่าเขามองเราอยู่ก่อนแล้ว เราเลยยิ้มให้เขา แล้วความใจดีของพี่เขาก็มาทำให้เราหวั่นไหวค่ะ
วันต่อมาเรามาเที่ยวในที่ทำงานตอนกลางคืนค่ะ ไปเล่นเครื่องเล่นที่เขาดูแลอยู่กับเพื่อนที่รู้จักแต่ไม่สนิทอะไรมากมายในที่ทำงาน ก็เล่นไป4-5รอบค่ะ แล้วเพื่อนก็เดินไปดูร้านค้าของตัวเองสักแปบ
ระหว่างนั้นเราก็ยืนอยู่กับเขา แล้วเขาก็ถามว่าเราจะกลับกี่โมง เราบอกไม่รู้ เขาถามต่อว่ากลับยังไง เราบอกว่าเดินเอาค่ะ เพราะบ้านเรากับที่ทำงานไม่ห่างกันมาก แต่เวลาเลิกงานของที่ทำงานตอนนั้นก็ดึกพอสมควรล่ะค่ะ เขาก็บอกเราว่ากลับxทุ่มสิ เดี๋ยวนี่ไปส่ง ด้วยความที่เพิ่งเคยเห็นกันเมื่อวาน ชื่อเสียงเรียงนามก็ไม่รู้จักอะไรกันเลยค่ะ เราก็แบบลังเลใจนิดนึง แต่เราก็ตอบไปว่าได้นะ ถ้าไปส่งก็ได้อยู่นะ ก็เป็นอันว่าเราตกลงกลับดึกโดยมีเขาอาสาไปส่ง แล้วเขาจะเป็นผช.คนแรกเลยค่ะ ที่ไปส่งเราถึงบ้าน (ไม่เคยมีใครไปส่งเราที่บ้านมาก่อนเลยค่ะ)
แล้วเราก็เล่นเครื่องเล่นนั้นกับเพื่อนอีก 3-4 รอบค่ะ (เล่นแบบหน่ำใจไปเลย) เล่นเสร็จเขาก็พักพอดี แล้วเขาเลยชวนไปเล่นเครื่องเล่นอย่างอื่นต่อ เขาไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าคุยกับใครนะคะ แต่เรากับเพื่อนก็ยืนอยู่ตรงนั้นล่ะ แล้วเพื่อนเราเขาบอกขอบาย ไม่ไหวต้องกลับไปทำงานล่ะ เราก็คิดในใจก็เหลือเรากับเขานะซิ เขาก็ถามว่าไปไหม เราก็พยักหน้าเลยค่ะ
ตัวแรกที่ไปเล่นนี้เราเพิ่งเคยเล่นค่ะ ก็นั่งใกล้กันล่ะค่ะเพราะเครื่องเล่นมันเป็นแบบนั่งติดกันอยู่แล้ว เราบอกเขาว่าเพิ่งเคยเล่นเครื่องเล่นนี้นะ เขาก็บอกว่าให้หายใจเข้าแล้วกดตัวล็อค เพื่อที่ตัวล็อคจะล็อคได้แน่นๆ บอกเราให้จับราวจับข้างบนไว้เลย เพราะเครื่องเล่นจะตีลังกา เราก็จับค่ะ แต่จับมือเดียว เขาบอกว่าอีกมือจับไว้เลย เราก็ทำตามค่ะ แต่ตัวพี่เขากดแค่ตัวล็อคค่ะ ไม่จับอะไรราวอะไรทั้งสิ้น ทีนี้คนดูแลเครื่องเล่นก็จัดหนักเลยค่ะ พี่เขาก็ตะโกนคุยกับคนดูแลบอกว่านี่ไม่จับราวนะๆ อย่าถามว่าผมไหวไหม ถามน้องเขาดีกว่า เราก็กรี๊ดๆ พอเป็นพิธีค่ะ คือเครื่ิองเล่นน่ะน่ากลัวนะคะ แต่พออยู่กับพี่เขาแล้วรู้สึกว่าไม่ค่อยสนใจเครื่องเล่นเท่าไหร่ สนใจแต่พี่เขามากกว่าค่ะ 555
วันนั้นพี่เขาพาเล่นเครื่องเล่นหลายอย่างค่ะ แล้วพี่เขาคอยเทคแคร์เราตลอดค่ะ เราใส่เสื้อคลุมแขนยาวกับเงินติดตัวในกระเป๋ากางเกงอีกนิดหน่อย พร้อมโทรศัพท์อีกเครื่อง พอเวลาไปเล่นเครื่องเล่นอะไรเขาจะคอยเอาโทรศัพท์ไปฝากไว้ที่คนดูแลให้ เพราะเราไม่มีกระเป๋าใส่อะไรมาเลยค่ะ เรียกได้ว่ามาแต่ตัวเปล่าๆ จริงๆ อย่างเครื่องเล่นบางตัวที่ล็อคเราไม่คุ้นว่าจะต้องทำยังไง เขาก็ไม่บอกนะคะว่าต้องทำยังไง แต่ยื่นมือมาทำให้เลยค่ะ มาล็อคให้ตอนเล่น เล่นเสร็จก็ปลดล็อคให้ คือเรารู้ว่าเขาทำไปตามมารยาทแหละค่ะ แต่ใจนี่พองเป็นจานดาวเทียมไปหมด
เด็ดสุดก็นี่เลยค่ะ 'บ้านผีสิง'ตอนเขาชวนเราครั้งแรก เราก็พูดเล่นๆ ไปว่า ถ้าเข้าบ้านผีสิงน่ะได้นะ แต่ต้องเกาะ กลัว คือในความหมายเรา หมายถึงเกาะชายเสื้ออะไรทำนองนี้น่ะค่ะ ไม่ได้หมายถึงเกาะแขนอะไรแบบนี้ เขาก็พยักหน้าประมาณว่ารับรู้ แต่ไม่ได้พูดอะไร เราก็คิดว่าเขาลืม ที่ไหนได้...พอเล่นเครื่องเล่นอย่างอื่นเสร็จ เขาชวนเข้าบ้านผีสิงค่ะ เราก็พยักหน้า ในใจคิดว่าเป็นไงเป็นกัน ก่อนจะเข้าบ้านผีสิง พนง.ที่ดูแลก็ถามเขาว่าบัง วันนี้กลับยังไง นั่นแหละค่ะ ถึงได้รู้ว่าพี่เขาเป็นมุสลิม เขาตอบว่าก็มอไซต์ไง พนง.คนนั้นก็ถามว่ากลับกับใครอ่ะ เขาก็ตอบทันควันว่ากลับกับนี่ พร้อมชี้มาที่ฉัน ฉันก็ยิ้มแหยๆ ในใจนี่อายสุดๆ ค่ะ
พอเข้าบ้านผีสิงก็พ้นสายตาพนง. แล้วพี่เขายื่นมือมาข้างหลังเลยค่ะ! เราก็ตกใจซิคะ ไม่คิดว่าพี่เขาจะทำจริงๆ แถมยังเอามือมาให้จับแบบนี้อีก โอ้ยยย! บอกได้คำเดียวค่ะว่าฟินกว่านี้ไม่มีแล้ว เราก็ยื่นมือให้เขาจับเลยค่ะ อายก็อาย แต่อยากจับก็จับ จนมาถึงทางออกนั่นแหละค่ะก็ต่างคนต่างปล่อยมือตอนอยู่ข้างในบ้านผีสิงนี่ ผีเผออะไรไม่กลัวเลยค่ะ 555
หลังเล่นเครื่องเล่นเสร็จ พี่เขาก็บอกให้เราไปรอแถวเครื่องเล่นที่อยู่ข้างหน้า ใกล้ๆ ทางออกของพนง. เราก็นั่งรอค่ะ แต่รอนานมากกกกก รอจนเขาปิดไฟเครื่องเล่นตรงนั้นหมด เราเลยเดินจะไปรอที่ทางออกค่ะ แต่พี่เขาขับรถสวนเข้ามาก่อน เขาขี่มอไซต์ไปตรงที่บอกให้เรารอค่ะ แต่ไม่เห็นเราเลยขี่ออกมา เราที่รออยู่ข้างทางออกก็เลยโผล่ออกมา พอขึ้นมอไซต์ก็บอกว่าตรงนั้นปิดไฟหมด เลยมารอตรงนี้แทน เขาก็นิ่งๆ ไม่ได้พูดอะไร ก็ขับไปส่งเราถึงหน้าบ้านล่ะค่ะ ปลอดภัยโดยสวัสดิภาพ
จากวันนั้นไม่กี่วัน เรามาทำงานค่ะ อยู่แถวเครื่องเล่นที่เขาดูแล แต่วันนั้นเขาเป็นคนเปลี่ยนพนง.คนอื่นให้ไปพักค่ะ เขาก็มาป้วนเปี้ยนตรงเครื่องเล่นที่อยู่ใกล้ๆเราล่ะค่ะ เราเห็นเขา เขายิ้มให้เรา เรายิ้มให้เขา บ่อยมากค่ะ ยอมรับเลยว่าแอบดีใจ แถมเขาก็ซื้อขนมมาให้เราด้วย แต่เอามาให้ตอนเพื่อนๆ เขาไม่อยู่แถวนั้นนะคะ เขาถามเราว่าวันนี้กลับด้วยกันไหม เดี๋ยวนี่ไปส่ง ก็แปลกดีค่ะ จนป่านนี้ยังไม่เคยมีใครถามชื่อของอีกฝ่ายเลย เรียกแทนตัวเองว่านี่ นี่ นี่ กันตลอด เราก็บอกได้ค่ะ ตอบตกลงแบบไม่ต้องคิด แต่เราดันเปลี่ยนแผนซะงั้น เพราะเพื่อนอีกคนที่เป็นทอมชวนเราเดินกลับบ้านด้วยกันค่ะ เราดันตอบตกลงเขาไป สุดท้ายเราก็ต้องไปยกเลิกเรื่องที่จะให้พี่เขาไปส่ง เขาก็บอกว่าไม่เป็นไร นี่ไม่ได้ซีเรียสอะไรอยู่แล้ว แต่ในใจเราแอบเสียดายน่ะสิค่ะ 555
2-3วันต่อมา เรามาเที่ยวค่ะ และเราก็ไปหาเขาที่เครื่องเล่น ลูกค้าไม่มีเขาก็เลยชวนเราออกมานั่งคุยใกล้ๆ เครื่องเล่นค่ะ นี่เป็นครั้งที่สองที่ได้นั่งคุยกันแบบนี้ เขาก็เล่าเรื่องทั่วๆ ไป เรื่องตัวเขาบ้าง เรื่องลูกค้า แล้วเขาก็ถามว่าวันนั้นที่บอกจะกลับกับเพื่อนน่ะ กลับกับคนที่เป็นทอมใช่ไหม เราก็พยักหน้าเบาๆ ค่ะ (เขาเห็นตอนเรายืนต่อรอแถวเลิกงานกับเพื่อนที่เป็นทอมพอดี) เขาถามว่าบ้านอยู่ทางเดียวกันหรืออะไร เราก็แอบใจพองซิคะ มาถามแบบนี้ เราตอบไปว่าเป็นเพื่อน กลับบ้านทางเดียวกันเฉยๆ เขาก็อ๋อ สรุป...วันนั้นเขาก็ไปส่งเราที่หน้าบ้านตามเคยค่ะ
จุดเปลี่ยนคือมีวันนึง เรามาเที่ยวกับน้องชายค่ะ เราเห็นเขา แต่เขาไม่เห็นเราค่ะ ก็เลยแกล้งไปยืนขวางหน้าเขาแล้วยิ้มให้ เขากำลังเดินก็ชะงักไป ก็ไม่มีอะไรมากค่ะ ให้ขนมเขาแล้วแทบไม่ได้คุยกัน จากนั้นก็พาน้องไปเล่นเครื่องเล่น ตอนจะกลับเราใช้ประตูทางออกของพนง.ค่ะ เราเห็นเขาเดินมาตรงทางออก เราก็กำลังจะเดินออกเหมือนกัน แต่เราแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นเขาค่ะ พอเราเห็นว่าเขามองเรา เราก็รีบหลบตาเขา ใจจริงเราแค่อยากเช็คเขาดูว่าเขาจะกล้าทักเราต่อหน้าเพื่อนเขาไหมอะไรประมาณนี้ค่ะ แต่สุดท้ายก็แห้วกินค่ะ TT
จากนั้น เรากับพี่เขาก็เหมือนจะดูห่างๆ กันไปเลย เราเองยังเอาขนมไปให้เขาเกือบทุกครั้งที่ทำงาน แต่พี่เขาไม่ชวนเรากลับบ้านเหมือนแต่ก่อนแล้วค่ะ พอเขาไม่เอ่ยปาก...เราก็ไม่พูด เอาขนมไปให้ แต่ได้คุยกันไม่กี่ประโยค แค่นั้นเอง...ไม่ได้นั่งคุยกันเหมือนก่อน เราก็ไม่รู้ว่านี่มันคืออะไร อะไรที่ทำให้เปลี่ยนไปแบบแปลกๆ จนเมื่อไม่นานมานี้ เราไม่ได้เจอเขาพักใหญ่ๆ คือมาทำงานแหล่ะค่ะ แต่ไม่ได้เจอกันเลย เราได้เจอเขาอีกทีที่เครื่องเล่นตัวแรกที่เราได้เจอเขาครั้งแรกค่ะ เขาถามมาคำว่าหายไปไหนมา ไม่เห็นหน้าตั้งนาน แค่นั้นล่ะค่ะ...ใจเราพองขึ้นมาเลย เหมือนเขาเองก็สังเกตว่าเราหายไป ก็คุยสัพเพเหระค่ะ เขาถามว่าเลิกกี่ทุ่ม เราตอบไปว่าxทุ่มครึ่ง คือเลิกก่อนเวลาปกติครึ่งชม. เขาถามว่ากลับยังไง เราตอบว่ากลับพร้อมรถพนง. เขาก็บอกกลับดีๆ ล่ะ ใจเราเหี่ยวเลยค่ะตอนนั้น พอเราเลิกงานเรามาหาเขาที่เครื่องเล่นเลยค่ะ เนียนมาขอเล่นเครื่องเล่นด้วย
พอเขาปิดเครื่องเล่น เตรียมกลับบ้าน เราก็เดินตามหลังเขาค่ะ แต่เดินช้าๆ ทิ้งระยะห่าง เพราะยังไงเราก็ต้องไปออกที่ประตูของพนักงานทางเดียวกันอยู่แล้ว แล้วเขาก็หันมาถามว่ากลับยังไง เราตอบว่ากลับพร้อมรถพนง. เขาบอกเดี๋ยวนี่ไปส่งก็ได้ เราก็เลยลังเลค่ะ คือเราเคยเห็นเขาไปส่งผญ.หลายครั้งอยู่ค่ะ บางวันก็ไม่ใช่ผญ.คนเดิมด้วย แต่เขาไม่เห็นเรานะคะ เพราะเราอยู่บนรถพนง. เรื่องนี้กวนใจเรามาก เราเลยโพล่งออกไปเบาๆ ว่าแล้วไม่มีใครให้ไปส่งเหรอ เขาก็ถามกลับว่าอะไรนะ เราเลยพูดช้าๆชัดๆว่า แล้วไม่มีใครให้ไปส่งเหรอ เขาบอกว่าคนนั้นน่ะพี่สาว (มีครั้งนึงที่เขารับผญ.คนนึงขึ้นรถ แล้วเราเดินผ่านจากข้างหลังเขาพอดี คือเราไม่หันไปมองว่าผญ.คนนั้นเป็นใคร แต่พี่เขาคงเห็นเราจากข้างหลังแล้วจำได้ เราคิดว่าเขาน่าจะหมายถึงคนที่เราเห็น) เราก็ยืนจ้องหน้าเขาเลยค่ะ เขาก็จ้องเรากลับแล้วก็พยักหน้าบอกอื้อ เราก็เลยพยักหน้าแล้วยอมให้เขาไปส่งค่ะ
จากนั้นก็เข้าสเต็ปเดิมค่ะ เอาขนมไปให้ คุยกันแปบๆ จากนั้นก็ไม่มีซัมติ้งอะไรเลย เขาไม่ชวนกลับบ้านด้วย เราก็ไม่เอ่ยปากค่ะ แต่ตอนกลับก็เห็นเขามีผญ.ซ้อนท้ายตลอด เราเองก็จำหน้าผญ.ที่ซ้อนเขาไม่ค่อยได้ เลยไม่รู้ว่าคนเดียวกันหรือเปล่า บางวันก็คนเดียว บางวันก็สองคน ชื่อก็แทนกันด้วยนี่นี่นี่ ไม่รู้จะนี่ไปไหน ไลน์ไม่มี เฟสยิ่งไม่ต้องพูด เบอร์นี่สาบสูญค่ะ ไร้หนทางติดต่อกันหลังไมค์โดยปริยาย
เวลาเราเอาขนมไปให้ เราจะไปยืนตรงทางเข้าเครื่องเล่นเงียบๆ นะคะ จะไม่เรียกชื่อเขา (รู้ชื่อพี่เขาจากเพื่อนที่อยู่แผนกเดียวกันกับเขาค่ะ แต่คิดว่าเขายังไม่รู้ชื่อเราหรอก) รอจนเขาหันมาถึงยื่นให้ แต่เราไม่เคยเรียกชื่อเล่นเขาเลยนะคะ
มีต่อที่คอมเม้น1นะคะ พอดีเรื่องมันยาวเหมือนที่เกริ่นไว้ข้างต้นเลย