กระทู้นี้ เราไม่คิดจะประจานหรือต้องการสร้างความเสียหายใดใดให้กับเกสต์เฮ้าส์ทั้งสิ้น
เพียงนำเรื่องจริง สิ่งที่เจอกับตัวเองจริงๆมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อเป็นประโยชน์กับผู้ที่ชอบเดินทางไปเที่ยวเกาหลีด้วยตัวเองแบบเรา
ที่พักนี้ ตั้งอยู่ย่านเมียงดง ตรงข้ามเมียงดงเลย และใกล้รถไฟฟ้ามาก ค่อนข้างจะมีชื่อสำหรับคนไทย
โดยปกติเราจะไปพักอีกที่นึง ไม่ใช่ที่นี่ เป็นเกสต์เฮ้าส์ขนาดใหญ่กว่านี้ มี 3 ชั้น มีเค้าเตอร์เชคอิน มี พนง. 24 ชม.
....แต่ ในครั้งนี้เราเลือกที่จะเปลี่ยนที่พัก เพราะลองเสิชหาข้อมูลดู พบว่าที่นี่ใกล้ Subway มากกว่าที่เก่า และราคาถูกกว่ากันนิดหน่อย
ดังนั้น การเดินทางไปเกาหลีครั้งนี้ จึงเลือกพัก ที่นี่ คะ
............................................................................................................................................................................
เราไปถึงที่พัก 16.20 น. ซึ่งตามใบ Booking ลงว่าสามารถเข้าเชคอินได้ถึง 5 ทุ่ม เมื่อไปถึงพบว่า เป็นเหมือนประตูบ้าน บานเดียว มีเพียงบ้านเลขที่ติดอยู่ด้านข้าง ไม่มีลักษณะเหมือนเกสต์เฮ้าส์ที่ถูกต้องตามกฎหมายแต่อย่างใด แต่ตอนนั้นพอทำความเข้าใจได้ว่า อาจเป็นแบบบ้านคนแล้วแอพพลายทำเป็น ที่พัก เราจึงลองกดกริ่ง แต่ไม่มีใครออกมาเปิดประตู ก็กดกริ่งต่อไปอีกสักพัก ยืนรอประมาณ 15 นาที อุณหภูมิตอนนั้น -2 องศา รออยู่นานจึงเริ่มเชคข้อมูลอีกทีนึง ว่าใช่ที่นี่หรือไหม ก็พบว่าเรามาถูกต้องแล้วอย่างแน่นอน จึงหาทางติดต่อกับที่พัก โดยการไปยังเกสต์เฮ้าส์อื่น และขอร้องให้เขาช่วยโทรติดต่อตามเบอร์ใน booking เนื่องจากเราไม่สามารถโทรหาเขาได้ **ต้องขอบคุณอีกเกสต์เฮ้าส์มาก ที่ช่วยติดต่อให้** เมื่อติดต่อได้ เขาจึงบอกให้รหัสประตูเข้า และบอกเลขห้องและรหัสเข้าห้องให้เรา และบอกขอโทดที่ไม่ได้อยู่เพราะออกไปข้างนอก จะกลับมาดึกๆ....
จบเรื่องนี้ เราไม่ได้ติดใจ หรือโกรธเคืองใดใด เพียงแค่ตกใจ ที่ต้องหาทางแก้ไขปัญหาอยู่นาน ในสภาพอากาศแสนจะหนาว และเหนื่อยจากการเดินทาง
เมื่อเขากล่าวขอโทด เราก็จบ ออกเที่ยวตามแพลนปกติ
แต่เมื่ออยู่ไปเรื่อยๆ สิ่งที่เราเจอมีดังต่อไปนี้
- ในเครื่องซักผ้าในห้อง มีผ้าคลุมเตียงนอนซักอยู่ แปลว่าเขาเปิดห้องเข้ามาซัก ?
- พื้นในห้องมีน้ำเอ่อขึ้นมา มาจากไหนไม่ทราบได้ ได้แต่เอาผ้าซัพไว้
- ใต้เตียงนอน ไม่เคยทำความสะอาด มีขยะ มีรองเท้าสลิปเปอร์เต็ม
- ชักโครก มีเสียง โครกๆๆ เอง เหมือนระบบท่อน้ำ เป็นระยะๆ
- ห้องน้ำมีกลิ่น
- ไม่มีบริการ รูมเซอร์วิส ทำความสะอาดเอาเอง
- ผ้าเช็ดตัว ไม่มี มีเพียงผ้าเช็ดหัวให้เท่านั้น เราก็ต้องใช้ผ้าเช็ดหัวนั่นแหละคะ ใช้เช็ดตัวแทน
- แชมพูสบู่เหลว เป็นแบบซื้อจากซุปเปอร์มาร์เกตมาตั้งไว้ ซึ่งใกล้จะหมดแล้ว 2 วันสุดท้าย เราต้องเอาสบู่เหลวมาผสมน้ำอาบ
ที่พีคมากๆๆๆ 2 คืนสุดท้าย เจอกลุ่มคนที่มาพักใหม่ ไม่แน่ใจว่าคนประเทศอะไร มาเข้าพักด้านบนห้องเรา ตอนนั้น 20.40 น. เราเข้าที่พักไว เพราะวันนั้นเหนื่อยมาก มีเสียงวิ่งเล่นตลอดเวลา ตึ่งๆๆๆๆๆ แบบต่อเนื่อง ไม่มีหยุดพัก เราทนจนถึง 22.30 เพราะเชื่อว่า เดี๋ยวเขาก็คงหลับกันแล้ว เราจึงจะนอนได้ แต่ปรากฎว่าไม่ใช่ เสียงดังแบบนั้นตลอด จนเราต้องบอกเจ้าของที่พัก ว่าช่วยเราหน่อย เราไม่สามารถนอนได้เลย มันดังมากจริงๆ เขาจึงขึ้นไปเตือนให้ พบว่าเป็นผู้ใหญ่ 2 คน เด็ก 4 คน แม่เจ้าาาาาา
ปรากฏว่า เงียบไปได้ 5 นาที ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม เราตัดสินใจเก็บของขอย้ายที่ดีกว่า ไปอีกที่ที่ใกล้ๆ ก็ได้ไม่เปนไร เพราะเรารู้ว่าเด็กเป็นอะไรที่ควบคุมได้ยาก ถ้าพ่อแม่เขายังไม่สอนไม่เตือนแล้วเราจะไปทำอะไรได้ ยิ่งต่างชาติต่างภาษา ไปพูดอะไรคงวุ่นวายน่าดู เราจึงไปบอกเจ้าของที่พัก ปรากฏว่าเขาไม่โอเค เขาบอกว่าจะจ่ายแค่ 3 คืนไม่ได้ต้องจ่าย 5 คืน เพราะเป็นการจองมาแล้ว
อ่า....โอเค หลังจากที่คุยกันอยู่พักนึง เราก็พยายามเข้าใจละ อ่า...ได้ๆ เราจ่าย 5 คืนก็ได้ แต่เราขอย้ายเถอะ เรานอนไม่ได้จริงๆ แต่เจ้าของก็ยืนยันว่า ขอให้เราพักที่นี่เถอะ เขาจะไปเคลียกับห้องด้านบนให้ ณ เวลาตอนนั้น จะเที่ยงคืนแล้ว เราจึงตัดสินใจอดทนนอนต่อที่เดิม เพราะเจ้าของเขาขอไว้ ประมาณว่าถ้าเราไปแบบนี้เขาไม่สบายใจ ไม่โอเคกับเขา
เสียงด้านบน ไม่ได้เงียบลงมากนัก แค่เพียงเบาลงแค่นั้น แต่ยังมีเสียงเดินแบบลงส้นหนักอยู่ แค่ไม่ได้วิ่งเล่นเหมือนเดิมแล้ว เราเป็นคนนอนหลับยาก ทำให้คืนนั้นกว่าจะได้นอนคือ ตี 3 เพราะเสียงเงียบลงตอนตี 3
และเป็นที่รู้กันว่า เราจะต้องอดทนอย่างนี้ไปอีก 1 คืนแน่นอน ก็ได้คุยกับเพื่อนที่ไปด้วยกันแล้วว่า ช่างเถอะ ทำใจอดทน อีกคืนเดียวเอง ...
ทุกอย่างเหมือนจะเรียบร้อยดีใช่ไหม ...
แต่ปรากฏว่าไม่ใช่แค่นั้น เช้าวันนั้น เพื่อนเรา ออกไปกดน้ำด้านนอกดื่ม เป็นตู้น้ำส่วนกลาง และมีแก้วกระดาษ **แบบใช้แล้วทิ้ง** บริการ
และจะมีช่องเหล็กให้เราทิ้งแล้วลงไป แก้วที่ใช้แล้วก็จะลงไปซ้อนๆกัน ซึ่งเราคิดว่าเขาคงเอาไปทิ้ง
แต่ไม่ใช่คะ ..... เขาเอากลับมาให้เราใช้ใหม่ เพราะมีวันนึงเพื่อนเราซื้อกาแฟมาจากข้างนอก แต่ต้องการเก็บแก้วกาแฟไว้เพราะมันน่ารัก จึงเอาถ่ายไปใส่แก้วกระดาษ และเมื่อดื่มหมดก็เอาไปทิ้งในช่องเหล็ก และในตอนเช้าเมื่อจะกดน้ำดื่ม ก็พบแก้วใบเดิมที่มีรอยกาแฟ ในช่องกดแก้วสำหรับให้นำมาใช้ ตอนนั้นที่เพื่อนมาบอกเรายังไม่อยากเชื่อ เราเลยไปตรวจสอบดู บางใบมีรอยลิปสติกด้วย ซึ่งอันนี้เป็นอะไรที่เราเฟลที่สุด ในทุกอย่างที่เราเจอมา
เท่านั้นยังไม่พอ ตอนที่จะชำระเงิน โดยทั่วไปหากจองผ่าน booking มาเราจะมาชำระที่พักด้วยบัตรเครดิต ซึ่งเป็นอย่างนี้ทุกที่ ที่เราไปมา ญี่ปุ่น ฮ่องกง มาเก๊า สิงคโปร์ เกาหลี(ที่อื่น) แต่ที่นี่รับเฉพาะเงินสด Cash only .... แล้วเราช้อปปิ้งละลายเงินวอนจนเกลี้ยงละ จะให้ทำไงต่อ ก็ต้องไปกดเงินสดข้ามประเทศ ออกมาเป็นเงินวอน ก็ไม่รู้จะโดนเรทอะไรบ้างไหม เพราะไม่เคยกดเงินสดข้ามประเทศมาก่อน ก็ต้องมาเสียความรู้สึกเรื่องนี้อีก...
.....โดยปกติ เราไม่ใช่คนเรื่องมากนะ แต่กับที่นี่มันเหมือนเจ้าของก็ไม่ได้แย่ หรือเลวร้ายอะไร เพราะพูดกันดีดีตลอด แต่ที่พักมันก็ไม่ได้ดี และยังมีปัญหายิบย่อยอื่นๆมาเรื่อยอีก เราจึงนิยามที่พักที่นี่ว่า เป็นที่พักที่ "หน่วง" ที่สุด เท่าที่เคยพักมาละกันคะ
**สำหรับใครอยากรู้ ว่าที่ไหน หลังไมค์มานะคะ เราไม่อยากบอกในนี้คะ เพราะอาจมีหลายๆคนที่เคยพักที่นี่แล้วโอเค รับได้ ไม่เจอปัญหาแบบเราก็ได้
เราไม่อยากไปดิสเครดิตที่พัก เพราะอย่างที่บอกว่าเจ้าของก็พูดจาดีอยู่ แต่เราอยากจะเตือนเพื่อนๆที่ยังไม่เคยไป หรือกำลังจะตัดสินใจไป เพื่อไม่ให้ไปเจอเรื่องหน่วงๆ แบบเราคะ
[CR] [ไม่เชิงรีวิว] เกสต์เฮ้าส์ ย่านเมียงดง เกาหลีใต้ ที่ให้ความรู้สึก "หน่วง" จนต้องบอกต่อ...
เพียงนำเรื่องจริง สิ่งที่เจอกับตัวเองจริงๆมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อเป็นประโยชน์กับผู้ที่ชอบเดินทางไปเที่ยวเกาหลีด้วยตัวเองแบบเรา
ที่พักนี้ ตั้งอยู่ย่านเมียงดง ตรงข้ามเมียงดงเลย และใกล้รถไฟฟ้ามาก ค่อนข้างจะมีชื่อสำหรับคนไทย
โดยปกติเราจะไปพักอีกที่นึง ไม่ใช่ที่นี่ เป็นเกสต์เฮ้าส์ขนาดใหญ่กว่านี้ มี 3 ชั้น มีเค้าเตอร์เชคอิน มี พนง. 24 ชม.
....แต่ ในครั้งนี้เราเลือกที่จะเปลี่ยนที่พัก เพราะลองเสิชหาข้อมูลดู พบว่าที่นี่ใกล้ Subway มากกว่าที่เก่า และราคาถูกกว่ากันนิดหน่อย
ดังนั้น การเดินทางไปเกาหลีครั้งนี้ จึงเลือกพัก ที่นี่ คะ
............................................................................................................................................................................
เราไปถึงที่พัก 16.20 น. ซึ่งตามใบ Booking ลงว่าสามารถเข้าเชคอินได้ถึง 5 ทุ่ม เมื่อไปถึงพบว่า เป็นเหมือนประตูบ้าน บานเดียว มีเพียงบ้านเลขที่ติดอยู่ด้านข้าง ไม่มีลักษณะเหมือนเกสต์เฮ้าส์ที่ถูกต้องตามกฎหมายแต่อย่างใด แต่ตอนนั้นพอทำความเข้าใจได้ว่า อาจเป็นแบบบ้านคนแล้วแอพพลายทำเป็น ที่พัก เราจึงลองกดกริ่ง แต่ไม่มีใครออกมาเปิดประตู ก็กดกริ่งต่อไปอีกสักพัก ยืนรอประมาณ 15 นาที อุณหภูมิตอนนั้น -2 องศา รออยู่นานจึงเริ่มเชคข้อมูลอีกทีนึง ว่าใช่ที่นี่หรือไหม ก็พบว่าเรามาถูกต้องแล้วอย่างแน่นอน จึงหาทางติดต่อกับที่พัก โดยการไปยังเกสต์เฮ้าส์อื่น และขอร้องให้เขาช่วยโทรติดต่อตามเบอร์ใน booking เนื่องจากเราไม่สามารถโทรหาเขาได้ **ต้องขอบคุณอีกเกสต์เฮ้าส์มาก ที่ช่วยติดต่อให้** เมื่อติดต่อได้ เขาจึงบอกให้รหัสประตูเข้า และบอกเลขห้องและรหัสเข้าห้องให้เรา และบอกขอโทดที่ไม่ได้อยู่เพราะออกไปข้างนอก จะกลับมาดึกๆ....
จบเรื่องนี้ เราไม่ได้ติดใจ หรือโกรธเคืองใดใด เพียงแค่ตกใจ ที่ต้องหาทางแก้ไขปัญหาอยู่นาน ในสภาพอากาศแสนจะหนาว และเหนื่อยจากการเดินทาง
เมื่อเขากล่าวขอโทด เราก็จบ ออกเที่ยวตามแพลนปกติ
แต่เมื่ออยู่ไปเรื่อยๆ สิ่งที่เราเจอมีดังต่อไปนี้
- ในเครื่องซักผ้าในห้อง มีผ้าคลุมเตียงนอนซักอยู่ แปลว่าเขาเปิดห้องเข้ามาซัก ?
- พื้นในห้องมีน้ำเอ่อขึ้นมา มาจากไหนไม่ทราบได้ ได้แต่เอาผ้าซัพไว้
- ใต้เตียงนอน ไม่เคยทำความสะอาด มีขยะ มีรองเท้าสลิปเปอร์เต็ม
- ชักโครก มีเสียง โครกๆๆ เอง เหมือนระบบท่อน้ำ เป็นระยะๆ
- ห้องน้ำมีกลิ่น
- ไม่มีบริการ รูมเซอร์วิส ทำความสะอาดเอาเอง
- ผ้าเช็ดตัว ไม่มี มีเพียงผ้าเช็ดหัวให้เท่านั้น เราก็ต้องใช้ผ้าเช็ดหัวนั่นแหละคะ ใช้เช็ดตัวแทน
- แชมพูสบู่เหลว เป็นแบบซื้อจากซุปเปอร์มาร์เกตมาตั้งไว้ ซึ่งใกล้จะหมดแล้ว 2 วันสุดท้าย เราต้องเอาสบู่เหลวมาผสมน้ำอาบ
ที่พีคมากๆๆๆ 2 คืนสุดท้าย เจอกลุ่มคนที่มาพักใหม่ ไม่แน่ใจว่าคนประเทศอะไร มาเข้าพักด้านบนห้องเรา ตอนนั้น 20.40 น. เราเข้าที่พักไว เพราะวันนั้นเหนื่อยมาก มีเสียงวิ่งเล่นตลอดเวลา ตึ่งๆๆๆๆๆ แบบต่อเนื่อง ไม่มีหยุดพัก เราทนจนถึง 22.30 เพราะเชื่อว่า เดี๋ยวเขาก็คงหลับกันแล้ว เราจึงจะนอนได้ แต่ปรากฎว่าไม่ใช่ เสียงดังแบบนั้นตลอด จนเราต้องบอกเจ้าของที่พัก ว่าช่วยเราหน่อย เราไม่สามารถนอนได้เลย มันดังมากจริงๆ เขาจึงขึ้นไปเตือนให้ พบว่าเป็นผู้ใหญ่ 2 คน เด็ก 4 คน แม่เจ้าาาาาา
ปรากฏว่า เงียบไปได้ 5 นาที ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม เราตัดสินใจเก็บของขอย้ายที่ดีกว่า ไปอีกที่ที่ใกล้ๆ ก็ได้ไม่เปนไร เพราะเรารู้ว่าเด็กเป็นอะไรที่ควบคุมได้ยาก ถ้าพ่อแม่เขายังไม่สอนไม่เตือนแล้วเราจะไปทำอะไรได้ ยิ่งต่างชาติต่างภาษา ไปพูดอะไรคงวุ่นวายน่าดู เราจึงไปบอกเจ้าของที่พัก ปรากฏว่าเขาไม่โอเค เขาบอกว่าจะจ่ายแค่ 3 คืนไม่ได้ต้องจ่าย 5 คืน เพราะเป็นการจองมาแล้ว
อ่า....โอเค หลังจากที่คุยกันอยู่พักนึง เราก็พยายามเข้าใจละ อ่า...ได้ๆ เราจ่าย 5 คืนก็ได้ แต่เราขอย้ายเถอะ เรานอนไม่ได้จริงๆ แต่เจ้าของก็ยืนยันว่า ขอให้เราพักที่นี่เถอะ เขาจะไปเคลียกับห้องด้านบนให้ ณ เวลาตอนนั้น จะเที่ยงคืนแล้ว เราจึงตัดสินใจอดทนนอนต่อที่เดิม เพราะเจ้าของเขาขอไว้ ประมาณว่าถ้าเราไปแบบนี้เขาไม่สบายใจ ไม่โอเคกับเขา
เสียงด้านบน ไม่ได้เงียบลงมากนัก แค่เพียงเบาลงแค่นั้น แต่ยังมีเสียงเดินแบบลงส้นหนักอยู่ แค่ไม่ได้วิ่งเล่นเหมือนเดิมแล้ว เราเป็นคนนอนหลับยาก ทำให้คืนนั้นกว่าจะได้นอนคือ ตี 3 เพราะเสียงเงียบลงตอนตี 3
และเป็นที่รู้กันว่า เราจะต้องอดทนอย่างนี้ไปอีก 1 คืนแน่นอน ก็ได้คุยกับเพื่อนที่ไปด้วยกันแล้วว่า ช่างเถอะ ทำใจอดทน อีกคืนเดียวเอง ...
ทุกอย่างเหมือนจะเรียบร้อยดีใช่ไหม ...
แต่ปรากฏว่าไม่ใช่แค่นั้น เช้าวันนั้น เพื่อนเรา ออกไปกดน้ำด้านนอกดื่ม เป็นตู้น้ำส่วนกลาง และมีแก้วกระดาษ **แบบใช้แล้วทิ้ง** บริการ
และจะมีช่องเหล็กให้เราทิ้งแล้วลงไป แก้วที่ใช้แล้วก็จะลงไปซ้อนๆกัน ซึ่งเราคิดว่าเขาคงเอาไปทิ้ง
แต่ไม่ใช่คะ ..... เขาเอากลับมาให้เราใช้ใหม่ เพราะมีวันนึงเพื่อนเราซื้อกาแฟมาจากข้างนอก แต่ต้องการเก็บแก้วกาแฟไว้เพราะมันน่ารัก จึงเอาถ่ายไปใส่แก้วกระดาษ และเมื่อดื่มหมดก็เอาไปทิ้งในช่องเหล็ก และในตอนเช้าเมื่อจะกดน้ำดื่ม ก็พบแก้วใบเดิมที่มีรอยกาแฟ ในช่องกดแก้วสำหรับให้นำมาใช้ ตอนนั้นที่เพื่อนมาบอกเรายังไม่อยากเชื่อ เราเลยไปตรวจสอบดู บางใบมีรอยลิปสติกด้วย ซึ่งอันนี้เป็นอะไรที่เราเฟลที่สุด ในทุกอย่างที่เราเจอมา
เท่านั้นยังไม่พอ ตอนที่จะชำระเงิน โดยทั่วไปหากจองผ่าน booking มาเราจะมาชำระที่พักด้วยบัตรเครดิต ซึ่งเป็นอย่างนี้ทุกที่ ที่เราไปมา ญี่ปุ่น ฮ่องกง มาเก๊า สิงคโปร์ เกาหลี(ที่อื่น) แต่ที่นี่รับเฉพาะเงินสด Cash only .... แล้วเราช้อปปิ้งละลายเงินวอนจนเกลี้ยงละ จะให้ทำไงต่อ ก็ต้องไปกดเงินสดข้ามประเทศ ออกมาเป็นเงินวอน ก็ไม่รู้จะโดนเรทอะไรบ้างไหม เพราะไม่เคยกดเงินสดข้ามประเทศมาก่อน ก็ต้องมาเสียความรู้สึกเรื่องนี้อีก...
.....โดยปกติ เราไม่ใช่คนเรื่องมากนะ แต่กับที่นี่มันเหมือนเจ้าของก็ไม่ได้แย่ หรือเลวร้ายอะไร เพราะพูดกันดีดีตลอด แต่ที่พักมันก็ไม่ได้ดี และยังมีปัญหายิบย่อยอื่นๆมาเรื่อยอีก เราจึงนิยามที่พักที่นี่ว่า เป็นที่พักที่ "หน่วง" ที่สุด เท่าที่เคยพักมาละกันคะ
**สำหรับใครอยากรู้ ว่าที่ไหน หลังไมค์มานะคะ เราไม่อยากบอกในนี้คะ เพราะอาจมีหลายๆคนที่เคยพักที่นี่แล้วโอเค รับได้ ไม่เจอปัญหาแบบเราก็ได้
เราไม่อยากไปดิสเครดิตที่พัก เพราะอย่างที่บอกว่าเจ้าของก็พูดจาดีอยู่ แต่เราอยากจะเตือนเพื่อนๆที่ยังไม่เคยไป หรือกำลังจะตัดสินใจไป เพื่อไม่ให้ไปเจอเรื่องหน่วงๆ แบบเราคะ