ถ้าพูดถึงความปลอดภัยเมื่อได้บริโภค
ผมเข้าใจว่าสิ่งมีชีวิตถูกกำหนดด้วย DNA โดยมีอยู่ 4 ตัวตือ A T C G เรียงตัวกันเป็นสายยาวๆๆๆเป็นรหัสพันธุกรรม
ซึ่งรหัสพันธุกรรมนี้ก็จะถูกแบ่งออกเป็นส่วนๆที่เรียกว่ายีนส์ และแต่ละยีนส์ก็จะมีหน้าที่แตกต่างกันไป
ทีนี้สมมติว่านาย ก. ปลูกข้าวโพดซึ่งพันธุ์ที่เขาปลูกนี้ให้ผลผลิตเยอะ แต่พอดีปีนั้นแล้งจัดข้าวโพดตายหมด
เขาจึงไปหาพันธุ์ใหม่ที่สามารถปลูกในสภาพแล้งได้ แต่พันธุ์ที่เขาได้มานั้นให้ผลผลิตน้อยมาก
เขาจึงเอา2พันธ์ุมาผสมกัน แล้วคัดเอาพันธุ์ที่ให้ผลผลิตเยอะและทนแล้ง แล้วเขาก็ได้ข้าวโพดพันธ์ุทนเยอะขึ้นมา
ทีนี้ย้อนกลับไปที่ข้าวโพดทั้ง2พันธุ์ก่อนหน้านี้ ถามว่าทำไม2พันธุ์นี้ถึงต่างกัน
ก็เพราะว่ามันมี DNA ไม่เหมือนกัน หรือจะพูดได้ว่ามียีนส์ไม่เหมือนกัน พันธุ์นึงมียีนส์ที่ให้ผลผลิตเยอะแต่ไม่มียีนส์ทนแล้ง อีกพันธุ์มียีนส์ทนแล้งแต่ไม่มียีนส์ผลผลิตเยอะ
พอเอา2พันธุ์นี้มาผสมกันก็มีโอกาศที่ลูกจะเลือกยีนส์ที่ทนแล้งและผลผลิตเยอะมาทั้งคู่
ดังนั้นข้าวโพดพันธุ์ทนเยอะก็จะมีรหัสพันธุกรรมแตกต่างกันออกไปจากพ่อทนแล้งและแม่ให้เยอะ
ทีนี้ถ้าเราไม่ได้เอาพ่อทนแล้งและแม่ให้เยอะมาผสมพันธ์ุกัน แต่เราตัดเอายีนส์ทนแล้งมาใส่ในพันธุ์ที่ให้ผลผลิตเยอะ หรือทำสลับกันก็ได้ เราก็จะได้ข้าวโพดพันธุ์ที่ทั้งทนแล้งและให้ผลผลิตเยอะ แต่พันธ์ุนี้จะมี DNA ไม่เหมือนกับพันธุ์ทนเยอะของนาย ก.
ทีนี้ถ้าเราบอกว่าข้าวโพดของนาย ก. ได้มาจากการผสมพันธุ์โดยธรรมชาติ ทุกคนก็คงคิดว่าปลอดภัยเพราะได้จากธรรมชาติ
แต่ถ้าเอาพันธ์ุที่ตัดต่อยีนส์เพิ่มไป หลายคนคงคิดว่ากินแล้วจะเป็นมะเร็งป่าว
ซึ่ง...
ถ้าเรากินข้าวโพดพันธุ์ทนแล้ง ก็เหมือนเรากินยีนส์ทนแล้งเข้าไป เราก็จะบอกว่าปลอดภัยเพราะมาจากธรรมชาติ
ถ้าเรากินข้าวโพดพันธุ์ให้ผลผลิตเยอะ ก็เหมือนเรากินยีนส์ให้ผลผลิตเยอะเข้าไป เราก็จะบอกว่าปลอดภัยเพราะมาจากธรรมชาติ
ถ้าเรากินข้าวโพดพันธุ์ทนเยอะ ก็เหมือนเรากินยีนส์ทนแล้งและให้ผลผลิตเยอะเข้าไป เราก็จะบอกอีกว่าปลอดภัยเพราะมาจากธรรมชาติ (ก็เอาDNAจากพ่อและแม่คนละครึ่ง ซึ่งเราบอกว่าปลอดภัยทั้งคู่)
แต่...
ถ้าเรากินข้าวโพดที่ตัดเอายีนส์ทนแล้งหรือให้ผลผลิตเยอะเข้าไป ก็เหมือนเรากินยีนส์ทนแล้งและให้ผลผลิตเยอะเข้าไป แต่เราบอกไม่ปลอดภัย เพราะมันเพิ่มยีนส์ทนแล้งหรือผลผลิตเยอะเข้ามา (ทั้งๆที่ก่อนใส่ยีนส์ใหม่ลงไปเรายังบอกว่าปลอดภัย และยีนส์ที่ใส่เข้าไปใหม่เราก็เคยบอกว่าปลอดภัย)
พอนึกภาพออกไหมครับ
และอย่างที่เรารู้ว่าสิ่งมีชีวิตไม่ว่าจะพืชหรือสัตว์ล้วนมีวิวัฒนาการตลอดเวลา การวิวัฒนาการก็เป็นการเพิ่มหรือลดยีนส์ที่จำเป็นและไม่จำเป็น
ดังนั้นพืชที่เรากินทุกวันนี้ก็จะไม่เหมือนเมื่อ 100 ปีที่แล้ว 1000 ปีที่แล้ว แต่ทำไมเราไม่กลัว
ผมว่าเวลาที่เขาจะใส่ยีนส์อะไรเข้าไป เขาต้องรู้อยู่แล้วว่ายีนส์นั้นทำหน้าที่อะไร ไม่ใช่มานั่งมั่ว A T C G กันเองซะหน่อย
เขาคงไม่ตัดเอายีนส์หนามของทุเรียนมาใส่ในข้าวโพดหรอกครับ ไม่งั้นเวลาแทะข้าวโพดปากแหกกันพอดีอิอิ
ทำไมคนถึงกลัว GMO
ผมเข้าใจว่าสิ่งมีชีวิตถูกกำหนดด้วย DNA โดยมีอยู่ 4 ตัวตือ A T C G เรียงตัวกันเป็นสายยาวๆๆๆเป็นรหัสพันธุกรรม
ซึ่งรหัสพันธุกรรมนี้ก็จะถูกแบ่งออกเป็นส่วนๆที่เรียกว่ายีนส์ และแต่ละยีนส์ก็จะมีหน้าที่แตกต่างกันไป
ทีนี้สมมติว่านาย ก. ปลูกข้าวโพดซึ่งพันธุ์ที่เขาปลูกนี้ให้ผลผลิตเยอะ แต่พอดีปีนั้นแล้งจัดข้าวโพดตายหมด
เขาจึงไปหาพันธุ์ใหม่ที่สามารถปลูกในสภาพแล้งได้ แต่พันธุ์ที่เขาได้มานั้นให้ผลผลิตน้อยมาก
เขาจึงเอา2พันธ์ุมาผสมกัน แล้วคัดเอาพันธุ์ที่ให้ผลผลิตเยอะและทนแล้ง แล้วเขาก็ได้ข้าวโพดพันธ์ุทนเยอะขึ้นมา
ทีนี้ย้อนกลับไปที่ข้าวโพดทั้ง2พันธุ์ก่อนหน้านี้ ถามว่าทำไม2พันธุ์นี้ถึงต่างกัน
ก็เพราะว่ามันมี DNA ไม่เหมือนกัน หรือจะพูดได้ว่ามียีนส์ไม่เหมือนกัน พันธุ์นึงมียีนส์ที่ให้ผลผลิตเยอะแต่ไม่มียีนส์ทนแล้ง อีกพันธุ์มียีนส์ทนแล้งแต่ไม่มียีนส์ผลผลิตเยอะ
พอเอา2พันธุ์นี้มาผสมกันก็มีโอกาศที่ลูกจะเลือกยีนส์ที่ทนแล้งและผลผลิตเยอะมาทั้งคู่
ดังนั้นข้าวโพดพันธุ์ทนเยอะก็จะมีรหัสพันธุกรรมแตกต่างกันออกไปจากพ่อทนแล้งและแม่ให้เยอะ
ทีนี้ถ้าเราไม่ได้เอาพ่อทนแล้งและแม่ให้เยอะมาผสมพันธ์ุกัน แต่เราตัดเอายีนส์ทนแล้งมาใส่ในพันธุ์ที่ให้ผลผลิตเยอะ หรือทำสลับกันก็ได้ เราก็จะได้ข้าวโพดพันธุ์ที่ทั้งทนแล้งและให้ผลผลิตเยอะ แต่พันธ์ุนี้จะมี DNA ไม่เหมือนกับพันธุ์ทนเยอะของนาย ก.
ทีนี้ถ้าเราบอกว่าข้าวโพดของนาย ก. ได้มาจากการผสมพันธุ์โดยธรรมชาติ ทุกคนก็คงคิดว่าปลอดภัยเพราะได้จากธรรมชาติ
แต่ถ้าเอาพันธ์ุที่ตัดต่อยีนส์เพิ่มไป หลายคนคงคิดว่ากินแล้วจะเป็นมะเร็งป่าว
ซึ่ง...
ถ้าเรากินข้าวโพดพันธุ์ทนแล้ง ก็เหมือนเรากินยีนส์ทนแล้งเข้าไป เราก็จะบอกว่าปลอดภัยเพราะมาจากธรรมชาติ
ถ้าเรากินข้าวโพดพันธุ์ให้ผลผลิตเยอะ ก็เหมือนเรากินยีนส์ให้ผลผลิตเยอะเข้าไป เราก็จะบอกว่าปลอดภัยเพราะมาจากธรรมชาติ
ถ้าเรากินข้าวโพดพันธุ์ทนเยอะ ก็เหมือนเรากินยีนส์ทนแล้งและให้ผลผลิตเยอะเข้าไป เราก็จะบอกอีกว่าปลอดภัยเพราะมาจากธรรมชาติ (ก็เอาDNAจากพ่อและแม่คนละครึ่ง ซึ่งเราบอกว่าปลอดภัยทั้งคู่)
แต่...
ถ้าเรากินข้าวโพดที่ตัดเอายีนส์ทนแล้งหรือให้ผลผลิตเยอะเข้าไป ก็เหมือนเรากินยีนส์ทนแล้งและให้ผลผลิตเยอะเข้าไป แต่เราบอกไม่ปลอดภัย เพราะมันเพิ่มยีนส์ทนแล้งหรือผลผลิตเยอะเข้ามา (ทั้งๆที่ก่อนใส่ยีนส์ใหม่ลงไปเรายังบอกว่าปลอดภัย และยีนส์ที่ใส่เข้าไปใหม่เราก็เคยบอกว่าปลอดภัย)
พอนึกภาพออกไหมครับ
และอย่างที่เรารู้ว่าสิ่งมีชีวิตไม่ว่าจะพืชหรือสัตว์ล้วนมีวิวัฒนาการตลอดเวลา การวิวัฒนาการก็เป็นการเพิ่มหรือลดยีนส์ที่จำเป็นและไม่จำเป็น
ดังนั้นพืชที่เรากินทุกวันนี้ก็จะไม่เหมือนเมื่อ 100 ปีที่แล้ว 1000 ปีที่แล้ว แต่ทำไมเราไม่กลัว
ผมว่าเวลาที่เขาจะใส่ยีนส์อะไรเข้าไป เขาต้องรู้อยู่แล้วว่ายีนส์นั้นทำหน้าที่อะไร ไม่ใช่มานั่งมั่ว A T C G กันเองซะหน่อย
เขาคงไม่ตัดเอายีนส์หนามของทุเรียนมาใส่ในข้าวโพดหรอกครับ ไม่งั้นเวลาแทะข้าวโพดปากแหกกันพอดีอิอิ