ดิฉันมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร....

ก่อนอื่นขอยืมวลียอดฮิตวลีหนึ่งของปีนี้มาใช้นะค่ะ "เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร" แต่ ณ ปัจจุบันนี้ทุกอย่างมันตอบโจทย์ในตัวให้กับดิฉันได้รับทราบแล้วว่าจะใช้คำว่า "เรา" ไม่ได้โดยเด็ดขาด เพราะยังมีกลุ่มบุคคลอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่เคยยอมรับถึงความจริงที่ปรากฏในวันนี้แทรกซึมอยู่ในสังคมไทย เป็นธรรมดานะค่ะ เราสร้างบ้านมันก็ต้องมีรอยด่างรอยตำหนิ ขับรถบนท้องถนนก็ต้องเจอพวกขับรถไม่แคร์สังคมและกฏจราจร สัตว์เลี้ยงแม้จะดูแลดีแค่ไหนก็ย่อมมีสัตว์ที่ไม่พึงประสงค์มาคอยเกาะกินดูดเลือด นับประสาอะไรกับมนุษย์ที่มีเรื่องผลประโยชน์และเลือกคนที่รักมักคนที่ชอบเข้ามาเกี่ยวข้องทำให้พวกเขาจำเป็นที่จะต้องฝืนความจริงที่เป็นอยู่เพื่อที่จะหลอกคนอื่นและหลอกตัวเองว่าสิ่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้มันดี-มันใช่-มันถูกต้อง

ดิฉันเติบโตมากับยุคที่สังคมไทยเป็นสังคมแห่งมิตรภาพ สังคมแห่งน้ำใจ สังคมแห่งรอยยิ้ม  เติบโตมากับหลากหลายเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นถึงน้ำใจของความเป็นไทยที่มีให้กับไทยด้วยกันเช่น โครงการซับน้ำตาชาวใต้  โครงการอีสานเขียว แด่น้องผู้หิวโหย ซับน้ำตาและเยียวยาผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์สึนามิ  ฯลฯ  แม้แต่กระทั่งเหตุการณ์วิกฤติต้มยำกุ้งประมาณช่วงปี 40 ที่ทำเอาคนทั้งประเทศเดือดร้อนไปถ้วนหน้า เจ้าของธุรกิจบางคนต้องมาขายแซนวิซ บางคนกลับคืนสู่ภาคเกษตรกรรม ณ บ้านเกิดเมืองนอน บางคนเริ่มต้นชีวิตใหม่กับงานใหม่ที่รายได้ลดลงแต่พออยู่ได้ แต่ทุกคนก็ผ่านพ้นวิกฤติมาได้เนื่องจากทุกคนยอมรับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ปรับตัว และการให้กำลังใจซึ่งและกันของเพื่อนร่วมประเทศในการดิ้นรนผ่านพ้นวิกฤตินั้นมาได้

ดิฉันเติบโตมากับสังคมที่โหยหาเสรีภาพ ความเท่าเทียม ประชาธิปไตย และอิสระภาพทางความคิดภายใต้กรอบกติกาของกฏหมายและสังคมที่กระทำได้โดยไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร ดิฉันเติบโตมากับโรงเรียนที่มีการเลือกตั้งประธานนักเรียนมาโดยตลอด และเป็นที่น่าแปลกใจก็คือถึงแม้ว่าขณะนั้นดิฉันจะยังเด็กแต่ก็ได้เห็นสปิริตของเพื่อนนักเรียนทั้งฝ่ายชนะและฝ่ายพ่ายแพ้การเลือกตั้งจับมือร่วมกันในการทำกิจกรรมดีๆต่างๆในโรงเรียนร่วมกัน  คนแพ้ก็ให้เกียรติและยินดีกับผู้ชนะโดยไม่มีวาทกรรมว่าคนนั้นนิสัยไม่ดี คนนั้นใช้เส้นใช้เงินผู้ปกครองมาเอารัดเอาเปรียบทำป้ายหาเสียง หรือคนนั้นคนนี้เป็นรุ่นน้องของประธานคนเก่า เป็นเด็กของประธานนักเรียนคนเก่าเพื่อมาสืบทอดอำนาจ

ดิฉันเติบโตมากับเพื่อนฝูงที่เคารพเสียงส่วนใหญ่ของเพื่อนๆในกลุ่ม เคารพในความคิดของผู้อื่นโดยไม่คำนึงว่าใครจะรวยใครจะจนใครจะเรียนเก่งหรือเป็นคนดังมากกว่ากัน เพราะในเมื่อเราเป็นเพื่อนกันแล้วเราอยู่ในสังคมเดียวกัน ทุกๆคนล้วนมีสิทธิในความเป็นเพื่อนเหมือนๆกัน สังคมของดิฉันเวลาไปกินไปเที่ยวที่ไหนก็จะใช้วิธีอเมริกันแชร์กันแต่ก้ไม่จำเป็นเสมอไปว่าจะต้องออกเท่ากันในทุกๆครั้งขึ้นอยู่กับโอกาสและสภาพ ณ ตอนนั้นของแต่ละคน  เวลาเราไปกินไปดื่มหรือไปเที่ยวที่ไหนทุกคนจะลงความเห็นกันว่าจะไปที่ใดแนวไหน หากเสียงส่วนใหญ่ลงความเห็นอย่างไรทุกๆคนก็ยอมรับอย่างโดยดีและเที่ยวด้วยกันด้วยความสนุกสนาน

ที่ดิฉันพยายามยกตัวอย่างให้เห็นในเบื้องต้นนี้วัตถุประสงค์หลักๆก็คือจะสื่อให้เห็นว่าประชาธิปไตยยังมีความจำเป็นสำหรับสังคมไทยปัจจุบันที่ทุกคนเติบโตมากลับการโหยหาสิทธิเสรีภาพในการเลือกคนที่จะมาบริหารประเทศของตัวเอง เงินภาษีทุกบาททุกสตางค์ที่เข้าประเทศมาคนไทยทุกคนล้วนมีส่วนร่วมด้วยช่วยกันทั้งนั้น ส่วนจะมากจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับรายรับ-รายจ่ายของแต่ละบุคคล เราจะมาหยามเหยียดกันว่าฉันจ่ายมากเธอจ่ายน้อยก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีงามนักหากคุณมีจิตใจที่บริสุทธิ์ในเรื่องความรักประเทศของคุณจริงๆ

แม้แต่พรรคการเมืองเก่าแก่ที่บอยคอตการเลือกตั้งมาถึงสองครั้งและก่อม็อบล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งบ่อยครั้งยังตั้งชื่อพรรคตัวเองว่าพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งสื่อถึงประชาธิปไตยโดยตรง  แม้แต่ กปปส. ที่เคยพูดว่าประเทศไทยไม่เหมาะสมกับระบอบประชาธิปไตยยังมีชื่อเต็มของตัวเองว่าคณะกรรมการประชาชนเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ฯ แม้แต่ต้นตำรับการล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอย่าง พธม. ก็ยังเคยใช้ชื่อว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย  หรือแม้แต่นโยบายของรัฐบาลปัจจุบันยังพูดให้ได้ยินเสมอว่าปฏิรูปประเทศไทยเพื่อประชาธิปไตยอันสมบูรณ์ แม้ในทางปฏิบัติจะตรงกันข้ามแต่หลายฝ่ายที่เราเห็นหน้าค่าตาผ่านสื่อต่างๆทั้งในโทรทัศน์และโซเชียลมีเดียร์ต่างๆก็ล้วนแล้วแต่นำคำว่า "ประชาธิปไตย" มาเกาะท้ายเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเองทั้งนั้น

ประชาธิปไตยถูกสั่งสมมานานไม่ใช่แค่ในภาคการเมืองเท่านั้น แต่คนไทยสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในกิจกรรมหรือการตัดสินใจต่างๆท่ามกลางสังคมคนหมู่มาก เช่นการเลือกตั้งผู้บริหารองค์กรของตนเอง การเลือกหัวหน้าทีมกีฬา หรือแม้กระทั่งการโหวตให้ผู้เข้าแข่งขันในรายการวาไรตี้บันเทิงต่างๆตามรายการโทรทัศน์ เราสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หมดขอเพียงแต่ทุกคนยอมรับในผลนั้นๆตามกติกา แล้วปัญหาความวุ่นวายต่างๆก็จะไม่ตามมาในภายหลังเหมือนกับที่การเมืองไทยกำลังเผชิญอยู่ ณ เวลานี้

ขณะนี้เรามาถึงจุดเปลี่ยนที่ทุกองคาพยพของสังคมไทยมีส่วนรับผิดชอบในสิ่งที่ประเทศชาติกำลังเผชิญอยู่ ดิฉันมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ดิฉันไม่เคยที่จะไปสร้างความเดือดร้อนอะไรให้กับประเทศชาติและสังคมไทยเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งพยายามเรียกตัวเองอยู่ทุกวันว่าคนดีกระทำให้เกิดผลกระทบตามมาให้กับประเทศชาติมากมายถึงเพียงนี้ และก็ยังไม่มีสำนึกใดๆจากกลุ่มคนดีเหล่านั้น หลากหลายเหตุการณ์ที่ดำเนินมาจนถึงปัจจุบันมีความอยุติธรรมชัดเจนในการดำเนินคดีกับฝ่ายการเมืองต่างๆ ซึ่งดิฉันค่อนข้างมั่นใจว่ามันไม่ใช่เรื่องสองมาตรฐานแต่มันคือเรื่องที่ไม่มีมาตรฐานใดๆเลย แล้วเราจะไปเอามาตรฐานที่ไหนมาใช้กับเด็กๆรุ่นใหม่ที่จะกลายมาเป็นอนาคตของชาติในวันข้างหน้า และก็ไม่รู้ว่ามาตรฐานไหนที่เขาเรียกว่าคนดีมาตรฐานไหนถึงจะถูกกำหนดว่าเราเป็นคนไม่ดี เป็นคนโกง เป็นคนโง่ เป็นคนที่จะต้องถูกกำจัด ไม่รักชาติ ไม่รักฯลฯ

แม้กระทั่งการพยายามเข้าตรวจสอบการทุจริตในโครงการที่เป็นข่าวล่าสุดนี้ของกลุ่มนักศึกษา กลับถูกมองว่าเป็นเรื่องของการเมืองฝ่ายตรงข้ามเข้ามาเกี่ยวข้อง ถูกโยนให้เป็นลูกสมุนคุณทักษิณ ถูกโยนให้เป็นคนไม่รักชาติ ทำประเทศชาติวุ่นวาย ถูกไล่ไปอยู่ต่างประเทศ สารพัดทั้งๆที่รัฐบาลปัจจุบันพยายามเน้นเรื่องปราบปรามทุจริตและคอรัปชั่นแท้ๆ บางคนประณามว่าเป็นเด็กโข่งพยายามโยงใยไปหาคุณทักษิณให้ได้ซึ่งมันก็เป็นเรื่องแปลกมาก ตรรกะทุกอย่างในเชิงปฏิบัติมันดูย้อนแย้งกับคำพูดสวยหรูที่จะปราบปรามคนโกง หรือว่าต้องเป็นอีกฝ่ายเท่านั้นถึงจะเรียกว่าโกงได้เต็มปากเต็มคำ มันไม่ใช่นะค่ะอายเด็กๆมันบ้าง  แม้แต่ส่วนตัวดิฉันเองเวลาเห็นเจ้าหน้าที่ๆทำการบังคับใช้กฏหมายกับประชาชนแต่กลับมาทำผิดเสียเองเช่นเจ้าหน้าที่จราจรขับรถย้อนศร จอดรถในที่ห้ามจอด หรือเมาแล้วขับเสียเอง ดิฉันก็ยังไม่ชอบใจค่ะ แต่นี่มันคือเรื่องของประเทศชาติที่มีคนอาสาเข้ามาโดยเอาคำว่าปราบคนโกง อย่าให้คนโกงมีที่ยืนในสังคมมาเป็นจุดขายแท้ๆ แต่......

ดิฉันมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร .... หวังว่าดิฉันคงไม่ถูกโยงไปว่าเป็นลุกสมุนคุณทักษิณอีกคนนะค่ะ  ดิฉันคือประชาชนปกติคนหนึ่งที่ไม่เคยรับเงินจากนักการเมืองไม่ว่าฝ่ายไหนแม้แต่บาทเดียว ที่ผ่านมาเลือกสับเปลี่ยนหมุนเวียนมาหลายพรรคไม่เคยยึดติดกับใคร แต่ใครที่เหมาะสม ณ ห้วงเวลาไหนดิฉันจะเลือกใครมันก็เป็นสิทธิ์ของดิฉันและก็ยังยืนยันอีกครั้งว่าอยากได้สิทธิ์นั้นคืนมา และก็มีน้องๆนักศึกษาประชาชนอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่เห็นด้วยกับกลุ่มคนดีแล้วถูกผลักให้ไปเป็นลูกน้องคุณทักษิณ ถูกกล่าวหาว่าไม่รักชาติ ก่อความวุ่นวาย ไปอยู่ดูไบ ไปอยู่เขมร ฯลฯ พวกคุณคนดีระวังปากไว้ด้วยนะค่ะ ไทยเฉย ไทยกลาง ไทยหมั่นใส้มันมีเยอะ แล้วพวกเขาเหล่านั้นจะสั่งสอนพวกคุณผ่านคูหาเลือกตั้งเองค่ะ ขอให้ได้มีโอกาศเท่านั้น
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 50
ตอบคุณ Mr_L คห.47 ค่ะ

และแล้วคุณก็เป็นคนแบบนี้จริงๆ คุณตั้งมาตรฐานเองเออเองของคุณว่าความผิดแบบไหนควรให้อภัยหรือไม่ให้อภัย และหากคุณจะมองไม่ออกว่าใครผลักใครก่อนคุณก็ไม่ต่างอะไรจากการที่หลอกคนอื่นและหลอกได้แม้กระทั่งตนเอง คุณมองไม่ออกหรือจำความอะไรได้เลยหรือไรค่ะว่าใครเป็นคนก่อม้อบสร้างความเกลียดชังให้กับคนในประเทศก่อน ดิฉันพยายามตอบกลางๆคุณก็จะโยนให้ดิฉันเป็นคนของคนนั้นคนนี้ไปเรื่อยตามแต่คุณจะมโน ตลกดีค่ะ ดูจากปริมาณในการพิมพ์ดิฉันนนึกว่าจะได้อะไรมากกว่านั้นแต่เปล่าเลยมีแต่ความเกลียดชังที่พรั่งพรูออกมาจากก้นลึกของความรู้สึก หรือจะมาเปิดใจคุยกันเหมือนกับคุณห่านป่า แต่ก็เปล่าเลยอีกจริงๆ มีแต่ความเกลียดชังในใจของคุณที่มาระบายสิ่งที่อยู่ในใจคุณผ่านกระทู้ดิฉันเท่านั้น

ความเกลียดชังที่เกิดขึ้นคุณก็ลามปามไปถึงขั้นว่าคนอื่นทรยศแผ่นดินเกิด งั้นคุณช่วยหาคนไทยคนไหนก็ได้ที่ร้องเพลงชาติเขมร เพลงชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพลงชาติอื่นๆมาให้ดิฉันฟังสักคนสิค่ะ หากพวกเขาไม่รักความเป็นไทยจริงเขาก็อยากไปอยู่ตามประเทศที่คุณอยากให้เขาไปนะค่ะ แต่คุณไม่มีสิทธิที่จะไปผลักดันใครออกนอกประเทศค่ะ ทุกคนเป็นเจ้าของประเทศร่วมกันนะค่ะ โปรดเปลี่ยนมุมมองเสียใหม่ก่อนที่คุณจะสติแตกไปมากกว่านี้ค่ะ คุณบอกคุณจะยืนอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหนก็ไม่มีใครมาห้ามให้คุณอยู่นะค่ะ แต่ในทางกลับกันคุณก็ไม่มีสิทธิ์ใดๆเลยที่จะไปไล่คนที่คิดต่างไปอยู่ประเทศอื่นเช่นกัน คุณไม่มีสิทธิ์ค่ะดิฉันขอย้ำซ้ำๆกรอกหูคุณไว้เลย มันจะเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาคุณก็ช่างแต่ขอให้มันผ่านหูให้คุณสะดุ้งและมีสำนึกของการอยู่ร่วมกันของคนในประเทศไม่มากก็น้อยค่ะ

ไม่มีคนตระกูลไหนในดวงใจดิฉันหรอกนะค่ะ ตระกูลในดวงใจดิฉันก็คือตระกูลฉันนี่แหละค่ะ ส่วนนักการเมืองพรรคไหนที่ดิฉันจะเลือกมันก็เป็นสิทธิส่วนบุคคลของดิฉันค่ะ ในกระทู้มิทราบว่าคุณอ่านครบหรือไม่ว่าดิฉันไม่เคยยึดติดกับใครนะค่ะ โปรดกลับไปอ่านโดยละเอียดอีกครั้งแล้วคุณจะเข้าใจ และดิฉันก็ไม่ได้คิดว่าจะได้เลือกตั้งในเร็ววันด้วย ด้วยเหตุผลอะไรหลายๆอย่างทำไมดิฉันจะไม่รู้ค่ะ เพียงแค่อยากมาตอกย้ำถึงเรื่องราวที่ได้กระทำมาว่ามันส่งผลกระทบจริงต่อการพัฒนาประเทศ คุณจะยอมรับทราบตรงนี้หรือไม่มันก็เรื่องของคุณนะค่ะเพราะเท่าที่ดิฉันแอบศึกษามุมมองของคุณจากกระทู้นี้แล้วคงยาก เพราะความเกลียดชังมันมีมากกว่าเหตุผลค่ะ

คุณจะหยุดสนทนามันก็เรื่องของคุณค่ะดิฉันไม่เคยห้าม แต่ก็แปลกนะค่ะเริ่มแรกคุณก็เข้ามาเองนี่ค่ะ แต่ไหงกลับไปด้วยเหตุผลแปลกๆว่าดิฉันแค่มาสร้างภาพให้กับคนเสื้อแดงในนี้ สรุปเอาดื้อๆแบบไม่แคร์คะแนนโหวตของตัวเองเลยนะค่ะ แทนที่เราจะคุยกันด้วยเหตุผล โชคดีนะค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 20
อ่านจากข้อเขียนของ จขกท เดาว่าน่าจะเป็นคนรุ่นเดียวกัน จึงมีความคิดและข้อมูลที่ใกล้เคียงกัน

คนไทยที่มีอายุ 50 up ถ้าสนใจการเมือง จะเห็นการเปลี่ยนแปลงหลากหลาย

และถ้าจะวิเคราะห์ให้ดี ก็จะเห็นการต่อสู้ของสองฝากฝั่ง คือพวกหัวก้าวหน้า กับ พวกอนุรักษ์

ซึ่งผลัดกันแพ้ ชนะ ในทางการเมือง


สังคมไทยเคยมีความหวังที่โชติช่วงที่สุด ก็เมื่อคราวที่ สสร ร่าง รธน ฉบับปี 2540

ซึ่งน่าจะได้ชื่อว่าเป็น รธน ที่ดีที่สุดเท่าที่มีการร่างมาก


รธน ฉบับปี 2540 ทำให้เกิดพรรคการเมืองที่ชื่อ "ไทยรักไทย" ที่เป็นพรรคการเมืองพรรคแรกและพรรคเดียว

ที่สามารถปฏิบัติตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ทุกประการ และถ้ามองอย่างยุติธรรมแล้ว

ช่วงรัฐบาลไทยรักไทย 4 ปีแรก ถือว่าคนไทยมีความหวังในทุกด้านอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน


คณะ รมต ของไทยรักไทย มีอายุเฉลี่ยประมาณ 55 ปี ซึ่งถือเป็นอายุที่เหมาะสมที่สุดในการบริหารประเทศ

ทำให้ประเทศไทยมีความเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ต่างจากรัฐบาลที่มาจากการ รปห ปี 2549

ที่คณะ รมต ล้วนแล้วแต่เป็นผู้เกษียรจากราชการ จึงมีสมญาว่า "ขิงแก่"

นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความถดถอยในทุกๆด้านของประเทศไทย


ที่น่าเศร้าใจก็คือ ในรอบ 10 ปีวิกฤตการเมืองไทย ทั้งๆที่เห็นข้อแตกต่างอย่างชัดเจน

แต่กลับมีคนไทยจำนวนน้อยอยู่กลุ่มหนึ่ง กลับไม่ใช้เหตุผลในการวิเคราะห์

ไม่ศึกษาประวัติศาสตร์ในอดีต เพียงแค่มี อคติ กับบุคคล และพรรคการเมืองหนึ่ง

ถึงกลับสนับสนุนให้อีกฝ่าย ทำทุกอย่างเพื่อขจัดคนที่ตัวเองเกลียด

ยอมแม้กระทั่งให้เขามาจำกัดสิทธิ เสรีภาพ ของตัวเอง เพียงเพื่อสนอง จริต ที่ตัวเองมีเท่านั้น



จขกท ครับ มองในแง่ดี คนรุ่นเราถึงแม้ว่าจะมีเวลาน้อยนิดที่ได้สัมผัสช่วงหอมหวลของ ปชต

แต่ก็ถือว่า "ยังได้" นะครับ ห่วงก็แต่ ลูกหลานเราในอนาคต ที่อาจจะไม่มีวันรับรู้ความรู้สึก

ของคำว่า "สิทธิ เสรีภาพ" ว่า มีรสชาติเช่นไร


ป.ล กด +1 ด้วยความชื่นชม อยากให้มาเขียนบ่อยๆนะครับ
ความคิดเห็นที่ 41
ตอบคุณ Mr_L คห. 27 ค่ะ

คุณบอกตั้งแต่คุณโตมาคุณพึ่งเห็นคนไทยถูกปลุกปั่นให้แบ่งแยกประเทศ ใช่ค่ะมันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องแต่คุณจงโปรดทบทวนบริบทก่อนหน้านั้นให้หนักว่าใครเป็นผู้ที่ปลุกปั่นความเกลียดชังให้กับคนในชาติเดียวกัน ใครคิดต่างคือ โง่ เลว โกง ไล่ให้ไปอยู่นอกประเทศ เขมรบ้าง ดูไบบ้าง ไม่ขออยู่ร่วมประเทศกับคนคิดต่าง ก็แปลกนะค่ะที่คุณกลับไม่มองเห็นวาทกรรมของพวกตัวเองในจุดนี้ บางครั้งการที่พวกคุณพูดตรงนี้มากๆจิตมันก็สามารถมโนต่อได้ว่าเป็นเรื่องจริงจนมันสร้างความเกลียดชังในใจคุณขึ้นมา แต่ตั้งแต่ดิฉันเกิดมาจนขณะนี้ดิฉันเห็นทุกคนมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆมากมายให้มีความภูมิใจในความเป็นไทย รักและหวงแหนแระเทศไทย ร้องเพลงชาติไทย ฯลฯ ทุกคนรักชาติของตัวเองค่ะ แต่ในเมื่อถูกคนอีกฝ่ายพูดจากระแทกใจซ้ำๆมันก็ย่อมเกิดการประชดประชันกลับบ้างเป็นธรรมดา  แต่ถ้าจะบอกว่าพวกเขาอยากแยกประเทศจริงพวกเขาจะไปอยู่ที่ไหนละค่ะ ไปอยู่กับรัฐฉาน ไปอยู่กับว้าแดง ไปอยู่กับชนกลุ่มน้อยตามตะเข็บชายแดนอย่างงั้นหรือ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติค่ะ

และดิฉันก็มาตลกปิดท้ายกับคำว่า "ประชาธิปไตยไม่ใช่ทุกอย่าง เสรีภาพที่ทุกคนพึงมีจะต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฏหมาย ตราบใดที่คนบางกลุ่มยังไม่ยึดถือกฏหมาย ก็ไม่ควรที่จะได้เสรีภาพ เพราะมันยจะเป็นเพียงแต่เด็กที่เอาแต่ใจตัวเองเท่านั้นครับ"  คุณต้องมองพวกตัวเองให้มากเลยนะค่ะเรื่องนี้จำเป็นมากจริงๆ ไม่ต้องไปมองว่าคนอื่นเขาไม่เคารพกฏหมาย มองตัวเองให้มากเข้าไว้เลยค่ะมันใช่ที่สุด และสิ่งที่น่าเห็นใจมากกว่านั้นคือคนที่เขาเคารพกฏหมายอยู่แล้วแต่ต้องมารับกรรมในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ก่อ คุณเห็นใจพวกเขาหรือไม่ค่ะ
ความคิดเห็นที่ 16
คุณนาคเขียนดีมากๆ เลยค่ะ เยี่ยมเยี่ยมเยี่ยม

คิดว่าเรามาถึงจุดนี้เพราะ การอยากรักษาบางสิ่งบางอย่างและการอยากเอาชนะของคนกลุ่มหนึ่ง
โดยไม่สามารถปรับตัวไปกับโลกที่เปลี่ยนแปลง เลยใช้ทุกวิถีทางเพื่อกำจัดคู่แข่งทางการเมือง

ผู้ร่วมผลักดันให้เรามาถึงจุดนี้ประกอบด้วย

- คนอุ้ม ก็อุ้มโดยไม่ดูผลประโยชน์ส่วนรวม สารพัดองค์กรอภินิหารถูกตั้งขึ้นมา คนที่มาตรวจสอบล้วนแต่มีประวัติกันทั่วหน้า
แต่ไม่เป็นไรเพราะเป็นคนดี ใช้วิธีประหลาดล้มรัฐบาลที่มาจากประชาชน

- พรรคโบราณ ก็ไม่คิดพัฒนาตัวเอง ยิ่งนานไปยิ่งทำเรื่องดีๆ ไม่เป็น ได้แต่ใช้วาทกรรมป้ายสี เล่นนอกกติกา บิดเบือน
ตัวเองโกงกว่าใครก็ป้ายสีว่าคนอื่นโกง ไม่มีปัญญาชนะด้วยนโยบายก็โจมตีใส่ร้ายเขา ประเทศชาติเสียหายก็ไม่สนใจ
ถึงกับขัดขวางการเลือกตั้งนี่บ่งบอกได้เลยว่าพรรคนี้ไม่มีวันยืนข้างประชาชนและทำเพื่อประชาชนเด็ดขาด

- สาวก โดนกล่อมมาว่าเป็นคนดีต้องต้านทักกี้และนายกปู ก็หลับตาสนับสนุนกันไป แค่อยากเอาชนะ
อยากอยู่ในกระแสว่าเป็นคนดีผลักไสคนเห็นต่างไปอยู่ที่อื่น ดูถูกคนอื่นว่าโง่และเลว ทุกวันนี้ต้องหลอกตัวเองและสังคม

อยากให้พรรคนั้นได้คะแนนเสียงมากขึ้น ต้องหาวิธีให้พรรคนั้นพัฒนาตัวเอง
ไม่ใช่หาทุกวิถีทางคอยสกัดฝ่ายตรงข้าม ส่วนรวมจะเสียหายอย่างไรก็ไม่สน

ความคิดเห็นที่ 27
ผมเห็นด้วยนะครับในหลายๆส่วนที่ จขกท.กล่าวมา

แต่ผมเองตั้งแต่เด็กจนโต ก็มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่ได้เห็นคนไทยถูกปลุกให้ลุกขึ้นมาแบ่งแยกประเทศด้วยเพียงเพราะความฝักไฝ่การเมือง เห็ฯคนไทยบางกลุ่มมีใจฝักไฝ่ประเทศอื่นที่ไม่ใช่แผ่นดินเกิดตัวเอง เพียงเพราะเค้าเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มการเมืองฝ่ายตน บางคนเคารพบูชาประเทศเค้ายิ่งกว่าแผ่นดินแม่ของตัวเอง ผมพึ่งเห็ฯในยุคที่มีเสื้อแดงเกิดขึ้นนี่แหละหรือใครเคยพบเจอในยุคสมัยอื่นแย้งมาได้นะครับ...

หรือนี่คือประชาธิปไตยเสรีที่ จขกท.ไฝ่หา การเลือกตั้งที่ จขกท.ต้องการ จะสามารถแก้ปัญหาความไม่สงบในประเทศได้หรือไม่ นักการเมืองจะกล้าใช้กฏหมายที่เข้มงวดกับประชาชนที่เค้าต้องการใช้เป็นฐานเสียงหรือเปล่า ประเทศชาติวุ่นวาย ประชาชน2กลุ่มใหญ่ๆยกพวกตีกัน นักการเมืองของแต่ละฝ่ายใช้อำนาจหน้าที่ดึงเอาข้าราชการทหาร ตำรวจออกมาช่วยประชาชนฝ่ายตัวเองสู้ แค่เพื่อให้นักการเมืองฝ่ายของตนได้มาซึ่งอำนาจ...

การเลือกตั้งจะช่วยอะไรได้ ถ้าบ้านเมืองยังเป็นแบบนี้ มีเลือกตั้งเมื่อไหร่ มันก็วนมาสู่จุดเดิม...

ประชาธิปไตยไม่ใช่ทุกอย่าง เสรีภาพที่ทุกคนพึงมีจะต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฏหมาย ตราบใดที่คนบางกลุ่มยังไม่ยึดถือกฏหมาย ก็ไม่ควรที่จะได้เสรีภาพ เพราะมันยจะเป็นเพียงแต่เด็กที่เอาแต่ใจตัวเองเท่านั้นครับ
ความคิดเห็นที่ 23
อ่านตอนแรก ๆ ผมก็เคลิมตาม จขกท นะครับ อ่านจนจบ ก็ยังไม่สงสัยว่าจะเป็นแดงหรือสลิ่ม

คงเป็นคนที่รักประชาธิปไตยจริง จนมาถามเรื่อง การชุมนุม การแบ่งฝ่ายของประชาชน

แล้วเจอคำตอบ แบบนี้

เมื่อก่อนวิถีชีวิตก็ปกติค่ะ แต่มาวุ่นวายช่วงที่เขาชัตดาวน์ประเทศ ไปไหนก็ลำบาก มองไปทางไหนเห็นแต่คนแอบอ้างว่าตัวเองเป็นคนดี รักชาติมากกว่าคนอื่น แต่มันแปลกตรงที่คนรักชาติมากกว่าคนอื่นกลับมาสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น

ไม่ต้องสงสัยแล้วครับ..
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่