สวัสดี...พี่ ๆ ชาวบลูแพลนเน็ตทุกท่านนะค๊าบบ
ผม "หนึ่งนะจ๊ะดอทคอม" ก็มีบันทึกการเดินทางแบบแบกเป้ครั้งแรกของผม เมื่อตอนอายุ 23 ปี (มือใหม่หัดเที่ยว - มือใหม่หัดเขียนกระทู้)
ผมได้มีโอกาสไปเที่ยวที่ สปป.ลาว มา เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน - 1 ธันวาคม 2558 รวมทั้งสิ้น 6 วันพอดี
ตอนแรกผมผมตั้งแพลนไว้ว่า จะไปนมัสการพระธาตุหลวงที่เวียงจันทน์เสร็จปุ๊บ ขึ้นเชียงขวางกับซำเหนือปั๊บเลย แต่พอดีไปเจอเพื่อนร่วมทางสัญชาติไทยที่วัดสีสะเกด ในนครหลวงเวียงจันทน์เสียก่อน เลยได้ไปด้วยกันจนถึงหลวงพระบางเลย (เพื่อนร่วมทางสัญชาติไทยที่ว่านั้นคือใครจะบอกให้ทีหลังนะครับ)
ข้อเน้นย้ำ !!
-รายละเอียดของกระทู้นี้ หากผิดพลาดประการใด กราบประทานอภัยอย่างแรง แต่ถ้าชอบใจก็แชร์กันได้ครับ (อาจมีความรู้เสริมนิดหน่อย แต่ใครมีข้อมูลดี ๆ ก็แลกเปลี่ยนกันได้นะจ๊ะ)
-สำหรับเวลา ขออนุญาตเขียนแบบไม่มีจุด (.) และ (น.) นะครับ (มันติดตั้งแต่เรียน รด. ละ 555)
จะว่าไปแล้ว...เราก็เริ่มเดินทางไปพร้อม ๆ กันเลยนะจ๊ะ
24 พฤศจิกายน 2558
0400 ถึงเวลาเข้าเช็คอินที่สนามบินดอนเมือง เพื่อขึ้นสายการบินนกแอร์ บินตรงมุ่งหน้าสู่อุดรธานี และต่อรถอินเตอร์บัสไปเวียงจันทน์ ในกาลต่อไป (ผมแอบมานอนตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ กลัวว่าจะมาเช็คไม่ทัน 5555) บรรยากาศรอบสนามบินก็เริ่มมีผู้โดยสารทยอยมาเช็คอินกันแล้วครับผม โดยเฉพาะผู้โดยสารชาวจีนที่มาเช็คอินกันตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ
พอผ่านกระบวนการเช็คอินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จะเดินไป GATE 44
พอดูเวลาก็ 0438 เอง ถือว่าเหลือเวลาพอสมควร ว่าแต่จะทำอะไรดีหล่ะ ? ไม่ได้ทำอะไรหรอก นั่งเฉย ๆ รอขึ้นเครื่องก็เท่านั้นเองครับ
0535 ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้วครับ แต่...เที่ยวบินเวลา 0555 นะครับ ก็นั่งหลับ ๆ ตื่น ๆ ไปพักนึง
เย้ !! เครื่องเทคอออฟล๊าวววว (จะตื่นเต้นไปถึงไหน)
พอเครื่องบินขึ้นฟ้าไปได้สักพักหนึ่ง ก็จะมีอาหารว่างมาเสิร์ฟให้ผู้โดยสารได้รับประทาน ในขณะอยู่บนเครื่อง แบบว่า "กินของว่างไป ดูพระอาทิตย์ขึ้นไป" ครับ
นี่คือหน้าตาของว่างบนเครื่องครับ อิอิ

แสงแรกของวันครับผม
0657 ก่อนเวลา Landing จริง 3 นาที (0700) ก็ถึงสนามบินนานาชาติอุดรธานีแล้วครับ
พอลงเครื่องปุ๊บ ผมนี้รีบเดินไปซื้อตั๋ว "Limousine" เลยครับ แต่ขออนุญาตแจ้งรายละเอียดค่าโดยสารนะครับ ถ้าจากสนามบิน-บขส. ราคา 80 บาท มีวิ่งทุก 5-10 นาที (เต็มหรือไม่เต็มก็ออก) ส่วนจากสนามบิน-ด่านสะพานมิตรภาพฯ จ.หนองคาย ราคา 200 บาท ครับ
และนี่ก็คือหน้าตาของตั๋วลีมูซีนนะครับ แต่ของผม ผมขอไปลงที่ บขส.อุดรธานี ดีกว่า (เหตุผลไม่มีครับ...คงรีบไปให้ถึงไว ๆ มั้ง)
0729 ถึง บขส.อุดรธานี ก็ดำเนินการซื้อตั๋วอินเตอร์บัสไปเวียงจันทน์ทันที เทียว 0800 (รีบไปไหมเธอ....?)
แต่มีข้อแม้นะครับ ต้องมี "หนังสือเดินทาง" หรือ "ปื้มผ่านแดน" เท่านั้น มิฉะนั้น พนง.ก็ไม่ออกตั๋วให้ครับผม
ก่อนขึ้นรถจะมี พขร. ตรวจเอกสารการเดินทางกับตั๋ว เพื่อที่จะจัดที่นั่งให้ตรงตามตั๋วครับ (พี่เสื้อขาวนี่แหละ พขร.-พนักงานขับรถ)
ในระหว่างที่นั่งรถไปด่านสะพานมิตรภาพฯ ก็จะมี จนท.ศุลกากรมาให้ความรู้เกี่ยวกับศุลกากร (ประมาณว่าจะเข้าไปใน สปป.ลาวนั้น กำหนดสินค้าที่นำเข้า เงินสด ไว้อย่างไรบ้าง แบบนี้แหละมั้ง ผมนั่งหลังสุด ฟังไม่รู้เรื่อง )
สักพักหนึ่งก็จะมี พนง.ประจำรถก็จะนำเอกสารมาให้ก็คือ ใบผ่านแดนขาเข้า-ขาออก มาให้เรากรอก เพราะจะได้ไม่ต้องไปเสียเวลาเขียนที่ด่านอีกครับ
ถึงด่านสะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว จ. หนองคายแล้วครับ (ตู้ทีเอ็มบี ตอนแรกคิดว่าเป็นตู้เอทีเอ็มตู้เดียวและตู้สุดท้ายของไทยก่อนข้ามไปลาวก็จริง)
แต่พอเดินย้อนกลับไปดู ก็ทำให้รู้ว่า "ทีเอ็มบี นายจะไม่เดียวดายแล้วววว" เพราะมีถึง 5 ตู้ 5 ธนาคารเลยครับ (555)
อยู่ด่านฯ ทำอะไรหล่ะครับ ก็ลงประทับตราออกจากประเทศสิครับ ป่ะ เข้าแถวรอกันเถอะ......
หลังจากที่ประทับตราขาออกที่ด่านฯ เสร็จเรียบร้อยแล้ว รถอินเตอร์บัสคันที่เรานั่งมาก็จะจอดรอรับเราอยู่นะครับ พอคนขึ้นรถครบ รถก็ออกเดินทางข้ามไปฝั่งลาว ทันที
ธงชาติลาวผืนแรกกลางสะพานมิตรภาพฯ

ป้ายโคสะนาลาวป้ายทำอิด (ป้ายแรก)
และแล้วก็มาถึงด่านลาวแล้วจ่ะ
บัตรนี้เป็นบัตร Paypass ราคา 1.000 กีบ หรือ 5 บาท ครับ แบบใช้ครั้งเดียว
บัตรที่กล่าวข้างต้นนี้จะเอาไปเสียบที่เกตออกจากด่าน (เกตที่แบบคล้าย ๆ กับ บีทีเอสนี่แหละครับ พอดีผมถ่ายตอนเดินออกมาแล้ว ซึ่งมันอยู่ไกลโพ้นนน)
บริเวณด่านเวียงจันทน์ (ท่าเดื่อ) ก็จะมีบ่อนเปี่ยนเงิน หรือ ที่แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศนี่แหละครับ ผมก็เลยไปแลกของ ธนาคารพงสะหวัน "ธนาคารพงสะหวัน บริการให้ท่านหลายกว่า" ได้เรต 8.140 กีบ/ 1 ดล.สรอ. ผมมี 200 ดล.สรอ. ผมก็แลกมาหมดเลย ได้ 1.628.000 กีบ
( [TIP] การแลกเงินที่ลาว เค้าจะเอาอัตราขายให้เรา ส่วนอัตราซื้อเค้าจะคิดตอนที่เราเองเงินไปแลกคืนครับผม ซึ่งจากบ้านเรา ที่ธนาคารคิดอัตราขายในการแลกเปลี่ยน)
ดำเนินการธุรกรรมการผ่านแดนเสร็จเรียบร้อยแล้วนะครับ ก็กลับไปขึ้นรถตามปกติ
[TIP] ตอนที่ไปประทับตรา ที่ ตม.ฝั่งลาว ถ้ามีคนแปลกหน้าเข้ามาทำเป็นแบบว่าจะช่วยประทับตรา เพื่อความรวดเร็ว ขอบอกเลยว่า ห้าม !! ห้ามเด็ดขาด ถึงแม้ว่าเราจะได้ประทับตราก็จริง แต่อาจจะไม่ได้รับการบันทึกการเข้าเมืองอย่างละเอียด เช่น รูปถ่ายตอนอยู่หน้าเคาท์เตอร์กวดคนเข้าเมือง เป็นต้น แล้วก็พาไปแลกเงินในที่ ๆ ไม่ใช่ธนาคาร แต่เรทช่วงนี้ไม่ค่อยดีเสียเท่าไหร่ มันไม่ได้มีผลกระทบอะไรหรอกครับ แต่ท่านอาจจะเสียเงินโดยไม่รู้ตัว (ต้องจ่ายเงินให้ไอ้คนที่พาไปปั๊มตราเนี่ย 50.000 กีบ หรือ 200 บาท เพราะเคยมีคนโดนมาแล้ว คนไทยด้วยยย ขอบอกกก มีเพื่อนคนลาวบอกมาอีกทีหนึ่งครับ )
รถอินเตอร์บัสนั้นก็วิ่งมาเรื่อย ๆ ผ่านท่าเดื่อ ซึ่งต้องไปอีก 22 ก.ม. จะถึง คิวลดตะหลาดเซ้า (ขัวดิน) ซึ่งอยู่ถนนหนองบอน
หลังวิ่งไปสัก 30 นาที ก็ถึงคิวลดตะหลาดเซ้า ในเวลา 1048 ของวันที่ 24 พฤศจิกายน ครับ
พอลงจากรถมาก็มองไปรอบ ๆ เต็มไปด้วยผู้คน ร้านข้าวจี่(ขนมปังฝรั่งหรือบะแก็ตที่ใส่หมูยอ หัวหอม ผักกาดขาว ซอสพริก น้ำพริกเผา) หวยดิจิตอล หรือที่คนลาวเรียกว่า เลกลาว นี่แหละ (ส่วนใหญ่ที่เห็นก็จะขายแบบจดเลขสด ๆ เลย เวลาเราจะไปซื้อเค้าก็จะให้ดูแผ่นอะไรสักอย่างที่เค้าให้ดูว่าเราฝันเห็นอะไร เค้าก็จะบอกว่าให้ตีเลขนี้นะ สองตัวสามตัวก็ว่ากันไป แต่ถ้าเราคิดว่าเราชอบเบอร์ไหน ก็เลือกเล่นได้เลย ราคาขั้นต่ำ 1.000 กีบครับ) และที่ขาดไม่ได้เลยคือ สามล้อกะมอไซค์ (สามล้อบ่อ้าย 555) เดินไปถึงแยกหนองบอน ซ้ายมือจะไปรพ. มโหสถ และ สถานฑูตฝรั่งเศส ข้างหน้าจะไป ถ.ล้านช้าง กระทรวงกสิกรรมและป่าไม้ ร้านเฝอแซบ ขวามือไปนาไซ และ พระธาตุหลวงเวียงจันทน์ครับ
บรรยากาศร้านข้าวจี่ปาเต้ ตรงข้าวคิวรถตะหลาดเซ้า (ขัวดิน) ครับ
เราก็เดินเล่นตะหลาดเซ้า ช็อปปิ้งมอลล์ก่อนครับเพื่อที่จะหาซื้อซิมไว้ใช้ในลาว เช่น ติดต่อกับห้องพักที่เราจองไว้ สอบถามเวลาเดินรถที่สายเหนือเป็นต้น
ตึกเก่าที่อยู่ล้อมรอบตึกใหม่สีเขียว จะเป็นพวกขายอุปกรณ์ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้า ของฝาก ฯลฯ
หลังจากนั้นผมก็เดินเล่นไปเรื่อย ๆ ผ่านทาง ถ.ล้านช้าง ไปทางหอคำเวียงจันทน์
สำหรับหอคำเวียงจันทน์ หรือ "ทำเนียบประธานประเทศ" นั้น เดิมเคยเป็นสถานที่ประทับของเจ้ามหาชีวิตของลาว สามารถถ่ายรูปได้จากภายนอกได้อย่างเดียวครับ ไม่สามารถเข้าไปได้นะจ๊ะ
จากหอคำเวียงจันทน์ ผมก็เดินไปวัดสีสะเกด (ว่าจะไปวัดสีสะเกดแล้วไปหอพระแก้ว แต่หอพระแก้วปรับปรุงครับเลยไม่ได้ไป)
ค่าเข้าชมในวัดสีสะเกด ราคา 5.000 กีบครับ
สำหรับวัดสีสะเกดนั้น สร้างขึ้นหลังจากที่ย้ายเมืองหลวงมาเวียงจันทน์ แบ่งออกด้วย 2 ส่วน คือ ศาสนาสถานสำหรับประกอบกิจของพระสงฆ์และพิพิธภัณฑ์แห่งพระพุทธศาสนา ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมพระพุทธรูปที่จัดวางสวยงาม
หลังจากชมวัดสีสะเกดเสร็จ มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ก็คือ ก่อนเราจะออกจากวัด อยู่ ๆ ก็มีกลุ่มคนไทยกลุ่มหนึ่ง เดินชมวัดอยู่ แล้วมีหนึ่งในกลุ่มคนไทย ทักว่า "เฮ๊ยย !! คนไทยนี่นา เห็นถือหนังสือคู่มือนำเที่ยวภาษาไทย สีม่วง ๆ คนไทยแน่นอน" ผมก็ได้แต่ขำ แล้วก็บอกว่า "คนไทยเหมือนกันเลยยยย ดีใจมากเลย" แล้วก็ถามที่มาที่ไป ทำไมถึงมาที่นี่ อะไรประมาณนี้ พอคุยเสร็จเค้าก็จากไป
ตอนแรกเราจะเดินเล่นต่อแล้วค่อยไปพระธาตุหลวง แต่พอดีว่ากลุ่มคนไทยนี้แหละ กำลังจะไปพระธาตุหลวง แต่เค้ามากับรถจัมโบ้พาเที่ยวชมเมือง พี่คนเดิมหนึ่งในนั้นแหละ ก็ถามผมว่า "จะไปไหนต่อหรือเปล่า ?"
ผมก็เลยบอกไปว่า "ยังไม่รู้เหมือนกันครับว่าจะไปไหน"
"ไปด้วยกันมั้ย" พี่คนเดิมถามแบบว่าอยากให้เราไปด้วย
ผมก็เลยตอบไปว่า "ไม่รู้จะไปไหน งั้นไปด้วยกันนี่แหละ 555"
แล้วหลังจากนั้นก็ขึ้นรถไปพระธาตุหลวงด้วยกัน ในขณะที่อยู่บนรถจัมโบ้นั้น พี่ ๆ กลุ่มคนไทยนี่แหละ (ตอนนั้นยังไม่ทราบชื่อเสียงเรียงนาม เลยใช้นามสมมตินี้ไปก่อน) ก็ถามเราว่า ทำไมถึงมาที่นี่ แล้วทำอะไรอยู่ ผมก็บอกไปว่า "ผมเรียนหนังสืออยู่ พอดีว่าง เลยอยากมาเที่ยวเปิดหูเปิดตาบ้าง จะได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ " แล้วเราก็ยิ้มหลังจากพูดเสร็จ
รถจัมโบ้ก็วิ่งมาเรื่อย ๆ ตามถนนในนครหลวงเวียงจันทน์ แล้วก็มาจอดอยู่หน้าร้านอาหารตามสั่งใกล้กับแยกถนน 23 สิงหา มุ่งหน้าไปสนามหลวงและพระธาตุหลวงเวียงจันทน์ เพื่อให้เราพักรับประทานอาหารกลางวันกันครับ .....
เดี๋ยวกลับมาเขียนต่อนะครับ น้องใหม่อยากเขียนกระทู้ แต่ตอนนี้ขอไปนอนก่อน พรุ่งมีเวียกให้เฮ็ดแต่เซ้า ขอบใจทุกคนที่เข้ามาอ่านเด้อ ติชมกันได้ครับ
[CR] Vientiane 1st Time นมัสการพระธาตุหลวงเวียงจันทน์ สัมผัสธรรมชาติวังเวียง ชมวิถีชีวิตคนหลวงพระบาง (ตอน 1)
ผม "หนึ่งนะจ๊ะดอทคอม" ก็มีบันทึกการเดินทางแบบแบกเป้ครั้งแรกของผม เมื่อตอนอายุ 23 ปี (มือใหม่หัดเที่ยว - มือใหม่หัดเขียนกระทู้)
ผมได้มีโอกาสไปเที่ยวที่ สปป.ลาว มา เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน - 1 ธันวาคม 2558 รวมทั้งสิ้น 6 วันพอดี
ตอนแรกผมผมตั้งแพลนไว้ว่า จะไปนมัสการพระธาตุหลวงที่เวียงจันทน์เสร็จปุ๊บ ขึ้นเชียงขวางกับซำเหนือปั๊บเลย แต่พอดีไปเจอเพื่อนร่วมทางสัญชาติไทยที่วัดสีสะเกด ในนครหลวงเวียงจันทน์เสียก่อน เลยได้ไปด้วยกันจนถึงหลวงพระบางเลย (เพื่อนร่วมทางสัญชาติไทยที่ว่านั้นคือใครจะบอกให้ทีหลังนะครับ)
ข้อเน้นย้ำ !!
-รายละเอียดของกระทู้นี้ หากผิดพลาดประการใด กราบประทานอภัยอย่างแรง แต่ถ้าชอบใจก็แชร์กันได้ครับ (อาจมีความรู้เสริมนิดหน่อย แต่ใครมีข้อมูลดี ๆ ก็แลกเปลี่ยนกันได้นะจ๊ะ)
-สำหรับเวลา ขออนุญาตเขียนแบบไม่มีจุด (.) และ (น.) นะครับ (มันติดตั้งแต่เรียน รด. ละ 555)
จะว่าไปแล้ว...เราก็เริ่มเดินทางไปพร้อม ๆ กันเลยนะจ๊ะ
24 พฤศจิกายน 2558
0400 ถึงเวลาเข้าเช็คอินที่สนามบินดอนเมือง เพื่อขึ้นสายการบินนกแอร์ บินตรงมุ่งหน้าสู่อุดรธานี และต่อรถอินเตอร์บัสไปเวียงจันทน์ ในกาลต่อไป (ผมแอบมานอนตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ กลัวว่าจะมาเช็คไม่ทัน 5555) บรรยากาศรอบสนามบินก็เริ่มมีผู้โดยสารทยอยมาเช็คอินกันแล้วครับผม โดยเฉพาะผู้โดยสารชาวจีนที่มาเช็คอินกันตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ
พอผ่านกระบวนการเช็คอินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จะเดินไป GATE 44
พอดูเวลาก็ 0438 เอง ถือว่าเหลือเวลาพอสมควร ว่าแต่จะทำอะไรดีหล่ะ ? ไม่ได้ทำอะไรหรอก นั่งเฉย ๆ รอขึ้นเครื่องก็เท่านั้นเองครับ
0535 ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้วครับ แต่...เที่ยวบินเวลา 0555 นะครับ ก็นั่งหลับ ๆ ตื่น ๆ ไปพักนึง
เย้ !! เครื่องเทคอออฟล๊าวววว (จะตื่นเต้นไปถึงไหน)
พอเครื่องบินขึ้นฟ้าไปได้สักพักหนึ่ง ก็จะมีอาหารว่างมาเสิร์ฟให้ผู้โดยสารได้รับประทาน ในขณะอยู่บนเครื่อง แบบว่า "กินของว่างไป ดูพระอาทิตย์ขึ้นไป" ครับ
นี่คือหน้าตาของว่างบนเครื่องครับ อิอิ
แสงแรกของวันครับผม
0657 ก่อนเวลา Landing จริง 3 นาที (0700) ก็ถึงสนามบินนานาชาติอุดรธานีแล้วครับ
พอลงเครื่องปุ๊บ ผมนี้รีบเดินไปซื้อตั๋ว "Limousine" เลยครับ แต่ขออนุญาตแจ้งรายละเอียดค่าโดยสารนะครับ ถ้าจากสนามบิน-บขส. ราคา 80 บาท มีวิ่งทุก 5-10 นาที (เต็มหรือไม่เต็มก็ออก) ส่วนจากสนามบิน-ด่านสะพานมิตรภาพฯ จ.หนองคาย ราคา 200 บาท ครับ
และนี่ก็คือหน้าตาของตั๋วลีมูซีนนะครับ แต่ของผม ผมขอไปลงที่ บขส.อุดรธานี ดีกว่า (เหตุผลไม่มีครับ...คงรีบไปให้ถึงไว ๆ มั้ง)
0729 ถึง บขส.อุดรธานี ก็ดำเนินการซื้อตั๋วอินเตอร์บัสไปเวียงจันทน์ทันที เทียว 0800 (รีบไปไหมเธอ....?)
แต่มีข้อแม้นะครับ ต้องมี "หนังสือเดินทาง" หรือ "ปื้มผ่านแดน" เท่านั้น มิฉะนั้น พนง.ก็ไม่ออกตั๋วให้ครับผม
ก่อนขึ้นรถจะมี พขร. ตรวจเอกสารการเดินทางกับตั๋ว เพื่อที่จะจัดที่นั่งให้ตรงตามตั๋วครับ (พี่เสื้อขาวนี่แหละ พขร.-พนักงานขับรถ)
ในระหว่างที่นั่งรถไปด่านสะพานมิตรภาพฯ ก็จะมี จนท.ศุลกากรมาให้ความรู้เกี่ยวกับศุลกากร (ประมาณว่าจะเข้าไปใน สปป.ลาวนั้น กำหนดสินค้าที่นำเข้า เงินสด ไว้อย่างไรบ้าง แบบนี้แหละมั้ง ผมนั่งหลังสุด ฟังไม่รู้เรื่อง )
สักพักหนึ่งก็จะมี พนง.ประจำรถก็จะนำเอกสารมาให้ก็คือ ใบผ่านแดนขาเข้า-ขาออก มาให้เรากรอก เพราะจะได้ไม่ต้องไปเสียเวลาเขียนที่ด่านอีกครับ
ถึงด่านสะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว จ. หนองคายแล้วครับ (ตู้ทีเอ็มบี ตอนแรกคิดว่าเป็นตู้เอทีเอ็มตู้เดียวและตู้สุดท้ายของไทยก่อนข้ามไปลาวก็จริง)
แต่พอเดินย้อนกลับไปดู ก็ทำให้รู้ว่า "ทีเอ็มบี นายจะไม่เดียวดายแล้วววว" เพราะมีถึง 5 ตู้ 5 ธนาคารเลยครับ (555)
อยู่ด่านฯ ทำอะไรหล่ะครับ ก็ลงประทับตราออกจากประเทศสิครับ ป่ะ เข้าแถวรอกันเถอะ......
หลังจากที่ประทับตราขาออกที่ด่านฯ เสร็จเรียบร้อยแล้ว รถอินเตอร์บัสคันที่เรานั่งมาก็จะจอดรอรับเราอยู่นะครับ พอคนขึ้นรถครบ รถก็ออกเดินทางข้ามไปฝั่งลาว ทันที
ธงชาติลาวผืนแรกกลางสะพานมิตรภาพฯ
ป้ายโคสะนาลาวป้ายทำอิด (ป้ายแรก)
และแล้วก็มาถึงด่านลาวแล้วจ่ะ
บัตรนี้เป็นบัตร Paypass ราคา 1.000 กีบ หรือ 5 บาท ครับ แบบใช้ครั้งเดียว
บัตรที่กล่าวข้างต้นนี้จะเอาไปเสียบที่เกตออกจากด่าน (เกตที่แบบคล้าย ๆ กับ บีทีเอสนี่แหละครับ พอดีผมถ่ายตอนเดินออกมาแล้ว ซึ่งมันอยู่ไกลโพ้นนน)
บริเวณด่านเวียงจันทน์ (ท่าเดื่อ) ก็จะมีบ่อนเปี่ยนเงิน หรือ ที่แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศนี่แหละครับ ผมก็เลยไปแลกของ ธนาคารพงสะหวัน "ธนาคารพงสะหวัน บริการให้ท่านหลายกว่า" ได้เรต 8.140 กีบ/ 1 ดล.สรอ. ผมมี 200 ดล.สรอ. ผมก็แลกมาหมดเลย ได้ 1.628.000 กีบ
( [TIP] การแลกเงินที่ลาว เค้าจะเอาอัตราขายให้เรา ส่วนอัตราซื้อเค้าจะคิดตอนที่เราเองเงินไปแลกคืนครับผม ซึ่งจากบ้านเรา ที่ธนาคารคิดอัตราขายในการแลกเปลี่ยน)
ดำเนินการธุรกรรมการผ่านแดนเสร็จเรียบร้อยแล้วนะครับ ก็กลับไปขึ้นรถตามปกติ
[TIP] ตอนที่ไปประทับตรา ที่ ตม.ฝั่งลาว ถ้ามีคนแปลกหน้าเข้ามาทำเป็นแบบว่าจะช่วยประทับตรา เพื่อความรวดเร็ว ขอบอกเลยว่า ห้าม !! ห้ามเด็ดขาด ถึงแม้ว่าเราจะได้ประทับตราก็จริง แต่อาจจะไม่ได้รับการบันทึกการเข้าเมืองอย่างละเอียด เช่น รูปถ่ายตอนอยู่หน้าเคาท์เตอร์กวดคนเข้าเมือง เป็นต้น แล้วก็พาไปแลกเงินในที่ ๆ ไม่ใช่ธนาคาร แต่เรทช่วงนี้ไม่ค่อยดีเสียเท่าไหร่ มันไม่ได้มีผลกระทบอะไรหรอกครับ แต่ท่านอาจจะเสียเงินโดยไม่รู้ตัว (ต้องจ่ายเงินให้ไอ้คนที่พาไปปั๊มตราเนี่ย 50.000 กีบ หรือ 200 บาท เพราะเคยมีคนโดนมาแล้ว คนไทยด้วยยย ขอบอกกก มีเพื่อนคนลาวบอกมาอีกทีหนึ่งครับ )
รถอินเตอร์บัสนั้นก็วิ่งมาเรื่อย ๆ ผ่านท่าเดื่อ ซึ่งต้องไปอีก 22 ก.ม. จะถึง คิวลดตะหลาดเซ้า (ขัวดิน) ซึ่งอยู่ถนนหนองบอน
หลังวิ่งไปสัก 30 นาที ก็ถึงคิวลดตะหลาดเซ้า ในเวลา 1048 ของวันที่ 24 พฤศจิกายน ครับ
พอลงจากรถมาก็มองไปรอบ ๆ เต็มไปด้วยผู้คน ร้านข้าวจี่(ขนมปังฝรั่งหรือบะแก็ตที่ใส่หมูยอ หัวหอม ผักกาดขาว ซอสพริก น้ำพริกเผา) หวยดิจิตอล หรือที่คนลาวเรียกว่า เลกลาว นี่แหละ (ส่วนใหญ่ที่เห็นก็จะขายแบบจดเลขสด ๆ เลย เวลาเราจะไปซื้อเค้าก็จะให้ดูแผ่นอะไรสักอย่างที่เค้าให้ดูว่าเราฝันเห็นอะไร เค้าก็จะบอกว่าให้ตีเลขนี้นะ สองตัวสามตัวก็ว่ากันไป แต่ถ้าเราคิดว่าเราชอบเบอร์ไหน ก็เลือกเล่นได้เลย ราคาขั้นต่ำ 1.000 กีบครับ) และที่ขาดไม่ได้เลยคือ สามล้อกะมอไซค์ (สามล้อบ่อ้าย 555) เดินไปถึงแยกหนองบอน ซ้ายมือจะไปรพ. มโหสถ และ สถานฑูตฝรั่งเศส ข้างหน้าจะไป ถ.ล้านช้าง กระทรวงกสิกรรมและป่าไม้ ร้านเฝอแซบ ขวามือไปนาไซ และ พระธาตุหลวงเวียงจันทน์ครับ
บรรยากาศร้านข้าวจี่ปาเต้ ตรงข้าวคิวรถตะหลาดเซ้า (ขัวดิน) ครับ
เราก็เดินเล่นตะหลาดเซ้า ช็อปปิ้งมอลล์ก่อนครับเพื่อที่จะหาซื้อซิมไว้ใช้ในลาว เช่น ติดต่อกับห้องพักที่เราจองไว้ สอบถามเวลาเดินรถที่สายเหนือเป็นต้น
ตึกเก่าที่อยู่ล้อมรอบตึกใหม่สีเขียว จะเป็นพวกขายอุปกรณ์ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้า ของฝาก ฯลฯ
หลังจากนั้นผมก็เดินเล่นไปเรื่อย ๆ ผ่านทาง ถ.ล้านช้าง ไปทางหอคำเวียงจันทน์
สำหรับหอคำเวียงจันทน์ หรือ "ทำเนียบประธานประเทศ" นั้น เดิมเคยเป็นสถานที่ประทับของเจ้ามหาชีวิตของลาว สามารถถ่ายรูปได้จากภายนอกได้อย่างเดียวครับ ไม่สามารถเข้าไปได้นะจ๊ะ
จากหอคำเวียงจันทน์ ผมก็เดินไปวัดสีสะเกด (ว่าจะไปวัดสีสะเกดแล้วไปหอพระแก้ว แต่หอพระแก้วปรับปรุงครับเลยไม่ได้ไป)
ค่าเข้าชมในวัดสีสะเกด ราคา 5.000 กีบครับ
สำหรับวัดสีสะเกดนั้น สร้างขึ้นหลังจากที่ย้ายเมืองหลวงมาเวียงจันทน์ แบ่งออกด้วย 2 ส่วน คือ ศาสนาสถานสำหรับประกอบกิจของพระสงฆ์และพิพิธภัณฑ์แห่งพระพุทธศาสนา ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมพระพุทธรูปที่จัดวางสวยงาม
หลังจากชมวัดสีสะเกดเสร็จ มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ก็คือ ก่อนเราจะออกจากวัด อยู่ ๆ ก็มีกลุ่มคนไทยกลุ่มหนึ่ง เดินชมวัดอยู่ แล้วมีหนึ่งในกลุ่มคนไทย ทักว่า "เฮ๊ยย !! คนไทยนี่นา เห็นถือหนังสือคู่มือนำเที่ยวภาษาไทย สีม่วง ๆ คนไทยแน่นอน" ผมก็ได้แต่ขำ แล้วก็บอกว่า "คนไทยเหมือนกันเลยยยย ดีใจมากเลย" แล้วก็ถามที่มาที่ไป ทำไมถึงมาที่นี่ อะไรประมาณนี้ พอคุยเสร็จเค้าก็จากไป
ตอนแรกเราจะเดินเล่นต่อแล้วค่อยไปพระธาตุหลวง แต่พอดีว่ากลุ่มคนไทยนี้แหละ กำลังจะไปพระธาตุหลวง แต่เค้ามากับรถจัมโบ้พาเที่ยวชมเมือง พี่คนเดิมหนึ่งในนั้นแหละ ก็ถามผมว่า "จะไปไหนต่อหรือเปล่า ?"
ผมก็เลยบอกไปว่า "ยังไม่รู้เหมือนกันครับว่าจะไปไหน"
"ไปด้วยกันมั้ย" พี่คนเดิมถามแบบว่าอยากให้เราไปด้วย
ผมก็เลยตอบไปว่า "ไม่รู้จะไปไหน งั้นไปด้วยกันนี่แหละ 555"
แล้วหลังจากนั้นก็ขึ้นรถไปพระธาตุหลวงด้วยกัน ในขณะที่อยู่บนรถจัมโบ้นั้น พี่ ๆ กลุ่มคนไทยนี่แหละ (ตอนนั้นยังไม่ทราบชื่อเสียงเรียงนาม เลยใช้นามสมมตินี้ไปก่อน) ก็ถามเราว่า ทำไมถึงมาที่นี่ แล้วทำอะไรอยู่ ผมก็บอกไปว่า "ผมเรียนหนังสืออยู่ พอดีว่าง เลยอยากมาเที่ยวเปิดหูเปิดตาบ้าง จะได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ " แล้วเราก็ยิ้มหลังจากพูดเสร็จ
รถจัมโบ้ก็วิ่งมาเรื่อย ๆ ตามถนนในนครหลวงเวียงจันทน์ แล้วก็มาจอดอยู่หน้าร้านอาหารตามสั่งใกล้กับแยกถนน 23 สิงหา มุ่งหน้าไปสนามหลวงและพระธาตุหลวงเวียงจันทน์ เพื่อให้เราพักรับประทานอาหารกลางวันกันครับ .....
เดี๋ยวกลับมาเขียนต่อนะครับ น้องใหม่อยากเขียนกระทู้ แต่ตอนนี้ขอไปนอนก่อน พรุ่งมีเวียกให้เฮ็ดแต่เซ้า ขอบใจทุกคนที่เข้ามาอ่านเด้อ ติชมกันได้ครับ