http://www.dharma-gateway.com/monk/great_monk/pra-assachi.htm
...
...
ทรงประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทา
ครั้นเมื่อท่านพระอัญญาโกณฑัญญะ ได้บรรลุธรรม ดำรงอยู่ในโสดาปัตติมรรคแล้ว จึงได้ทูลขอบรรพชาต่อพระผู้มีพระภาคเจ้า ซึ่ง
สมเด็จพระบรมศาสดาก็ประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทา โดยตรัสว่า เธอจงเป็นภิกษุมาเถิด ดังนี้ แล้วตรัสต่อไปว่า
ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว เธอจงประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อทำที่สุดทุกข์โดยชอบเถิด
บัดนั้น ถือว่าโลกมี พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ครบองค์สาม เป็นครั้งแรก
ในวันต่อมา เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงประทานโอวาทสั่งสอนด้วยธรรมีกถา ทรงให้พระภัททิยเถระตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล และประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทา เป็นเอหิภิกษุรูปที่ ๒ ในวันแรม ๑ ค่ำ
ในวันแรม ๒ ค่ำ ทรงให้พระวัปปเถระตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล และประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทา เป็นเอหิภิกษุรูปที่ ๓
ในวันแรม ๓ ค่ำ ทรงให้พระมหานามเถระตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล และประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทา เป็นเอหิภิกษุรูปที่ ๔
ในวันแรม ๔ ค่ำ ทรงให้พระอัสสชิเถระตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล และประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทา เป็นเอหิภิกษุรูปที่ ๕
อนึ่งในวันแรม ๕ ค่ำ ทรงเทศนาอนัตตลักขณสูตร ให้พระปัญจวัคคีย์ทั้งหมดตั้งอยู่ในพระอรหัตด้วย ครั้งนั้น มีพระอรหันต์เกิดขึ้นในโลก ๖ องค์
พระสารีบุตรพบพระอัสสชิเถระ
ครั้นปวารณา (คือพ้นพรรษา) แล้ว พระพุทธองค์ได้ทรงส่งพระอรหันต์สาวก ๖๐ รูป (ปัญจวัคคีย์ ๕ พระยศและสหาย ๕๔ รูป) ออกไปประกาศพระ ศาสนาเป็นครั้งแรก ท่านพระอัสสชิเถระก็ได้ไปเที่ยวเทศนาโปรด เวไนยสัตว์ในที่ต่าง ๆ ด้วย และ
ต่อมาได้กลับไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ณ เวฬุวันมหาวิหาร ใกล้กรุงราชคฤห์
ในเวลานั้น สญชัยปริพาชกอาศัยอยู่ในพระนครราชคฤห์ พร้อมด้วย ปริพาชกผู้เป็นศิษย์หมู่ใหญ่ จำนวน ๒๕๐ คน ก็ครั้งนั้น พระสารีบุตรและพระพระโมคคัลลานะท่านทั้งสองได้เข้าศึกษาในสำนักของสญชัยปริพาชก ไม่กี่วันนักก็เรียนจนหมดสิ้นความรู้ของอาจารย์ที่จะสอน ก็เห็นว่าวิชาความรู้ที่ตนเรียนมานี้ยังไม่สามารถทำให้ถึงอมตธรรมได้ จึงได้ทำกติกาไว้ว่า ผู้ใดบรรลุอมตธรรมก่อน ผู้นั้นก็จะบอกแก่อีกคนหนึ่ง
ขณะนั้นเป็นเวลาเช้า ท่านพระอัสสชินุ่งอันตรวาสกแล้ว ถือบาตรจีวร เข้าไปบิณฑบาตยังในพระนครราชคฤห์ ด้วยมารยาทอันงดงาม น่าเลื่อมใส มีนัยน์ตาทอดลง ถึงพร้อมด้วยอิริยาบถ สารีบุตรปาริพาชกได้เห็นท่านพระอัสสชิ กำลังเที่ยวบิณฑบาตในพระนครราชคฤห์ ด้วยมารยาทอันงามน่าเลื่อมใสเช่นนั้นก็ได้มีความดำริว่า ภิกษุรูปนี้คงเป็นพระอรหันต์ หรือท่านผู้ได้บรรลุพระอรหัตมรรคในโลก ผู้หนึ่งแน่ ถ้ากระไร เราพึงเข้าไปหาภิกษุรูปนี้ แล้วถามว่า ท่านบวชกับใคร ใครเป็นศาสดาของท่าน หรือท่านชอบใจธรรมของใคร? แล้วได้ดำริต่อไปว่า ขณะนี้ยังเป็นเวลาไม่สมควรที่จะถามภิกษุรูปนี้ เพราะท่านกำลังเข้าละแวกบ้านเที่ยวบิณฑบาตอยู่ ฉะนั้น เราพึงติดตามภิกษุรูปนี้ไป
...
...
...
************* ๑ ความหมายของพระธรรม ที่ทำให้ท่านโกลิตะ(พระสารีบุตร) และท่านอุปติสสะ(พระโมคคัลลานะ) บรรลุโสดาบัน ********
...
...
ทรงประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทา
ครั้นเมื่อท่านพระอัญญาโกณฑัญญะ ได้บรรลุธรรม ดำรงอยู่ในโสดาปัตติมรรคแล้ว จึงได้ทูลขอบรรพชาต่อพระผู้มีพระภาคเจ้า ซึ่งสมเด็จพระบรมศาสดาก็ประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทา โดยตรัสว่า เธอจงเป็นภิกษุมาเถิด ดังนี้ แล้วตรัสต่อไปว่าธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว เธอจงประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อทำที่สุดทุกข์โดยชอบเถิด
บัดนั้น ถือว่าโลกมี พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ครบองค์สาม เป็นครั้งแรก
ในวันต่อมา เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงประทานโอวาทสั่งสอนด้วยธรรมีกถา ทรงให้พระภัททิยเถระตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล และประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทา เป็นเอหิภิกษุรูปที่ ๒ ในวันแรม ๑ ค่ำ
ในวันแรม ๒ ค่ำ ทรงให้พระวัปปเถระตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล และประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทา เป็นเอหิภิกษุรูปที่ ๓
ในวันแรม ๓ ค่ำ ทรงให้พระมหานามเถระตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล และประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทา เป็นเอหิภิกษุรูปที่ ๔
ในวันแรม ๔ ค่ำ ทรงให้พระอัสสชิเถระตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล และประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทา เป็นเอหิภิกษุรูปที่ ๕
อนึ่งในวันแรม ๕ ค่ำ ทรงเทศนาอนัตตลักขณสูตร ให้พระปัญจวัคคีย์ทั้งหมดตั้งอยู่ในพระอรหัตด้วย ครั้งนั้น มีพระอรหันต์เกิดขึ้นในโลก ๖ องค์
พระสารีบุตรพบพระอัสสชิเถระ
ครั้นปวารณา (คือพ้นพรรษา) แล้ว พระพุทธองค์ได้ทรงส่งพระอรหันต์สาวก ๖๐ รูป (ปัญจวัคคีย์ ๕ พระยศและสหาย ๕๔ รูป) ออกไปประกาศพระ ศาสนาเป็นครั้งแรก ท่านพระอัสสชิเถระก็ได้ไปเที่ยวเทศนาโปรด เวไนยสัตว์ในที่ต่าง ๆ ด้วย และต่อมาได้กลับไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ณ เวฬุวันมหาวิหาร ใกล้กรุงราชคฤห์
ในเวลานั้น สญชัยปริพาชกอาศัยอยู่ในพระนครราชคฤห์ พร้อมด้วย ปริพาชกผู้เป็นศิษย์หมู่ใหญ่ จำนวน ๒๕๐ คน ก็ครั้งนั้น พระสารีบุตรและพระพระโมคคัลลานะท่านทั้งสองได้เข้าศึกษาในสำนักของสญชัยปริพาชก ไม่กี่วันนักก็เรียนจนหมดสิ้นความรู้ของอาจารย์ที่จะสอน ก็เห็นว่าวิชาความรู้ที่ตนเรียนมานี้ยังไม่สามารถทำให้ถึงอมตธรรมได้ จึงได้ทำกติกาไว้ว่า ผู้ใดบรรลุอมตธรรมก่อน ผู้นั้นก็จะบอกแก่อีกคนหนึ่ง
ขณะนั้นเป็นเวลาเช้า ท่านพระอัสสชินุ่งอันตรวาสกแล้ว ถือบาตรจีวร เข้าไปบิณฑบาตยังในพระนครราชคฤห์ ด้วยมารยาทอันงดงาม น่าเลื่อมใส มีนัยน์ตาทอดลง ถึงพร้อมด้วยอิริยาบถ สารีบุตรปาริพาชกได้เห็นท่านพระอัสสชิ กำลังเที่ยวบิณฑบาตในพระนครราชคฤห์ ด้วยมารยาทอันงามน่าเลื่อมใสเช่นนั้นก็ได้มีความดำริว่า ภิกษุรูปนี้คงเป็นพระอรหันต์ หรือท่านผู้ได้บรรลุพระอรหัตมรรคในโลก ผู้หนึ่งแน่ ถ้ากระไร เราพึงเข้าไปหาภิกษุรูปนี้ แล้วถามว่า ท่านบวชกับใคร ใครเป็นศาสดาของท่าน หรือท่านชอบใจธรรมของใคร? แล้วได้ดำริต่อไปว่า ขณะนี้ยังเป็นเวลาไม่สมควรที่จะถามภิกษุรูปนี้ เพราะท่านกำลังเข้าละแวกบ้านเที่ยวบิณฑบาตอยู่ ฉะนั้น เราพึงติดตามภิกษุรูปนี้ไป
...
...
...