Lost in Shangri-La ออกตามหาสวรรค์แห่งสุดท้ายบนโลก

....เราได้อ่านข้อความข้างต้นจากเวปไซต์นำเที่ยวประเทศจีนเวปไซต์หนึ่งเมื่อปลายปีที่แล้ว
มันคือแรงบันดาลใจและจุดเริ่มต้นในการเดินทางเพื่อตามหาดินแดนสวรรค์ที่ว่านี้
เราเริ่มวางแผน ศึกษาข้อมูล อ่านประวัติความเป็นมาของแชงกรีล่าเพื่อจุดไฟในการเดินทางครั้งนี้ด้วยตัวเอง...อีกครั้ง

........ตัดภาพมาที่หน้าสถานีขนส่งท้องถิ่น........
หลังจากต่อรองราคากับลุงคนขับรถท้องถิ่นมาซักพักใหญ่ ลุงคงเริ่มเหนื่อยและทำหน้าบอกเป็นนัยๆ ว่าเอาที่สบายใจละกัน
หลังจากนั้นลุงก็บอกให้เราขึ้นรถเพื่อไปยังสถานที่แรกตามที่ตกลงกันไว้ ลุงพยายามเล่าเรื่องราวที่พานพบระหว่างทางเป็นภาษาจีน  
แต่เราฟังไม่ออก ดูเหมือนลุงคงเริ่มเหนื่อยอีกครั้งจึงเงียบไปในที่สุด =_='

เรามาที่นี่ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนค่ะ ตอนกลางวันแดดแรงแต่อากาศหนาวอุณหภูมิประมาณ 1-2 องศา ท้องฟ้าสดใสไร้เหงาเมฆ
ส่วนกลางคืนอุณหภูมิประมาณ -3 ถึง -5 องศา หนาวจนน้ำค้างบนหลังคารถกลายเป็นน้ำแข็ง

...และที่นี่คือ Sumtsenjing Monastery หรือวัดลามะซงจ้านหลิน สร้างตามแบบฉบับพระราชวังโปตาลาในกรุงลาซาของทิเบต
ภายนอกสวยงามยิ่งใหญ่ ภายในมีเสน่ห์และมนต์ขลัง

วัดซงจ้านหลินเป็นวัดนิกายลามะแบบทิเบตที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลยูนนาน อายุเก่าแก่กว่า 300 ปี สร้างในสมัยดาไลลามะองค์ที่ 5 ชาวทิเบตในแชงกรีล่ายังคงรักษาขนบธรรมเนียมของตัวเองไว้อย่างเคร่งครัด ดังนั้นการถ่ายภาพภายในวัดจึงเป็นสิ่งต้องห้าม