จากประเด็น พรบ.GMO ซึ่งมีการเขียนกฎหมายในเชิงเปิดช่องให้
"ทำกันเป็นปกติได้ ... จนกว่า รมต.จะสั่งห้าม"
ซึ่งจริงๆแล้ว ตามหลักการต้องเขียนว่า
"ห้ามทำ ... จนกว่า จะได้รับอนุญาต"
ซึ่งเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก เพราะผลกระทบการปนเปื้อนของ GMO
มันเป็นสิ่งที่แก้ไขไม่ได้
ขอสรุปจาก ความจำเท่าที่เคยอ่านจากหว้ากอ จะประมาณว่า
1) ผลกระทบ GMO มันน่ากลัว เพราะมันขยายพันธุ์ได้เอง
ไม่เหมือนสารเคมี ที่รั่วเท่าไหร่ก็มีอยู่เท่านั้น
เหมือนปัญหาพวก Alien Species ที่หลุดไปในธรรมชาติแล้ว
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะแก้ไข
2) ในทางเทคนิค
-พืชปกติ ก่อนยุค GMO จะเป็นการพัฒนาสายพันธุ์ โดยการนำเอาพืชในธรรมชาติมาผสมและคัดพันธุ์ ตามหลักเมนเดล
ทำให้การปรับปรุงพันธุ์ เป็นไปได้ช้า และ อาจมียีนด้อยแฝง
ซึ่งต้องมีขั้นตอนผสมจนได้สายพันธุ์บริสุทธิ์อีก
-แต่ GMO มันไปไกลกว่า คือ
มีการตัดต่อ เอา DNA ที่ พืชชนิดนั้นในธรรมชาติไม่มี
เช่นเอา DNA ของแบคทีเรีย ที่ผลิตสารพิษต่อแมลง ยัดเพิ่มเข้าไปใน DNA
ทำให้ เซลล์ของพืชที่ GMO แล้ว ผลิตสารพิษทั่วทั้งต้น
เมื่อแมลงมากิน ก็จะตาย
(**ขอข้ามประเด็นความเป็นพิษไปก่อน
เพราะงานวิจัยความเป็นพิษ มักจะมีลักษณะ
"ไม่เกิดอาการ"เป็นพิษ ถ้าบริโภคน้อยกว่า XX% ของน้ำหนักตัว
นั่นจะมี 2 คำถาม ต่อไปคือ
1. ถ้า GMO กันหมด เราจะบริโภคเกินกันได้ง่ายๆ หรือเปล่า??? โดยเฉพาะเด็ก
2. การบริโภคระยะยาว จะเกิดสภาพพิษสะสม อย่างไรหรือไม่???**)
แล้วทีนี้ เกสร ที่เป็น GMO จะมี DNA ที่เกินจากปกติ
เมื่อไปผสมกับ พืชธรรมชาติ ลูกที่เกิดมามันจะพิกลพิการ
เหมือน ม้า+ลา=ล่อ; สิงโต+เสือ=ไลเก้อร์
ซึ่งมักจะอ่อนแอ หรือ เป็นหมัน
แม้แต่เด็ก ออทิสติก ก็เกิดจากที่มี DNA เกินมาจากปกติ
ดังนั้นจะเห็นว่า
พืชพื้นเมือง เมื่อเจอกับเกสร GMO
ถ้าโชคดีจะได้ลูกหลานเป็นหมัน .. จบ
ถ้าโชคร้ายจะได้ลูกหลานพิกลพิการ ..
ถ้าวิบัติ ก็คือ ขยายพันธุ์ไปรบกวนสิ่งแวดล้อมต่อไปได้
ซึ่งจะอยู่ในสภาพแก้ไขไม่ได้เลย เหมือนปัญหา Alien Species
ต่อให้โชคดี ได้ลูกหลานที่ไม่พิกลพิการ ก็จะยังเจอข้อ 3)
3) ถ้าเกสร GMO ถ้าไปติดกับไร่นาข้างเคียง
ที่มีวิธีการปลูกแบบเก็บเมล็ดจากผลผลิตไว้ใช้รอบต่อไป
อาจโดนฟ้องหมดตัวโดยไม่รู้เรื่องได้ เพราะการปลูกรอบต่อไป
จะเป็นพันธุ์ที่มี ลิขสิทธิ์ของ บ.GMO!!!
ซึ่งเอาเข้าแลปตรวจ DNA จะเป็นหลักฐานในชั้นศาลได้
สรุป ไร่ข้างๆ โคตรซวย ถ้าไม่โดน 2) ก็เจอ 3)
มีแต่เจ๊งกับเจ๊ง ทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้ทำ
เป็นเช่นนี้
เมื่อผ่านไปไม่กี่ปี ไร่ที่ไม่ GMO จะล้มละลาย หรือ ถูกปนเปื้อนไปหมดทั้งระบบ
แล้ว บ.GMO จะครองตลาดการเกษตรในที่สุด
ยิ่งถ้าต่อยอดไปเซ็น TPP ที่บังคับคุ้มครองลิขสิทธิเข้มข้นขึ้น
แต่เราดันปล่อยให้ GMO มันแพร่กระจายถาวรในธรรมชาติไปแล้ว
ไม่ว่าเราจะปลูกเองอย่างไร จะมีเกสรที่มี GMO มาปนกับต้นที่เราปลูกเสมอ
แล้วมีการทำปนเปื้อนแบบนี้ไปที่ละอย่าง เริ่มจาก ข้าว ผลไม้ต่างๆ ฯลฯ
สุดท้าย เราจะกลายเป็นประเทศเกษตรที่ปลูกอะไรเองไม่ได้
เพราะปลูกพืชชนิดไหน ปลูกอะไรจะติดลิขสิทธิ์หมด
กลายเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งไปเลย
GMO ผลกระทบที่แก้ไขไม่ได้
"ทำกันเป็นปกติได้ ... จนกว่า รมต.จะสั่งห้าม"
ซึ่งจริงๆแล้ว ตามหลักการต้องเขียนว่า
"ห้ามทำ ... จนกว่า จะได้รับอนุญาต"
ซึ่งเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก เพราะผลกระทบการปนเปื้อนของ GMO
มันเป็นสิ่งที่แก้ไขไม่ได้
ขอสรุปจาก ความจำเท่าที่เคยอ่านจากหว้ากอ จะประมาณว่า
1) ผลกระทบ GMO มันน่ากลัว เพราะมันขยายพันธุ์ได้เอง
ไม่เหมือนสารเคมี ที่รั่วเท่าไหร่ก็มีอยู่เท่านั้น
เหมือนปัญหาพวก Alien Species ที่หลุดไปในธรรมชาติแล้ว
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะแก้ไข
2) ในทางเทคนิค
-พืชปกติ ก่อนยุค GMO จะเป็นการพัฒนาสายพันธุ์ โดยการนำเอาพืชในธรรมชาติมาผสมและคัดพันธุ์ ตามหลักเมนเดล
ทำให้การปรับปรุงพันธุ์ เป็นไปได้ช้า และ อาจมียีนด้อยแฝง
ซึ่งต้องมีขั้นตอนผสมจนได้สายพันธุ์บริสุทธิ์อีก
-แต่ GMO มันไปไกลกว่า คือ
มีการตัดต่อ เอา DNA ที่ พืชชนิดนั้นในธรรมชาติไม่มี
เช่นเอา DNA ของแบคทีเรีย ที่ผลิตสารพิษต่อแมลง ยัดเพิ่มเข้าไปใน DNA
ทำให้ เซลล์ของพืชที่ GMO แล้ว ผลิตสารพิษทั่วทั้งต้น
เมื่อแมลงมากิน ก็จะตาย
(**ขอข้ามประเด็นความเป็นพิษไปก่อน
เพราะงานวิจัยความเป็นพิษ มักจะมีลักษณะ
"ไม่เกิดอาการ"เป็นพิษ ถ้าบริโภคน้อยกว่า XX% ของน้ำหนักตัว
นั่นจะมี 2 คำถาม ต่อไปคือ
1. ถ้า GMO กันหมด เราจะบริโภคเกินกันได้ง่ายๆ หรือเปล่า??? โดยเฉพาะเด็ก
2. การบริโภคระยะยาว จะเกิดสภาพพิษสะสม อย่างไรหรือไม่???**)
แล้วทีนี้ เกสร ที่เป็น GMO จะมี DNA ที่เกินจากปกติ
เมื่อไปผสมกับ พืชธรรมชาติ ลูกที่เกิดมามันจะพิกลพิการ
เหมือน ม้า+ลา=ล่อ; สิงโต+เสือ=ไลเก้อร์
ซึ่งมักจะอ่อนแอ หรือ เป็นหมัน
แม้แต่เด็ก ออทิสติก ก็เกิดจากที่มี DNA เกินมาจากปกติ
ดังนั้นจะเห็นว่า
พืชพื้นเมือง เมื่อเจอกับเกสร GMO
ถ้าโชคดีจะได้ลูกหลานเป็นหมัน .. จบ
ถ้าโชคร้ายจะได้ลูกหลานพิกลพิการ ..
ถ้าวิบัติ ก็คือ ขยายพันธุ์ไปรบกวนสิ่งแวดล้อมต่อไปได้
ซึ่งจะอยู่ในสภาพแก้ไขไม่ได้เลย เหมือนปัญหา Alien Species
ต่อให้โชคดี ได้ลูกหลานที่ไม่พิกลพิการ ก็จะยังเจอข้อ 3)
3) ถ้าเกสร GMO ถ้าไปติดกับไร่นาข้างเคียง
ที่มีวิธีการปลูกแบบเก็บเมล็ดจากผลผลิตไว้ใช้รอบต่อไป
อาจโดนฟ้องหมดตัวโดยไม่รู้เรื่องได้ เพราะการปลูกรอบต่อไป
จะเป็นพันธุ์ที่มี ลิขสิทธิ์ของ บ.GMO!!!
ซึ่งเอาเข้าแลปตรวจ DNA จะเป็นหลักฐานในชั้นศาลได้
สรุป ไร่ข้างๆ โคตรซวย ถ้าไม่โดน 2) ก็เจอ 3)
มีแต่เจ๊งกับเจ๊ง ทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้ทำ
เป็นเช่นนี้
เมื่อผ่านไปไม่กี่ปี ไร่ที่ไม่ GMO จะล้มละลาย หรือ ถูกปนเปื้อนไปหมดทั้งระบบ
แล้ว บ.GMO จะครองตลาดการเกษตรในที่สุด
ยิ่งถ้าต่อยอดไปเซ็น TPP ที่บังคับคุ้มครองลิขสิทธิเข้มข้นขึ้น
แต่เราดันปล่อยให้ GMO มันแพร่กระจายถาวรในธรรมชาติไปแล้ว
ไม่ว่าเราจะปลูกเองอย่างไร จะมีเกสรที่มี GMO มาปนกับต้นที่เราปลูกเสมอ
แล้วมีการทำปนเปื้อนแบบนี้ไปที่ละอย่าง เริ่มจาก ข้าว ผลไม้ต่างๆ ฯลฯ
สุดท้าย เราจะกลายเป็นประเทศเกษตรที่ปลูกอะไรเองไม่ได้
เพราะปลูกพืชชนิดไหน ปลูกอะไรจะติดลิขสิทธิ์หมด
กลายเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งไปเลย