ครั้งหนึ่งในชีวิตสถานที่ที่ต้องไป "พุทธคยา"

ทริปสั้นๆของผมกับการเดินทางไปประเทศอินเดียเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 2 ปี

จุดมุ่งหมายสำหรับการเดินทางไปอินเดียในครั้งนี้ คือ ร่วมเดินทางไปทอดผ้าป่ามหากุศลเพื่อสร้างถนนเข้าสระมุจลินท์ บวงสรวงองค์พญามุจลินทร์นาคราช และยังได้ร่วมประกอบพิธีถวายไม้ค้ำกิ่งต้นศรีมหาโพธิ์ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นต้นโพธิ์ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้

การเดินทางของผมเริ่มต้นจากสนามบินดอนเมืองในเครื่องบินแบบเช่าเหมาลำมีผู้ร่วมเดินทางไปทั้งหมด 173 คน โดยในขณะของผมมีพระสงฆ์ร่วมเดินทางไปด้วย 60 รูป

ไฟต์ของคณะผมออกเดินทางในช่วงเช้าเวลาประมาณ 7 นาฬิกา ก่อนจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 50 นาทีเพื่อเดินทางมุ่งตรงสู่สนามบินคยา เมืองที่เป็นสัญลักษณ์ของ 1 ใน 4 สถานที่สำคัญที่สุดของพระพุทธศาสนา นั้นคือ สถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า

เราเดินทางมาถึงสนามบินคยาตามกำหนดเวลา ใช้เวลาไม่นานสำหรับการตรวจคนเข้าเมืองเนื่องจากไฟต์เราเป็นไฟต์เหมาลำจึงมีเพียงคณะเราในช่วงเวลาดังกล่าว สัมภาระจำนวนมากที่ถูกจัดมาสำหรับการร่วมประกอบพิธีต่างๆของคณะเราถูกตรวจอย่างเคร่งครัดจากเจ้าหน้าของสนามบิน

ตามเวลาในประเทศอินเดียที่ช้ากว่าเมืองไทย 1 ชั่วโมง 30 นาที เราถึงสนามบินคยาเวลา 10:30 น. ก่อนจะออกเดินทางต่อไปยังวัดไทยพุทธคยา อินเดีย ที่ตั้งอยู่ห่างออกไปประมาณ 15-20 นาทีสำหรับการเดินทางโดยรถยนต์

ที่วัดไทยพุทธคยา มีพุทธศาสนิกชนจำนวนมากที่เดินทางมาที่นี่ พะสงฆ์ แม่ชี ทั้งที่จำพรรษาอยู่ที่วัด และที่เดินทางมาสักการะมหาเจดีย์พุทธคยา


พระอุโบสถหลังใหญ่ในวัดไทยพุทธคยา


นั่งสมาธิหน้าประธานในพระอุโบสถ


วัดไทยพุทธคยา ถูกแยกออกเป็นส่วนๆในบริเวณพื้นที่เดียวกันได้อย่างลงตัว ด้านหน้าหลังจากผ่านประตูทางเข้าจะเป็นร้านอาหาร “ตักบาตร” บริการสำหรับประชาชนที่เดินทางมาที่วัดไทยโดยรายได้จากค่าอาหารและเครื่องดื่มทางวัดจะนำไปสนับสนุนโรงพยาบาลพระพุทธเจ้า



ติดกับร้านอาหารด้านหน้า เป็นอาคารโรงพยาบาลพระพุทธเจ้า ซึ่งเปิดสำหรับรักษาพระภิกษ์สงฆ์ แม่ชี ร่วมถึงประชาชนที่เดินทางมายังพุทธคยา และยังเปิดให้บริการกับประชาชนในท้องที่อีกด้วย





ถัดจากโรงพยาบาลจะเป็นเรือน “อู่น้ำ” ที่เหมือนจะมีพระสงฆ์ แม่ชี และคนทั่วไปที่เดินทางมายังพุทธคยาจะมานั่งอยู่มากที่สุด เพราะเป็นเหมือนร้านกาแฟ เครื่องดื่ม ร้านขายของเล็กๆ บริการให้กับทุกคนที่เดินทางมาที่นี่และยังมีบริการ WIFI ฟรีสำหรับผู้มาเยือนทุกท่าน

ถัดไปจะเป็นอาคารสำหรับเรื่องการรับบริจาคสิ่งของ เงิน เพื่อเป็นทุนในการพัฒนา จัดสร้างอาคาร และกิจกรรมต่างๆที่เป็นประโยชน์ฯลฯ



โดยด้านหน้าของอาคารที่เรียงตามทางเข้าไปยังด้านในของวัด จะเป็นอุโบสถหลังใหญ่ที่เปิดให้ทุกคนเข้าไปกราบสักการะพระประธานด้านในได้ตลอดทั้งวัน โดยช่วงเช้าและช่วงเย็นจะมีการสวดมนต์ของพระสงฆ์เป็นประจำทุกวัน

นอกจากนี้ยังมีลานกว้างใต้ต้นโพธิ์ที่เปรียบเสมือนการจำลองสถานที่จากพุทธคยา โดยจะมีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ตระง่าน ร่วมถึงมีพระพุทธเมตตา จำลอง ขนาดเท่าองค์จริง เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะบูชา

สำหรับผู้ที่เดินทางไปยังพุทธคยา ด้านหลังของอาคารที่พักหลังเก่ายังมีอาคารที่เป็นเหลือห้องอาหารสำหรับทุกคนที่เดินทางมาพุทธคยาแห่งนี้ด้วย “อู่ข้าว” โดยทางวัดจะเตรียมอาหารไว้สำหรับทุกคน ทุกมื้อ ช่วงเช้าประมาณ 7:00 - 8:30 น., ช่วงกลางวัน ประมาณ 11:30 - 13:30 น., และช่วงเย็น ประมาณ 18:00 - 20:00 น.



หลังจากตรวจสอบสถานที่บริเวณวัดไทยพุทธคยา ผมใช้เวลาในช่วงสั้นๆกับการออกไปสำรวจบริเวณด้านนอกวัดไทยพุทธคยา สภาพบ้านเมืองที่อาจจะดูไม่คุ้นตาสำหรับคนที่เคยไปพุทธคยาครั้งแรกของผมก็ทำให้ผมตื่นเต้นได้พอสมควร

คำแนะนำแรกสำหรับการใช้ชีวิตในพุทธคยา ผมแนะนำให้ซื้อผ้าปิดจมูกเพราะฝุ่นค่อนข้างเยอะเนื่องจากถนนยังมีดินลูกรัง สำหรับผู้ที่เป็นภูมิแพ้อาจจะมีปัญหาได้

ร้านขายของริมถนนมากมาย ทั้งของกิน สินค้าประเภทต่างๆ ถูกจัดเรียงแบบง่ายๆระหว่าง 2 ข้างทาง ราคาของสินค้าก็สามารถต่อรองได้ตามสมควร






บรรยากาศบริเวณท้องถนนโดยรอบของเมืองคยา

ช่วงบ่าย 3 โมงเย็นคณะผมมีนัดกันเพื่อจะเดินทางไปยังมหาเจดีย์พุทธคยาซึ่งอยู่ห่างจากวัดไทยออกไปประมาณ 500 เมตร คำแนะนำของไกด์ขอให้เก็บมือถือไว้ที่ห้องพักเนื่องจากจะมีการตรวจค่อนข้างเข้มงวดจากเจ้าหน้าที่ เพราะไม่อนุญาตให้นำโทรศัพท์มือถือเข้าไปด้านในได้

สำหรับกล้องถ่ายรูป กล้องถ่ายวิดีโอสามารถนำเข้าไปได้ โดยจะต้องเสียค่าบัตรสำหรับกล้องถ่ายรูป 100 รูปี และกล้องถ่ายวิดีโอ 300 รูปี ต่อ 1 เครื่อง (ค่าเงินโดยประมาณ 2 รูปีเท่ากับ 1 บาท)

ผมใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกับการเดินทางโดยรอบบริเวณ เพราะพิธีถวายไม้ค้ำกิ่งต้นศรีมหาโพธิ์ของคณะผมจะเริ่มต้นประมาณ 17:30 น.

คณะเราเริ่มพิธีกรรมด้วยการเดินรอบเจดีย์พุทธคยา 3 รอบเพื่อถวายผ้าพันต้นศรีมหาโพธิ์ ก่อนจะเข้าพิธีทางสงฆ์ด้วยการสวดมนต์โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงจะเริ่มทำพิธีถวายไม้ค้ำต้นศรีมาโพธิ์ซึ่งเป็นการค้ำกิ่งของต้นโพธิ์เพื่อให้แข็งแรงมากขึ้น

เสร็จสิ้นจากพิธีกรรมต่างๆ เรายังใช้เวลาเพื่อชมบริเวณโดยรอบอีกระยะ โดยผมตั้งใจว่าจะใช้เวลาพรุ่งนี้ในช่วงบ่ายในการมาเดินสักการะ 7 สถาน ที่พระพุทธเจ้าทรงใช้เพื่อพิจารณาในเรื่องต่างๆ เป็นเวลาที่ละ 7 วัน รวม 49 วันหลังการตรัสรู้
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่