ผมเป็นคนหนึ่งที่เชื่อมั่นในมาตรฐานฟอร์ด ที่บอกว่าเป็นมาตรฐานอเมริกาและคิดว่าคงไม่ทำให้เราผิดหวัง
ตัดสินใจซื้อรถ Ford Fiesta 1.6 รุ่นปี 2011 เป็นรถคันแรกของตัวเองหลังเรียนจบก่อนมีโครงคืนภาษีรถคันแรกอีกครับ
จุดนั้นไม่ได้สนใจยี่ห้ออื่นเลย เพราะความเชื่อมั่นในมาตรฐานอเมริกาจริงๆครับ เดินเข้าศูนย์ฟอร์ด ขอทดลองขับแล้วจองเลย
เข้ารับการตรวจสภาพตามกำหนดเวลา ไม่เคยดัดแปลง และไม่เคยเกิดอุบัติเหตุมาก่อนตลอดระยะเวลา 4 ปี
หลังจากออกรถได้ไม่นานก็ขับรถป้ายแดงไปไหว้พระกินข้าวจอดบนตึกที่เยาวราช ถ้านึกสภาพออกพอจะรู้ได้ใช่มั้ยครับว่าต้องใช้ skill ขั้นไหนในการเอารถเข้าออกจากตึกจอด ขากลับมาที่รถปรากฎว่ารถสตาร์ทไม่ติด มีไฟสมองกลขึ้นที่หน้าปัด เข้าเกียร์ถอยไม่ได้ เดินหน้าก็กระตุก นี่ "รถใหม่ป้ายแดง"นะครับ พยายามอยู่หลายครั้ง จนต้องพึ่งสิ่งศักสิทธิ์ขอให้ใส่เกียร์ถอยได้เพื่อจะได้เอารถลงมาข้างล่างได้ ก็ได้ผลจริงๆครับ ใส่เกียร์ถอยได้ครั้งเดียวเพื่อถอยออกจากซองแล้วหลังจากนั้นก็ถอยไม่ได้อีกเลย แล้วผมก็เอารถลงมาจากตึกจอดรถได้ครับ
ติดต่อฟอร์ดประเทศไทยได้รับคำแนะนำจากช่างให้ลองขับไปที่ศูนย์ที่ใกล้ที่สุดครับ ก็ประคับประคองมาเรื่อยๆจนรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว สุดท้ายเลยเรียกรถยกมายกไปเข้าศูนย์ ช่างแจ้งว่าสมองกลและระบบเกียร์มีปัญหา จะทำการเปลี่ยนอะไหล่ให้ หลังจากนั้นก็ใช้งานได้ปกติมาโดยตลอดครับ เป็นรถคู่ใจที่รักคันนึงเลยครับ ถึงเวลาเช็คระยะเข้าศูนย์ ช่างแนะนำอะไรก็ทำตาม รถเราเราก็รักใช่มั้ยครับ
-----------------------------------
จนเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน ปลายเดือนพฤศจิกายน ขับรถปกติดีๆ แวะเติมน้ำมัน ปรากฎว่าหลังจากเติมน้ำมันเสร็จรถก็สตาร์ทไม่ติดอีกเลยครับ
ลองคิดดูสภาพแดดร้อนๆตอนเที่ยงๆ เดือดร้อนพี่ๆที่ปั๊มช่วยกันเข็นรถมาจอดบริเวณที่จอดรถของปั๊มแดดร้อนเปรี้ยงๆ ผมที่แต่งตัวเตรียมไปทำงานนี่เหงื่อเปียกโชกไปหมดเลยครับ
ตัดสินใจทิ้งรถไว้ที่ปั๊มน้ำมัน นั่งแท็กซี่ไปทำงานแล้วค่อยกลับมาเรียกรถยกมายกรถเข้าศูนย์ไปตามระเบียบ จุดนี้ค่ารถยกก็ต้องออกเองครับ สันนิษฐานเบื้องต้นจากช่างคาดว่าปั๊มติ๊กน่าจะเสียครับ
ทิ้งไว้ 2-3 วันช่างแจ้งว่าลองเปลี่ยนปั๊มติ๊กดูแล้วไปทดสอบขับดูแต่ไม่หาย ไม่น่าจะใช่ที่ปั๊มติ๊ก แล้วสุดท้ายก็โทรมาบอกว่าสรุปเสียที่ปั๊มติ๊กเพราะลองเบิกปั๊มติ๊กตัวใหม่มาเปลี่ยนแล้วใช้งานได้ แต่เจอปัญหาอื่นเพิ่มคือชุดคลัชต์มีปัญหา จะขอเปลี่ยนชุดคลัชต์ไปด้วยเลย ผมก็โอเคช่วงนั้นไม่ได้รีบใช้รถ ก็ให้เค้าทำไปครับ
เมื่อวานนี้ช่างโทรมาแจ้งว่ารถเสร็จแล้ว มีค่าใช่จ่ายประมาณ 11,000 กว่าบาท เป็นค่าปั๊มติ๊ก 7,755 บาท (ไม่รวมภาษี) ที่เหลือเป็นค่าช่างกับค่าเช็คระยะ 60,000 กิโล
ลองได้คุยกับหลายๆคน ก็มีแต่คนบอกว่ารถอายุเท่านี้ ใช้งานน้อยขนาดนี้ ปั๊มติ๊กไม่น่าจะเสียได้ ผมเองก็งงเหมือนกันครับ พยายามหาคำตอบสอบถามจากทั้งทางช่างและฟอร์ดประเทศไทยก็ไม่ได้รับคำตอบ เพราะถ้าผมเป็นคนใช้รถลุยๆ สมบุกสมบันไม่ดูแลรักษานี่ก็ยังพอรับได้ แต่ผมเป็นคนที่ใช้รถถนอมมาก ไม่เคยชนมาด้วย อยู่ๆก็ต้องมาเสียเงินแบบนี้ ก็สตั๊นไปเหมือนกันครับ ทำงานหาเงินมาได้ซ่อมรถหมด
ติดต่อทางศูนย์ฟอร์ดประเทศไทยไปก็มีเจ้าหน้าที่รับเรื่องแล้วบอกจะติดต่อกลับแล้วก็เงียบหายไป ตามไปครั้งนึงแล้วก็ยังไม่มีใครติดต่อมาครับ
มาถึงวันนี้รู้สึกผิดหวังกับรถยนต์ฟอร์ดมากๆครับ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้คงไม่ซื้อยี่ห้อนี้ คนรอบข้างที่เค้าขับยี่ห้ออื่นไม่เห็นมีใครมีปัญหาเลยครับ
เพื่อนๆพี่ๆมีความเห็นอย่างไรกับกรณีนี้บ้างครับ หรือผมควรทำอย่างไรบ้างครับ
ขอบคุณครับ
คิดให้ดีก่อนซื้อรถยนต์ Ford ใช้มา 4 ปี 59,000 กิโล ปั๊มติ๊กเสีย สตาร์ทไม่ติดอีกเลยครับ
ตัดสินใจซื้อรถ Ford Fiesta 1.6 รุ่นปี 2011 เป็นรถคันแรกของตัวเองหลังเรียนจบก่อนมีโครงคืนภาษีรถคันแรกอีกครับ
จุดนั้นไม่ได้สนใจยี่ห้ออื่นเลย เพราะความเชื่อมั่นในมาตรฐานอเมริกาจริงๆครับ เดินเข้าศูนย์ฟอร์ด ขอทดลองขับแล้วจองเลย
เข้ารับการตรวจสภาพตามกำหนดเวลา ไม่เคยดัดแปลง และไม่เคยเกิดอุบัติเหตุมาก่อนตลอดระยะเวลา 4 ปี
หลังจากออกรถได้ไม่นานก็ขับรถป้ายแดงไปไหว้พระกินข้าวจอดบนตึกที่เยาวราช ถ้านึกสภาพออกพอจะรู้ได้ใช่มั้ยครับว่าต้องใช้ skill ขั้นไหนในการเอารถเข้าออกจากตึกจอด ขากลับมาที่รถปรากฎว่ารถสตาร์ทไม่ติด มีไฟสมองกลขึ้นที่หน้าปัด เข้าเกียร์ถอยไม่ได้ เดินหน้าก็กระตุก นี่ "รถใหม่ป้ายแดง"นะครับ พยายามอยู่หลายครั้ง จนต้องพึ่งสิ่งศักสิทธิ์ขอให้ใส่เกียร์ถอยได้เพื่อจะได้เอารถลงมาข้างล่างได้ ก็ได้ผลจริงๆครับ ใส่เกียร์ถอยได้ครั้งเดียวเพื่อถอยออกจากซองแล้วหลังจากนั้นก็ถอยไม่ได้อีกเลย แล้วผมก็เอารถลงมาจากตึกจอดรถได้ครับ
ติดต่อฟอร์ดประเทศไทยได้รับคำแนะนำจากช่างให้ลองขับไปที่ศูนย์ที่ใกล้ที่สุดครับ ก็ประคับประคองมาเรื่อยๆจนรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว สุดท้ายเลยเรียกรถยกมายกไปเข้าศูนย์ ช่างแจ้งว่าสมองกลและระบบเกียร์มีปัญหา จะทำการเปลี่ยนอะไหล่ให้ หลังจากนั้นก็ใช้งานได้ปกติมาโดยตลอดครับ เป็นรถคู่ใจที่รักคันนึงเลยครับ ถึงเวลาเช็คระยะเข้าศูนย์ ช่างแนะนำอะไรก็ทำตาม รถเราเราก็รักใช่มั้ยครับ
-----------------------------------
จนเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน ปลายเดือนพฤศจิกายน ขับรถปกติดีๆ แวะเติมน้ำมัน ปรากฎว่าหลังจากเติมน้ำมันเสร็จรถก็สตาร์ทไม่ติดอีกเลยครับ
ลองคิดดูสภาพแดดร้อนๆตอนเที่ยงๆ เดือดร้อนพี่ๆที่ปั๊มช่วยกันเข็นรถมาจอดบริเวณที่จอดรถของปั๊มแดดร้อนเปรี้ยงๆ ผมที่แต่งตัวเตรียมไปทำงานนี่เหงื่อเปียกโชกไปหมดเลยครับ
ตัดสินใจทิ้งรถไว้ที่ปั๊มน้ำมัน นั่งแท็กซี่ไปทำงานแล้วค่อยกลับมาเรียกรถยกมายกรถเข้าศูนย์ไปตามระเบียบ จุดนี้ค่ารถยกก็ต้องออกเองครับ สันนิษฐานเบื้องต้นจากช่างคาดว่าปั๊มติ๊กน่าจะเสียครับ
ทิ้งไว้ 2-3 วันช่างแจ้งว่าลองเปลี่ยนปั๊มติ๊กดูแล้วไปทดสอบขับดูแต่ไม่หาย ไม่น่าจะใช่ที่ปั๊มติ๊ก แล้วสุดท้ายก็โทรมาบอกว่าสรุปเสียที่ปั๊มติ๊กเพราะลองเบิกปั๊มติ๊กตัวใหม่มาเปลี่ยนแล้วใช้งานได้ แต่เจอปัญหาอื่นเพิ่มคือชุดคลัชต์มีปัญหา จะขอเปลี่ยนชุดคลัชต์ไปด้วยเลย ผมก็โอเคช่วงนั้นไม่ได้รีบใช้รถ ก็ให้เค้าทำไปครับ
เมื่อวานนี้ช่างโทรมาแจ้งว่ารถเสร็จแล้ว มีค่าใช่จ่ายประมาณ 11,000 กว่าบาท เป็นค่าปั๊มติ๊ก 7,755 บาท (ไม่รวมภาษี) ที่เหลือเป็นค่าช่างกับค่าเช็คระยะ 60,000 กิโล
ลองได้คุยกับหลายๆคน ก็มีแต่คนบอกว่ารถอายุเท่านี้ ใช้งานน้อยขนาดนี้ ปั๊มติ๊กไม่น่าจะเสียได้ ผมเองก็งงเหมือนกันครับ พยายามหาคำตอบสอบถามจากทั้งทางช่างและฟอร์ดประเทศไทยก็ไม่ได้รับคำตอบ เพราะถ้าผมเป็นคนใช้รถลุยๆ สมบุกสมบันไม่ดูแลรักษานี่ก็ยังพอรับได้ แต่ผมเป็นคนที่ใช้รถถนอมมาก ไม่เคยชนมาด้วย อยู่ๆก็ต้องมาเสียเงินแบบนี้ ก็สตั๊นไปเหมือนกันครับ ทำงานหาเงินมาได้ซ่อมรถหมด
ติดต่อทางศูนย์ฟอร์ดประเทศไทยไปก็มีเจ้าหน้าที่รับเรื่องแล้วบอกจะติดต่อกลับแล้วก็เงียบหายไป ตามไปครั้งนึงแล้วก็ยังไม่มีใครติดต่อมาครับ
มาถึงวันนี้รู้สึกผิดหวังกับรถยนต์ฟอร์ดมากๆครับ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้คงไม่ซื้อยี่ห้อนี้ คนรอบข้างที่เค้าขับยี่ห้ออื่นไม่เห็นมีใครมีปัญหาเลยครับ
เพื่อนๆพี่ๆมีความเห็นอย่างไรกับกรณีนี้บ้างครับ หรือผมควรทำอย่างไรบ้างครับ
ขอบคุณครับ