เชียงใหม่ เราโดนทิ้งมา.. พาไปเที่ยวหน่อยยยย~

[กระทู้นี้ ไม่ใช่สั้นๆนะคะ]


22-25 พฤจิกายน 2015
4วัน3คืน /3ดอย ณ. เชียงใหม่
เชียงดาว(บ้านสายหมอก) - ดอยอ่างขาง - ดอยอินทนนท์
กับ แว๊นเกิลใจดี และ สก๊อยเกิลชีวิตหม่น 5555
*** เผื่อใครอยากแว๊นขึ้นดอย ไม่อยากเหมารถ มาฟังทางนี้

เรื่องมีอยู่ว่า...


'เมิงงง.. เฮิร์ทว่ะ จะไปเที่ยวเชียงดาวคนเดียวนะ จองตั๋วกะที่พักไปละ'
"อ่าวเฮ่ย ไปคนเดียวหรอ ไปด้วยดิ่!  เดี๋ยวจองตั๋วตามไป"
'จริงหรอ? ดีใจอ่ะ ละเจอกันเมิงงงง~'


เราบินมาเชียงใหม่ตั้งแต่คืนวันที่18ค่ะ มาพักที่บ้านเพื่อนคนหนึ่งที่ตัวเมืองเชียงใหม่
แต่เพื่อนทำงานไปเที่ยวดอยด้วยไม่ได้ เราก็อยู่เที่ยวในตัวเมือง หาไรกินเรื่อยเปื่อย
ระหว่างรอเพื่อนบินตามมา ช่วงนี้ไม่มีอะไรมากนอกจากกิน

เพราะ แพลนเดียวที่ตั้งใจไว้คือ เชียงดาว 'บ้านสายหมอก' ส่วนที่เหลืออย่างอื่นค่อยว่ากัน
เราจองเต้นท์ได้คืนวันที่22 ค่ะ ที่นี่คิวแน่นมากก! ต้องจองล่วงหน้านานมาก!

---------------


วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน 2015

และแล้วก็มาถึง...
--------------

เพื่อนบินตามมา นัดเจอกันตอนเช้า9โมง สถานีขนส่งช้างเผือก เราซื้อตั๋วรถเมล์รอ
ศึกษาเส้นทาง และเที่ยวรถ หรือจะเป็นเบอร์ติดต่อลุงคนขับรถขึ้นไปข้างบนหมู่บ้าน
เราก็เตรียมพร้อม ตามหาข้อมูลจากในกระทู้พันทิปนี่แหละค่ะ

แต่พอมาถึงเจอหน้าเพื่อน. เพื่อนพูดคำแรก
"ไปถึงเชียงดาว อยากเช่ามอไซอ่ะ เช่าแล้วขับขึ้นไปได้ป่ะ?"
'ขับได้แน่นะ!?'  ไม่วางใจสุดๆ!
"เออ เชื่อกุ กุว่ากุขับได้" เอออ! เชื่อก็ได้ว๊าาา

แล้วเราก็ตกลงเช่ามอเตอร์ไซค่ะ รถเกียร์  1วัน 300บาท มัดจำ2,000บาท
ร้านอยู่ข้างๆโลตัสเชียงดาว  เป็นร้านขายกาแฟสดค่ะ ตรงแถวๆบริเวณที่รถเมล์จอดให้ลงนั่นแหละ
ก่อนขึ้นไปก็ไม่ลืมแวะกินข้าวขาหมูก่อนนะ เดี๋ยวเค้าจะหาว่ามาไม่ถึง อ.เชียงดาว


ขับรถออกจากตัวเมืองเชียงดาวมาไม่นาน แวะวัดโน้นวัดนี้
จนมาถึง ด่านแรกที่ต้องผ่าน คือ ทางเข้าอุทยานค่ะ ค่าเข้าคนละ20บาท
วันนั้นโชคดีเจอฝูงผีเสื้ออยู่ตรงด่าน เลยลงจากรถย่องไปแชะภาพ



ว่ากันด้วยเรื่องของถนน :: คนที่คิดจะขับมอเตอร์ไซขึ้นไปข้างบน
โดยรวมส่วนใหญ่ถนนก็ดีค่ะ แต่ก็มีหลายๆช่วง ที่ขรุขระบ้าง  ทางชันมีเยอะ โค้งหักศอกมีบ้าง
ในฐานะคนซ้อน ที่กลัวการซ้อนมอไซพอสมควร ถือว่ารับได้ค่ะ  เส้นทางไม่ได้น่ากลัวมาก
ที่สำคัญ อย่าขับเร็วและอย่าประมาท. เจอโค้งหักศอกควรบีบแตรเตือนรถที่อาจจะสวนมาด้วยค่ะ เพื่อความปลอดภัย**
ระหว่างทางไอเย็นๆจากต้นไม้ในป่า คือดีงาม! คิดไม่ผิดนะ ที่ยอมให้เพื่อนเช่ามอเตอร์ไซขึ้นมาแบบนี้

และในที่สุดก็มาถึงที่พัก 'บ้านสายหมอก' เราเลือกนอนเต้นท์ตรงระเบียงชั้นล่าง
ก่อนพระอาทิตย์จะตก เดินจากบ้านสายหมอก ไปสร้างแลนด์มาร์ค นั่งกินน้ำที่ 'บ้านระเบียงดาว'
ภูเขาข้างหน้านี่มัน คือ สวิสฯรึเปล่าเนี่ย?! 55555
นั่งซักพักไม่ถึงชั่วโมง ก็เดินกลับมาที่พักของตัวเอง นั่งรอดูพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าอยู่ที่หน้าเต้นท์



ณ. บ้านสายหมอก วิวคือดี อากาศคือดี อาหารเย็นก็ดี อร่อยเติมได้ไม่อั้น  
สัญญานมือถือก็ขึ้น3G แถมเฟสไทม์หาเพื่อนก็ได้ด้วยนะ! มีอะไรไม่ดีมั่ง! พูด!!!!

แล้วช่วงดึกๆนี่ก็ถือเป็นจุดพีค! ของคนโสดชัดๆ!!
ดาวเต็มฟ้า! ดาวเต็มฟ้า! ดาวเต็มฟ้า! ดาวเต็มฟ้า!
เราลากถุงนอน ออกมานอนมองดาวอยู่หน้าเต้นท์
อยากนอนมองฟ้า มองไปมองมา น้ำตาจะไหลซะงั้น! -..-
ไม่รู้เพราะหนาว หรือ เพราะคิดถึง  ณ.ตอนนั้นโคตรพีค!!
แล้วจู่ๆ ก็มองเห็นดาวตกลงมาแว๊บบบ!  คือ แค่เสี้ยววินาที แต่เรานี่แทบกรี๊ดดด
จากที่ดราม่าอยู่ อารมณ์เปลี่ยนทันที! 555
ดีใจมากกก เห็นชัดมาก ไม่คิดว่าจู่ๆจะได้เห็นดาวตกเลย >.<  ฟินค่ะ! ฟินนน!

อะไรที่คิดฟุ้งซ่านอยู่ ลืมไปหมดเลย!! 55

ปล. อยากถ่ายรูปดาวบนฟ้าใจจะขาด แต่ถ่ายไม่เป็นค่ะ ลองแล้วถ่ายไม่ได้ เสียใจ! T.T
บางสถานะการณ์ เราก็ทำได้แค่เก็บภาพดีๆไว้ในความทรงจำเท่านั้นจริงๆ



--------------------

วันจันทร์ที่23 พฤศจิกายน 2015

ไปไหนต่อดี?
--------------------

ตื่นเช้าขึ้นมาดูหมอก ทานข้าว แล้วถามเพื่อนว่า
วันนี้เราจะไปไหนกันดี? ....  จะนั่งรถกลับเข้าเมืองเลยจริงหรอ?  

แล้วคำตอบที่ได้คือ  ไปดอยอ่างขางกันมะ?! , เออ ไปดิ่ รออะไร!

ทางไปอ่างขาง ใช้เส้นทางเดียวกับ อ.ฝาง ค่ะ
เราลงมาคืนมอเตอร์ไซตอน10โมงเช้า แล้วเลือกต่อรถสองแถวจากหน้าร้านเช่ารถนั่นแหละค่ะ

เลือกขึ้นรถสองแถว หรือ รถเมล์ ที่มีปลายทางไป อ.ฝาง และแวะลงกลางทางที่ อ.ไชยปราการ ปากทางขึ้นดอยอ่างขาง
(ควรถามคนขับอีกทีเพื่อความมั่นใจนะคะ ขึ้นผิดนี่ยุ่ง!)
ระยะเวลาเดินทางจากเชียงดาว-อ.ไชยปราการ เกือบ2ชั่วโมงค่ะ ราคาค่ารถ2คน ไม่เกิน 80 บาท

พอมาถึงปากทางจะมีรถสองแถวให้เหมาขึ้นดอย ราคา 1,000+ ทั้งนั้น (สำหรับ2คนหารกันนี่มันแพงนะ!!)
ถามหาร้านเช่ามอเตอร์ไซแถวนั้นก็ไม่มี  เราสองคนตัดสินใจ โบกรถค่ะ!  
นี่คือการโบกรถครั้งแรกของเรา ไม่มีใครจอดเลย
ยืนโบกยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็มีคุณลุงคนนึงขับมอเตอร์ไซมา แล้วถามว่า
'หนูจะไปไหนกัน'
'ขี่รถเป็นมั้ยล่ะ?'
'ถ้าไม่ได้ขึ้นดอยไปค้างคืน ลุงให้เช่า200 บาท'

โอ้โหวววววว!! คุณลุงคือโชคดีของหนู! ถึงจะเป็นรถเกียร์ มีอายุเยอะ. ก็ไม่เป็นไร ลุงบอกไว้ว่าขึ้นดอยสบายมาก
เรารีบจ่ายเงินแล้วให้บัตรประชาชนกับลุงไว้เพื่อความสบายใจทั้งสองฝ่าย
นัดกับลุงไว้ว่า จะเอารถมาส่งคืนก่อน5โมงเย็น เพราะต้องนั่งรถกลับเชียงใหม่รอบ 17.30น.



ว่ากันด้วยเรื่องของถนน :: ถนนขึ้นดอยดีนะ ไม่แคบเหมือนเชียงดาว และแทบไม่มีช่วงขรุขระเหมือนเชียงดาวเลย
แต่ความน่ากลัวนี่ต้องยกให้! ถ้าจะหักศอกแล้ว หักศอกอีกขนาดนี้! แล้วไหนจะชันอีก! รักจะขับมอไซขึ้นดอย ใจต้องนิ่ง! 555
เราจะควักมือถือมาถ่ายถนน ยังมือสั่นเลย รีบถ่ายรีบเก็บ แล้วก็นะ! คิดในใจ 'หาแฟนคราวหน้า ขอซ้อนบิ๊คไบค์แฟนดีก่าาา'

แล้วในที่สุดก็มาถึงสถานีเกษตรอย่างปลอดภัย
**ระหว่างทางควรใช้ความระมัดระวัง อย่าประมาทค่ะ สำหรับเรา เรากลัวค่ะ บอกเลย!
พวกเราใช้เวลาขับรถขึ้นดอยประมาน1ชั่วโมง - ลงดอยประมาน 45นาที โดยประมาน
ค่าเข้าสถานีเกษตรฯคนละ 40บาท




ขากลับลงมา ไม่ลืมแวะสวนทานตะวันของชาวบ้านข้างล่าง ทานตะวันน่ารักๆเต็มไปหมด
คืนรถให้ลุง ตรงเวลา 17.00น.  แล้วเดินข้ามถนน ไป รอรถกลับเข้าตัวเมืองเชียงใหม่
คืนวันนั้นกลับถึงตัวเมืองเชียงใหม่ เข้าบ้านเพื่อน อาบน้ำ หัวถึงหมอนหลับเป็นตาย

แต่ก่อนนอนก็ไม่ลืมตั้งคำถามกันว่า...

'พรุ่งนี้เราจะไปไหนดี?'
แล้วเราก็ได้คำตอบ "ไปดอยอินทนนท์ดีกว่า"
ก็..นั่นแหละฮะ! ท่านผู้ชม Next station Doi INTHANON

6โมงเช้าล้อต้องหมุน
(ยืมรถฟีโน่สีชุมพูมุ้งมิ้งของเพื่อนไป คิดเอาไว้ว่าเอาน่าา! ต้องขึ้นไหว!)




-----------------------

- เช้าวันอังคาร ที่ 24 พฤจิกายน 2015


วันสุดท้าย

---------------------

ใส่เสื้อคนละสองสามชั้น  แว๊นออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปตามเส้นหางดง
และใช้เส้น108 ทางไปไม่ยากค่ะ  ไปตามป้าย! 5555
ขับง่ายๆเลย 1ชั่วโมงจากตัวเมืองถึงเขตอุทยาน  จ่ายค่าเข้ารวมรถมอเตอร์ไซแล้ว 70 บาท



จุดพีคของเราที่นี่คือ!! รถเราน้ำมันจะหมดค่ะ! ก่อนออกเดินทางเติมมาเต็มถัง
แต่ฟีโน่ไม่เป็นใจ ขับเพลินๆ เข้าเขตอุทยานมาจนด่านที่2
ก้มดูอีกที เหลืออยู่ขีดเดียว แล้วยิ่งทางชัน ฟีโน่เราแทบจะตายยย
ตัวเราก็หนัก โถ่วว สงสารตัวเองT.T สุดท้ายเราต้องลงเดินค่ะ
โดยให้เพื่อนเราขับไปจอดรอที่พระธาตุก่อน ....
'ทำถูกแล้ว...ที่เทอเลือกเขา และทิ้งฉันไว้ตรงกลางทาง'  T.T

ยังดีที่จากตรงปลายทางสุดโค้ง ที่เราลงเดินขึ้นมานั้น ไม่ไกลจากพระธาตุเท่าไหร่
(นี่ขนาดไม่ไกล! กรอกตามองบน...ค่าเข้าชมพระธาตุคนละ40บาท)
เราแวะพักเหนื่อยและจอดรถไว้ตรงนั้นเพราะน้ำมันไม่พอจะขับขึ้นไปแล้วแหละต้องเซฟไว้เผื่อขาลง
อีกอย่าง รถก็เหมือนจะขึ้นไม่ไหวค่ะ T.T

เราสองคนโบกรถต่อขึ้นไปบนยอดดอย ที่อยู่ห่างไปอีกประมาน5โล มีแต่คนจอดให้ค่ะ ทุกคนใจดี ^^
และในที่สุดก็มาถึงจุดสูงสุดแดนสยาม!!  เวลาตอนนั้น 10โมงกว่าๆ อากาศประมาน 15องศา
ดื่มช้อคโกแลตร้อน สร้างแลนด์มาร์ก แล้วเริ่มเดินอีกรอบ.

ว่ากันเรื่องเส้นทางขึ้นดอย :: ถนนขับง่ายกว่าอ่างขางพอสมควร แต่เส้นทางเป็นทางชัน ชันจริงๆนะ
รถต้องกำลังดี  อย่าเป็นแบบรถเราเลยยย   แต่โดยรวมถือว่าโอเคค่ะไม่น่ากลัวเลย แต่ย้ำค่ะ รถต้องกำลังดี 555555



เส้นทางศึกษาธรรมชาติ อ่างกาหลวง (เข้าชมฟรี)
และ เส้นทางศึกษาธรรมชาติ กิ่วแม่ปาน เสียค่าไกด์นำทางกรุ๊ปละ 200บาทค่ะ
เราไปกันสองคน ก็จ่าย200บาทเช่นกัน ใช้เวลาเดินเท้าราวๆ3ชั่วโมง  เดินรอบเขา1ลูก

พวกเราใช้เวลาเดินตั้งแต่ 11.15น.-13.25น.

เสียใจหนักมาก!! ตรงที่เดินไปจนถึงจุดชมวิว แล้วฟ้าไม่เปิดเลย หมอกมาจากไหนกันก็ไม่รู้
จู่ๆก็ลงหนาตึบ!   ฟ้าหม่นหมองอย่างกับชีวิตเราซะงั้น!
ขนาดฟ้ายังไม่เป็นใจ ก็ไม่รู้สิ่นะ! T.T  แต่ถามว่าสวยมั้ยก็สวยดี. สวยแบบหม่นๆแหละ.



เราลงจากดอยกลับถึงตัวเมืองเชียงใหม่ 16.30 น. กลับมานอนพักเหนื่อย
ตกดึก 4ทุ่ม ขับรถออกไปลอยกระทงที่ริมปิงกัน ลอยสิ่งไม่ดีออกไป ลอยออกไปปป~

หลังจากที่ใช้ร่างกายอย่างหนักหน่วงจากการนั่งรถเที่ยว 3วัน3ดอย กับการเดินทางหม่นๆของเรา
เราตั้งใจมากกกก! ว่าก่อนกลับจะต้องกินอาหารดีๆซักมื้อ! เหนื่อยมาตั้ง3วันแล้ว
จะกินอะไรดี! จะกินอะไรดี!?


--------------------

วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน 2015

อาหารดีๆ ยิ้ม

----------------------


ร้านอะไรอ่ะ! คนจะกินต้องโทรมาสั่งอาหารล่วงหน้าด้วยอ่ะ อยากรู้ต้องลอง!  
ร้านนี้เคยมาออกบูธที่กรุงเทพค่ะ ที่งานบ้านและสวน เมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา
ไหนๆก็จะกลับแล้ว วันนี้ทั้งวันก็ว่าง กว่าจะบินกลับกทม.ก็ตั้งบ่าย3. โอเครรร! ไปกินที่นี่แหละ

GOOD FOOD GOOD SOUL  ( Cefe and restaurant )
พิกัดอยู่ตรง เส้นเลียบคันคลองชลฯ ซอยวัดร่ำเปิ่ง
เป็นร้านอาหารสไตล์ homemade ค่ะ   เส้นพาสต้าทำเอง  อุด้งเส้นสดร้านนี้ก็ทำเอง
แล้วเค้ามีworkshop ทำขนมปังจากยีสต์ธรรมชาติ และอื่นๆด้วยค่ะ  แต่เราไม่มีเวลาพอ เพราะกว่าจะตื่นมาร้านก็ เกือบ11โมงแล้ว


เรากับเพื่อสั่งอาหารไว้ 3 อย่างค่ะ

Pasta pesto
Pasta local spicy sauce  (พาสต้าน้ำพริกอ่องค่ะ)
Hamburg stake with grill potato
Kombucha (เป็นน้ำหมักค่ะ ตอนเราไป เขาหมักจากดอกอัญชัญ อร่อยต้องลอง! เห็นเขาบอกว่า มีประโยชน์ด้วยนะคะ)



พออาหารมาเสิร์ฟ ก็ลงมือเลย! คือ เฮ้ยยย อร่อยมากกกกค่ะ ทุกเมนูที่สั่งเลย!
โดยเฉพาะ Hamburg stake ซอสปรุงเองสูตรเฉพาะของร้าน แล้วสเต๊กก็นุ่มพอดี
ตอนมาเสิร์ฟแล้วเราได้กินมันฝรั่งย่างเข้าไปคำแรก เราขอสั่งเพิ่มต่างหากเลยค่ะ 555 คือเค้าย่างอร่อยอ่ะ
มันฝรั่งย่างกรอบนอก หอมเนย เสริฟคู่กับซอสเฉพาะของเคัานะ. ยิ่งฟิน!  อาหารให้เยอะตามราคาค่ะ กินสองคนนี่อิ่มกางเกงแน่นเลย



บรรยากาศร้านก็ดีค่ะ เย็นๆครึ้มๆ สงบดี ไม่วุ่นวาย อาจเพราะเขาให้จองล่วงหน้า คนเลยไม่จอแจ
ถ้าใครมาเชียงใหม่ลองมาโดนร้านนี้นะคะ  ร้านนี้เค้าวิถี SlowLife  5555555


----------

สุดท้ายนี้

ขอบคุณเพื่อนที่พาแว๊น แถมยังต้องมานั่งฟังเรื่องเดิมๆของเรา
ขอบคุณคุณลุงที่เอามอไซมาให้หนูเช่า และ รถทุกคันที่จอดรับเราค่ะ ^3
แล้วก็ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ ยิ้ม


Photo by :
-  FujiXA2 / kit16-50 , fujian35mm.
-  Iphone 6

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่