หัวใจตุ๊กตา ... (กระทู้เดียวจบ)

กระทู้สนทนา
รู้สึกผิดบาปมากที่เขียนเรื่องนี้ค้างเอาไว้นานมาก
จึงขอชดเชยความรู้สึกผิดโดยการปรับใหม่ ลงใหม ให้จบไปในกระทู้เดียว
ผิดพลาดประการใดข้ออภัย ณ ที่นี้



            

            หัวใจตุ๊กตา

            Psycho G.

            

            

            รุ่งอรุณ สาวร่างสันทัดตาคมมองดูนาฬิกาแขวนบนผนังห้องนอน บอกเวลาเที่ยงคืนพอดี แต่งานของบริษัทในความรับผิดชอบยังไม่เรียบร้อย เสียงเพลงจากลำโพงคอมพิวเตอร์เงียบหายไปแล้ว เพราะโปรแกรมเล่นเพลงครบทุกไฟล์ หญิงสาวสะบัดหน้าไล่ความมึนงง อยากเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นก่อนลุยงานคอมพิวเตอร์ต่อไป

            ยังไม่ทันจะลุกจากเก้าอี้ ก็ได้ยินเสียงแผ่วเบาเยือกเย็นหากชัดเจนราวกับกำลังกระซิบข้างหู

            “แม่.......แม่จ๋า”

            เสียงประหลาดฟังดูน่าสงสารและน่าขนลุก แต่มันดังมาจากไหนกัน หญิงสาวลืมเรื่องการเข้าห้องน้ำ เอี้ยวตัวมองรอบห้องอย่างสงสัยมากกว่าจะหวาดกลัว จะเป็นไฟล์เสียงคอมพิวเตอร์ทำงานก็ไม่ใช่ เพราะโปรแกรมเล่นเพลงสุดท้ายไปแล้ว ขณะกำลังนั่งสงสัย เสียงกระซิบแผ่วเบาเปลี่ยนเป็นเสียงสะอื้นไห้ชวนเวทนาครู่หนึ่งก่อนจะจางหายไป

            หญิงสาวขมวดคิ้วด้วยคำถามในใจมากกว่าความหวาดกลัว เด็กหญิงที่ไหนร้องหาแม่แถวนี้ จะว่าดังมาจากทางหน้าต่างก็ไม่ใช่เพราะหน้าต่างปิดสนิท

            ยังไม่ทันทำอะไรต่อไป พลันได้ยินเสียงเคลื่อนไหวบนชั้นวางของข้างผนัง หันไปมองก็พบว่าตุ๊กตาผมยาวในชุดถักสีฟ้าตัวหนึ่งร่วงลงมาจากชั้นวางกลิ้งอยู่พื้นห้อง สาวตาคมมองแล้วรู้สึกประหลาดใจเพราะจำไม่ได้ว่าตุ๊กตาตัวนี้ซื้อมาตอนไหน หรือว่าคนรักของเธอแอบเอามาวางไว้ให้ แต่นั่นไม่ใช่นิสัยของเขาของทนา

            หลังจากจ้องมองอย่างขบคิดพักหนึ่งก็เริ่มสังเกตเห็นแขนขาตุ๊กตาเคลื่อนไหวได้ทีละนิด ตอนแรกแทบมองไม่เห็น นาทีต่อมาการขยับไหวดูคล่องตัวมากขึ้น จนกลายเป็นลุกขึ้นยืนหันหน้ามามองด้วยท่าทางเหมือนหุ่นชักไย

            “แม่จ๋า.......”

            ใบหน้าเล็กๆ ดูชัดเจนติดตา รุ่งอรุณจำไม่ได้ว่าเคยเห็นตุ๊กตาตัวนี้จากไหนมาก่อน เพียงแต่รู้สึกคุ้นในความรู้สึก ความตกใจแปลกใจทำให้จ้องมองอย่างปากอ้าตาค้าง

            “หนูอยากกลับมาหาแม่...”

            ชัดเลย.....เสียงเรียกลึกลับดังมาจากตุ๊กตาตัวน้อยนี่เอง ความเย็นยะเยือกเริ่มกระโดดเกาะกุมความรู้สึก เมื่อเริ่มคิดว่ากำลังโดนผีหลอก ขณะกำลังตะลึง ภาพปรากฏต่อหน้ายิ่งทำให้อาการหนักมากขึ้นอีก ตุ๊กตาค่อยขยายใหญ่มากขึ้นทุกทีจนสูงเท่ากับมนุษย์ปกติธรรมดา ใบหน้าขาวจัดและดวงตากลมโตหันมาจ้องมองอย่างเศร้าสร้อย

            “รู้ไหมคะว่าหนูเจออะไรบ้างคะคุณแม่”

            ปากตุ๊กตาขยับไหว นัยน์ตากระพริบไปมาเหมือนจะร้องไห้ สิ่งที่ไหลออกมาไม่ใช่หยาดน้ำตา แต่เป็นของเหลวสีแดงไหลซึมทีละน้อยและมากขึ้นทุกทีจนทะลักออกทั้งจากปากและจมูกลงสู่พื้นห้องเจิ่งนองมองเห็นชัดเจนต่อหน้าต่อตา

            ต้องเป็นฝันร้าย.......หญิงสาวพยายามย้ำบอกตัวเอง ก็แค่ฝันร้ายเท่านั้น ไม่ต้องสติแตก ไม่ต้องกลัว แม้จะพยายามคิดปลอบใจตัวเองแต่ภาพที่ปรากฏก็ไม่ได้เลือนหายไป แถมยังมองเห็นตุ๊กตาก้าวเข้ามามือทั้งสองกางออกราวกับจะโอบกอด

            “ไปให้พ้น”

            หญิงสาวร้องสุดเสียง บังเอิญมือควานไปเจอหนังสือบนโต๊ะคอมพิวเตอร์จึงหยิบขึ้นมาแล้วเหวี่ยงออกไปเต็มแรง หนังสือคู่มือการใช้โปรแกรมเล่มหนากระทบใบหน้าของตุ๊กตาอย่างจัง จนหัวหลุดขาดออกจากตัวกระเด็นไปกระแทกผนังห้อง ก่อนลอยขึ้นไปกลางอากาศราวภาพสโลว์โมชันอย่างไม่น่าเป็นไปได้ หมุนสะบัดสาดหยดเลือดออกไปเป็นวงกว้าง ขณะร่างไร้หัวหงายหลังล้มฟาดลงบนพื้นห้องอันเต็มไปด้วยเลือด แขนขาฉีกขาดแตกกระจัดกระจายแยกย้ายกระเด็นไปคนละทิศละทางราวกับร่างกายเป็นปูนพลาสเตอร์

            ขณะปากอ้าตาค้างหัวของตุ๊กตาที่หมุนคว้างกลางอากาศก็หล่นลงมาบนตักพอดี เงยหน้าชุ่มเลือดขึ้นมอง นัยน์ตายังมีเลือดไหลทะลักไม่ขาดสาย ปากกระตุกสั่นขยับเสียงพูดปนอาการสำสักเลือดเป็นระยะ

            “แม่จ๋า....แม่จ๋า.......”

            “กรี๊ด.........”

            คราวนี้หญิงสาวกรีดร้องสุดเสียง ดังเสียจนได้ยินเสียงของตัวเองมาจากสถานที่ไกลแสนไกล......

            “รุ่ง คุณเป็นอะไรไป”

            เสียงทุ้มห้าวแทรกเข้ามาในความมืดมิดและการถูกเขย่าตัวไปมาหลายครั้งความรู้สึกกระจัดกระจายเริ่มจัดระบบระเบียบให้กับสมองตัวเองอีกครั้ง หญิงสาวหันไปมองรอบตัวอย่างไม่เข้าใจ ตัวยังสั่นระริกด้วยยังไม่คลายอาการขวัญผวา

            รุ่งอรุณพบว่าตัวเองนั่งหันหน้าเข้าหาจอมอนิเตอร์ที่ปิดหน้าจออัตโนมัติไปแล้ว คงเผลอฟุบหลับไปโดยไม่รู้ตัวและคนที่กำลังเขย่าบ่าปลุกความรู้สึกก็เป็นทิวาหนุ่มคนรักของเธอนั่นเอง เขาคงตกใจกับเสียงร้องอันกึกก้องจากฝันร้ายจนต้องลุกจากเตียงนอนรีบมาดูด้วยความตกใจ

            “ทิวบอกแล้วใช่ไหมว่า ให้พักผ่อนบ้าง รุ่งคงเผลอหลับกลางอากาศแล้ว ฝันร้ายล่ะสิถ้า”

            น้ำเสียงของชายหนุ่มมีแววตำหนิต่อว่าแบบห่วงไย หญิงสาวฝืนยิ้มหลังจากได้สติ หันไปมองรอบห้องอย่างหวาดระแวงก่อนค่อยโล่งใจเมื่อพบว่าในห้องเป็นปกติ ไม่มีซากตุ๊กตาอันน่ากลัวและเลือดนองพื้น

            “รุ่งฝันร้ายไปจริงๆ ค่ะ..ฝันร้ายน่ากลัวมากด้วย”

            “คงเป็นเพราะความรู้สึกผิดของคุณเกี่ยวกับตุ๊กตา เลยเก็บมาฝันร้ายถึงพวกมัน”

            “ก็เป็นไปได้ค่ะ....แต่มันคงมีความสุขไปแล้วกับบ้านใหม่ ชีวิตใหม่แล้ว “

            “รุ่ง..คุณรู้ได้ยังไง” น้ำเสียงแปลกขัดหูของทิวาทำให้หญิงสาวหันไปมองคนรักอย่างแปลกใจ ใบหน้าของเขาสงบนิ่งและพูดด้วยเสียงราบเรียบต่อไปว่า

            “รู้ได้ยังไงว่าตุ๊กตาพวกนั้นไปพบสิ่งที่ดีกว่า”

            “แต่เอ๊ะ...ทิว....คุณรู้ยังไงคะว่ารุ่งฝันเรื่องอะไร รุ่งยังไม่ได้เล่าให้คุณฟังเลยนะ”

            “ทำไมผมจะไม่รู้” มือซึ่งยังคงจับบ่าของหญิงสาวกระชับแน่นขึ้น น้ำเสียงของเขาฟังดูเคร่งเครียดน่ากลัว

            “ทำไมผมจะไม่รู้....รุ่ง ผมมีความลับบางอย่างจะบอกคุณ”

            “อะไรคะทิว”

            “ผมไม่ใช่คน ผมเป็นตุ๊กตา”

            “คุณจะบ้า.....”

            หญิงสาวตวาดลั่น คนเพิ่งตื่นจากฝันร้ายยังมีหน้ามาพูดเล่นอีก ความฉุนเฉียวทำให้ยกมือปัดแขนของชายหนุ่มที่จับบริเวณบ่าออกโดยแรงอย่างขัดใจ อ้าปากจะต่อว่าแต่ก็ต้องชะงักค้าง

            มือของทิวาหลุดออกจากบ่าของเธอได้อย่างง่ายดายแบบเหนือความคาดหมาย และน่ากลัวกว่านั้นคือแขนของเขาหลุดลอยกระเด็นตามแรงปัดเหมือนไร้น้ำหนัก  ร่างซวนเซถอยหลังออกไป บริเวณหัวไหล่มีปุยคล้ายนุ่นขาวฟุ้งกระจายออกมาปลิวว่อนไปทั่วห้อง

            “คุณทำแขนของผมขาด...คุณใจร้าย ทำไมทำกับผมแบบนี้”

            ชายหนุ่มพูดด้วยสีหน้าขาวซีดไม่เหมือนใบหน้ามนุษย์เลยสักนิด เหตุการณ์สยองกะทันหันทำให้หญิงสาวขวัญกระเจิงอีกครั้ง ความตกใจสุดขีดทำให้ลุกขึ้นแล้วใช้เท้าถีบออกไปเต็มแรง

            ร่างของทิวาดูบอบบางและอ่อนแอเหลือเชื่อราวตุ๊กตาไม่มีผิด ลูกถีบแห่งความตกใจส่งให้เขากระเด็นไปปะทะผนังห้องด้านหลังอย่างแรงลำตัวฉีกขาดเหมือนตุ๊กตาเก่าๆผุพังจวนย่อยสลายกระจัดกระจาย ชิ้นส่วนบนพื้นขยับไหวไปมาเหมือนมีชีวิต

            “รุ่ง..คุณทำกับผมแบบนี้ทำไม”

            ศีรษะที่ขาดจากร่างขยับไหวอยู่บนพื้น พยายามเคลื่อนไหวแต่เป็นไปด้วยความยากลำบาก ศีรษะของทิวาจึงได้แต่หมุนไปมาอยู่บนพื้นอย่างสยดสยอง

            แบบนี้อยู่ไม่ได้แล้ว....หญิงสาวหันหลังกลับจะเปิดประตูเผ่นออกนอกห้อง แต่พอหันหลังไปก็ตัวเย็นเฉียบขนลุกไปทั้งตัว เพราะหน้าประตูห้องมีตุ๊กตาผู้หญิงรูปร่างหน้าตาไม่ต่างจากฝันร้ายเลยสักนิดยืนขวางด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

            “แม่จ๋า......จะไปไหนคะแม่”

            เสียงคุ้นหูในความฝันกลับมาอีกครั้ง ปากจิ้มลิ้มขยับไหว มือยกขึ้นมาอย่างแช่มช้า หญิงสาวไม่คิดหาเหตุผลอะไรให้มากมายเพราะความกลัวความตกใจปะทุล้นขีดจำกัดเสียแล้ว จะผีจะตุ๊กตาหรือจะอะไรก็ตามไม่สนใจทั้งนั้น พุ่งตัวเข้าหาใช้มือผลักร่างตรงหน้าเต็มแรง

            แต่คราวนี้ไม่ง่ายเหมือนในฝัน เพราะตุ๊กตาสาวไม่ได้กระดอนกระเด็นไปตามแรงกระแทก เธอมีรูปร่างน้ำหนักเหมือนคนปกติธรรมดาทั่วไป เพียงผงะหงายหลังพิงบานประตูแล้วใช้แขนทรงพลังเกินกว่าจะคาดคิดจับแขนทั้งสองของคนผลักไว้แน่น

            “แม่จ๋า........อย่าทำแบบนี้”

            เสียงอ่อนหวานเยือกเย็นดังแว่วในหู รุ่งอรุณใจหายวาบ พยายามดึงแขนทั้งสองให้พ้นจากการเกาะกุม มือของตุ๊กตาไม่ได้เย็นเฉียบแต่อบอุ่นราวมือของมนุษย์

            “หนูอยากกอดแม่เท่านั้น..หนูรักหนูคิดถึงแม่”

            ไม่ต้องมารักมาคิดถึง แบบนี้ไม่เอาด้วยแล้ว หญิงสาวดิ้นรนสุดชีวิตจนหงายหลังล้มฟาดลงไปบนพื้นและพยายามใช้แขนยันตัวเองให้ลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แต่รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง และอะไรบางอย่างที่ว่าอยู่ในมือของตุ๊กตาสาว เป็นแขนทั้งสองของรุ่งอรุณ แขนทั้งสองข้างของเธอขาดออกจากตัวเสียแล้ว

            หญิงสาวนอนตัวแข็งทื่ออย่างตกใจและไม่เข้าใจสุดขีด ทำไมแขนสองข้างถึงหลุดออกจากร่างง่ายดายแบบนี้ ไม่เจ็บไม่ปวด ไม่มีเลือดไหลออกมาราวกับเธอไม่ใช่คนอีกต่อไป

            เสียงเคลื่อนไหวกุกกักอยู่ข้างหู หันไปมองแล้วใจหายวูบ ศีรษะของทิวากลิ้งมาอยู่ด้านข้างเอียงหน้าหันมามองด้วยสีหน้าราบเรียบไร้แววของความมีชีวิตแต่ยังขยับปากส่งเสียงได้ว่า

            “รุ่ง...ผมมีบางอย่างจะบอกคุณ”

            ความหวาดกลัวทำให้หญิงสาวพยายามขยับร่างกายหนีสุดชีวิตถอยไปติดผนัง แต่ศีรษะของทิวายังกลิ้งตามติดมาอิงแอบแนบชิด และกระซิบต่อไป

            “ผมอยากจะบอกคุณว่า.....คุณก็เป็นตุ๊กตาตัวหนึ่ง”

            “ไม่จริง..........”

            แล้วโลกพลันพลิกคว่ำหมุนคว้างพร้อมเสียงกรีดร้อง คราวนี้ไม่ใช่เสียงกรีดร้องของตัวเอง แต่เป็นเสียงดังมาจากลำโพงคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นเสียงอะไรก็ตามมันทำให้เธอผวาขึ้นมาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยอาการเหงื่อชุ่มกายทั้งที่อากาศในห้องเย็นฉ่ำเพราะเครื่องปรับอากาศ

            หญิงสาวข่มใจ ตั้งสติให้มั่นคง มองไปรอบห้อง ทุกอย่างยังเป็นปกติ ไม่มีชิ้นส่วนของตุ๊กตาไม่มีร่างของตุ๊กตาสาว และไม่มีร่างของคนรักอยู่ในห้อง

            หันไปดูนาฬิกาบนผนัง เข็มของนาฬิกาหยุดนิ่งเวลาเที่ยงคืนตรงเป๊ะ  ถ่านคงหมด ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ค่อยหาทางเปลี่ยนถ่าน

            ถ้าอย่างนั้นเรื่องทั้งหมดก็เป็นเพียงฝันร้าย แต่ถ้าเป็นความฝันทำไมถึงชัดเจนเหลือเกิน ปกติคนเราเมื่อตื่นจากความฝันไม่นานภาพความฝันจะเลือนรางจางหายไป แต่เหตุการณ์สยดสยองเมื่อครู่ยังประทับปักหลักเด่นในความรู้สึกราวกับเป็นความทรงจำที่มาจากความเป็นจริง

            เธอเริ่มนึกได้แล้ว ทิวาบอกว่าคืนนี้กลับบ้านดึก เขาจะไปหาซื้อตุ๊กตาให้เธอตามที่สัญญากันไว้ จากนั้นแวะร้านอาหารกับเพื่อนฝูงเมากลับมาตามเคย เธอคิดในใจ

            

            ตอนนี้ชั้นวางตุ๊กตาข้างผนังว่างเปล่า เพราะหลายวันก่อนเธอก็เกิดอยากปรับเปลี่ยนสภาพของห้องนอนกะทันหันโดยไม่มีเหตุผล  ปกติจะสะสมตุ๊กตาไว้มากมายเต็มชั้นวาง แต่เมื่อเกิดเบื่อขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ เลยนั่งแยกตุ๊กตาออกเป็นสองกลุ่ม ตัวไหนเก่าคร่ำคร่าเกินไปก็รวบรวมใส่ถุงทิ้งในถุงขยะหน้าบ้าน ตัวไหนสวยดีมีราคาก็แยกเอาไปฝากเพื่อนขายเป็นตุ๊กตามือสองในราคาถูกมากจนขายหมดเกลี้ยงไปในวันเดียว

            หลังจากนั้นไม่นาน ความรู้สึกผิดบางอย่างพลันปะทุขึ้นมาในใจ เริ่มคิดถึงบรรดาตุ๊กตาขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ ทำให้เธอต้องรบเร้าให้ทิวาไปซื้อตุ๊กตาตัวใหม่มาให้ เพื่อลบภาพตุ๊กตาตัวเก่าซึ่งกลายเป็นอดีต มองชั้นวางตุ๊กตาพลันรู้สึกใจหาย ตุ๊กตาจะเป็นอย่างไร ส่วนที่ถูกซื้อไปคงได้อยู่กับเจ้าของใหม่อย่างมีความสุข แต่พวกถูกทิ้งถังขยะคงย่อยสลายสูญหายไปตลอดกาล ทุกอย่างเป็นอนิจจัง อนัตตา งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกราหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามกระแสสายธารแห่งกาลเวลา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่