[CR] แบ็คแพ็คเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก! โอซาก้า-ฮิเมจิ-โกเบ-เกียวโต อยากเที่ยวไหนก็ไปให้หมด :)


สวัสดีครับทุกท่าน ขอขอบคุณที่เข้ามาให้ความสนใจกับกระทู้รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกของผมนะครับ ขอออกตัวนิดนึงว่าไม่เคยเขียนรีวิวเชิงท่องเที่ยวลง Pantip มาก่อนเลย แต่ปกติจะเป็นนักเขียนฟรีแลนซ์พวกแนะนำที่เที่ยวและคอนเทนต์ต่างๆ  เข้าใจว่าอารมณ์เขียนเพื่อขายกับเขียนบอกเล่าประสบการณ์แบบนี้คงไม่เหมือนกัน อย่างไรถ้ามีอะไรผิดพลาดรบกวนแนะนำติชมได้เลยนะครับผม ^_^

จริงๆ ใน Pantip ก็มีกระทู้รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นอยู่มากมาย ซึ่งก่อนผมจะไปเที่ยวก็ได้อ่านและศึกษาการเที่ยวจากเจ้าของกระทู้ต่างๆ ที่นำมาบอกเล่าสู่กันฟังนี่แหละครับ มีทั้งแบบประหยัด แบบกิน แบบเที่ยว หรือถ่ายรูปงามๆ มาให้ชม ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้นักท่องเที่ยวหน้าใหม่อย่างผมได้ดีทีเดียว (ขอขอบคุณมากครับ) เมื่อผมได้ไปมาแล้วผมก็เลยอยากจะบอกเล่าประสบการณ์เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกของตนเองให้แก่คนอื่นๆ ได้อ่านบ้าง ดังนั้นรีวิวนี้จะพูดถึงสิ่งที่ผมได้เที่ยวมาตลอด 5 วัน 5 คืนในเขต “คันไซ” ของญี่ปุ่น ซึ่งไปกัน 2 คนกับแฟนครับ ถามว่าเป็นทริปประหยัดไหม? ก็ไม่เชิง ทริปกินไหม? ก็ไม่ใช่ เอาเป็นว่าทริปนี้อยากไปไหน อยากกินอะไร อยากลองสิ่งใด ผมจัดเต็มหมด! ...ร่ายมายาวพอสมควรแล้ว เริ่มเลยดีกว่า

ตั๋วเครื่องบินและที่พัก
1. ตั๋วเครื่องบินเป็นสิ่งแรกที่กำหนดชะตาในเรื่องวันเที่ยวของเราเลยล่ะครับ โดยทริปนี้ผมได้ซื้อตั๋วโปรโมชั่นช่วงลดราคาของ AirAsia X เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้ราคาไป-กลับ กรุงเทพฯ-โอซาก้า คนละ 7,551 บาทรวมภาษีสนามบินแล้ว (โปร 2,990 บาทที่เขาชอบจัดมาหลอกขาเที่ยวให้เสียเงินนั่นแหละ ฮาๆ) โดยได้ข่าวมาจากเพจ Ar-pae.com เลยทำให้จองตั๋วนี้ได้ครับ -3-

…แต่นั่นยังไม่รวมออฟชั่นเสริมที่ผมซื้อเพิ่มซึ่งอาจไม่จำเป็นสำหรับคนอื่นก็ได้ครับ ทั้งอาหาร + ขนมทุกเที่ยวบิน, เลือกที่นั่งก่อน, ประกันอุบัติเหตุ, กระเป๋าเช็คอิน 20 KG. ขาไป 1 ใบ ขากลับ 2 ใบ, ค่าธรรมเนียมจ่ายเงิน รวมทั้งหมดทั้งมวลจ่ายไป 20,582 บาท ตกไป-กลับคนละ 10,291 บาทครับ โดยบินไปเที่ยววันที่ 18 พฤศจิกายน ถึง 22.40 น. และกลับคืนวันที่ 24 พฤศจิกายน ถึง 04.00 น. เวลาขาไปไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจึงเลือกนอนสนามบินกัน แต่ผมจะไปนอนโรงแรม แล้วมาดูกันว่าจะทันไหม >_<


2. พอได้ตั๋วเครื่องบินแล้ว ก็รีบหาที่พักทันทีครับ เพราะได้ข่าวว่ายิ่งใกล้เวลายิ่งเหลือตัวเลือกน้อย และผมต้องการอยู่ที่เดียวตลอดทั้งทริปแบบไม่ย้ายโรงแรม และต้องอยู่ในทำเลที่ดีเพื่อเดินทางไปได้ทุกที่ที่ต้องการ เป้าหมายที่พักของทริปนี้จึงอยู่แถวสถานี Osaka ที่เป็นชุมทางรถไฟ แต่ปรากฏว่าโรงแรมก็ดูแพงไปครับ จึงเปลี่ยนเป้าไปลองดูโรงแรมราคาถูกที่สุดก่อนซึ่งก็มีตัวเลือกอยู่ไม่กี่ที่ หนึ่งในนั้นคือ Hotel Shin Imamiya โรงแรมแบบห้องน้ำรวมขนาด 10 ชั้นที่เปิดในปี 2010 ดูใหม่พอสมควร ติดรถไฟทั้งบนดินและใต้ดินซึ่งน่าจะเดินทางสะดวกอยู่ จึงตัดสินใจจองไป 5 วัน เข้าบ่าย 18 ออกเช้า 23 เป็นห้องนอนเดี่ยวที่มีเตียงแคปซูล 2 ชั้น ก็แปลกดีครับ แต่จะแยกนอนกับแฟนหรือนอนด้วยกันยังไงค่อยไปตกลงกันที่หน้างานอีกทีแล้วกัน เพราะจริงๆ อยากนอนแบบเรียวกัง แต่ห้องปลอดบุหรี่ไม่ว่างเลยไม่เอา รวมค่าที่พักที่จ่ายไปทั้งหมดคือ 4,860 บาท ตกวันละ 486 บาท/วัน/คน ผ่าน Agoda ครับ


ได้ตั๋วเครื่องบินแล้ว ได้ที่พักแล้ว ขออนุมัติลาพักร้อนที่ทำงานแล้ว ก็ลอยตัวแล้วล่ะ มีเวลาเก็บตังค์อีก 10 เดือนก่อนเดินทาง…ต่อไปก็เริ่มวางแผนเที่ยว

แผนการเดินทาง


นี่คือแผนการเดินทางของผมครับ ในแผนจะแบ่งเป็นชั่วโมงๆ และวางว่าจะเที่ยวไหนกี่ชั่วโมงบ้าง ต้องเดินทางอย่างไรคร่าวๆ (ตัวหนังสือสีฟ้า) โดยยัดที่เที่ยวที่อยากไปที่สุดลงไปก่อนครับ และให้เวลากับมันอย่างมั่นใจว่าจะเที่ยวได้เต็มที่ จากนั้นก็แทรกด้วยที่เที่ยวน่าสนใจให้เต็มทริปเท่านั้นเอง เหตุผลที่ต้องวางแผนเป็นภาษาอังกฤษเพราะเวลาพิมพ์ใส่กระดาษไปแล้วถามทาง จนท. สถานีรถไฟจะช่วยได้เยอะเลยครับ พอทำแผนเสร็จก็รบกวนพี่วินซึ่งเคยไปญี่ปุ่นก่อนผมมาตรวจแผนให้ว่าโอเคไหม ปรากฏว่าวันที่ไปเกียวโต (วันเสาร์) ดูจะแน่นไปหน่อย แต่ทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนหรือไม่ เดี๋ยวมาดูกันครับ!

เตรียมตัวก่อนเดินทาง
1. ตั๋วรถไฟ การเดินทางที่สำคัญที่สุดหากจะเที่ยวเองในญี่ปุ่น ซึ่งการเลือกตั๋วรถไฟที่เหมาะสมควรเป็นไปตามแผนการเดินทางด้วยครับ โดยทริปนี้ผมยืนพื้นด้วย “Kansai Wide Area Pass” บัตรเบ่งของพื้นที่คันไซ สามารถใช้รถไฟของบริษัท JR ได้ทุกขบวนในพื้นที่ทั้งหมดทั้งโอซาก้า, เกียวโต, นาระ,โกเบ, ฮิเมจิ และบริเวณรอบๆ ซึ่งดูแล้ว Pass นี้ครอบคลุมที่เที่ยวที่ผมวางแผนไว้ทั้งหมดแล้วครับ และยังมีอายุ 5 วันพอดีวันเที่ยวเป๊ะเลย ราคา 8,500 เยน/คน ผมซื้อกับเอเจนซี่ Compax ในไทย ตกคนละ 2,670 บาทตามค่าเงินในช่วงนั้นครับ แต่จริงๆ ก็มี Pass ที่ถูกกว่านี้อีกนะ แต่เพราะความอยากล้วนๆ เลยที่ทำให้ต้องซื้อ Pass นี้ที่มัน “นั่งชินคันเซ็นได้!!!”


นอกจากบัตรเบ่งแล้ว ในแผนการเดินทางข้างบนผมยังวาง Kansai Thru Pass ไว้ในวันเสาร์-อาทิตย์ซ้อนกันด้วย แต่หาซื้อที่ไทยไม่ได้ จึงต้องรอไปซื้อที่ญี่ปุ่นครับ ที่จะซื้อเพราะอยากได้ส่วนลดท่องเที่ยว นั่งรถไฟเอกชน รถบัส บลาๆ โดยเฉพาะในเกียวโตที่รถไฟ JR ไม่ครอบคลุมที่เที่ยวเท่าโอซาก้าหรือโกเบครับ ส่วนราคามี 2 แบบคือ 2 วัน 4,000 เยน และ 3 วัน 5,200 เยน (ผมเลือก 2 วัน) แต่พอไปถึงจริงๆ แล้วไม่ได้ซื้อนะ แหะๆ

อีกบัตรหนึ่งที่ว่าจะซื้อคือตั๋วโอซาก้าไคยู เพราะวันสุดท้ายวางแผนว่าจะเที่ยวอควาเรียมไคยูคังด้วย แล้วมันมีตั๋วผูกรถไฟเอกชนในราคาที่ไม่ต่างจากตั๋วปกติเท่าไหร่ แต่เป็นตั๋วอีกใบที่เอาเข้าจริงก็ไม่ได้ซื้อเหมือนกันครับ สรุปทริปนี้ใช้ Kansai Wide Area Pass ของ JR ล้วนๆ เลย นอกเหนือจากนี้ก็จ่ายเหรียญเอาครับ

2. ตั๋วเข้า Universal Studio Japan (USJ) เนื่องจากเป้าหมายหลักของการมาเที่ยวญี่ปุ่นของผมคือแฮร์รี่ พอตเตอร์ ตามแพลนที่วางไว้วันแรกจึงอุทิศให้สวนสนุกนี้ทั้งวันทั้งคืนกันเลย และสามารถหาตั๋วจากไทยไปใช้ได้ครับ ผมใช้บริการเอเจนซี่เจ้าเดียวกับบัตรเบ่ง (ซึ่ง USJ ต้องเช็คดีๆ ครับว่าเป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการหรือไม่ ไม่งั้นตั๋วที่คุณซื้ออาจเข้าสวนสนุกไม่ได้ เนื่องจากในเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไปทางสวนสนุกมีมาตรการยกเลิกตั๋วผีที่คนซื้อไปขายเกร็งกำไรเป็นจำนวนมาก) โดยผมเช็คแล้วพบว่าเอเจนซี่เจ้านี้เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการที่ประกาศอยู่ในเว็บไซต์ USJ ครับผม ซึ่งบัตรเข้าแบบ 1 Day อยู่ที่ 7,200 เยน/คน ตกคนละ 2,250 บาทรวมค่าธรรมเนียมการซื้อแล้ว เป็นค่าเข้าที่แพงอยู่เหมือนกันนะเมื่อเทียบกับดรีมเวิลด์ (แล้วเอาไปเทียบได้ยังไง!?!)


แต่นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมดของ USJ ครับ เพราะงานนี้บอกแล้วผมจัดเต็มมากเพื่อแฮร์รี่ พอตเตอร์ ซึ่งการจะได้เล่นเครื่องเล่นในสวนสนุกนี้ปกติต้องต่อคิวนานเป็นชั่วโมง ผมจึงต้องการอภิสิทธิ์ที่เหนือกว่า! นั่นคือ Express Pass ตั๋วพิเศษที่ต้องซื้อเพิ่มหากคุณไม่ต้องการต่อคิวยาวเหยียด และเวลาผมก็มีให้ USJ แค่วันเดียวครับ เลยตัดสินใจจัด Express Pass 7 เล่นเครื่องเล่น 7 อย่างไม่ต้องต่อคิวมาเลย ในราคา 6,600 เยน/คน ตกคนละ 2,039.50 บาท GODDD!!! แทบจะเข้า USJ แบบปกติได้อีกวันนึงเลย อ่อ…ตั๋วนี้หมดไวมาก เปลี่ยนวันไม่ได้ด้วย ต้องจองตั้งแต่เนินๆ และเวลาเที่ยวต้องแม่นจริงๆ ครับ แต่ถ้าต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายก็มี Express 5 เป็นตัวเลือกในราคาที่ถูกลงเหลือ 5,200 เยน (ส่วน Express 3 ไม่รองรับการเล่นเครื่องเล่นแฮร์รี่ พอตเตอร์)


หมดยัง? กับ USJ ก็ตอบเลยว่าไม่! ยังมีรีเควสจากแฟนอีก 1 ตั๋ว เขาอยากดูการแสดงคอนเสิร์ตกลางแจ้ง “The Voice of an Angel” ซึ่ง USJ จัดขึ้นอย่างเป็นอลังการเป็นประจำในช่วงเทศกาลคริสต์มาส และวันที่ไปเที่ยวดันตรงกับวันที่จัดแสดงด้วย! (จำได้ว่าไม่ได้จัดทุกวันครับ สามารถดูได้จากตารางบนเว็บ USJ) โดยการเข้าชมแบบใกล้ชิดบนพื้นที่พิเศษจะต้องซื้อตั๋วเข้าไปต่างหากอีก 1,000 เยน/คน ตกคนละ 300 บาทครับ และเป็นตั๋วที่ไม่มีจำหน่ายในไทย ถ้าอยากได้ต้องหาเองจ้า! เราก็หากัน 2 คนจนเกือบท้อใจว่าจะไม่ได้ดูแล้ว แฟนจึงไปขอความช่วยเหลือจากคนที่อ่านภาษาญี่ปุ่นได้เพื่อช่วยแปลเว็บให้ร่วมกับ Google Translate และในที่สุดแฟนก็สามารถเข้าไปสมัครสมาชิกและซื้อตั๋วเข้างานนี้จากในเว็บ USJ ภาคภาษาญี่ปุ่นได้ด้วยตนเอง โดยมีพี่ผมช่วยสะกดชื่อและนามสกุลเป็นตัวอักษรคันจิของญี่ปุ่นให้ ซึ่งจำเป็นต่อการกรอกข้อมูลสมาชิกครับ แล้วมาดูกันว่าที่นั่งพิเศษที่ดั้นด้นดึงดันซื้อมาเนี่ย จะฟินขนาดไหนกัน?


รวมค่าเข้า USJ ในครั้งนี้ทั้งหมดทั้งมวล 2 คน 9,054 บาทหรือคนละ 4,527 บาท เป็นค่าสวนสนุกที่แพงที่สุดเท่าที่ผมเคยจ่ายมาในชีวิตเลย!!! T_T

3. เสื้อผ้าอาภรณ์ ของใช้ส่วนตัว ยาสามัญประจำตัว จัดกันตามสะดวก เสื้อผ้าจะใส่ซ้ำ ใส่สลับ กลับด้านยังไงก็ตามกำลังที่กระเป๋าจะยัดได้ครับ เผื่อที่ใส่ของกลับมาด้วย ผมเลือกใช้ตัวช่วยอย่างถุงสุญญากาศจากร้านไดโซะ (เมกะบางนา) ซื้อมาอัดเสื้อผ้าให้แบนๆ แล้วรีดลงกระเป๋าครับ

4. เงินสด ผมตัดสินใจตั้งงบเงินสดไว้ประมาณ 30,000 บาท แลกเป็นเงินเยนมาได้ 105,000 เยนครับ (แลกตอนค่าเงิน 0.28 ก่อนจะขึ้น) แล้วแบ่งอย่างนี้ครับ 50,000 เยนให้แฟนดูแลเรื่องค่ากินทั้งหมด ตั้งกฎว่าจ่ายค่ากินเท่านั้น กินอะไรก็ได้ กินแหลก กินไม่อั้น ส่วนค่าตั๋ว ค่าเข้าชม ค่าจิปาถะ การเดินทางต่างๆ และของฝาก 55,000 เยนที่อยู่กับผมจะเป็นคนออกครับ ตั้งแบบนี้แล้วเป็นสัดส่วนดี อย่างน้อยเราจะได้รู้ว่ายังมีเงินกินอยู่ 555

5. Wi-Fi Pocket สำคัญมากมาย เพราะอินเตอร์เน็ตจะช่วยได้เยอะเวลาหลงหรือต้องการหาข้อมูล ผมจึงเลือก Wi-Fi จากเจ้าหนึ่งมาครับ (ไม่ขอเอ่ยชื่อเพราะมีคอมเมนต์ครับ) ราคาเหมา 5 วัน 1,500 บาทรวมประกันและแบตเตอรี่เสริมแล้ว สัญญาณดี เน็ตเร็วมากและครอบคลุมที่เที่ยวผมหมดครับ เว้นแต่ตั๋วเครื่องมีปัญหาหนักมาก เหมือนจอมันช็อตๆ และ Wi-Fi จะต่อไม่ได้ ต้องปิด-เปิดเครื่องใหม่วันละเป็น 10 รอบ เสียอารมณ์มากมาย ทั้งนี้ผมอาจดวงซวยเจอเครื่องมีปัญหาเข้าให้ โดยรอบต่อไปคงจะลองซิมญี่ปุ่นมาช่วยอีกทาง ยอมจ่ายแพงขึ้นแต่ใช้ได้ทันทีที่ฉุกเฉินก็คงจะดีกว่า

6. หนังสือเดินทาง เช็คว่าหนังสือเดินทางต้องมีอายุ 6 เดือนขึ้นไปในวันเดินทาง

7. พิมพ์ทุกเอกสาร ไม่ว่าจะเป็นใบจองโรงแรม, ใบจองตั๋วเครื่องบิน, Boarding Pass ทั้งไปและกลับ, แพลนเที่ยว, ใบ Express Pass และกิจกรรมคริสต์มาสของ USJ (เป็นแบบ QR Code) แต่ไม่ต้องพิมพ์ตารางรถไฟหรือเส้นทางรถไฟไปหรอกครับ ไม่ได้ใช้แน่นอน ไปขอแผนที่รถไฟซึ่งเขาจัดทำเป็นแผนพับซึ่งเข้าใจง่ายกว่าเยอะครับ

รวม Budget ทั้งหมดตั้งไว้ 72,000 บาท ตกคนละ 36,000 บาทครับ ดูไม่ค่อยถูกเลยนะ? แต่ถ้าคุณไม่ชอบเที่ยวสวนสนุกทริปนี้ก็จะประหยัดลงถึง 9,000 บาท หรือถ้าไม่ตื่นเต้นกับชินคันเซ็นก็จะซื้อ Pass อื่นที่ถูกกว่านี้ก็ได้ แม้แต่ตั๋วเครื่องบินก็อาจจะประหยัดได้มากกว่าผมครับ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการจัดทริปตามความเหมาะสมของแต่ละคน และนี่ก็น่าจะหมดแล้วล่ะกับการเตรียมตัวก่อนเดินทางของผม อย่าเพิ่งเบื่อกันนะครับ เพราะวันแรกของการเดินทางก็เจอกับเรื่องน่าตื่นเต้นที่ทำให้ผมเข่าทรุดลงไปนั่งน้ำตาไหลกองอยู่กับพื้นสถานีรถไฟกันเลยทีเดียว T_T
ชื่อสินค้า:   โอซาก้า เกียวโต โกเบ ฮิเมจิ USJ
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่