ซื้อขายที่ดิน ส.ป.ก.
คำถาม
-ก ซื้อที่ดิน ส.ป.ก. มาจาก ข. .ในราคา 300,000 บาท ต่อมา ข. ผู้ขายได้มาฟ้องขับไล่ ก. ผู้ซื้อให้ออกจากที่ดินดังกล่าวและห้ามยุ่งกับที่ดิน และฟ้อง ให้ชำระค่าเสียหาย เดือนละ 8,000 บาท ก. ต่อสู้ว่า ข. ขายให้ ก.แล้ว ในราคา 300,000 บาท เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2542 และครอบครองเรื่อยมาถึงปัจจุบัน ขอให้ศาลยกฟ้อง ก. กับ ข. ใครมีสิทธิในที่ดินดีกว่ากัน
คำตอบ
-ที่ดิน ส.ป.ก. เป็นกรรมสิทธิของ สำนักงานปฎิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร ซึ่งจัดสรรให้ ข. ครอบครองใช้ประโยชน์ ซึ่งจะโอนให้แก่ผู้อื่นไม่ได้ตลอดไป ยกเว้นตกทอดทางมรดก การที่ ข. โอนที่ดินให้แก่ ก. นั้นจึงมีผลเป็นโมฆะ ก. จึงไม่มีสิทธิใดๆในที่ดินดังกล่าว ซึ่งเท่ากับว่า ข. ยังเป็นผู้ครอบครองที่ดินอยู่นั่น ข.ผู้ขายจึงมีสิทธิฟ้องขับไล่และห้าม ก. ยุ่งกับที่ดินโดยไม่มีสิทธิได้ และมีสิทธิเรียกค่าเสียหายในที่ดินดังกล่าวได้
คำพากษาฎีกาที่ 2165/2558
คดีนี้ โจทก์เคยเป็นผู้มีสิทธิทำกิน บนที่ดิน ส.ป.ก. ต่อมานำมาขายต่อให้จำเลย ในราคา 300,000 บาท ต่อมาโจทก์นำคดีมาฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดิน และห้ามยุ่งเกี่ยวกับที่ดิน พร้อมขอให้ศาลบังคับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 8,000 บาท จำเลยต่อสู้ว่า เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2542 โจทก์ขายให้จำเลย ในราคา 300,000 บาทและครอบครองเรื่อยมาถึงปัจจุบัน ศาลฎีกาพิพากษาว่า แม้โจทก์จะขายที่ดิน ส.ป.ก. ให้จำเลย ก็เป็นโมฆะ เพราะที่ดิน ส.ป.ก. เป็นกรรมสิทธิของ สำนักงานปฎิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร โจทก์ไม่มีสิทธิโอนหรือสละสิทธิให้จำเลยหรือใคร ที่ดินยังเป็นของ ส.ป.ก และ ส.ป.ก มีอำนาจควบคุมที่ดินสัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์จำเลยจึงเป็นโมฆะ และจำเลยไม่มีสิทธิยึดถือ ที่ดิน ส.ป.ก นั้นการที่จำเลยเพิกเฉยไม่ยอมออกจากที่พิพาท จึงเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารให้ออกจากที่ดินและเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้
ซื้อขายที่ดิน ส.ป.ก. ผิดกฎหมาย จ่ายเงินไป เรียกคืนไม่ได้.?
คำถาม
-ก ซื้อที่ดิน ส.ป.ก. มาจาก ข. .ในราคา 300,000 บาท ต่อมา ข. ผู้ขายได้มาฟ้องขับไล่ ก. ผู้ซื้อให้ออกจากที่ดินดังกล่าวและห้ามยุ่งกับที่ดิน และฟ้อง ให้ชำระค่าเสียหาย เดือนละ 8,000 บาท ก. ต่อสู้ว่า ข. ขายให้ ก.แล้ว ในราคา 300,000 บาท เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2542 และครอบครองเรื่อยมาถึงปัจจุบัน ขอให้ศาลยกฟ้อง ก. กับ ข. ใครมีสิทธิในที่ดินดีกว่ากัน
คำตอบ
-ที่ดิน ส.ป.ก. เป็นกรรมสิทธิของ สำนักงานปฎิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร ซึ่งจัดสรรให้ ข. ครอบครองใช้ประโยชน์ ซึ่งจะโอนให้แก่ผู้อื่นไม่ได้ตลอดไป ยกเว้นตกทอดทางมรดก การที่ ข. โอนที่ดินให้แก่ ก. นั้นจึงมีผลเป็นโมฆะ ก. จึงไม่มีสิทธิใดๆในที่ดินดังกล่าว ซึ่งเท่ากับว่า ข. ยังเป็นผู้ครอบครองที่ดินอยู่นั่น ข.ผู้ขายจึงมีสิทธิฟ้องขับไล่และห้าม ก. ยุ่งกับที่ดินโดยไม่มีสิทธิได้ และมีสิทธิเรียกค่าเสียหายในที่ดินดังกล่าวได้
คำพากษาฎีกาที่ 2165/2558
คดีนี้ โจทก์เคยเป็นผู้มีสิทธิทำกิน บนที่ดิน ส.ป.ก. ต่อมานำมาขายต่อให้จำเลย ในราคา 300,000 บาท ต่อมาโจทก์นำคดีมาฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดิน และห้ามยุ่งเกี่ยวกับที่ดิน พร้อมขอให้ศาลบังคับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 8,000 บาท จำเลยต่อสู้ว่า เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2542 โจทก์ขายให้จำเลย ในราคา 300,000 บาทและครอบครองเรื่อยมาถึงปัจจุบัน ศาลฎีกาพิพากษาว่า แม้โจทก์จะขายที่ดิน ส.ป.ก. ให้จำเลย ก็เป็นโมฆะ เพราะที่ดิน ส.ป.ก. เป็นกรรมสิทธิของ สำนักงานปฎิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร โจทก์ไม่มีสิทธิโอนหรือสละสิทธิให้จำเลยหรือใคร ที่ดินยังเป็นของ ส.ป.ก และ ส.ป.ก มีอำนาจควบคุมที่ดินสัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์จำเลยจึงเป็นโมฆะ และจำเลยไม่มีสิทธิยึดถือ ที่ดิน ส.ป.ก นั้นการที่จำเลยเพิกเฉยไม่ยอมออกจากที่พิพาท จึงเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารให้ออกจากที่ดินและเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้