++ สวัสดีครัชช ++
นี่เป็นกระทู้แรกที่คิดจะเขียน เพราะ ทริปนี้มันเชี่ย ทั้งเ-ี้ย อะไรก้ไม่รุ้ ได้ใจมากๆๆ
กระทู้นี้ต้องใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยน่ะ
ปล. รูปไม่เยอะ เน้นเรื่องเล่า

เรื่องมันมีอยู่ว่า...
--เย็นวันศุกร์ 13/11/2015 เวลา 17.20 น.--
แก้งค์เรา (ตอนนั้นมี4คน) กินข้าวหน้ามอกันอยู่ดีๆ เต้เงยหน้าขึ้นมาเห็นรถสังขละแล่นผ่านไป
เต้ : เห้ย รถสังขละ น่าไปชรุง
จอจ : ก็ไปเด่หว่ะ อยากไปก้ไป (อ้าวว ห่าลาก บทจะไปก้ไปเน้อ) พวกเมิงอ่ะ จะไปมั้ย?
เบิด ปอ : จัดสิครับ
พวกเราก็รีบจ่ายเงินค่าข้าวกับขุ่นป้า ละรีบแว้นกลับหอไปแพคเสื้อผ้าใส่เป๋ากันทันทีจ้า
--เวลา 17.45 น.--
ยืนรอรถสังขละกันอยู่หน้ามอ
(รู้มาจากป้าร้านข้าวว่า รถสังขละรอบสุดท้ายหมดหกโมงก็รีบตาลีตาเหลือก แถมลากเพื่อนมาจากหอได้อีกคน
สรุปทริปนี้มีทั้งหมด 5 คน = จอจ ปอ นุช เต้ เบิร์ด)
โอ๊!!! ดูเวลาในโทรสัพ จะหกโมงละอ่า รถไปไหนนน ใจเริ่มบ่ดี อุตส่าแพคเสื้อผ้ามาละเนี่ยยยยย อิสาสสสส
เพื่อนๆ : ไปพรุ่งนี้ตอนเช้าก็ได้นะเว้ย
จอจ : ไม่ กุจะไปตอนนี้ พรุ่งนี้จะได้ตื่นเช้าๆไปทำบุญสะพานมอญ เข้าใจฟีลลิ่งสะพานมอญตอนเช้าม่ะ
ในระหว่างนั้นเราก็ถกเถียงกันไปมา+ยืนรอรถด้วย ก็มีพี่ก้อย(พี่แกเป็นบุคลากรในมอของเรา) ขับรถชะแวบเข้ามาถาม
พี่ก้อย : จะไปไหนกันเด็กๆ
พวกเรา : ไปสังขละครัช
พอพี่ก้อยได้คำตอบก็เกิดสักถามเป็นการใหญ่บลาๆ แถมโทรไปสอบถามรถในเมืองที่จะไปสังขละให้ คำตอบก็คือ "รถสังขละมันหมดแล้วนะน้อง มีแต่รถไปทองผาภูมิ" ชิบละ เอางัยดีแว้เพื่อนๆ จากที่ใจสั่นระรี้ระริกแบบไอว้อนทูโกมากๆหน้าสลดเลยจ้า พี่แกเลยเสนอไอเดียสุดพิเศษแอนท์บรรเจิดมา นั่นก็คือ
"ขึ้นรถบัสไปลงทองผาภูมิ แล้วไปโบกรถตรงป้อมทหารขึ้นสังขละ"
เชรดดดด...มองหน้าเพื่อนรู้เลย

โบก ก็โบกดิ ชิวๆๆ ยืนรอรถสักพัก รถทองผาภูมิก็มา ถึงเวลาเซย์กูดบายพี่ก้อย สรุปเราได้ออกจากมอ เวลา 18.11 น.
นั่งรถบัสไปสักพัก อ้าว เห้ย ถึงป้อมทองผาภูมิละ (ป้อมทางขึ้นไปสังขละ)
ชีวิตจริงที่ไม่อิงนิยายจะเริ่มตั้งแต่ตอนนี้....
สิ่งแรกที่พวกเราสัมผัสได้เมื่อลงมาจากรถบัสคือ ความหนาว ความเย็นยะเยือก กึกๆๆๆ เวลา --19.48 น.--
พวกเราก็ข้ามถนนเดินไปที่ป้อม โอวมายก๊อด ทั้งทหาร ตำรวจ ยืนกันอยุ่พรึบพรับ
จอจ : ปอ เมิงไปบอกพี่หารดิ ช่วยโบกรถให้หน่อย
ปอ : ทามไมต้องกูอ่ะ
จอจ : เอาหน้าตาเข้าสู้เด่
ทั้งพี่หารพี่หรวด สักถามพวกเราเปนการใหญ่ มาทำไร จะไปไหน มาจากไหน บลาๆๆๆ
นั่งไปคุยไป อยู่ๆพี่ทหารชวนกินข้าวเฉย555 นั่งตบยุงตายไปล้านตัวก็มีรถแล่นเข้าด่านตรวจมาสองคัน กระบะด้วยเหวยยย พี่หารก้จัดการให้เสรจสรรพ
พี่หาร : น้องๆๆๆขึ้นรถได้เลย
เย้ๆๆๆ ได้รถแล้นน ปีนขึ้นท้ายกระบะด้วยความไวปาน4G
นั่งท้ายอย่างหนาวว พี่เค้าก็ขับเข้าโค้งไม่บันยะบันยัง เราก็กลิ้งไปกลิ้งมา นั่งดูดาวไปด้วยได้สักพักใหญ่ๆ ประมาณ --21.00 น.-- ก็ถึงจุดหมาย
ถึงสังขละแล้วโว้ยยยยยย !!!
ขอบคุณพี่เค้าเสร็จเราก็ตกลงกันว่า เดี๋ยวเอาเป๋าไปเก็บที่พักก่อน ซึ่งก็คือ โรงเรียนอนุบาลสังขละบุรี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้พี่ก้อยโทรคุยกับทางโรงเรียนให้ คนละ200.- เค้าเปิดให้นอน ศ ส อา อารมณ์หาเงินเข้าโรงเรียนเพื่อเป็นทุนการศึกษาให้น้องๆ ใครอยากได้เบอร์ติดต่อที่พัก หลังไมค์นะครัช
ถามว่าจะไปโรงเรียนยังงัยอ่ะ เดินสิจร้า เดินๆๆๆ เอ๊ะ นั่นอะไร เห้ยโรงเรียนเว้ย ทุกคนเดินอย่างไวเข้าไปในโรงเรียน แต่มืดชิบบบ (นึกถึงซีรี่ย์เพื่อนเฮี้ยนโรงเรียนหลอนเลยค่ะเทอขา)
จอจ : เห้ยหยุดก่อนมั้ย อย่าเพิ่งเดินเข้าไป โรงเรียนชอบมีหมา เดะหมากัด (เอาจริงในใจกุกลัวผี) เดะกุโทรหารองก่อน
พวกเมิง รอตรงนี้ก่อน รองบอกเดะส่งเด็กมารับ รอไปสักแปป ใจมันเหวงๆๆ แหงนหน้ามองแป้นบาส มองซ้ายมองขวา ซ้ายมือแป้นบาส ขวามือตึกเรียน ชิบบบเอ้ยย จะสยองไปไหน ในแก้งค์เราก้มีขุ่นพี่เต้นางแกชอบแกล้ง ชอบบิ้วให้เพื่อนกลัว ทั้งๆที่ตัวเองก็กลัวน่ะ ผ่านไปสักพักเด็กที่รองว่าก็ยังไม่มา มันหายไปไหนหว่ะ บรรยากาศก็เงียบขึ้นเรื่อยๆ เพื่อนก้ไม่รุ้จะพูดไร บรรยากาศในตอนนั้น นิ่ง เงียบ อยู่ๆเสียงโทรศัพท์ก็ดัง
รองโทรมา: พวกหนูอยู่ไหนกัน เด็กไปยืนรอแล้ว ไม่เห็นพวกหนูเลย
จอจ : อ้าว พวกหนูยืนกันอยู๋ใต้แป้นบาสอ่ะค่ะ ข้างๆมีตึกเรียน น้องอยู่ตรงไหนอ่ะ ไม่เหนเลย
รอง : หนูไม่เห็นน้องหรอ เค้ายืนรออยุ่ตรงประตูโรงเรียน
จอจ : ไหนหว่ะ พวกเมิงเห็นน้องม่ะ เอ่อรองค่ะ น้องเปนญ หรือ ช ค่ะ
รอง : ช ค่ะ เหนยั้งอ่ย
จอจ : ไม่เหนเลยค่ะ พวกหนูก็ยืนอยู่ใต้แป้นบาสเนี่ยยยยยย น้องอยุ่หนายยย พวกเมิงเห็นน้องมั้ยยย (เพื่อนก็ไม่เห็น) (เอาแหล่วว มันยังงัยหว่ะ เราก็อยู่โรงเรียน ละน้องก็อยู่ตรงประตูโรงเรียน ละทามไมเราไม่เห็น)
สรุปเรามาผิดโรงเรียน นี่มันโรงเรียนเด็กมัธยม ฮาก๊ากเลย
และแล้วเราก็คลำทางมาถึงโรงเรียนอนุบาลสังขละบุรีจนได้ ซึ่งมีน้องยืนรออยู่จริงๆด้วยอ่า และนี่คือห้องนอนของเรา กิฟกิ้ว ชญ นอนรวมกันค้า ถามว่าเขิลมั้ย เขิลเชี่ยไรเพื่อนกัน 555

ถือว่าครบครันมากๆ มีห้องน้ำในตัว มีแอร์ พัดลม ทีวี ของเล่นเด็กอีกบลาๆๆ ที่พักนี้เลิศเลยทีเดียว เป็นศูนย์กลางของแหล่งท่องเที่ยวต่างๆอีกด้วย
พอเก็บของเรียบร้อยเราก็จะเดินไปหาอะไรกินกัน
สิ่งแรกที่สะดุดตามากๆคือ หมูจุ่ม ไม้ละ1บาท เท่านั้น

เพื่อนทำการเทสรสชาติทันที ผลลัพธ์คืออร่อยจ้า มายเฟรนนั่งกินกันประหนึ่งอยู่เกาหลี บางโต๊ะมีการซื้อเบียร์มานั่งกระดกด้วยอ่า
แต่วัยรุ่นอย่างพวกเราแค่หมูเสียบไม้มันไม่พอหรอก ขอข้าวๆหนักเสริมละกัน เราก็ไปร้านอาหารตามสั่งกันต่อ เข้าไปนั่งอยู่นานก็ยังเลือกเมนูกันไม่ได้สักที ลุงโต๊ะข้างๆที่กำลังก๊งเหล้ากันอยู่ก็แนะนำกวางผัดฉ่ามาค้า

ตอนแรกก็กลัวมันเหนียวแต่พอลองชิม ว้าวว...อร่อยอ่ะ ถ้าไม่สั่งถือว่าพลาด
แล้วเรื่องราวสยองขวัญก็เริ่มต้นจากตอนนี้...

ด้วยความที่ลุงโต๊ะข้างๆแกดูเฟรนลี่ดี เราก็คุยข้ามโต๊ะกันไปมา ถามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ จนอาหารมาเสิร์ฟ พวกเราทั้ง5ก็ลงมือโซ้ยกันทันที ในระหว่างที่กำลังกินกันอยู่นั้น อยู่ๆลุงโต๊ะข้างๆก็พูดว่า เห้ยไอ้โต๊ะนี้จะมีสามคนไปตปท. (เห้ยรู้ได้งัยหว่ะ ตกใจกันใหญ่) แถมมีคนนึงจะเสีย (เสียไรหว่ะ) ปอก็เลยหันไปถาม เสียไรค่ะลุง? เสียแบบมีความสุข (พวกเราก็คิดกันแบบขำๆ เสียพรหมจรรย์ล่ะมั้ง) แต่ด้วยบริบทที่ลุงพูด มันคือเสีย เสียแบบเดดสะมอเร่ (อ้าว เอาแล้ววงัย) ทุกคนในโต๊ะกินข้าวกันไม่ลงเลยทีเดียว แล้วลุงก็พูดขึ้นอีกเกี่ยวกับเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งมันจริงทุกอย่าง เห้ยมันใช่อ่า พวกเราก็เริ่มให้เค้าดูลายมือทีละคน ปอดูคนแรก เค้าบอกประมาณว่า เมิงมีคนตามอยู่น่ะ เค้าคอยเป่าหูเมิงอยู่ เมิงเกือบจะดีแล้วแต่ก็ไม่ดี (เห้ย มันจริงอ่ะ) จอจก็เป็นคนต่อไป เราก็เริ่มรู้สึกไม่ดีกับอิคำว่าเสียที่ลุงเค้าพูด ก็เลยถามว่า เสียนี่คือหนูหรอค่ะ? คำตอบก็คือ ก็เมิงนั่นแหละไม่ใช่ใคร (ความรู้สึกตอนนั้น มันช็อคอ่ะ ทามไมต้องกู ใจนึงมันเชื่อว่าลุงเค้ารู้จิง อีกใจก็ไม่เชื่อ ก็แค่คนเมาทัก) เค้าบอกเราจะ

เพราะเพื่อน เป็นคนคิดมาก รักคนอื่นมากเกินไป บลาๆๆ คือ ลุงรู้ได้งัยอ่ะว่าเราเป็นคนแบบนั้น ในระหว่างที่กำลังให้ดูลายมืออยู่นั้น ก็มีคนบ้ามาขว้างก้อนหินใส่พวกเรา คนบ้าคนนั้นเหมือนไม่ใช่คนไทยน่าจะเป็นมอญ ซึ่งทุกคนก็รู้อยู้แล้วว่าพวกพม่ามอญนั้นน่ากลัวในเรื่องลี้ลับ บรรยากาศตอนนั้นมันเย็นๆคนก็เริ่มไม่มีแล้ว คุยกับลุงที่ทักเสร็จพวกเราก็จิตตกกันมากๆ เลยเดินไปซื้อเบียร์กลับมากินที่ห้อง พอกลับมาถึงห้องเราก็โทรคุยกับแม่เรื่องที่ลุงทัก (มันแย่มากๆอ่ะ) พอเราคุยกับแม่เสร็จก็หันมาคุยกับเพื่อนต่อ เพื่อนถามว่า จอจตอนเมิงคุยโทรสัพได้ยินเสียงอ่ะไรมั้ย เราก็ส่ายหัว เพื่อนก็ทำหน้าหน้าตาเลิกลั่กแปลกๆ ก็มีใครสักคนในกลุ่มเนี่ยแหละบอกว่า เมื่อกี้มีเสียงดนตรีไทย เสียงฉิ่งฉับแบบชัดเจนมาก หูไม่ได้ฟาด เพื่อนทั้งสี่คนก็ได้ยิน พวกเรารีบกระดกเบียร์และนอนทันที โดยที่เปิดไฟกับทีวีทิ้งไว้ เราล้มตัวนอนกันประมาณตีหนึ่งกว่า ประมาณตีสาม ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมันเป็นเสียงมาจากทีวี ลองเปิดฟังดูน่ะ จิตยิ่งตกๆอยู่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ประมาณตีสี่กว่าๆ พวกเราทั้ง5ตื่นนอนกันแบบเหมือนคนไม่ได้นอน ก็อยากนอนน่ะแต่มันหลับไม่ลง รีบอาบน้ำแต่งตัวไปสะพานมอญทันที ความคิดตอนนั้นอยากทำบุญมากๆ อยากเข้าวัดแล้วอ่า
เดินออกจากโรงเรียนแล้วเลี้ยวซ้าย สองข้างทางก็เป็นบ้านชาวบ้านแบบไม้ๆ เต้แกก็ชี้นู้นชี้นี่ให้หลอนเล่นๆ
ต้องเดินคุยกันน่ะ ไม่งั้นมันจะรู้สึกไกล 555
พอถึงปากทางสะพานก็จะมีชาวบ้าน น้องๆหนูมาขายของกันตรึม ทั้งอาหาร ขนม ดอกไม้
เด็กมอญมากมายเดินมาสะกิด เพ่ๆๆรู้ประวัติสะพานมั้ยก๊า (สำเนียงมอญมาเต็ม) ถ้ากุบอกไม่รุ้ กุจะต้องเสียตังส์เลยมั้ยเนี่ย

"มาเที่ยวต้องตื่นเช้า มาเรียนต้องตื่นสาย" การตื่นเช้าคือดีอ่ะ หมอกแบบอลังการ เดินห่างเพื่อนไม่ได้เลย เดะหลงหากันไม่เจอ (เว่อร์ไปละเมิง) เดินไปเรื่อยๆใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ พวกเราเดินข้ามสะพานมอญมาถึงฝั่งมอญก็เริ่มเห็นความคึกคัก เราก็จรงดิ่งไปต่อแถวรอพระเดินมา รออยู่นานพอควรแหละ

ทำบุญใส่บาตรกันเรียบร้อยแล้ว ก็สบายใจขึ้นมานิดนึง คิดมากไปก็ปวดหัว หาไรกินดีฟ่า กองทัพต้องเดินด้วยท้องน่ะจ่ะ พี่ก้อยแนะนำมาว่า เช้าๆห้ามพลาดน่ะร้านนี้
นั่นก็คือ "ร้านอาหารมอญ"

คนเยอะมาก ต้องยืนรอโต๊ะเลยทีเดียว แนะนำให้นั่งหน้าร้านน่ะ จะมีน้องๆมายืนเล่นดนตรีสดอยู่ข้างร้าน

เดินไปหยิบมาเองเลย ร้านนี้บริการตัวเองเป็นหลัก เพราะคนเยอะจัด

ชา กาแฟ โอวัลติน จัดมา แก้วละ 15.-

โดฟไข่ลวกกันสักหน่อย ไข่ลวง 2 ฟอง 15.-

เพิ่มความหนักอีกนิดด้วย โจ๊กหมูสับเพิ่มไข่ลวก
ทานเสร็จพร้อมลุย กำลังวังชาเต็มเปี่ยม เราก็จะไปวัดวัดวังก์วิเวการาม หลวงพ่ออุตตมะกัน ฟิ้ววว
ถามคนแถวนั้น เค้าบอกไกลนะหนู เหมารถมั้ย (คนละ20.-)
หน้าตาป้าดูเจ้าเล่ห์อ่ะ ไม่เอาดีกว่า เดินไปเองเถอะเพื่อนๆ ถือว่าชมวิวไปด้วยล่ะกัน ตอนแรกคิดว่าป้าเค้าโม้ ความจริงเดินอย่างไกล เริ่มเมื่อย เราก็โบกจ้า
โบกเล่นๆ แต่มีพี่ผู้หญิงขับกระบะผ่านมาพอดี เราเลยขออาศัยไปวัดด้วย เย้ๆๆ (ขอบคุณพี่มากนะค่ะ)

สักการะเสร็จเราก็มาหาของฝากกันหน้าวัด แถมได้ "กระแจะ" ที่แก้มด้วย ทำมาจากทานาคา (พิมพ์ถูกรึเปล่าไม่แน่ใจนะคะ)

กระแจะกันทั้งแก๊งค์ (ฟรีด้วยนะแจ๊ะ)
[CR] 20+ ทริปสังขละบุรี เที่ยวชิลๆแบบเด็กมหาลัย
เรื่องมันมีอยู่ว่า...
--เย็นวันศุกร์ 13/11/2015 เวลา 17.20 น.--
แก้งค์เรา (ตอนนั้นมี4คน) กินข้าวหน้ามอกันอยู่ดีๆ เต้เงยหน้าขึ้นมาเห็นรถสังขละแล่นผ่านไป
เต้ : เห้ย รถสังขละ น่าไปชรุง
จอจ : ก็ไปเด่หว่ะ อยากไปก้ไป (อ้าวว ห่าลาก บทจะไปก้ไปเน้อ) พวกเมิงอ่ะ จะไปมั้ย?
เบิด ปอ : จัดสิครับ
พวกเราก็รีบจ่ายเงินค่าข้าวกับขุ่นป้า ละรีบแว้นกลับหอไปแพคเสื้อผ้าใส่เป๋ากันทันทีจ้า
--เวลา 17.45 น.--
ยืนรอรถสังขละกันอยู่หน้ามอ
(รู้มาจากป้าร้านข้าวว่า รถสังขละรอบสุดท้ายหมดหกโมงก็รีบตาลีตาเหลือก แถมลากเพื่อนมาจากหอได้อีกคน
สรุปทริปนี้มีทั้งหมด 5 คน = จอจ ปอ นุช เต้ เบิร์ด)
โอ๊!!! ดูเวลาในโทรสัพ จะหกโมงละอ่า รถไปไหนนน ใจเริ่มบ่ดี อุตส่าแพคเสื้อผ้ามาละเนี่ยยยยย อิสาสสสส
เพื่อนๆ : ไปพรุ่งนี้ตอนเช้าก็ได้นะเว้ย
จอจ : ไม่ กุจะไปตอนนี้ พรุ่งนี้จะได้ตื่นเช้าๆไปทำบุญสะพานมอญ เข้าใจฟีลลิ่งสะพานมอญตอนเช้าม่ะ
ในระหว่างนั้นเราก็ถกเถียงกันไปมา+ยืนรอรถด้วย ก็มีพี่ก้อย(พี่แกเป็นบุคลากรในมอของเรา) ขับรถชะแวบเข้ามาถาม
พี่ก้อย : จะไปไหนกันเด็กๆ
พวกเรา : ไปสังขละครัช
พอพี่ก้อยได้คำตอบก็เกิดสักถามเป็นการใหญ่บลาๆ แถมโทรไปสอบถามรถในเมืองที่จะไปสังขละให้ คำตอบก็คือ "รถสังขละมันหมดแล้วนะน้อง มีแต่รถไปทองผาภูมิ" ชิบละ เอางัยดีแว้เพื่อนๆ จากที่ใจสั่นระรี้ระริกแบบไอว้อนทูโกมากๆหน้าสลดเลยจ้า พี่แกเลยเสนอไอเดียสุดพิเศษแอนท์บรรเจิดมา นั่นก็คือ
เชรดดดด...มองหน้าเพื่อนรู้เลย
นั่งรถบัสไปสักพัก อ้าว เห้ย ถึงป้อมทองผาภูมิละ (ป้อมทางขึ้นไปสังขละ)
ชีวิตจริงที่ไม่อิงนิยายจะเริ่มตั้งแต่ตอนนี้....
สิ่งแรกที่พวกเราสัมผัสได้เมื่อลงมาจากรถบัสคือ ความหนาว ความเย็นยะเยือก กึกๆๆๆ เวลา --19.48 น.--
พวกเราก็ข้ามถนนเดินไปที่ป้อม โอวมายก๊อด ทั้งทหาร ตำรวจ ยืนกันอยุ่พรึบพรับ
จอจ : ปอ เมิงไปบอกพี่หารดิ ช่วยโบกรถให้หน่อย
ปอ : ทามไมต้องกูอ่ะ
จอจ : เอาหน้าตาเข้าสู้เด่
ทั้งพี่หารพี่หรวด สักถามพวกเราเปนการใหญ่ มาทำไร จะไปไหน มาจากไหน บลาๆๆๆ
นั่งไปคุยไป อยู่ๆพี่ทหารชวนกินข้าวเฉย555 นั่งตบยุงตายไปล้านตัวก็มีรถแล่นเข้าด่านตรวจมาสองคัน กระบะด้วยเหวยยย พี่หารก้จัดการให้เสรจสรรพ
พี่หาร : น้องๆๆๆขึ้นรถได้เลย
เย้ๆๆๆ ได้รถแล้นน ปีนขึ้นท้ายกระบะด้วยความไวปาน4G
นั่งท้ายอย่างหนาวว พี่เค้าก็ขับเข้าโค้งไม่บันยะบันยัง เราก็กลิ้งไปกลิ้งมา นั่งดูดาวไปด้วยได้สักพักใหญ่ๆ ประมาณ --21.00 น.-- ก็ถึงจุดหมาย
ขอบคุณพี่เค้าเสร็จเราก็ตกลงกันว่า เดี๋ยวเอาเป๋าไปเก็บที่พักก่อน ซึ่งก็คือ โรงเรียนอนุบาลสังขละบุรี [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ถามว่าจะไปโรงเรียนยังงัยอ่ะ เดินสิจร้า เดินๆๆๆ เอ๊ะ นั่นอะไร เห้ยโรงเรียนเว้ย ทุกคนเดินอย่างไวเข้าไปในโรงเรียน แต่มืดชิบบบ (นึกถึงซีรี่ย์เพื่อนเฮี้ยนโรงเรียนหลอนเลยค่ะเทอขา)
จอจ : เห้ยหยุดก่อนมั้ย อย่าเพิ่งเดินเข้าไป โรงเรียนชอบมีหมา เดะหมากัด (เอาจริงในใจกุกลัวผี) เดะกุโทรหารองก่อน
พวกเมิง รอตรงนี้ก่อน รองบอกเดะส่งเด็กมารับ รอไปสักแปป ใจมันเหวงๆๆ แหงนหน้ามองแป้นบาส มองซ้ายมองขวา ซ้ายมือแป้นบาส ขวามือตึกเรียน ชิบบบเอ้ยย จะสยองไปไหน ในแก้งค์เราก้มีขุ่นพี่เต้นางแกชอบแกล้ง ชอบบิ้วให้เพื่อนกลัว ทั้งๆที่ตัวเองก็กลัวน่ะ ผ่านไปสักพักเด็กที่รองว่าก็ยังไม่มา มันหายไปไหนหว่ะ บรรยากาศก็เงียบขึ้นเรื่อยๆ เพื่อนก้ไม่รุ้จะพูดไร บรรยากาศในตอนนั้น นิ่ง เงียบ อยู่ๆเสียงโทรศัพท์ก็ดัง
รองโทรมา: พวกหนูอยู่ไหนกัน เด็กไปยืนรอแล้ว ไม่เห็นพวกหนูเลย
จอจ : อ้าว พวกหนูยืนกันอยู๋ใต้แป้นบาสอ่ะค่ะ ข้างๆมีตึกเรียน น้องอยู่ตรงไหนอ่ะ ไม่เหนเลย
รอง : หนูไม่เห็นน้องหรอ เค้ายืนรออยุ่ตรงประตูโรงเรียน
จอจ : ไหนหว่ะ พวกเมิงเห็นน้องม่ะ เอ่อรองค่ะ น้องเปนญ หรือ ช ค่ะ
รอง : ช ค่ะ เหนยั้งอ่ย
จอจ : ไม่เหนเลยค่ะ พวกหนูก็ยืนอยู่ใต้แป้นบาสเนี่ยยยยยย น้องอยุ่หนายยย พวกเมิงเห็นน้องมั้ยยย (เพื่อนก็ไม่เห็น) (เอาแหล่วว มันยังงัยหว่ะ เราก็อยู่โรงเรียน ละน้องก็อยู่ตรงประตูโรงเรียน ละทามไมเราไม่เห็น)
สรุปเรามาผิดโรงเรียน นี่มันโรงเรียนเด็กมัธยม ฮาก๊ากเลย
และแล้วเราก็คลำทางมาถึงโรงเรียนอนุบาลสังขละบุรีจนได้ ซึ่งมีน้องยืนรออยู่จริงๆด้วยอ่า และนี่คือห้องนอนของเรา กิฟกิ้ว ชญ นอนรวมกันค้า ถามว่าเขิลมั้ย เขิลเชี่ยไรเพื่อนกัน 555
ถือว่าครบครันมากๆ มีห้องน้ำในตัว มีแอร์ พัดลม ทีวี ของเล่นเด็กอีกบลาๆๆ ที่พักนี้เลิศเลยทีเดียว เป็นศูนย์กลางของแหล่งท่องเที่ยวต่างๆอีกด้วย
พอเก็บของเรียบร้อยเราก็จะเดินไปหาอะไรกินกัน
สิ่งแรกที่สะดุดตามากๆคือ หมูจุ่ม ไม้ละ1บาท เท่านั้น
เพื่อนทำการเทสรสชาติทันที ผลลัพธ์คืออร่อยจ้า มายเฟรนนั่งกินกันประหนึ่งอยู่เกาหลี บางโต๊ะมีการซื้อเบียร์มานั่งกระดกด้วยอ่า
แต่วัยรุ่นอย่างพวกเราแค่หมูเสียบไม้มันไม่พอหรอก ขอข้าวๆหนักเสริมละกัน เราก็ไปร้านอาหารตามสั่งกันต่อ เข้าไปนั่งอยู่นานก็ยังเลือกเมนูกันไม่ได้สักที ลุงโต๊ะข้างๆที่กำลังก๊งเหล้ากันอยู่ก็แนะนำกวางผัดฉ่ามาค้า
แล้วเรื่องราวสยองขวัญก็เริ่มต้นจากตอนนี้...
ด้วยความที่ลุงโต๊ะข้างๆแกดูเฟรนลี่ดี เราก็คุยข้ามโต๊ะกันไปมา ถามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ จนอาหารมาเสิร์ฟ พวกเราทั้ง5ก็ลงมือโซ้ยกันทันที ในระหว่างที่กำลังกินกันอยู่นั้น อยู่ๆลุงโต๊ะข้างๆก็พูดว่า เห้ยไอ้โต๊ะนี้จะมีสามคนไปตปท. (เห้ยรู้ได้งัยหว่ะ ตกใจกันใหญ่) แถมมีคนนึงจะเสีย (เสียไรหว่ะ) ปอก็เลยหันไปถาม เสียไรค่ะลุง? เสียแบบมีความสุข (พวกเราก็คิดกันแบบขำๆ เสียพรหมจรรย์ล่ะมั้ง) แต่ด้วยบริบทที่ลุงพูด มันคือเสีย เสียแบบเดดสะมอเร่ (อ้าว เอาแล้ววงัย) ทุกคนในโต๊ะกินข้าวกันไม่ลงเลยทีเดียว แล้วลุงก็พูดขึ้นอีกเกี่ยวกับเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งมันจริงทุกอย่าง เห้ยมันใช่อ่า พวกเราก็เริ่มให้เค้าดูลายมือทีละคน ปอดูคนแรก เค้าบอกประมาณว่า เมิงมีคนตามอยู่น่ะ เค้าคอยเป่าหูเมิงอยู่ เมิงเกือบจะดีแล้วแต่ก็ไม่ดี (เห้ย มันจริงอ่ะ) จอจก็เป็นคนต่อไป เราก็เริ่มรู้สึกไม่ดีกับอิคำว่าเสียที่ลุงเค้าพูด ก็เลยถามว่า เสียนี่คือหนูหรอค่ะ? คำตอบก็คือ ก็เมิงนั่นแหละไม่ใช่ใคร (ความรู้สึกตอนนั้น มันช็อคอ่ะ ทามไมต้องกู ใจนึงมันเชื่อว่าลุงเค้ารู้จิง อีกใจก็ไม่เชื่อ ก็แค่คนเมาทัก) เค้าบอกเราจะ
ประมาณตีสี่กว่าๆ พวกเราทั้ง5ตื่นนอนกันแบบเหมือนคนไม่ได้นอน ก็อยากนอนน่ะแต่มันหลับไม่ลง รีบอาบน้ำแต่งตัวไปสะพานมอญทันที ความคิดตอนนั้นอยากทำบุญมากๆ อยากเข้าวัดแล้วอ่า
เดินออกจากโรงเรียนแล้วเลี้ยวซ้าย สองข้างทางก็เป็นบ้านชาวบ้านแบบไม้ๆ เต้แกก็ชี้นู้นชี้นี่ให้หลอนเล่นๆ
ต้องเดินคุยกันน่ะ ไม่งั้นมันจะรู้สึกไกล 555
พอถึงปากทางสะพานก็จะมีชาวบ้าน น้องๆหนูมาขายของกันตรึม ทั้งอาหาร ขนม ดอกไม้
เด็กมอญมากมายเดินมาสะกิด เพ่ๆๆรู้ประวัติสะพานมั้ยก๊า (สำเนียงมอญมาเต็ม) ถ้ากุบอกไม่รุ้ กุจะต้องเสียตังส์เลยมั้ยเนี่ย
"มาเที่ยวต้องตื่นเช้า มาเรียนต้องตื่นสาย" การตื่นเช้าคือดีอ่ะ หมอกแบบอลังการ เดินห่างเพื่อนไม่ได้เลย เดะหลงหากันไม่เจอ (เว่อร์ไปละเมิง) เดินไปเรื่อยๆใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ พวกเราเดินข้ามสะพานมอญมาถึงฝั่งมอญก็เริ่มเห็นความคึกคัก เราก็จรงดิ่งไปต่อแถวรอพระเดินมา รออยู่นานพอควรแหละ
ทำบุญใส่บาตรกันเรียบร้อยแล้ว ก็สบายใจขึ้นมานิดนึง คิดมากไปก็ปวดหัว หาไรกินดีฟ่า กองทัพต้องเดินด้วยท้องน่ะจ่ะ พี่ก้อยแนะนำมาว่า เช้าๆห้ามพลาดน่ะร้านนี้
นั่นก็คือ "ร้านอาหารมอญ"
คนเยอะมาก ต้องยืนรอโต๊ะเลยทีเดียว แนะนำให้นั่งหน้าร้านน่ะ จะมีน้องๆมายืนเล่นดนตรีสดอยู่ข้างร้าน
เดินไปหยิบมาเองเลย ร้านนี้บริการตัวเองเป็นหลัก เพราะคนเยอะจัด
ชา กาแฟ โอวัลติน จัดมา แก้วละ 15.-
โดฟไข่ลวกกันสักหน่อย ไข่ลวง 2 ฟอง 15.-
เพิ่มความหนักอีกนิดด้วย โจ๊กหมูสับเพิ่มไข่ลวก
ทานเสร็จพร้อมลุย กำลังวังชาเต็มเปี่ยม เราก็จะไปวัดวัดวังก์วิเวการาม หลวงพ่ออุตตมะกัน ฟิ้ววว
ถามคนแถวนั้น เค้าบอกไกลนะหนู เหมารถมั้ย (คนละ20.-)
หน้าตาป้าดูเจ้าเล่ห์อ่ะ ไม่เอาดีกว่า เดินไปเองเถอะเพื่อนๆ ถือว่าชมวิวไปด้วยล่ะกัน ตอนแรกคิดว่าป้าเค้าโม้ ความจริงเดินอย่างไกล เริ่มเมื่อย เราก็โบกจ้า
โบกเล่นๆ แต่มีพี่ผู้หญิงขับกระบะผ่านมาพอดี เราเลยขออาศัยไปวัดด้วย เย้ๆๆ (ขอบคุณพี่มากนะค่ะ)
สักการะเสร็จเราก็มาหาของฝากกันหน้าวัด แถมได้ "กระแจะ" ที่แก้มด้วย ทำมาจากทานาคา (พิมพ์ถูกรึเปล่าไม่แน่ใจนะคะ)
กระแจะกันทั้งแก๊งค์ (ฟรีด้วยนะแจ๊ะ)