สวัสดีค่ะ...กลับมาพบอีกครั้ง 555555
หลังจากที่เราพลาดหวังกับสายห้าดาวแห่งเอเชียไป
เนื่องด้วยปัญหาสุขภาพค่ะ
น่าเสียดาย แต่ว่า ชีวิตต้องเดินต่อไปค่ะ
ขอท้าวความนิดหนึ่งว่า
เราวางแผนจะไปสอบเอมิเรตส์พร้อมเพื่อนๆ
หลังจากที่เราเคยตกรอบกรุ๊ปดิสคัส2จากไทย
เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี2558
ระหว่างรอบินไปสอบที่ปีนัง
สิงคโปร์แอร์ไลนส์ก็มาเปิด
และเราไปสอบก็ปรากฎว่าผ่านค่ะ
แต่ก็ยังไปปีนังเพราะว่าจ่ายตังค่าเครื่องค่าที่พักไปแล้ว 555555555
แล้วก็เพราะเป็นสายที่อยากได้มากที่สุดด้วยค่ะ อิอิ
เอาล่ะมาเริ่มกันเถิด
ปีนังรอบนี้ คนสมัครน่าจะราวๆ 400 คนได้ค่ะ
เป็นไทย เกาหลี และมาเลย์เชียน กลุ่มละเท่าๆกันค่ะ
โพรเซสแรกคือ
"สามวิชี้ชะตา"
ในตอนนั้นนะคะ เราไปถึงโรงแรมเช้ากว่าที่กรรมการกำหนด
คือโพรเซสเริ่มเก้า พวกเราไปแปด
แต่ธรรมชาติค่ะ ถ้าคุณคิดว่าคุณมาเช้าจะมีคนมาเช้ากว่าคุณเสมอ
วันนั้นกรรมการมาคนเดียวค่ะ เก้าโมงตรงเริ่มโปรเซส
แต่ไม่ปิดประตูห้องค่ะ ครมาหลังเก้าโมงก็เข้าห้องได้
ทีนี้เก้าอี้ไม่พอค่ะ กรรมการก็เริ่มเรียก
และมีการให้คนที่ไม่มีที่นั่งมาจับจองที่นั่งที่ว่าง
เราเข้าใจนะคะว่าการยืนรอนานๆมันเหนื่อยเราเลยไม่อะไรค่ะ
ก็นั่งรอสวยๆของเราต่อไป (ที่ว่าสวยนี่คิดเองค่ะ 555555555)
ปัญหาคือ คิวมันรันมั่วค่ะ!
เราต้องนั่งรอตั้งแต่แปดโมงเช้า แถวที่สามของลอคขวาสุด
แต่เราได้ยื่นซีวีตอนเกือบบ่ายโมงค่ะ
ถามว่าข้าวได้กินไหม
เราคิดว่าใจเขาใจเราค่ะ กรรมการเหนื่อยกว่ายังไม่ไปเลย
เราก็ต้องอยู่ค่ะ สวย อึด และบึกบึน
เมื่อถึงคิวเรา เคลียร์ความคิดค่ะ เหนื่อย หิว หงุดหงิดที่รอนาน
ลบทิ้งไปให้หมด !!
เราอยากแนะนำว่าให้ทุกคนเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดค่ะ
ไม่มีใครรู้จักใครดีมากไปกว่าตัวเรา
มั่นใจ สตรวอง แต่ไม่ใช่มั่นหน้านะคะ จือปากหมุนตัวนี่ไม่ต้อง
เพราะข้างหน้าเป็นรีครูทเตอร์ค่ะไม่ใช่เมนเทอร์ เนาะ
อ้ะ เหตุการณืตอนนั้น ก็ไม่เสียชื่อสามวิชี้ชะตาค่ะ
เค้าจะให้เราเดินออกไปจากที่นั่ง
และเขียนชื่อลงในกระดาษที่เป็นล็อคมีตัวเลขกำกับแต่ละช่องๆ
ระหว่างนั้น กรรมการก็จะสำรวจกรูมมิ่งและอะไรต่างๆของเค้าไปค่ะ
ถามว่าใกล้มั้ยบอกเลยว่าใกล้มาก
เพราะฉนั้น ขอให้เป๊ะ ให้แน่น ให้ปังเท่านั้นนะคะ
พอเราเขียนชื่อเสร็จก็ยืนคุยกับเค้าค่ะ
เค้าก็ถามแค่ว่า เธอทำงานอะไรอยู่
เราก็ตอบไปค่ะ ว่าเพิ่งจบ และตอนนี้กำลังพยายามสมัครงานในฝัน อย่างแอร์โฮสเตสค่ะ
จากนั้นกรรมการก็ขอบคุณและเรียกคนต่อไปค่ะ
สำหรับในรอบนี้คนที่ผ่านกรรมการจะไฮไลต์ชื่อและแปะไว้ที่หน้าห้องค่ะ
เป็นอันว่าจบวันแรก แค่รอบนี้ค่ะ
โพรเซสต่อมา คือ
"กรุ้ปดิสคัส1"
จากคนที่ผ่านรอบแรกก็วนเวียนอยู่แถวๆหน้าห้องค่ะ
บอกเลยว่าถึงโรงแรมจะใหญ่แค่ไหน
เก้าอี้หน้าห้องไม่พอ
หลายๆคนรวมถึง จขกท เริ่มเล่นท่ายาก ขึ้นไปนั่งตรงเค้าน์เตอร์ค่ะ
เมื่อยอะ ไม่ไหว กรรมการอยู่ในห้องเราก็มานั่งตรงไกลๆหน่อยเพราะท่านั่งเราไม่เรียบร้อย
ครั้นจะให้ขึ้นไปนั่งตรงล็อบบี้ก็กลัวว่ากรรมการเรียกแล้วจะไม่ทันค่ะ
แต่ถ้าอดทนได้ก็คีพลุคไว้นะคะ
สำหรับการทำกรุ้ปหนึ่งนะคะ
จะถูกตัดตอนในส่วนของอาชีพออกไป
เราคิดว่าเพราะมีกรรมการคนเดียวค่ะ เค้าคงคอนโทรลยาก
รอบนี้เลยมีแต่สิ่งของมาให้ค่ะ
นั่งกันวงใหญ่ สามสิบคนได้ แต่จับกลุ่มดิสคัสกันสามคนค่ะ
กรรมการก็ให้พรีเซ้นต์ทั้งสามคน ว่าได้ไอเดียอะไรบ้าง
ซึ่งต้องไม่ใช่การใช้ตามปกติของมัน
think out of the box นั่นเองค่ะ
แนะได้แค่ว่า แฟนซีได้ค่ะ สนุกได้ แต่ว่าต้องอิงความเป็นจริงนิดนึง
ในรอบนี้สำหรับเราเราว่าไม่เครียดนะคะ ด้วยหัวข้อที่ค่อนข้างสนุก
ระหว่างที่ทำอย่าลืมโพสเจอร์ ท่านั่ง ขาชิด หลังตรง และรอยยิ้มนะคะ
ระหว่างที่คุยกับเพื่อน อย่าลืมเปิดใจรับฟัง ช่วยกัน เสริมกัน จริงใจกันนะคะ
และสุดท้ายระหว่างที่พรีเซ้น ตั้งใจฟังทุกๆคน เป็นมารยาทนะคะ
อย่าเอาแต่ห่วงนั่งคิดสคริปต์ตัวเองจนลืมเพื่อน ไม่น่ารักค่ะ
กรรมการก็จะเดินไปมา ดูเราสลับกับอีกกลุ่ม
เมื่อเสร็จแล้วก็ออกจากห้องค่ะ ผ่านไปซักสิบนาทีกรรมการก็จะเอาใบที่มีเลขคนผ่านมาแปะหน้าห้องค่ะ
วันที่สองเป็นวันที่เหนื่อยมากค่ะ
แต่เราขอให้คิดว่า เราเหนื่อย ทุกคนก็เหนื่อย กรรมการยิ่งเหนื่อยค่ะ
งานแอร์ไม่ใช่งานสบาย
ถ้าแค่มาสอบแล้วต้องรอแล้วมานึกท้อแท้ไม่พอใจ
เราอยากให้ลองถามตัวเองอีกทีค่ะ
ว่าอยากทำจริงๆใช่ไหม
ถ้าอยากทำ ก็อยู่ต่อค่ะ และทำให้ดีที่สุดนะคะ
โพรเซสที่สาม
”ข้อสอบภาษาอังกฤษ"
ก่อนเข้าไปก็แอบกลัวใจตัวเองอยู่เหมือนกันค่ะ
เพราะก็ไม่ได้เก่งอะไรมากมาย
คะแนนโทอิคก็แค่พอไม่น่าเกลียด
เรื่องการพูดการฟังไม่ค่อยเป็นปัญหา
แต่ความน่าหนักใจ ขอยกให้แกรมม่าค่ะ
สำหรับตัวข้อสอบเป็น multiple choice ทั้งหมดค่ะ
50 ข้อ ภายใน 60 นาที
ถ้าถามว่ายากไหม ตอบว่าไม่ยากไม่ง่ายค่ะ
ข้อสอบมีเป็นส่วนอ่าน passage แล้วแปลความหมายจากคำที่เข้าทำตัวดำไว้
มี vocabulary test จากคำที่ทำตัวเอียงในข้อสอบ
มีการทดสอบแกรมม่า part of speech
และสุดท้ายเป็นการอ่าน story แล้วเลือกประโยคสุดท้ายมาต่อค่ะ
ขอให้ จัดการเวลาดีๆ เพราะจากเวลาแล้วจะมามัวนั่งอ้อยอิ่งไม่ได้ค่ะ
รอบนี้กรรมการใจมาก เพราะจัดการห้องกรุ้ปหนึ่งไปด้วย เดินแว่บมาห้องสอบอังกฤษไปด้วย
ลอกไม่ได้ค่ะเพราะข้างๆเป็นคนละชุด
ถ้าถามว่าทำไมรู้ แอบดูตั้งแต่ก่อนเริ่มสอบแล้วค่ะ 5555555555
เอาล่ะ เริ่มเข้าใกล้ความเป็นจริงแล้ววว
โพรเซสที่สี่
“กรุ้ปดิสคัสสอง”
ความหนักหน่วงสุดท้าย ก่อนจะหมดวันที่สอง
เป็นการทำ role play ค่ะ
เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในงานบริการหากเราเป็นผู้จัดการจะแก้ไขปัญหาอย่างไร
ในแต่ละกลุ่มมีทั้งหมด 10 คนค่ะ
ก็จะรวมๆกันไปสามชาติ ไทย เกาหลี มาเลย์เชียน
ในแต่ละกลุ่มจะได้รับสามปัญหาให้แก้ไขค่ะ
กลุ่มเราผู้ชายชาวมาเลย์เยอะ
เราว่าเราก็เป็นคนเสียงดังนะคะ เจอเค้านี่บอกเลยว่าแพ้
เราก็ตั้งใจฟังมากเลยค่ะ หาจังหวะพูด อยากพูดก็ยกมือ
แต่มันมักจะมีคนพูดในสิ่งที่เราคิดค่ะ เวรกรรมอะไรของฉันกัน
พอเค้าพูดสิ่งที่เราคิดไปแล้วเราก็เอามือลงค่ะ ตั้งใจฟังต่อ
สรุปว่า ไม่ได้พูดเลยค่ะ บางทีกำลังจะได้จังหวะพูดเสริม
ฟิ้วว ข้ามไปข้ออื่นแล้วจ้าาา
ก็ได้ ก็ได้ ก็เลยได้แต่นั่งยกมือ ยิ้ม ตั้งใจฟังค่ะ
พอออกมาก็คิดแล้ว
เอาอีกแล้ว รอบเดิม ตกอีกแน่ เครียดมาก
แทบจะฉีกใบไม้ในโรงแรมมาเคี้ยวแก้เครียดเลยค่ะ 55555
แต่แล้วผ่านไปไม่นาน ผลก็ออกมาค่ะ
ครั้งนี้เราผ่าน โอ้ มาย ก้อด
นี่ฉันผ่านเพราะไม่พูดหรือนี่ 5555555555555
เอาเป็นว่า อย่าชักสีหน้า หรือแสดงกิริยาอาการที่ไม่น่ารักในวงค่ะ
ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้พูด หรือเราได้พูดแล้วมีคนขัดในสิ่งที่เราพูด
อะไรก็ตามค่ะ การทำงานจริงๆมันจะต้องเ็นแบบนี้อยู่แล้ว
คอนโทรลตัวเองให้ได้
คอนเซนเทรตแค่กับผลในวงดิสคัสพอค่ะ
ยังไม่ต้องสนใจจะผ่านไม่ผ่าน มันน่าจะดีที่สุด
แต่เหมือนความฝันสลายค่ะ
ในวันนั้นกรรมการบอกว่า
พรุ่งนี้ไ่ม่มีโพรเซสนะ
อ้าว!! แล้วที่สอบผ่านมานี่คือไรคะ
ฟรีหรอ ไม่เอาน่า อย่าล้อเล่น
แต่ก็ตามนั้นอะค่ะ เราต้องรอเค้ากลับมาไฟนอลที่ไทย
โอ้โหวววว รอนานม้ากกกกก รอแล้วรออีก
ถึงจะออกมารอที่ท่าอากาศยาน พี่ก็ไม่มาซักที 55555555
จนเวลาล่วงเลยเข้าสู่เดือนตุลาคมค่ะ
ไฟนอลแคนดิเดตที่ไทยทุกคนได้รับอีเมลว่าให้ไปสัมภาษณ์
คุณพระ ให้ฉันรอมาสี่ห้าเดือน
รอจนเครียดผมหงอกไปสามพันสี่ร้อยเจ็ดสิบแปดเส้น
มีเวลาเตรียมตัวพอสมควรค่ะ
ก็ตามล่าหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต
เค้าจะถามอะไร เค้าต้องการอะไร เราต้องเป็นแบบไหน
แต่ภายในเที่ยงคืนวันนั้น
แคนดิเดตทุกคนจะต้องเอา พาสเวิร์ด ไปทำข้อสอบจิตวิทยาค่ะ
คำถามเยอะมากๆ หลายๆข้อวนไปมา
บางทีก็ถามเรื่องเดิมเปลี่ยนคำ เปลี่ยนตัวเลือก
ก็เป็นตัวเองค่ะ ตอบตวามความจริง
เพราะสิ่งที่เป้นตัวเลือกก็ไม่มีอะไรเลวร้ายค่ะ
ถ้าข้อไหนไม่ใช่เรา ก็ขอให้เอาใกล้เคียงที่สุดค่ะ
ไม่ต้องคิดเยอะ แบบต้องตอบยังไงดีนะ
เพราะเวลามันน้อยค่ะเดี๋ยวทำไม่ทัน 5555555
ไม่ใช่ค่ะ ความจริงคือมันไม่ส่งผลต่อการผ่านหรือตกค่ะ เป็นตัวเองดีที่สุด
และสุดท้ายก็ถึงเวลา
“ไฟนอล”
การสัมภาษณ์ใช้เวลาหนึ่งชั่วโงค่ะ
เราเป็นคนแรกของรอบไทยเลย ก็มารอเร็วกว่าเวลาตามปกติค่ะ
ทำตัวให้คุนเคยกับสถานที่ ทำใจให้พร้อมกับบรรยากาศ
ก่อนเข้าไปเราเครียดมากค่ะ ไม่ใช่แค่ก่อนเข้าห้อง
แต่ตั้งแต่ได้เมลนั้นมาเราเครียดมาก
เราจะพลาดอีกไม่ได้
เพราะเราได้ใช้สิทธิ์วืด ไปกับสิงคโปร์แล้ว 555555
ไม่อยากเสียใจแล้วอะค่ะ ก็เลยเตรียมตัวหนักมาก
ขอบคุณเพื่อนที่คอยช่วยนั่งดู นั่งคอมเมนต์ด้วยนะ
ต้องลองนะคะ เราจะได้เห็นว่าตอนตอบคำถามหน้าตาเราตลก และเอ๋อแค่ไหน
คำถามก็อย่างที่เราทราบกันค่ะ
service mind, working management, colleges, culture
เราแนะนำว่า อย่าเฟคเกินจนไม่เหลือเค้าความจริงค่ะ
แต่งได้ ประดิษฐ์ได้ แต่เอาให้น่าเชื่อหน่อย
เค้าฟังมาเยอะค่ะ เค้ารู้ว่าจะจี้ยังไงให้เรางงกับเรื่องแต่งของเรา
เค้ารู้ว่าจะถามตรงไหนเพื่อเช็คว่ามันใช่ความจริงหรือไม่
เพราะฉนั้น be the best version of yourself ค่ะ
เค้าถามเราทั้งหมดห้าข้อค่ะ
เวลาหนึ่งชั่วโมงตอนก่อนเข้าก็เป็นบ้า
คิดว่าคนอะไรจะคุยกันห้าเรื่องนานเป็นชั่วโมง
นี่สัมภาษณ์งานหรือดูม็อกกิ้งเจย์ยะ
แต่เอาเข้าจริงมันเร็วมากค่ะ
อ้อ! อย่าลืมนะคะ คำศัพท์ที่ใช้บอกเล่ากับกรรมการ ขอเป็นคำในภาษาเขียนเนอะ
นี่โดนดุมาค่ะว่า ทำไมยูพูดบายเดอะเวย์เยอะจัง น้ำตาแทบไหล ได้แต่ยิ้มแล้วก็ขอโทษไปค่ะ
สำหรับเราคงบอกได้แค่ว่า
เรารวบรวม ไล่อ่าน หาข้อมูล จนสรุป(เอาเองคนเดียวอีกแล้ว)
ว่าเค้าต้องการคนที่เป็นโปรเฟสชันนัล รู้จักวางตัว แก้ปัญหาได้ และแอตติจูดดี
สำหรับใครมี่ไม่เคยมีประสบการณ์การทำงานเลย
เราแนะนำว่า ไปหาอะไรทำค่ะ 55555
เพราะว่ามันจะได้มีเรื่องราวที่น่าสนใจเยอะๆค่ะ
กรรมการจะเลือกคำตอบของเราด้วย
บ้างก็ว่าเรื่องนี้ไม่พีคพอ บ้างก็ว่าเรื่องนี้ไม่ตรงกับที่อยากรู้
แหม่ ห้าข้อนี่เล่าไปเป็นสิบเรื่องค่ะ
อะไรไม่เคยเกิด ไม่เคยมี ก็มีมันวันนั้นแล่ะค่ะ 55555555
ส่วนตัวเราตอนนี้ ก็ผ่านไฟนอลแล้ว
รอมา 15 วันค่ะ สเตตัสก็เปลี่ยนเป็น
JFIP (ในตำนาน)
และภายในวันนั้นก็ได้รับสายจากสรรค์ชั้นดูไบ 555555
Golden Call ค่ะ แจ้ง Date of joining
หลังจากได้คอลก็ ได้เมลให้เซ็นสัญญา อัพโลดเอกสาร
" ขอให้ทุกคนตั้งใจและพยายามค่ะ
แล้วมันจะเป็นไปได้นะ
ตัวเราคือสิ่งเดียวที่จะพาเราไปถึงฝันได้ค่ะ"
ประสบการณ์ล่าปีกห้าดาวเส้นทางของสาวหมวกแดงที่ปีนัง EMIRATES CABIN CREW
หลังจากที่เราพลาดหวังกับสายห้าดาวแห่งเอเชียไป
เนื่องด้วยปัญหาสุขภาพค่ะ
น่าเสียดาย แต่ว่า ชีวิตต้องเดินต่อไปค่ะ
ขอท้าวความนิดหนึ่งว่า
เราวางแผนจะไปสอบเอมิเรตส์พร้อมเพื่อนๆ
หลังจากที่เราเคยตกรอบกรุ๊ปดิสคัส2จากไทย
เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี2558
ระหว่างรอบินไปสอบที่ปีนัง
สิงคโปร์แอร์ไลนส์ก็มาเปิด
และเราไปสอบก็ปรากฎว่าผ่านค่ะ
แต่ก็ยังไปปีนังเพราะว่าจ่ายตังค่าเครื่องค่าที่พักไปแล้ว 555555555
แล้วก็เพราะเป็นสายที่อยากได้มากที่สุดด้วยค่ะ อิอิ
เอาล่ะมาเริ่มกันเถิด
ปีนังรอบนี้ คนสมัครน่าจะราวๆ 400 คนได้ค่ะ
เป็นไทย เกาหลี และมาเลย์เชียน กลุ่มละเท่าๆกันค่ะ
โพรเซสแรกคือ "สามวิชี้ชะตา"
ในตอนนั้นนะคะ เราไปถึงโรงแรมเช้ากว่าที่กรรมการกำหนด
คือโพรเซสเริ่มเก้า พวกเราไปแปด
แต่ธรรมชาติค่ะ ถ้าคุณคิดว่าคุณมาเช้าจะมีคนมาเช้ากว่าคุณเสมอ
วันนั้นกรรมการมาคนเดียวค่ะ เก้าโมงตรงเริ่มโปรเซส
แต่ไม่ปิดประตูห้องค่ะ ครมาหลังเก้าโมงก็เข้าห้องได้
ทีนี้เก้าอี้ไม่พอค่ะ กรรมการก็เริ่มเรียก
และมีการให้คนที่ไม่มีที่นั่งมาจับจองที่นั่งที่ว่าง
เราเข้าใจนะคะว่าการยืนรอนานๆมันเหนื่อยเราเลยไม่อะไรค่ะ
ก็นั่งรอสวยๆของเราต่อไป (ที่ว่าสวยนี่คิดเองค่ะ 555555555)
ปัญหาคือ คิวมันรันมั่วค่ะ!
เราต้องนั่งรอตั้งแต่แปดโมงเช้า แถวที่สามของลอคขวาสุด
แต่เราได้ยื่นซีวีตอนเกือบบ่ายโมงค่ะ
ถามว่าข้าวได้กินไหม
เราคิดว่าใจเขาใจเราค่ะ กรรมการเหนื่อยกว่ายังไม่ไปเลย
เราก็ต้องอยู่ค่ะ สวย อึด และบึกบึน
เมื่อถึงคิวเรา เคลียร์ความคิดค่ะ เหนื่อย หิว หงุดหงิดที่รอนาน
ลบทิ้งไปให้หมด !!
เราอยากแนะนำว่าให้ทุกคนเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดค่ะ
ไม่มีใครรู้จักใครดีมากไปกว่าตัวเรา
มั่นใจ สตรวอง แต่ไม่ใช่มั่นหน้านะคะ จือปากหมุนตัวนี่ไม่ต้อง
เพราะข้างหน้าเป็นรีครูทเตอร์ค่ะไม่ใช่เมนเทอร์ เนาะ
อ้ะ เหตุการณืตอนนั้น ก็ไม่เสียชื่อสามวิชี้ชะตาค่ะ
เค้าจะให้เราเดินออกไปจากที่นั่ง
และเขียนชื่อลงในกระดาษที่เป็นล็อคมีตัวเลขกำกับแต่ละช่องๆ
ระหว่างนั้น กรรมการก็จะสำรวจกรูมมิ่งและอะไรต่างๆของเค้าไปค่ะ
ถามว่าใกล้มั้ยบอกเลยว่าใกล้มาก
เพราะฉนั้น ขอให้เป๊ะ ให้แน่น ให้ปังเท่านั้นนะคะ
พอเราเขียนชื่อเสร็จก็ยืนคุยกับเค้าค่ะ
เค้าก็ถามแค่ว่า เธอทำงานอะไรอยู่
เราก็ตอบไปค่ะ ว่าเพิ่งจบ และตอนนี้กำลังพยายามสมัครงานในฝัน อย่างแอร์โฮสเตสค่ะ
จากนั้นกรรมการก็ขอบคุณและเรียกคนต่อไปค่ะ
สำหรับในรอบนี้คนที่ผ่านกรรมการจะไฮไลต์ชื่อและแปะไว้ที่หน้าห้องค่ะ
เป็นอันว่าจบวันแรก แค่รอบนี้ค่ะ
โพรเซสต่อมา คือ "กรุ้ปดิสคัส1"
จากคนที่ผ่านรอบแรกก็วนเวียนอยู่แถวๆหน้าห้องค่ะ
บอกเลยว่าถึงโรงแรมจะใหญ่แค่ไหน
เก้าอี้หน้าห้องไม่พอ
หลายๆคนรวมถึง จขกท เริ่มเล่นท่ายาก ขึ้นไปนั่งตรงเค้าน์เตอร์ค่ะ
เมื่อยอะ ไม่ไหว กรรมการอยู่ในห้องเราก็มานั่งตรงไกลๆหน่อยเพราะท่านั่งเราไม่เรียบร้อย
ครั้นจะให้ขึ้นไปนั่งตรงล็อบบี้ก็กลัวว่ากรรมการเรียกแล้วจะไม่ทันค่ะ
แต่ถ้าอดทนได้ก็คีพลุคไว้นะคะ
สำหรับการทำกรุ้ปหนึ่งนะคะ
จะถูกตัดตอนในส่วนของอาชีพออกไป
เราคิดว่าเพราะมีกรรมการคนเดียวค่ะ เค้าคงคอนโทรลยาก
รอบนี้เลยมีแต่สิ่งของมาให้ค่ะ
นั่งกันวงใหญ่ สามสิบคนได้ แต่จับกลุ่มดิสคัสกันสามคนค่ะ
กรรมการก็ให้พรีเซ้นต์ทั้งสามคน ว่าได้ไอเดียอะไรบ้าง
ซึ่งต้องไม่ใช่การใช้ตามปกติของมัน
think out of the box นั่นเองค่ะ
แนะได้แค่ว่า แฟนซีได้ค่ะ สนุกได้ แต่ว่าต้องอิงความเป็นจริงนิดนึง
ในรอบนี้สำหรับเราเราว่าไม่เครียดนะคะ ด้วยหัวข้อที่ค่อนข้างสนุก
ระหว่างที่ทำอย่าลืมโพสเจอร์ ท่านั่ง ขาชิด หลังตรง และรอยยิ้มนะคะ
ระหว่างที่คุยกับเพื่อน อย่าลืมเปิดใจรับฟัง ช่วยกัน เสริมกัน จริงใจกันนะคะ
และสุดท้ายระหว่างที่พรีเซ้น ตั้งใจฟังทุกๆคน เป็นมารยาทนะคะ
อย่าเอาแต่ห่วงนั่งคิดสคริปต์ตัวเองจนลืมเพื่อน ไม่น่ารักค่ะ
กรรมการก็จะเดินไปมา ดูเราสลับกับอีกกลุ่ม
เมื่อเสร็จแล้วก็ออกจากห้องค่ะ ผ่านไปซักสิบนาทีกรรมการก็จะเอาใบที่มีเลขคนผ่านมาแปะหน้าห้องค่ะ
วันที่สองเป็นวันที่เหนื่อยมากค่ะ
แต่เราขอให้คิดว่า เราเหนื่อย ทุกคนก็เหนื่อย กรรมการยิ่งเหนื่อยค่ะ
งานแอร์ไม่ใช่งานสบาย
ถ้าแค่มาสอบแล้วต้องรอแล้วมานึกท้อแท้ไม่พอใจ
เราอยากให้ลองถามตัวเองอีกทีค่ะ
ว่าอยากทำจริงๆใช่ไหม
ถ้าอยากทำ ก็อยู่ต่อค่ะ และทำให้ดีที่สุดนะคะ
โพรเซสที่สาม ”ข้อสอบภาษาอังกฤษ"
ก่อนเข้าไปก็แอบกลัวใจตัวเองอยู่เหมือนกันค่ะ
เพราะก็ไม่ได้เก่งอะไรมากมาย
คะแนนโทอิคก็แค่พอไม่น่าเกลียด
เรื่องการพูดการฟังไม่ค่อยเป็นปัญหา
แต่ความน่าหนักใจ ขอยกให้แกรมม่าค่ะ
สำหรับตัวข้อสอบเป็น multiple choice ทั้งหมดค่ะ
50 ข้อ ภายใน 60 นาที
ถ้าถามว่ายากไหม ตอบว่าไม่ยากไม่ง่ายค่ะ
ข้อสอบมีเป็นส่วนอ่าน passage แล้วแปลความหมายจากคำที่เข้าทำตัวดำไว้
มี vocabulary test จากคำที่ทำตัวเอียงในข้อสอบ
มีการทดสอบแกรมม่า part of speech
และสุดท้ายเป็นการอ่าน story แล้วเลือกประโยคสุดท้ายมาต่อค่ะ
ขอให้ จัดการเวลาดีๆ เพราะจากเวลาแล้วจะมามัวนั่งอ้อยอิ่งไม่ได้ค่ะ
รอบนี้กรรมการใจมาก เพราะจัดการห้องกรุ้ปหนึ่งไปด้วย เดินแว่บมาห้องสอบอังกฤษไปด้วย
ลอกไม่ได้ค่ะเพราะข้างๆเป็นคนละชุด
ถ้าถามว่าทำไมรู้ แอบดูตั้งแต่ก่อนเริ่มสอบแล้วค่ะ 5555555555
เอาล่ะ เริ่มเข้าใกล้ความเป็นจริงแล้ววว
โพรเซสที่สี่ “กรุ้ปดิสคัสสอง”
ความหนักหน่วงสุดท้าย ก่อนจะหมดวันที่สอง
เป็นการทำ role play ค่ะ
เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในงานบริการหากเราเป็นผู้จัดการจะแก้ไขปัญหาอย่างไร
ในแต่ละกลุ่มมีทั้งหมด 10 คนค่ะ
ก็จะรวมๆกันไปสามชาติ ไทย เกาหลี มาเลย์เชียน
ในแต่ละกลุ่มจะได้รับสามปัญหาให้แก้ไขค่ะ
กลุ่มเราผู้ชายชาวมาเลย์เยอะ
เราว่าเราก็เป็นคนเสียงดังนะคะ เจอเค้านี่บอกเลยว่าแพ้
เราก็ตั้งใจฟังมากเลยค่ะ หาจังหวะพูด อยากพูดก็ยกมือ
แต่มันมักจะมีคนพูดในสิ่งที่เราคิดค่ะ เวรกรรมอะไรของฉันกัน
พอเค้าพูดสิ่งที่เราคิดไปแล้วเราก็เอามือลงค่ะ ตั้งใจฟังต่อ
สรุปว่า ไม่ได้พูดเลยค่ะ บางทีกำลังจะได้จังหวะพูดเสริม
ฟิ้วว ข้ามไปข้ออื่นแล้วจ้าาา
ก็ได้ ก็ได้ ก็เลยได้แต่นั่งยกมือ ยิ้ม ตั้งใจฟังค่ะ
พอออกมาก็คิดแล้ว
เอาอีกแล้ว รอบเดิม ตกอีกแน่ เครียดมาก
แทบจะฉีกใบไม้ในโรงแรมมาเคี้ยวแก้เครียดเลยค่ะ 55555
แต่แล้วผ่านไปไม่นาน ผลก็ออกมาค่ะ
ครั้งนี้เราผ่าน โอ้ มาย ก้อด
นี่ฉันผ่านเพราะไม่พูดหรือนี่ 5555555555555
เอาเป็นว่า อย่าชักสีหน้า หรือแสดงกิริยาอาการที่ไม่น่ารักในวงค่ะ
ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้พูด หรือเราได้พูดแล้วมีคนขัดในสิ่งที่เราพูด
อะไรก็ตามค่ะ การทำงานจริงๆมันจะต้องเ็นแบบนี้อยู่แล้ว
คอนโทรลตัวเองให้ได้
คอนเซนเทรตแค่กับผลในวงดิสคัสพอค่ะ
ยังไม่ต้องสนใจจะผ่านไม่ผ่าน มันน่าจะดีที่สุด
แต่เหมือนความฝันสลายค่ะ
ในวันนั้นกรรมการบอกว่า
พรุ่งนี้ไ่ม่มีโพรเซสนะ
อ้าว!! แล้วที่สอบผ่านมานี่คือไรคะ
ฟรีหรอ ไม่เอาน่า อย่าล้อเล่น
แต่ก็ตามนั้นอะค่ะ เราต้องรอเค้ากลับมาไฟนอลที่ไทย
โอ้โหวววว รอนานม้ากกกกก รอแล้วรออีก
ถึงจะออกมารอที่ท่าอากาศยาน พี่ก็ไม่มาซักที 55555555
จนเวลาล่วงเลยเข้าสู่เดือนตุลาคมค่ะ
ไฟนอลแคนดิเดตที่ไทยทุกคนได้รับอีเมลว่าให้ไปสัมภาษณ์
คุณพระ ให้ฉันรอมาสี่ห้าเดือน
รอจนเครียดผมหงอกไปสามพันสี่ร้อยเจ็ดสิบแปดเส้น
มีเวลาเตรียมตัวพอสมควรค่ะ
ก็ตามล่าหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต
เค้าจะถามอะไร เค้าต้องการอะไร เราต้องเป็นแบบไหน
แต่ภายในเที่ยงคืนวันนั้น
แคนดิเดตทุกคนจะต้องเอา พาสเวิร์ด ไปทำข้อสอบจิตวิทยาค่ะ
คำถามเยอะมากๆ หลายๆข้อวนไปมา
บางทีก็ถามเรื่องเดิมเปลี่ยนคำ เปลี่ยนตัวเลือก
ก็เป็นตัวเองค่ะ ตอบตวามความจริง
เพราะสิ่งที่เป้นตัวเลือกก็ไม่มีอะไรเลวร้ายค่ะ
ถ้าข้อไหนไม่ใช่เรา ก็ขอให้เอาใกล้เคียงที่สุดค่ะ
ไม่ต้องคิดเยอะ แบบต้องตอบยังไงดีนะ
เพราะเวลามันน้อยค่ะเดี๋ยวทำไม่ทัน 5555555
ไม่ใช่ค่ะ ความจริงคือมันไม่ส่งผลต่อการผ่านหรือตกค่ะ เป็นตัวเองดีที่สุด
และสุดท้ายก็ถึงเวลา
“ไฟนอล”
การสัมภาษณ์ใช้เวลาหนึ่งชั่วโงค่ะ
เราเป็นคนแรกของรอบไทยเลย ก็มารอเร็วกว่าเวลาตามปกติค่ะ
ทำตัวให้คุนเคยกับสถานที่ ทำใจให้พร้อมกับบรรยากาศ
ก่อนเข้าไปเราเครียดมากค่ะ ไม่ใช่แค่ก่อนเข้าห้อง
แต่ตั้งแต่ได้เมลนั้นมาเราเครียดมาก
เราจะพลาดอีกไม่ได้
เพราะเราได้ใช้สิทธิ์วืด ไปกับสิงคโปร์แล้ว 555555
ไม่อยากเสียใจแล้วอะค่ะ ก็เลยเตรียมตัวหนักมาก
ขอบคุณเพื่อนที่คอยช่วยนั่งดู นั่งคอมเมนต์ด้วยนะ
ต้องลองนะคะ เราจะได้เห็นว่าตอนตอบคำถามหน้าตาเราตลก และเอ๋อแค่ไหน
คำถามก็อย่างที่เราทราบกันค่ะ
service mind, working management, colleges, culture
เราแนะนำว่า อย่าเฟคเกินจนไม่เหลือเค้าความจริงค่ะ
แต่งได้ ประดิษฐ์ได้ แต่เอาให้น่าเชื่อหน่อย
เค้าฟังมาเยอะค่ะ เค้ารู้ว่าจะจี้ยังไงให้เรางงกับเรื่องแต่งของเรา
เค้ารู้ว่าจะถามตรงไหนเพื่อเช็คว่ามันใช่ความจริงหรือไม่
เพราะฉนั้น be the best version of yourself ค่ะ
เค้าถามเราทั้งหมดห้าข้อค่ะ
เวลาหนึ่งชั่วโมงตอนก่อนเข้าก็เป็นบ้า
คิดว่าคนอะไรจะคุยกันห้าเรื่องนานเป็นชั่วโมง
นี่สัมภาษณ์งานหรือดูม็อกกิ้งเจย์ยะ
แต่เอาเข้าจริงมันเร็วมากค่ะ
อ้อ! อย่าลืมนะคะ คำศัพท์ที่ใช้บอกเล่ากับกรรมการ ขอเป็นคำในภาษาเขียนเนอะ
นี่โดนดุมาค่ะว่า ทำไมยูพูดบายเดอะเวย์เยอะจัง น้ำตาแทบไหล ได้แต่ยิ้มแล้วก็ขอโทษไปค่ะ
สำหรับเราคงบอกได้แค่ว่า
เรารวบรวม ไล่อ่าน หาข้อมูล จนสรุป(เอาเองคนเดียวอีกแล้ว)
ว่าเค้าต้องการคนที่เป็นโปรเฟสชันนัล รู้จักวางตัว แก้ปัญหาได้ และแอตติจูดดี
สำหรับใครมี่ไม่เคยมีประสบการณ์การทำงานเลย
เราแนะนำว่า ไปหาอะไรทำค่ะ 55555
เพราะว่ามันจะได้มีเรื่องราวที่น่าสนใจเยอะๆค่ะ
กรรมการจะเลือกคำตอบของเราด้วย
บ้างก็ว่าเรื่องนี้ไม่พีคพอ บ้างก็ว่าเรื่องนี้ไม่ตรงกับที่อยากรู้
แหม่ ห้าข้อนี่เล่าไปเป็นสิบเรื่องค่ะ
อะไรไม่เคยเกิด ไม่เคยมี ก็มีมันวันนั้นแล่ะค่ะ 55555555
ส่วนตัวเราตอนนี้ ก็ผ่านไฟนอลแล้ว
รอมา 15 วันค่ะ สเตตัสก็เปลี่ยนเป็น JFIP (ในตำนาน)
และภายในวันนั้นก็ได้รับสายจากสรรค์ชั้นดูไบ 555555
Golden Call ค่ะ แจ้ง Date of joining
หลังจากได้คอลก็ ได้เมลให้เซ็นสัญญา อัพโลดเอกสาร
แล้วมันจะเป็นไปได้นะ
ตัวเราคือสิ่งเดียวที่จะพาเราไปถึงฝันได้ค่ะ"