สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวพันทิป จะมาเล่าถึงการไปbackpackให้ฟัง
ก่อนอื่นเลยต้องขอโทษถ้าภาพมีน้อยและไม่สวย หรือไม่ค่อยมีอะไรให้ติดตาม เป็นทริปที่ไปเจอฝนพอดี(ทำไรไม่ได้เลย)
.
.
การbackpackครั้งนี้เราไปกัน6คน ได้คิดอยู่นานว่าจะไปไหนกันดี ภูเขาก็กลัวฝน ทะเลก็กลัวฝน
เถียงกันไปกันมากับเพื่อน จนได้ว่าจะไปทะเลไปเที่ยวตราดกัน มาตัดสินใจไปเกาะช้างก็อีก2-3 วันก่อนเดินทางเอง
เริ่มออกเดินทางกัน7โมงเช้าจากโลตัสพระราม2 ตอนแรกก็ว่าจะไปกันโดยรถตู้ ด้วยความโชคดีมากๆคุณแม่ของเพื่อนร่วมทริปจะไปทำธุระที่ตราดพอดีเลยขอติดรถไปด้วยเลย
ประหยัดค่าเดินทางได้ละ เราขึ้นทางด่วนดาวคะนอง ตามถนนกาญจนาภิเษก ทางหลวงพิเศษหมายเลข9 เชื่อมต่อไปยังทางพิเศษบูรพาวิถี เส้นบางนาชลบุรี แยกซ้ายไปถนนสุขุมวิท ตรงตามทางไปถนนบายพาสชลบุรี โดยเส้นทางที่ใช้จะเป็นถนนเลี่ยงเมืองชลบุรี
พอถึงเวลา11.00 น. คุณแม่ก็พาแวะกินข้าวกันที่ แยกกองดิน ซึ่งแยกนี้มีอาหารขึ้นชื่อคือก๋วยเตี๋ยวปลา และทอดมันที่อร่อยมากกกก เรียกว่าแย่งกันกินเลยทีเดียว
เมื่อทานเสร็จ เราจึงออกเดินทางต่อจนถึงแยกปากแซง หรือเรียกกันติดปากว่า แยกชนภูเขา เลี้ยวขวาไปตามถนนสุขุมวิทจนเดินทางมาถึงตัวเมืองและเดินทางต่อไปที่ท่าเรือเซ็นเตอร์พ้อย
โดยไปตามทางถนนเทศบาล 3148 ผ่านวังน้ำเขี่ยว และเลี้ยวขวาตรง Tesco Lotus Express ตรงไปเรื่อยๆเมื่อถึงแยกแรกให้เลี้ยวซ้าย เดินทางต่ออีก 5 กิโลเมตรก็จะถึงท่าเรือเซ็นเตอร์พ้อย เราใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพ-ตราด 4 ชั่วโมง 47 นาที (ถ้านั่งรถตู้มาต้องต่อ2แถวไปท่าเรือนะคะ)
เราถึงท่าเรือเซนเตอร์พ้อย เวลา 13.30 น. เลือกซื้อบัตรขึ้นเรือแบบเหมาไปกลับ ในราคาคนละ 160 บาท โดยเที่ยวเวลาเรือออกจะเป็น 1 ชม. ต่อ 1 ลำ จึงได้ขึ้นเรือเวลา 14.00 น.
ระหว่างที่อยู่บนเรือรอเรืออกไปยังเกาะช้างนั้น เราก็ได้เห็นวิวทิวทัศน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเกาะช้าง เกาะกูด เกาะหมาก บอกเลยว่ามันสวยงามมาก ลมทะเล น้ำทะเลใสๆ เห็นแล้วอยากกระโดดลงไปว่าย
ในระหว่างที่กำลังดื่มด่ำกับทะเลอยู่ อุปสรรคในการเดินทางก็โผล่มา ฝน!!!! ตอนแรกนั้นเราห็นฝนตกไล่มาจากด้านข้างของฝั่ง คิดว่าแปปๆคงหยุดไม่ถึงเราหรอกไม่ทันไร ฟิ้ว!!! ลมแรงๆพัดมาพร้อมสายฝนที่สาดเข้าตัวเรือ ทำให้ต้องย้ายที่นั่งกันเลยทีเดียว
แต่ฝนก็ตกได้ไม่นาน ทำให้สามารถดื่มด่ำบรรยาศต่อได้และแล้วเรือก็เริ่มออกเดินทาง เราเดินทางถึงเกาะช้างเวลาประมาณ 14.45 น. ใช้เวลา45 นาทีในการเดินทางข้ามเกาะ
สิ่งแรกที่เราทำเมื่อเราเดินทางไปถึงคือ การเช่ารถมอเตอร์ไซค์เพื่อใช้ในการเดินทางภายในเกาะและหาที่พักค่ะ
ซึ่งค่าเช่ามอเตอร์ไซด์คิดเป็นค่าบริการต่อวัน วันละ 250 บาท โดยมีค่ามัดจำมอเตอร์ไซค์คันละ 1,000 บาท มีน้ำมันให้ 1 ลิตร ขับได้ประมาณ 5 กิโลเมตร เราตัดสินใจว่าเช่า3คัน ไปคันละ2คน
พี่เจ้าของร้านเช่าบอกกับพวกเราว่าจะมีปั้มน้ำมันอยู่ระหว่างทางที่เราจะเดินทางไปที่พัก เมื่อเราเช่าเสร็จแล้ว ก็เริ่มออกเดินทางไปยังที่พักของเรา ในระหว่างทางที่เราเดินทางไปที่พัก เราก็ได้แวะเติมน้ำมันตามคำบอก เติมเต็มถังราคา 80 บาท และออกเดินทางต่อไปยังที่พัก
จะถือว่าเป็นความสะเพร่าและความชะล่าใจก็เป็นได้ พวกเราลืมจองที่พัก!!! ซึ่งได้มาหากันในคืนก่อนวันเดินทาง พวกเราหาที่พักที่จะพักกันได้หมด ราคาถูก ได้เสริชหาในลุงกู๋ แล้วก็โทรติดต่อไปทุกที่ที่เราคิดว่ามันโอเค ปรากฎว่าเต็ม เหลือแต่ห้องละ2คน ราคาท่องเที่ยวแบบครอบครัว เราเลยตัดสินใจไปตายเอาดาบหน้าค่ะ
เราได้ถามพี่ที่ร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ เขาแนะนำให้ไปดูที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง(อุทยานแห่งชาติคลองสน) ก็กะว่าถ้าไม่ได้ก็ค่อยตะเวนหาอีกที เส้นทางบนเกาะช้างนั้น มีขึ้นเขาลงเขาบ่อยมาก และลาดชันด้วย โค้งก่อนจะถึงที่ทำการอุทยาน ถือว่าอันตรายที่สุดเลยละค่ะ ด้วยความที่ไม่ชำนาญและมีสัมภาระเราจึงให้เพื่อนที่ซ้อนมาเดินขึ้นและเราขับรถขึ้น ดูปลอดภัยกว่า
ระหว่างที่ขึ้นนั่นเองฝนตกอีกแล้วจ้าาาาา เลยขอเข้าไปหลบในที่ทำการอุทยาน ตอนแรกคิดว่าคงไม่ใช่ที่นี้หรอก พอถามทางเท่านั้นแหละ อ้าวถึงแล้วหรอ เลยได้ติดต่อขอพี่เจ้าหน้าที่พัก1คืน ด้วยความเมตตาของพี่ๆเจ้าหน้าที่ที่อุทยานจึงให้เราเข้าพัก 1 คืน ราคา 1,800 บาท คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม ภายในที่พักมีห้องนอน 3 ห้อง ห้องโถง 1 ห้อง และห้องน้ำ 2 ห้อง พร้อมแอร์และทีวี ครบครัน นี่แหละที่ตามหาอยู่
และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็โผล่มา จ๊ะเอ๋!!
เราได้แยกย้ายกันจัดแจงสัมภาระและแบ่งห้องนอน เมื่อจัดของเสร็จแล้วก็เป็นเวลา5โมงเย็นกว่าๆแล้ว ฝนก็หยุดแล้ว ใครจะรอช้าล่ะค่ะ ไปตะลอนกันต่อสิ
ขับมอเตอร์ไซค์ไปทางซ้ายเรื่อยๆ จากที่พัก วิวที่มองจากบนเขาไปที่ทะเลสวยงามมาก มื้อเย็นเราตกลงกันว่าจะซื้อกลับไปกินกันที่พักเลยตระเวนหาร้านอาหารที่ดูง่ายๆไม่เป็นภัตคาร ซึ่งตลอดเส้นทางริมชายหาดส่วนมากเป็นร้านอาหารที่ดูหรูหราไม่แน่ใจว่าจะแพ็กให้เราได้รึเปล่าและราคาจะไหวกับเงินในกระเป๋าตังเราไหม
จึงขับรถตระเวนมาเรื่อยๆ จนมาเจอร้านข้าวต้มป้ายสีฟ้าๆ ต้องขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่าอาหารที่ร้านนี้ถูก อร่อย คุ้มค่ากับเงินในกระเป๋าที่สุด ระหว่างทางที่เรานำมื้อเย็นของเรากลับมาทานที่ที่พัก เอ๊ะ! เห็นข้างทางมีไฟเยอะแยะ มาขนาดนี้แล้วไม่พลาดที่จะแวะไปอย่างแน่นอน จอดมอเตอร์ไซค์เรียบร้อยก็เดินกันเลย โอ้โห้น่ากินทั้งนั้นนนน เสียดายที่ตอนขามาเขาตั้งร้านช้าเพราะฝนตก เราเดินดูของกินและซื้อจนหนำใจ ได้เวลาที่เราเลือกซื้อกันแล้ว อ่ะซื้อคอหมูย่างล่ะกัน ชุดละ 60 บาท
ไหนๆก็ซื้อแล้วถามสักหน่อยล่ะกันว่าตลาดนี้เป็นมายังไง จนรู้มาว่า นี่คือตลาดกลางคืนของเกาะช้าง ค่าคุณผู้ชม ตลาดแห่งนี้เปิดเวลา 17.00-22.00 น. ของทุกๆวันเลย (มาเกาะช้างห้ามพลาดนะ) ที่นี่ไม่ได้มีแค่ทะเล ภูเขา น้ำตก นะยูว ตลาดกลางคืนก็มีนะจ้ะ ถึงที่พักเราก็จัดการทานอาหารที่ซื้อมาจนหมดเกลี้ยง หนังท้องตึงหนังตาหย่อนเป็นธรรมดา มื้อนี้หมดไป(480 บาทเอง 6 คน กับข้าว7 อย่าง)
ผัดผักทะเล
กุ้งชุบแป้งทอด
หมูกรอบผัดพริกแกง
หอยลายผัดฉ่า
คอหมูย่าง
หมูมะนาว
ไก่ทอด
เช้าวันที่สองเราตั้งใจจะตื่น 6.00 น. เพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ชายหาด แต่ฝันนั้นก็ได้สลายไปในพริบตา เมื่อ 6 โมงที่ตื่นขึ้นมาพระอาทิตย์ขึ้นขอบฟ้าเรียบร้อยแล้วเราจึงได้ทำการเปลี่ยนแผนทันที เป้าหมายใหม่ของเราคือ หาดทรายขาว
จากที่วางแผนจะเล่นเมื่อแรกสบายๆเลยย้ายมาวันที่สองแทน รู้หรือไม่ว่าทำไมถึงเรียกหาดนี้ว่าหาดทรายขาว? ติ๊กตอก? ติ๊กตอก? เพราะว่าชายหาดที่นี่มีทรายสีขาวไงล่ะค่ะ ว้าววววว ไม่ต้องบอกว่าน้ำทะเลทะเลจะใสขนาดไหน ใสมากจนเห็นปูน้อย ปลาน้อย กันเลยทีเดียว อยากสัมผัสความขาวสบายตา แนะนำชายหาดแห่งนี้เลยค่ะ เรานั้นต้องเช็คเอาท์ก่อน11โมง กลัวจะกลับไปไม่ทันเลยเอากระเป๋าฝากไว้ส่วนทำการและคืนกุญแจ เพราะหาที่อาบน้ำเปลี่ยนชุดยากเลยไม่ได้เล่นน้ำกัน
มาทะเลไม่ได้เล่นน้ำก็โดดหน่อยเนอะ
เมื่อไปทะเลแล้วจะอยู่แต่ทะเลก็ยังไงอยู่ ไปเดินป่า น้ำตกมั้ง
นี่เลยน้ำตกคลองพลู จากรูปแผนที่เข้าไปไม่ลึกเลยตัดสินใจไป
น้ำตกแห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากหาดทรายขาวมากนัก มีการเก็บค่าเข้าคนละ 40 บาท(เราไปเสาร์อาทิตย์ ช่วงนี้วันจันทร์-ศุกร์ 20บาทค่ะ ถึงแค่31ธันวานี้)
ตลอดการเดินเราจะเห็นธารน้ำตกที่มีน้ำไหลมาเรื่อยๆ ใจนี่สั่นเลยหล่ะค่ะ อยากลงไปแหวกว่ายวนเวียนในน้ำตกเร็วๆ
ระยะทางจากจุดทางเข้าไปจุดชมและเล่นน้ำตกคลองพลูมีระยะทาง 700เมตร (ในเว็บบอก 500 เมตร) แค่นี้จิ๊บๆ น้ำก็เตรียมแล้ว เอาค่ะ Let's go~
[CR] 3วัน2คืน ทัวร์ตราดตั้งแต่เกาะช้างยันเกาะกง
ก่อนอื่นเลยต้องขอโทษถ้าภาพมีน้อยและไม่สวย หรือไม่ค่อยมีอะไรให้ติดตาม เป็นทริปที่ไปเจอฝนพอดี(ทำไรไม่ได้เลย)
.
.
การbackpackครั้งนี้เราไปกัน6คน ได้คิดอยู่นานว่าจะไปไหนกันดี ภูเขาก็กลัวฝน ทะเลก็กลัวฝน
เถียงกันไปกันมากับเพื่อน จนได้ว่าจะไปทะเลไปเที่ยวตราดกัน มาตัดสินใจไปเกาะช้างก็อีก2-3 วันก่อนเดินทางเอง
เริ่มออกเดินทางกัน7โมงเช้าจากโลตัสพระราม2 ตอนแรกก็ว่าจะไปกันโดยรถตู้ ด้วยความโชคดีมากๆคุณแม่ของเพื่อนร่วมทริปจะไปทำธุระที่ตราดพอดีเลยขอติดรถไปด้วยเลย
ประหยัดค่าเดินทางได้ละ เราขึ้นทางด่วนดาวคะนอง ตามถนนกาญจนาภิเษก ทางหลวงพิเศษหมายเลข9 เชื่อมต่อไปยังทางพิเศษบูรพาวิถี เส้นบางนาชลบุรี แยกซ้ายไปถนนสุขุมวิท ตรงตามทางไปถนนบายพาสชลบุรี โดยเส้นทางที่ใช้จะเป็นถนนเลี่ยงเมืองชลบุรี
พอถึงเวลา11.00 น. คุณแม่ก็พาแวะกินข้าวกันที่ แยกกองดิน ซึ่งแยกนี้มีอาหารขึ้นชื่อคือก๋วยเตี๋ยวปลา และทอดมันที่อร่อยมากกกก เรียกว่าแย่งกันกินเลยทีเดียว
เมื่อทานเสร็จ เราจึงออกเดินทางต่อจนถึงแยกปากแซง หรือเรียกกันติดปากว่า แยกชนภูเขา เลี้ยวขวาไปตามถนนสุขุมวิทจนเดินทางมาถึงตัวเมืองและเดินทางต่อไปที่ท่าเรือเซ็นเตอร์พ้อย
โดยไปตามทางถนนเทศบาล 3148 ผ่านวังน้ำเขี่ยว และเลี้ยวขวาตรง Tesco Lotus Express ตรงไปเรื่อยๆเมื่อถึงแยกแรกให้เลี้ยวซ้าย เดินทางต่ออีก 5 กิโลเมตรก็จะถึงท่าเรือเซ็นเตอร์พ้อย เราใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพ-ตราด 4 ชั่วโมง 47 นาที (ถ้านั่งรถตู้มาต้องต่อ2แถวไปท่าเรือนะคะ)
เราถึงท่าเรือเซนเตอร์พ้อย เวลา 13.30 น. เลือกซื้อบัตรขึ้นเรือแบบเหมาไปกลับ ในราคาคนละ 160 บาท โดยเที่ยวเวลาเรือออกจะเป็น 1 ชม. ต่อ 1 ลำ จึงได้ขึ้นเรือเวลา 14.00 น.
ระหว่างที่อยู่บนเรือรอเรืออกไปยังเกาะช้างนั้น เราก็ได้เห็นวิวทิวทัศน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเกาะช้าง เกาะกูด เกาะหมาก บอกเลยว่ามันสวยงามมาก ลมทะเล น้ำทะเลใสๆ เห็นแล้วอยากกระโดดลงไปว่าย
ในระหว่างที่กำลังดื่มด่ำกับทะเลอยู่ อุปสรรคในการเดินทางก็โผล่มา ฝน!!!! ตอนแรกนั้นเราห็นฝนตกไล่มาจากด้านข้างของฝั่ง คิดว่าแปปๆคงหยุดไม่ถึงเราหรอกไม่ทันไร ฟิ้ว!!! ลมแรงๆพัดมาพร้อมสายฝนที่สาดเข้าตัวเรือ ทำให้ต้องย้ายที่นั่งกันเลยทีเดียว
สิ่งแรกที่เราทำเมื่อเราเดินทางไปถึงคือ การเช่ารถมอเตอร์ไซค์เพื่อใช้ในการเดินทางภายในเกาะและหาที่พักค่ะ
ซึ่งค่าเช่ามอเตอร์ไซด์คิดเป็นค่าบริการต่อวัน วันละ 250 บาท โดยมีค่ามัดจำมอเตอร์ไซค์คันละ 1,000 บาท มีน้ำมันให้ 1 ลิตร ขับได้ประมาณ 5 กิโลเมตร เราตัดสินใจว่าเช่า3คัน ไปคันละ2คน
พี่เจ้าของร้านเช่าบอกกับพวกเราว่าจะมีปั้มน้ำมันอยู่ระหว่างทางที่เราจะเดินทางไปที่พัก เมื่อเราเช่าเสร็จแล้ว ก็เริ่มออกเดินทางไปยังที่พักของเรา ในระหว่างทางที่เราเดินทางไปที่พัก เราก็ได้แวะเติมน้ำมันตามคำบอก เติมเต็มถังราคา 80 บาท และออกเดินทางต่อไปยังที่พัก
จะถือว่าเป็นความสะเพร่าและความชะล่าใจก็เป็นได้ พวกเราลืมจองที่พัก!!! ซึ่งได้มาหากันในคืนก่อนวันเดินทาง พวกเราหาที่พักที่จะพักกันได้หมด ราคาถูก ได้เสริชหาในลุงกู๋ แล้วก็โทรติดต่อไปทุกที่ที่เราคิดว่ามันโอเค ปรากฎว่าเต็ม เหลือแต่ห้องละ2คน ราคาท่องเที่ยวแบบครอบครัว เราเลยตัดสินใจไปตายเอาดาบหน้าค่ะ
เราได้ถามพี่ที่ร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ เขาแนะนำให้ไปดูที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง(อุทยานแห่งชาติคลองสน) ก็กะว่าถ้าไม่ได้ก็ค่อยตะเวนหาอีกที เส้นทางบนเกาะช้างนั้น มีขึ้นเขาลงเขาบ่อยมาก และลาดชันด้วย โค้งก่อนจะถึงที่ทำการอุทยาน ถือว่าอันตรายที่สุดเลยละค่ะ ด้วยความที่ไม่ชำนาญและมีสัมภาระเราจึงให้เพื่อนที่ซ้อนมาเดินขึ้นและเราขับรถขึ้น ดูปลอดภัยกว่า
ระหว่างที่ขึ้นนั่นเองฝนตกอีกแล้วจ้าาาาา เลยขอเข้าไปหลบในที่ทำการอุทยาน ตอนแรกคิดว่าคงไม่ใช่ที่นี้หรอก พอถามทางเท่านั้นแหละ อ้าวถึงแล้วหรอ เลยได้ติดต่อขอพี่เจ้าหน้าที่พัก1คืน ด้วยความเมตตาของพี่ๆเจ้าหน้าที่ที่อุทยานจึงให้เราเข้าพัก 1 คืน ราคา 1,800 บาท คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม ภายในที่พักมีห้องนอน 3 ห้อง ห้องโถง 1 ห้อง และห้องน้ำ 2 ห้อง พร้อมแอร์และทีวี ครบครัน นี่แหละที่ตามหาอยู่
และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็โผล่มา จ๊ะเอ๋!!
เราได้แยกย้ายกันจัดแจงสัมภาระและแบ่งห้องนอน เมื่อจัดของเสร็จแล้วก็เป็นเวลา5โมงเย็นกว่าๆแล้ว ฝนก็หยุดแล้ว ใครจะรอช้าล่ะค่ะ ไปตะลอนกันต่อสิ
ขับมอเตอร์ไซค์ไปทางซ้ายเรื่อยๆ จากที่พัก วิวที่มองจากบนเขาไปที่ทะเลสวยงามมาก มื้อเย็นเราตกลงกันว่าจะซื้อกลับไปกินกันที่พักเลยตระเวนหาร้านอาหารที่ดูง่ายๆไม่เป็นภัตคาร ซึ่งตลอดเส้นทางริมชายหาดส่วนมากเป็นร้านอาหารที่ดูหรูหราไม่แน่ใจว่าจะแพ็กให้เราได้รึเปล่าและราคาจะไหวกับเงินในกระเป๋าตังเราไหม
จึงขับรถตระเวนมาเรื่อยๆ จนมาเจอร้านข้าวต้มป้ายสีฟ้าๆ ต้องขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่าอาหารที่ร้านนี้ถูก อร่อย คุ้มค่ากับเงินในกระเป๋าที่สุด ระหว่างทางที่เรานำมื้อเย็นของเรากลับมาทานที่ที่พัก เอ๊ะ! เห็นข้างทางมีไฟเยอะแยะ มาขนาดนี้แล้วไม่พลาดที่จะแวะไปอย่างแน่นอน จอดมอเตอร์ไซค์เรียบร้อยก็เดินกันเลย โอ้โห้น่ากินทั้งนั้นนนน เสียดายที่ตอนขามาเขาตั้งร้านช้าเพราะฝนตก เราเดินดูของกินและซื้อจนหนำใจ ได้เวลาที่เราเลือกซื้อกันแล้ว อ่ะซื้อคอหมูย่างล่ะกัน ชุดละ 60 บาท
ไหนๆก็ซื้อแล้วถามสักหน่อยล่ะกันว่าตลาดนี้เป็นมายังไง จนรู้มาว่า นี่คือตลาดกลางคืนของเกาะช้าง ค่าคุณผู้ชม ตลาดแห่งนี้เปิดเวลา 17.00-22.00 น. ของทุกๆวันเลย (มาเกาะช้างห้ามพลาดนะ) ที่นี่ไม่ได้มีแค่ทะเล ภูเขา น้ำตก นะยูว ตลาดกลางคืนก็มีนะจ้ะ ถึงที่พักเราก็จัดการทานอาหารที่ซื้อมาจนหมดเกลี้ยง หนังท้องตึงหนังตาหย่อนเป็นธรรมดา มื้อนี้หมดไป(480 บาทเอง 6 คน กับข้าว7 อย่าง)
ผัดผักทะเล
กุ้งชุบแป้งทอด
หมูกรอบผัดพริกแกง
หอยลายผัดฉ่า
คอหมูย่าง
หมูมะนาว
ไก่ทอด
เช้าวันที่สองเราตั้งใจจะตื่น 6.00 น. เพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ชายหาด แต่ฝันนั้นก็ได้สลายไปในพริบตา เมื่อ 6 โมงที่ตื่นขึ้นมาพระอาทิตย์ขึ้นขอบฟ้าเรียบร้อยแล้วเราจึงได้ทำการเปลี่ยนแผนทันที เป้าหมายใหม่ของเราคือ หาดทรายขาว
จากที่วางแผนจะเล่นเมื่อแรกสบายๆเลยย้ายมาวันที่สองแทน รู้หรือไม่ว่าทำไมถึงเรียกหาดนี้ว่าหาดทรายขาว? ติ๊กตอก? ติ๊กตอก? เพราะว่าชายหาดที่นี่มีทรายสีขาวไงล่ะค่ะ ว้าววววว ไม่ต้องบอกว่าน้ำทะเลทะเลจะใสขนาดไหน ใสมากจนเห็นปูน้อย ปลาน้อย กันเลยทีเดียว อยากสัมผัสความขาวสบายตา แนะนำชายหาดแห่งนี้เลยค่ะ เรานั้นต้องเช็คเอาท์ก่อน11โมง กลัวจะกลับไปไม่ทันเลยเอากระเป๋าฝากไว้ส่วนทำการและคืนกุญแจ เพราะหาที่อาบน้ำเปลี่ยนชุดยากเลยไม่ได้เล่นน้ำกัน
มาทะเลไม่ได้เล่นน้ำก็โดดหน่อยเนอะ
เมื่อไปทะเลแล้วจะอยู่แต่ทะเลก็ยังไงอยู่ ไปเดินป่า น้ำตกมั้ง
นี่เลยน้ำตกคลองพลู จากรูปแผนที่เข้าไปไม่ลึกเลยตัดสินใจไป
น้ำตกแห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากหาดทรายขาวมากนัก มีการเก็บค่าเข้าคนละ 40 บาท(เราไปเสาร์อาทิตย์ ช่วงนี้วันจันทร์-ศุกร์ 20บาทค่ะ ถึงแค่31ธันวานี้)
ตลอดการเดินเราจะเห็นธารน้ำตกที่มีน้ำไหลมาเรื่อยๆ ใจนี่สั่นเลยหล่ะค่ะ อยากลงไปแหวกว่ายวนเวียนในน้ำตกเร็วๆ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น