[SR] เที่ยวสั้นๆ เดิน เล่น เน้น "ชมวิว" @Kanchanaburi | 2 Day 1 Night

กระทู้รีวิว
ไปไหนไปกาญ จังหวัดทีมีประวัติศาสตร์ และธรรมชาติที่ต้องลองไปสักครั้ง


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ






            ก่อนอื่นต้องขอบอกว่า จังหวัดกาญจนบุรี เป็นจังหวัดที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ ทำให้การเดินทางค่อนข้างยากลำบากนิดหนึ่ง หากไม่มีรถเป็นของตัวเอง แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับคนที่ชอบเที่ยว มันมีทางให้เราเลือกเสมอ มาเริ่มเดินทางกันเลยดีกว่าเนอะ อมยิ้ม16

            ทริปนี้เรามีผู้ร่วมชะตากรรมกันเยอะครับ ทั้งหมด 15 คน จึ่งทำให้การเดินทางเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มหนึ่งขับรถกันไปเอง 2 คัน (ครอบครัว) และแน่นอนกลุ่มผมขึ้นรถตู้กันไปครับ ไปกันแบบชิลๆ โดยเรานัดหมายไว้เจอกันที่ "ถ้ำกระแซ"  มาเริ่มกันเลยดีกว่า ว่าเดินทางยังไงกันบ้าง

            DAY 1
            พวกเรา 9 คนที่จะเดินทางจาก กทม. - เมืองกาญ นัดเจอกันที่ท่ารถตู้อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เริ่มออกจาก กทม. ประมาณ 6 โมงเช้า เดินทางถึงเมืองกาญประมาณ 8 โมง พอมาถึงก็มีลุงที่ขับรถสองแถวเดินเข้ามาถาม "ไปไหนกันไอหนู" เดี๋ยวลุงไปส่ง เราก็คุยกับลุงแกว่าจะไปที่ไหนบ้าง แต่ก็ยังไม่ได้ตกลงกับลุงแกว่าจะให้แกไปส่งไหม จึงขอปลีกตัวออกมาแล้วมาปรึกษากันก่อน เพราะที่ Plan ไว้ไม่ใช่แบบนี้ เราจึงปลีกตัวไปหาอะไรกินกันก่อน แถวท่ารถแหละ กองทัพต้องเดินด้วยท้องใช่มะ 555 (ก๋วยเตี๋ยว ข้าวราดแกง จานละ 25 บาท) มีตังค์เหลือไปเที่ยวต่อ หลังจากกินเสร็จ เราจึงตัดสินใจไปเจรจา ต่อรองเรื่องค่าเดินกับลุงอีกครั้ง แล้วลุงก็ OK สรุป หารกัน 9 คนก็คนละ 100 กว่าบาท ลุงส่งถึงรีสอร์ท พร้อมพาแวะเที่ยว ตลอดทาง



            เริ่มที่แรกกันเลย ลุงแกพาพวกเราไป (นั่งรถสองแถว)  "วัดถ้ำเสือ" วัดสวยมาก ใหญ่โต อลังการงานสร้าง มาวัดทั้งที ก็ต้องทำบุญสักการะกันหน่อยก่อนเดินทางยาว ไหว้พระกันเสร็จแล้วเราก็เดินทางกันไปต่อที่ป่าช้าอังกฤษ (คนเมืองกาญเขาเรียกกัน) ถึงจะเป็นสุสาน แต่ก็สวยนะ สถานที่แห่งนี้เป็นที่ระลึก - ไว้อาลัย ของเหล่าเชลยศึกที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2 จากนั้นนั่งรถชมบรรยากาศในตัวเมืองกาญไปจนถึง "สะพานข้ามแม่น้ำแคว" คิดว่าใครๆก็คงรู้จักกันดี เพราะเป็นแลนด์มาร์คของจังหวัดกันเลยทีเดียว ไม่มีอะไรมากมาที่นี่ เดินข้ามสะพาน ถ่ายรูปเล่นกันตามระเบียบครับ มาถึงที่นี่แล้วเราจะไม่นั่งรถสองแถวแล้วครับ เราตกลงกับลุงไห้แกขับไปรับพวกเราที่ถ้ำกระแซเลยครับ เพราะพวกเราจะนั้ง "รถไฟ" กันไปแล้วครับ ปู๊น ปู๊น



            จาก "รถสองแถว" มานั่ง "รถไฟ" ก่อนอื่นเราเดินไปซื้อตั๋วก่อนครับ พอถึงจุดจำหน่ายตั๋ว เรากลับไม่ต้องเสียเงินค่าตั๋วสักบาท พี่เขาให้ยื่นบัตรประชาชนให้ดูว่าคนไทยหรือป่าว แล้วแกก็ฉีกตั๋วให้ (ป๊าดดดดดด ตั๋วฟรี เงินเหลือ อมยิ้ม17 ) พวกเรานั่งรอรถไฟสักพัก รถไฟก็มา เราขึ้นรถไฟรอบ 10.30 น. ครับ แต่พอขึ้นไปแล้ว คนเยอะมากครับ ต้องแยกกันนั่งตามที่ว่างๆ เพราะมีเด็กนักเรียนจากภาคใต้มาทัศนศึกษาด้วย ระหว่างทางนั่งรถไฟ บรรยากาศตลอดทางดีครับ เป็นธรรมชาติดี มีแต่ต้นไม้ ใบหญ้าตลอดทาง แต่ในช่วงที่เราไปมีกาซ่อมทางรถไฟ จึงมีบางช่วงที่มีฝุ่นจากหินที่ใช้ซ่อมลอยเข้ามาในขบวนรถไฟ (ค่อนข้างเป็นอุปสรรค) ต้องคอยนั่งหลบฝุ่น จนกระทั่งมาถึงสถานีถ้ำกระแซ ประมาณเที่ยงครับ ว่าแล้วก็หาอะไรลองท้องกันสักหน่อย หลังจากนั้นถึงคราวท้าทายหน่อยครับ สำหรับคนที่กลัวความสูง ซึ่งต้องเดินข้ามสะพานที่เป็นทางรถไฟ แถมทั้งสองด้านยังเป็นเหว ขาสั่นกันเลยทีเดียวกว่าจะเดินถึงถ้ำกระแซ พอมาถึงเราก็มารวมตัวกับอีกกลุ่มหนึ่งครับ แล้วเข้าไปไหว้พระในถ้ำ หลังจากก็นั้นเดินทางต่อถึงที่พักครับ ระยะทางจากถ้ำไปถึงที่พักก็เกือบ 100 กิโล ซึ่งเป็นทางลาดชันครับ แต่บรรยากาศดีมาก เพราะนั่งสองแถว ได้สัมผัสบรรยากาศแบบเต็มๆ จนถึงที่พักครับ ที่ไทรโยคใหญ่



            พวกเราพักกันที่ The for rest Resort (ราคา 1ห้อง นอน 2คน พันนิดๆ อาหารฟรี 2 มื้อ แล้วแต่ช่วงเวลาที่ไปด้วยนะครับ) บรรยากาศดีเลยครับ เรามาถึงประมาณบ่าย 2 โมงกว่าๆ ก็แยกย้ายเข้าห้องใครห้องมันครับ เตรียมตัวทำกิจกรรมครับ ตอน 4 โมงครึ่ง ระหว่างรอทำอะไรกันล่ะครับ ก็ถ่ายรูปเล่นกันสิครับ สวยขนาดนี้ น้ำใส ไหลแรง เห็นตัวปลา พอถึงเวลาทำกิจกรรม ตื่นเต้นครับ ตื่นเต้น ทางรีสอร์ทลากแพเพื่อไปปล่อยพวกเราที่ต้นน้ำ แล้วให้ลอยตัวกลับมาถึงรีสอร์ทครับ ระยะทางน่าจะ 3 - 4 กิโลได้ครับ คนที่ว่ายน้ำไม่เป็นไม่ต้องกลัวนะครับ เขาให้ใส้เสื้อชูชีพ แทบไม่ต้องว่ายเลยครับ น้ำแม่น้ำจะไหลพามาจนถึงรีสอร์ทเลย แล้วจะมีเจ้าหน้าที่คอยบอกตลอดทาง และคอยรับอยู่ที่รีสอร์ทไม่ให้ไหลเลยไปครับ ความรู้สึกตอนนั้นสนุกดีครับ ไม่เหนื่อย เฮฮากันไปตลอดทางที่น้ำไหล จนถึงรีสอร์ท เราก็มาเล่นสไลเดอร์ที่รีสอร์ทกันอีกมันสิครับ จัดกันไปคนละ 2 รอบ เป็นอันว่าจบกิจกรรมในช่วงเย็น



            หลังจากนั้นแยกย้ายอาบน้ำแต่งตัว มากินอาหารเย็นที่รีสอร์ทเตรียมครับ เป็นบุฟเฟ่ อาหารเยอะมาก แต่ละคนตักกันพูนๆ จานเลยครับ แต่ก็กินกันหมดนะ ไม่ต้องกลัวอาหารหมดครับ เขามีเติมให้จน 2 ทุ่ม หลังจากนั้นปาร์ตี้ริมแม่น้ำหน้าห้องกันเองครับ โชคดีที่หน้าห้องพวกเรามีแพลอยน้ำอยู่เลยเหมือนเป็นการปาร์ตี้กลางแม่น้ำ พอจบปาร์ตี้ก็แยกย้ายเข้านอน


            
            DAY 2
            สวัสดีเช้าวันใหม่ หลังจากนอนได้ไม่กี่ ชม. ก็ไปกินอาหารเช้ากันครับ บุฟเฟ่ เหมือนเดิมอิ่มกันไปตามระเบียบ พอกินเสร็จแล้วพวกเราก็ไปถ่ายรูปเล่น เก็บบรรกาศบ้าง นั่งฟังเพลงบ้าง รอเวลา check out พอถึงเวลาพวกเราก็ออกจาที่พัก โดยมีลุงสองแถวมารอรับกลับ ราคาเหมือนขามาครับ คนละ 100 กว่าบาท ขากลับลุงแกพาพวกเราไปแวะที่น้ำตกไทรโยคน้อย มาถึงน้ำตก เสียดายครับไม่ใช่น่าน้ำ น้ำมีน้อยครับ พวกเราก็เลยเดินเล่นกันแบบชิล ไปนั่งเอาเท้าแช่น้ำให้ปลาตอดเล่นครับ พอได้ที่ก็ออกมาหาไรกิน จะบ่ายแล้วนี่ กินที่หน้าน้ำตกเลยครับ ร้านค้าเยอะแยะ ที่นี่เขามีหน่วยงานตั้งราคากลางอาหารแปะไว้ป้ายใหญ๋ ไม่ต้องกลัวเขาคิดเกินราคาครับ ราคาย่อมเยาว์ พออิ่มกันแล้ว เราก็นั้งสองแถวเข้าตัวเมือง อีก 100 กว่า กิโล เพื่อขึ้นรถตู้กลับ กทม. ครับ แล้วก็แยกย้าย (ลุงสองแถวโทรจองรถตู้ไว้ให้แล้ว เยี่ยม)


อมยิ้ม16จริงๆแล้วเขียนกระทู้ไม่ค่อยเป็น เพิ่งลองเขียนครั้งแรก ดีไม่ดียังไงอย่าว่ากันนะครับ ใครอยากเที่ยวลองได้ครับ งบไม่สูง















Cr. Photo by Tom , P'Vivi , P'Ball , Ing&On
ชื่อสินค้า:   KANCHANABURI
คะแนน:     
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่