สอบถามฟิล์มกล้อง Polaroids โพราลอยด์

Fuji Instax Mini 8
เป็นรุ่นที่ออกมาใหม่ล่าสุด เป็นรุ่นที่กำลังได้รับความนิยมเพราะราคาไม่แพง รุปร่างเพรียวขึ้น แถมสัสันหวานน่ารัก ออกมา 5 สี คือ ดำ ขาว เหลือง ฟ้า ชมพู แต่ที่นิยมที่สุด จะเป็น เหลือง ฟ้า ชมพู เพราะสีสวยออกโทน Pastel
คุณสมบัติของกล้องรุ่น Mini 8
- การเลือกโหมดถ่าย แทบจะไม่ต่างจาก Mini 7Sเลย เพียงแต่เพิ่มโหมด Hi-Key สำหรับการถ่ายภาพในที่มืดมากๆ
สามารถเลื่อนปรับการถ่ายได้ 5 โหมด โดยปรับสภาพแสงตามรูป คือ
...รูปดวงอาทิตย์จ้า = ถ่ายกลางแดดแรงๆ
...รูปดวงอาทิตย์ธรรมดา = ถ่ายกลางแดดที่ไม่แรงมาก
...รูปเมฆ = ถ่ายกลางแจ้งที่แสงน้อย สลัวๆ
...รูปบ้าน = ถ่ายภาพในอาคารที่แสงน้อย
...Hi-Key = ถ่ายภาพในที่มืด สลัว เช่น ถ่ายในอาคารหรือไฟสีเหลือง
- แฟลชไม่สามารถปิดได้
- เปิดเครื่อง โดยการกดปุ่มด้านล่างให้เลนส์เด้งออก ปิดเครื่อง โดยการดันเลนส์เข้าไปที่เดิม
- ใช้ถ่าน AA 2 ก้อน (แถมมาในแพคเกจ)
- โดยมากรุ่นนี้ที่ขายในไทย จะเป็นสินค้าที่รับมาจากบริษัทฟูจิ ทำให้มีใบรับรองและประกันเครื่อง 1 ปี
- ในกล่องมี กล้อง 1 ตัว / ถ่าน AA 2 ก้อน / สายคล้องข้อมือ / คู่มือและใบรับประกัน
- เลนส์ Close Up มีขาย ต้องซื้อเพิ่ม




Fuji Instax Mini 25
เป็นรุ่นที่ขายดีมากๆๆๆๆๆๆๆ จริงๆ เพราะรูปทรงที่ผอมเพรียวบาง ผู้หญิงชอบ ยังเป็นรุ่นที่เริ่มเป็นโหมด Autometic จะมีการวัดสภาพแสงให้เรากลายๆ แต่ที่สำคัญ มีกระจกแปะมาที่หน้าเลนส์ สำหรับให้สาวๆ ที่ชอบถ่ายรูปตัวเองได้เล็งก่อนถ่ายด้วย โอ้วแม่เจ้า! ปกติรุ่นนี้ออกมาสีขาวสีเดียว แต่เมื่อขายดี ก็มี Limited ออกมามากมาย ทั้ง Kitty Edition/ Minnie Edition / Rilakkuma Edition เป็นต้น แต่เป็นของหายากที่มักขายแต่ในญี่ปุ่น
คุณสมบัติของกล้องรุ่น Mini 25
- เปิด-ปิด เครื่องด้วยปุ่ม Power
- การเลือกโหมด ขึ้นอยู่กับปุ่ม 2 ปุ่ม เลือกแล้วจะขึ้นโหมดนั้นๆ ที่จอแสดงผล
- ปุ่มแรก คือการปรับโหมด  L (Light) การปรับภาพจากมืดให้สว่าง และ D (Dark) การปรับภาพจากสว่างให้มืด
- ปุ่มที่ 2 คือการเปิดแฟลชและถ่ายภาพระยะไกล (วิวภูเขา)
- กดถ่ายภาพได้ 2 ปุ่ม
- ใช้ถ่าน CR2 จำนวน 2 ก้อน
- ในกล่องมี กล้อง / ถ่าน 2 ก้อน / สายคล้องข้อมือ / Close Up Lens / คู่มือและใบรับประกัน
- เลนส์ Close Up มีระยะโฟกัสประมาณ 60 cm. หากจะถ่ายตัวเอง จำเป็นต้องใส่เลนส์



Fuji Instax Mini 50 Piano Black
เป็นรุ่นที่เพิ่มโหมดการตั้งเวลาถ่ายเข้ามา รุ่นนี้ทรงจะสวยหรูและตัวเครื่องเป็นสีเงาดำ
คุณสมบัติของกล้องรุ่น Mini 50
- เปิด-ปิด เครื่องด้วยปุ่ม Power
- การเลือกโหมด ขึ้นอยู่กับปุ่ม 3 ปุ่ม เลือกแล้วจะขึ้นโหมดนั้นๆ ที่จอแสดงผล
- ปุ่มที่ 1 คือการปรับโหมด  L (Light) การปรับภาพจากมืดให้สว่าง และ D (Dark) การปรับภาพจากสว่างให้มืด
- ปุ่มที่ 2 คือการเปิดแฟลชและถ่ายภาพระยะไกล (วิวภูเขา)
- ปุ่มที่ 3 คือการตั้งเวลาถ่าย (ประมาณ 10 วินาที) และการตั้งเวลาถ่ายให้ถ่ายภาพออกมา 2 ใบต่อกัน!
- กดถ่ายภาพได้ 2 ปุ่ม
- ใช้ถ่าน CR2 จำนวน 2 ก้อน
- ในกล่องมี กล้อง / ถ่าน 2 ก้อน / สายคล้องข้อมือ / Close Up Lens / คู่มือและใบรับประกัน
- เลนส์ Close Up มีระยะโฟกัสประมาณ 60 cm. หากจะถ่ายตัวเอง จำเป็นต้องใส่เลนส์


Fuji Instax Mini 90 Neo Classic
เป็นรุ่น Top ที่สุดในขณะนี้ และใหม่ที่สุด มีการดีไซด์กล้องให้ย้อนยุคเสมือนกล้องคลาสสิคหรือกล้องเก่า
มีโหมดเพิ่มขึ้นมาค่อนข้างเยอะและครบฟังก์ชั่น
แถมมีโหมดพิเศษ ที่รวมคุณสมบัติของกล้องอะนาล็อกไว้ด้วย
คุณสมบัติของกล้อง Mini 90
- เปิด - ปิด เครื่องด้วยตัวเลื่อน Power
- อุปกรณ์ในกล่อง ประกอบด้วย
1. กล้อง
2. แบตตารี่ลิเธียม ขนาดก้อนสี่เหลี่ยม สามารถชาร์ตไฟได้เมื่อแบตหมด (ชาร์ต 1 ครั้ง สามารถถ่ายรูปได้ 100 ใบ หรือ 10 กล่อง) ทนทาน
3. สายคล้องคอ
4. Adaptor สำหรับชาร์ตไฟแบตตารี่
5. คู่มือการใช้
6. ใบรับประกัน 1 ปี
- โหมดการใช้งาน มีปรับได้ 5 ปุ่มอยู่บริเวณด้านหลังเครื่อง สามารถปรับโหมดจากวงแหวนหน้ากล้องได้
- มีปุ่มกดถ่าย (Shutter) 2 ปุ่ม
- เมื่อใส่ฟิล์ม แผ่นพลาสติกสีดำกันแสงจะเลื่อนออกมาให้เองโดยอัติโนมัติ
- การปรับโหมด มีรายละเอียดดังนี้
ปุ่มที่ 1 รูปดอกไม้ = การถ่ายภาพในระยะ Macro ใกล้ๆ หรือใช้สำหรับถ่ายหน้าตัวเอง

ปุ่มที่ 2 รูป L/D = โหมดการชดเชยแสง สามารถปรับได้ดังนี้
L (Light) เพื่อให้ภาพสว่างขึ้น
L+ (Light +) เพื่อให้ภาพสว่างขึ้นพิเศษ
D (Dark) เพื่อให้ภาพมืดลง

ปุ่มที่ 3 รูปนาฬิกา = การตั้งเวลาถ่าย และสามารถกดให้ขึ้นเลข 2 นั่นหมายถึงตั้งเวลาถ่าย 2 ครั้งต่อกัน

ปุ่มที่ 4 รูปสายฟ้า = เปิดแฟลช สามารถกดเลือกได้ดังนี้
รูปสายฟ้า คือ เปิดแฟลช
รูปดวงตา คือ โหมดลบตาแดง
รูปไม่มีแฟลช คือ ปิดแฟลช

ปุ่มที่ 5 Mode เพื่อใช้กับการเลือกโหมดถ่ายภาพ สามารถปรับได้ดังนี้
รูปคนคู่ คือ การถ่ายในงานปาร์ตี้ หรือ Slow Sync Mode
รูปหัวเด็กใส่หมวก คือ สำหรับถ่ายวัตถุที่มีความเร็วสูง Speed สูง หรือถ่ายเด็กวิ่ง
รูปภูเขา คือ ถ่ายทิวทัศน์
รูปสี่เหลี่ยมซ้อนกัน คือ โหมดถ่ายภาพซ้อน (Trick - การถ่ายซ้อนเพื่อไม่ให้เกิดภาพ Over ควรปรับโหมดชดเชยแสงให้ขึ้น D)
รูปตัวอักษร B คือ โหมดชัตเตอร์ B โดยสามารถเปิดหน้ากล้องได้นาน 10 วินาที


Instax Wide 210/300
เป็นกล้องที่ถ่ายออกมาได้ภาพโพลาลอยขนาดใหญ่ หรือที่เราเรียกว่าภาพแบบ Wide
ขนาดภาพประมาณ 4*3.5 นิ้ว ถือว่ากว้างชัดเจน
เมื่อภาพมีขนาดใหญ่ ตัวกล้องจึงมีขนาดใหญ่ตามได้ด้วย ที่ผลิตออกมา มี 3 รุ่น ดังนี้
- รุ่นสีเทาดำ
- รุ่นสีดำ
- รุ่นคิตตี้ (Limited Edition)
อุปกรณ์ในกล่อง ประกอบด้วย
1. กล้อง
2. สายคล้องคอ
3. ถ่าน AA จำนวน 2 ก้อน
4. เลนส์โคลสอัพพร้อมกระจกส่อง (สำหรับถ่ายตัวเอง แต่ท่าทางคงลำบากน่าดู)
5. ใบรับประกันศูนย์ฟูจิ 1 ปี
6. คู่มือการใช้งาน

โหมดการใช้งาน
- เปิด - ปิด ด้วยปุ่ม Power
- โหมดปรับระยะโฟกัส เลือกได้ 2 ช่วงระยะ คือ 0.9 - 3 m. และ 3 m. ขึ้นไป
- โหมดปรับแสง (ชดเชยแสง) L = Light / N = Normal / D = Dark

ขนาดเครื่อง ประมาณ 9.5*5*3.5 นิ้ว
น้ำหนัก ประมาณ 1 Kg.


INSTAX SHARE
1. ใส่ฟิล์มให้สีเหลืองบนตลับตรงกะสีเหลืองบนเครื่อง
พอปิดฝาเครื่องจะปริ้นฝาตลับออกมาแม้ไม่ได้เปิดเครื่อง "เป็นเรื่องปกติ" ที่ควรเกิดขึ้นนะคะ
2. ลงแอพ INSTAX SHARE
3. เปิดเครื่องปริ้น (กดปุ่น Power ค้างประมาณ 2 วินาที)
4. เปลี่ยนการเชื่อมต่อ Wifi ใน iPad Mini ให้เป็นชื่อเครื่องปริ้น
5. เลือกภาพแล้วตกแต่งด้วยฟิลเตอร์ตามสะดวก
6. ความเร็วในการปริ้นใช้เวลาเพียง 16 วินาทีต่อภาพ!
(ครั้งแรกจะต้องใส่พาสเวิร์ดนะคะ ต้องถามเจ้าของเครื่องปริ้นค่ะว่าใช้พาสฯอะไร)
ไฟที่แสดงผลบนเครื่องตรงนี้อยู่มีสองอย่าง
อันที่มีสิบเม็ดแสดงถึงจำนวนฟิล์มที่มีเหลือในเครื่อง
อันที่มีสามเม็ดเป็นปริมาณแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่
โดยแบตเตอรี่ 2 ก้อนปริ้นได้ประมาณ 100 รูป
ข้อดี:
- ไม่ต้องลุ้นว่าใครจะตกเฟรม
- ไม่ต้องกังวลเรื่องแสงไม่พอ
- สามารถปริ้นซ้ำได้หลายรูป หมดปัญหาตบตีแย่งชิงรูปถ่าย (ฮ่าๆๆ)
- มีโหมดซีเปียและขาวดำ ซึ่งทำให้ภาพขลังมากกก คลาสสิก ชอบๆ
- นำไปประยุกต์ด้านการตลาดได้ล้านแปด (เชื่อมต่อมือถือได้ 8 เครื่องในคราวเดียว)
- เล็กและเบา แสนสะดวกต่อการพกพา
- ลดโอกาสภาพเสียได้ 100%
- สามารถตกแต่งภาพได้ พอกันทีหน้ามืดสิวเป่ง!!!
- ภาพที่ได้เหมาะสำหรับเป็นของขวัญเซอร์ไพรส์คนทุกเพศทุกวัย

ข้อเสีย:
- ราคาสูงทั้งตัวเครื่อง, ถ่านและฟิล์ม
- ทำให้ภาพโพลารอยด์ไม่ใช่ "ใบเดียวในโลก" อีกต่อไป (ไม่คลาสสิกเลยเนอะ)
- ความสนุกในการถ่ายภาพลดลง (บางทีมันสนุกตอนลุ้นนี่แหละ)
- เปลือง...
- ไม่ทนกระแทกและไม่ทนน้ำ (เดี๋ยวนะ อุปกรณ์แบบนี้มันไม่ทนก็ถูกแล้วไม่ใช่เรอะ!)
- มีสีเดียว วางปนกันหลายอันอาจหยิบของคนอื่นกลับบ้านได้...


FacepalmFacepalmFacepalmFacepalmFacepalm
เลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว
ใครเชียร์อันไหน
แนะนำหน่อยนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่