ตอนแรกก็สบประมาทเอาไว้เยอะ ว่ารุ่นใหม่จะสามารถสู้รุ่นที่ผ่านๆมาได้หรือไม่ ตั้งแต่รู้ว่าในซีซั่นนี้จะไม่มีนักแสดงที่คุ้นหน้าคุ้นตากลับมาร่วมแสดงเป็นตัวหลักด้วย ก็ทำให้เฝ้ารอว่ามันจะออกมาเป็นยังไง แต่เอาจริงๆก็ติดตามดูมาทุกซีซั่นอยู่แล้ว ก็คงไม่น่าที่จะพลาดซีซั่น เพียงแต่ใจมันนำไปก่อนแล้วว่า มันต้องมาพังแน่เลยว่ะ เอาวะ ไงก็รอดูกัน
หลังจากติดตามมาเรื่อยๆ จนกระทั่ง EP ล่าสุด บอกได้คำเดียวว่า ทำให้ผมลืมทุกซีซั่นที่ผ่านมาไปเลยครับ เอาจริงๆ ไม่คิดว่ามันจะออกมาครบรสชาติในระดับที่ซีรี่ส์วัยรุ่นในบ้านเราเรื่องนึงจะให้ได้ขนาดนี้ Hormones ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของซีรี่ส์วัยรุ่นที่ทำให้ขึ้นมาสอนใจวัยรุ่น และมากกว่านั้น มันสามารถสอนใจทุกคนที่อยู่รอบข้างวัยรุ่นได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นผู้ปกครอง, คนสนิท, ครูบาอาจารย์ มันได้สะท้อนเอาตัวตนของวัยรุ่นในยุคนี้ออกมาให้เราได้เห็นชัดมากขึ้นว่าทุกวันนี้ สังคมของเด็กเหล่านี้เปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหนแล้ว รวมถึงพฤติกรรมต่างๆที่ก็หยิบยกเอาจากพฤติกรรมที่พบได้เห็นในวัยรุ่นไทยทุกวันนี้ทั่วไปมาตีแผ่ให้เป็นเป็นรูปธรรมชัดเจน จากที่เน้นไปทางเรื่องราวรักๆใคร่ๆในภาคก่อน โดยละเลยบางสิ่งบางอย่างไป ซีซั่นนี้ถือเป็นความสำเร็จที่ทุกตอนทำให้เราสามารถตามติดเรื่องราวๆต่างได้ แม้จะไม่ต้องมีฉากชวนจิ้นอะไรต่อมิอะไรที่ซีรี่ส์วัยรุ่นส่วนใหญ่ในสมัยนี้พึงยัดเข้ามาเพื่อเรียกกลุ่มคนดูที่เป็นวัยเดียวกับตัวละคร อีกทั้งยังทำให้สามารถเรียกคนดูที่เป็นกลุ่มผู้ใหญ่เข้ามาร่วมสนุกสนานไปกับเรื่องราวได้ ซึ่งก็อย่างที่บอก ไม่ได้สนุกสนานเพียงอย่างเดียว แต่ซีรี่ส์ชุดนี้อาจจะทำให้พ่อ แม่ ลูก ได้คุยเปิดอกถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นกับพวกเขาหลังดูจบกันมากยิ่งขึ้นด้วย
หลายคนอาจจะมองว่าการพยายามจะทำให้หนังดูแรงขึ้นมาในซีซั่นนี้ จะว่าไป ก็แรงจริงครับ ส่วนตัวคิดว่ามันแรงมาก แต่สภาพสังคมวัยรุ่นทุกวันนี้ ผมบอกได้เลยว่าแรงกว่า นี่ยกมาเพียงแค่หยิบมือเดียวจากกลุ่มทั่วไปเท่านั้น แต่ก็เป็นจุดแรงในระดับที่ไม่ไร้สาระ แรงในระดับที่เป็นเหตุเป็นผลกัน และแรงในระดับที่สามารถต่อยอดเอาไปเป็นข้อคิดดีๆได้หลังจากนั้น
ผมเคยมีเพื่อนอย่างตัวละครของเจน คือเป็นเด็กนอก หัวนอก ก้าวร้าวกับทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ แม้กระทั่งครู หรืออาจารย์ ก็เถียงกันมาแล้ว (แต่การ Interact ไม่เท่าในหนัง) ซึ่งพอได้เข้าใจเพื่อนคนนี้มากขึ้น มันก็มาจากการปลูกฝังทางครอบครัวนั่นแหละครับ มันเป็นสิ่งที่ต่อยอดสืบเนื่องกันมา ตัวละครของเจน ก็ไม่ได้ก้าวร้าวเพียงเพื่อจะเอาชนะเท่านั้น แต่ด้วยความที่เจนเองก็มีปมครอบครัวบางอย่าง ทั้งเรื่องความสูญเสียและอะไรต่อมิอะไรที่ทำให้เด็กคนนี้ที่อาจจะน่ารักมากในช่วงก่อนหน้า กลายมาเป็นเด็กที่ก้าวร้าว รักความรุนแรง และเสพเหล้ายาปาร์ตี้ ซึ่งมันก็คือเด็กใน Catogory นี้ที่เราพบเห็นได้ทั่วไปจริงๆ ในฉากปะทะฝีปากกับครู ถ้าเป็นเด็กในลักษณะนี้เกิดมีปากเสียงกันขึ้นมาจริงๆ ก็คงไม่แตกต่างอะไรกับไดอะล็อกที่เจนงัดกับครูมากเท่าไหร่ เพียงแต่ในซีรี่ส์นั้น ต้องการให้เห็นภาพที่ชัดเจนถึงการโต้ตอบกันเพื่อความบันเทิงและอรรถรสที่ทำให้คนดูรู้สึกอินตามไปด้วย และเจนเองถ้าจะดูให้ดี ก็มีช่วงเวลาที่เธออ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อมีใครสักคนที่อยู่เคียงข้าง สร้างความมั่นใจให้กับเธอว่าคนที่เข้าใจเธอบนโลกนี้ก็ยังมีอยู่ โดยใน EP ล่าสุดการกระทำของเจนก็มีคนรอบข้างคอยบอกคอยเตือน และผลจากการกระทำของเธอก็แสดงออกมาให้เห็นเด่นชัดไปแล้วจากการถูกพักการเรียน ผมว่านอกจากจะเน้นความแรงในตัวละครแล้ว หลังจากนั้น มันก็มีอะไรที่ทำให้เราได้ข้อคิดจากสิ่งที่ตัวละครทำลงไปชัดเจนดี
และไม่ว่าจะเป็นตัวละคร บอส, นน ที่เกิด Conflict กันในฐานะผู้นำ การกระทำต่างๆก็ได้ส่งผลให้คนดูเห็นถึงจุดบกพร่องของมันอย่างเต็มที่ บอสก็ได้รับผลที่ตัวเองทำไปอย่างที่เห็นใน EP ล่าสุด ส่วนนน ก็ทำให้หันกลับมามองอะไรหลายๆอย่างรอบด้านมากขึ้น และแน่นอนว่าจะต้องโตขึ้นกว่าเดิมในแง่ของการเป็นผู้นำที่ดีในอนาคต แม้จะล้มเหลว ผิดหวังบ้าง มันก็คือสัจธรรมของโลกมนุษย์ที่ไม่มีอะไรเป็นไปตามที่เราหวังตั้งแต่ 1 - 100 โดยไม่มีอุปสรรคหรอก และทุกอย่างก็มาจบที่การที่เรามีครอบครัวดีๆที่เข้าใจเรามันก็พอแล้ว ซึ่งนั่นเป็นจุดสำคัญที่หนังทำให้เราเห็นได้ชัดว่า การปลูกฝังความคิดของลูกจากพ่อและแม่ รวมไปถึงการเลี้ยงดู ให้ความอบอุ่นในแบบที่ควรจะเป็นสำคัญแค่ไหน
ทุกตัวละครมันมีพอยท์ของมันที่ชัดเจน ซึ่งล้วนแล้วแต่ก็ผูกเชื่อมโยงไว้กับครอบครัวด้วยกันทั้งสิ้น อย่างเช่นตอนล่าสุดของเฟิร์สท ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งตอนที่ดีมาก เพราะถ้าขาดตอนนี้ไป เราก็จะกลายเป็นคนเกลียดเฟิร์สท เพียงแค่เพราะเรารู้สึกว่าไอ้ผู้ชายคนนี้มันขี้แกล้ง กะล่อน จีบสาวไปเรื่อย แต่จริงๆแล้วเฟิร์สท กลับกลายเป็นตัวละครที่น่าสงสารมากที่สุด ซึ่งในซีรี่ส์มันก็ทำให้เราได้เห็นถึงสิ่งที่เป็นผลกระทบทางจิตใจตรงๆของเฟิร์สท ว่ามาจากครอบครัว ครอบครัวอย่างที่เฟิร์สทเป็น เชื่อว่ามีมากมายในสังคมไทยทุกวันนี้ และแน่นอนมันได้กลายเป็นปมสำคัญในใจปมใหญ่ที่ทำให้พฤติกรรมของลูกเปลี่ยนไปในทิศทางอย่างที่เฟิร์สทเป็น การสร้างเกราะในจินตนาการขึ้นในจิตใจมาเพื่อบดบังอะไรบางอย่างที่เป็นปมด้อย ก็คือสิ่งที่เราได้เห็ฯจากตัวละครนี้ รวมไปถึงตัวละครของออยด้วย จวบจนสุดท้ายแล้ว เราก็ได้เห็นความผิดพลาดในการเลี้ยงดูลูก การให้ความสำคัญของสมาชิกในครอบครัวอย่างเห็นภาพชัดเจนที่สุด นั่นคือสิ่งที่ซีรี่ส์ทำให้เรารู้สึกอินกับมันได้อย่างมาก เพราะถ้าเป็นพ่อแม่สักรายที่เข้าข่ายครอบครัวนี้และได้มาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหนัง ก็จะได้ย้อนกลับมามองดูตัวเองอีกครั้งเป็นแน่ ว่าเราอยู่ตรงจุดเดียวกับตัวละครและได้สร้างบาดแผลทางจิตใจที่หยั่งร่างลึกลงในตัวลูกของเรามากน้อยแค่ไหน ซึ่งนี่ก็เป็นสิ่งที่พ่อแม่จะได้รับจากการดูฮอร์โมนซีซั่นนี้ ...และเป็นสิ่งที่ดีงามมากๆ ที่ผู้กำกับ ผู้เขียนบท และนักแสดงถ่ายทอดออกมาได้อย่างตรงจุดและเข้าใจง่าย และเข้ากับสังคมทุกวันนี้ได้เป็นอย่างดี
ชอบตรงที่ซีซั่นนี้ ไม่พยายามจะนำพาตัวเองให้เป็นเหมือนซีรี่ส์วัยรุ่นทั่วๆไป ที่หยิบจับเอาเรื่องราวของวัยรุ่นออกมาเล่าอย่างผิวเผิน แต่กลับกล้าที่จะหยิบเอาอะไรที่สื่อทีวีทุกวันนี้ไม่กล้ามาเล่า และเล่าออกมาได้อย่างถึงอกถึงใจ เข้ากับเหตุการณ์ในยุคที่พฤติกรรมของเด็กวัยรุ่นทุกวันนี้เปลี่ยนไปจากเดิมมากแล้ว คุณได้ทำให้ซีรี่ส์วัยรุ่นในบ้านเราได้ยกระดับและพัฒนาขึ้นมาจากเดิมอย่างไปถูกทางมากๆ และถ้าจะพูดถึงซีรี่ส์ในแนวทางนี้ในบ้านเรา ก็ยังไม่มีเรื่องไหนที่ทำให้เท่า Hormones เลย พูดจริงๆ
ใจจริงก็ไม่อยากให้จบแค่ซีซั่นนี้ อยากให้ต่อยอดกลายเป็นละครที่หยิบเอาพฤติกรรมออกมาเล่ากันเรื่อยๆ เพราะมันก็ยังมีอะไรอีกมากมายหลากหลายอย่างในสังคมที่ยังไม่ได้สะท้อนออกมาหมด หรือไม่ก็มี Hormones : The Movie ออกมาให้เราได้ชมกันสักเรื่องก็ยังดี เชื่อว่ามันจะทำให้วงการหนังไทยเฟรชและไปไกลกว่าที่เป็นอยู่นี่แน่นอน (แม้ว่าจะต้องโดนแบนก็ตาม เฮ้อ)
### ขอสักกระทู้ กับ Hormones Season 3 มันคือ "ที่สุด" จริงๆ จากใจ !!!
หลังจากติดตามมาเรื่อยๆ จนกระทั่ง EP ล่าสุด บอกได้คำเดียวว่า ทำให้ผมลืมทุกซีซั่นที่ผ่านมาไปเลยครับ เอาจริงๆ ไม่คิดว่ามันจะออกมาครบรสชาติในระดับที่ซีรี่ส์วัยรุ่นในบ้านเราเรื่องนึงจะให้ได้ขนาดนี้ Hormones ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของซีรี่ส์วัยรุ่นที่ทำให้ขึ้นมาสอนใจวัยรุ่น และมากกว่านั้น มันสามารถสอนใจทุกคนที่อยู่รอบข้างวัยรุ่นได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นผู้ปกครอง, คนสนิท, ครูบาอาจารย์ มันได้สะท้อนเอาตัวตนของวัยรุ่นในยุคนี้ออกมาให้เราได้เห็นชัดมากขึ้นว่าทุกวันนี้ สังคมของเด็กเหล่านี้เปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหนแล้ว รวมถึงพฤติกรรมต่างๆที่ก็หยิบยกเอาจากพฤติกรรมที่พบได้เห็นในวัยรุ่นไทยทุกวันนี้ทั่วไปมาตีแผ่ให้เป็นเป็นรูปธรรมชัดเจน จากที่เน้นไปทางเรื่องราวรักๆใคร่ๆในภาคก่อน โดยละเลยบางสิ่งบางอย่างไป ซีซั่นนี้ถือเป็นความสำเร็จที่ทุกตอนทำให้เราสามารถตามติดเรื่องราวๆต่างได้ แม้จะไม่ต้องมีฉากชวนจิ้นอะไรต่อมิอะไรที่ซีรี่ส์วัยรุ่นส่วนใหญ่ในสมัยนี้พึงยัดเข้ามาเพื่อเรียกกลุ่มคนดูที่เป็นวัยเดียวกับตัวละคร อีกทั้งยังทำให้สามารถเรียกคนดูที่เป็นกลุ่มผู้ใหญ่เข้ามาร่วมสนุกสนานไปกับเรื่องราวได้ ซึ่งก็อย่างที่บอก ไม่ได้สนุกสนานเพียงอย่างเดียว แต่ซีรี่ส์ชุดนี้อาจจะทำให้พ่อ แม่ ลูก ได้คุยเปิดอกถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นกับพวกเขาหลังดูจบกันมากยิ่งขึ้นด้วย
หลายคนอาจจะมองว่าการพยายามจะทำให้หนังดูแรงขึ้นมาในซีซั่นนี้ จะว่าไป ก็แรงจริงครับ ส่วนตัวคิดว่ามันแรงมาก แต่สภาพสังคมวัยรุ่นทุกวันนี้ ผมบอกได้เลยว่าแรงกว่า นี่ยกมาเพียงแค่หยิบมือเดียวจากกลุ่มทั่วไปเท่านั้น แต่ก็เป็นจุดแรงในระดับที่ไม่ไร้สาระ แรงในระดับที่เป็นเหตุเป็นผลกัน และแรงในระดับที่สามารถต่อยอดเอาไปเป็นข้อคิดดีๆได้หลังจากนั้น
ผมเคยมีเพื่อนอย่างตัวละครของเจน คือเป็นเด็กนอก หัวนอก ก้าวร้าวกับทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ แม้กระทั่งครู หรืออาจารย์ ก็เถียงกันมาแล้ว (แต่การ Interact ไม่เท่าในหนัง) ซึ่งพอได้เข้าใจเพื่อนคนนี้มากขึ้น มันก็มาจากการปลูกฝังทางครอบครัวนั่นแหละครับ มันเป็นสิ่งที่ต่อยอดสืบเนื่องกันมา ตัวละครของเจน ก็ไม่ได้ก้าวร้าวเพียงเพื่อจะเอาชนะเท่านั้น แต่ด้วยความที่เจนเองก็มีปมครอบครัวบางอย่าง ทั้งเรื่องความสูญเสียและอะไรต่อมิอะไรที่ทำให้เด็กคนนี้ที่อาจจะน่ารักมากในช่วงก่อนหน้า กลายมาเป็นเด็กที่ก้าวร้าว รักความรุนแรง และเสพเหล้ายาปาร์ตี้ ซึ่งมันก็คือเด็กใน Catogory นี้ที่เราพบเห็นได้ทั่วไปจริงๆ ในฉากปะทะฝีปากกับครู ถ้าเป็นเด็กในลักษณะนี้เกิดมีปากเสียงกันขึ้นมาจริงๆ ก็คงไม่แตกต่างอะไรกับไดอะล็อกที่เจนงัดกับครูมากเท่าไหร่ เพียงแต่ในซีรี่ส์นั้น ต้องการให้เห็นภาพที่ชัดเจนถึงการโต้ตอบกันเพื่อความบันเทิงและอรรถรสที่ทำให้คนดูรู้สึกอินตามไปด้วย และเจนเองถ้าจะดูให้ดี ก็มีช่วงเวลาที่เธออ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อมีใครสักคนที่อยู่เคียงข้าง สร้างความมั่นใจให้กับเธอว่าคนที่เข้าใจเธอบนโลกนี้ก็ยังมีอยู่ โดยใน EP ล่าสุดการกระทำของเจนก็มีคนรอบข้างคอยบอกคอยเตือน และผลจากการกระทำของเธอก็แสดงออกมาให้เห็นเด่นชัดไปแล้วจากการถูกพักการเรียน ผมว่านอกจากจะเน้นความแรงในตัวละครแล้ว หลังจากนั้น มันก็มีอะไรที่ทำให้เราได้ข้อคิดจากสิ่งที่ตัวละครทำลงไปชัดเจนดี
และไม่ว่าจะเป็นตัวละคร บอส, นน ที่เกิด Conflict กันในฐานะผู้นำ การกระทำต่างๆก็ได้ส่งผลให้คนดูเห็นถึงจุดบกพร่องของมันอย่างเต็มที่ บอสก็ได้รับผลที่ตัวเองทำไปอย่างที่เห็นใน EP ล่าสุด ส่วนนน ก็ทำให้หันกลับมามองอะไรหลายๆอย่างรอบด้านมากขึ้น และแน่นอนว่าจะต้องโตขึ้นกว่าเดิมในแง่ของการเป็นผู้นำที่ดีในอนาคต แม้จะล้มเหลว ผิดหวังบ้าง มันก็คือสัจธรรมของโลกมนุษย์ที่ไม่มีอะไรเป็นไปตามที่เราหวังตั้งแต่ 1 - 100 โดยไม่มีอุปสรรคหรอก และทุกอย่างก็มาจบที่การที่เรามีครอบครัวดีๆที่เข้าใจเรามันก็พอแล้ว ซึ่งนั่นเป็นจุดสำคัญที่หนังทำให้เราเห็นได้ชัดว่า การปลูกฝังความคิดของลูกจากพ่อและแม่ รวมไปถึงการเลี้ยงดู ให้ความอบอุ่นในแบบที่ควรจะเป็นสำคัญแค่ไหน
ทุกตัวละครมันมีพอยท์ของมันที่ชัดเจน ซึ่งล้วนแล้วแต่ก็ผูกเชื่อมโยงไว้กับครอบครัวด้วยกันทั้งสิ้น อย่างเช่นตอนล่าสุดของเฟิร์สท ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งตอนที่ดีมาก เพราะถ้าขาดตอนนี้ไป เราก็จะกลายเป็นคนเกลียดเฟิร์สท เพียงแค่เพราะเรารู้สึกว่าไอ้ผู้ชายคนนี้มันขี้แกล้ง กะล่อน จีบสาวไปเรื่อย แต่จริงๆแล้วเฟิร์สท กลับกลายเป็นตัวละครที่น่าสงสารมากที่สุด ซึ่งในซีรี่ส์มันก็ทำให้เราได้เห็นถึงสิ่งที่เป็นผลกระทบทางจิตใจตรงๆของเฟิร์สท ว่ามาจากครอบครัว ครอบครัวอย่างที่เฟิร์สทเป็น เชื่อว่ามีมากมายในสังคมไทยทุกวันนี้ และแน่นอนมันได้กลายเป็นปมสำคัญในใจปมใหญ่ที่ทำให้พฤติกรรมของลูกเปลี่ยนไปในทิศทางอย่างที่เฟิร์สทเป็น การสร้างเกราะในจินตนาการขึ้นในจิตใจมาเพื่อบดบังอะไรบางอย่างที่เป็นปมด้อย ก็คือสิ่งที่เราได้เห็ฯจากตัวละครนี้ รวมไปถึงตัวละครของออยด้วย จวบจนสุดท้ายแล้ว เราก็ได้เห็นความผิดพลาดในการเลี้ยงดูลูก การให้ความสำคัญของสมาชิกในครอบครัวอย่างเห็นภาพชัดเจนที่สุด นั่นคือสิ่งที่ซีรี่ส์ทำให้เรารู้สึกอินกับมันได้อย่างมาก เพราะถ้าเป็นพ่อแม่สักรายที่เข้าข่ายครอบครัวนี้และได้มาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหนัง ก็จะได้ย้อนกลับมามองดูตัวเองอีกครั้งเป็นแน่ ว่าเราอยู่ตรงจุดเดียวกับตัวละครและได้สร้างบาดแผลทางจิตใจที่หยั่งร่างลึกลงในตัวลูกของเรามากน้อยแค่ไหน ซึ่งนี่ก็เป็นสิ่งที่พ่อแม่จะได้รับจากการดูฮอร์โมนซีซั่นนี้ ...และเป็นสิ่งที่ดีงามมากๆ ที่ผู้กำกับ ผู้เขียนบท และนักแสดงถ่ายทอดออกมาได้อย่างตรงจุดและเข้าใจง่าย และเข้ากับสังคมทุกวันนี้ได้เป็นอย่างดี
ชอบตรงที่ซีซั่นนี้ ไม่พยายามจะนำพาตัวเองให้เป็นเหมือนซีรี่ส์วัยรุ่นทั่วๆไป ที่หยิบจับเอาเรื่องราวของวัยรุ่นออกมาเล่าอย่างผิวเผิน แต่กลับกล้าที่จะหยิบเอาอะไรที่สื่อทีวีทุกวันนี้ไม่กล้ามาเล่า และเล่าออกมาได้อย่างถึงอกถึงใจ เข้ากับเหตุการณ์ในยุคที่พฤติกรรมของเด็กวัยรุ่นทุกวันนี้เปลี่ยนไปจากเดิมมากแล้ว คุณได้ทำให้ซีรี่ส์วัยรุ่นในบ้านเราได้ยกระดับและพัฒนาขึ้นมาจากเดิมอย่างไปถูกทางมากๆ และถ้าจะพูดถึงซีรี่ส์ในแนวทางนี้ในบ้านเรา ก็ยังไม่มีเรื่องไหนที่ทำให้เท่า Hormones เลย พูดจริงๆ
ใจจริงก็ไม่อยากให้จบแค่ซีซั่นนี้ อยากให้ต่อยอดกลายเป็นละครที่หยิบเอาพฤติกรรมออกมาเล่ากันเรื่อยๆ เพราะมันก็ยังมีอะไรอีกมากมายหลากหลายอย่างในสังคมที่ยังไม่ได้สะท้อนออกมาหมด หรือไม่ก็มี Hormones : The Movie ออกมาให้เราได้ชมกันสักเรื่องก็ยังดี เชื่อว่ามันจะทำให้วงการหนังไทยเฟรชและไปไกลกว่าที่เป็นอยู่นี่แน่นอน (แม้ว่าจะต้องโดนแบนก็ตาม เฮ้อ)