เก้าอี้หมายเลข ๑๖ กับคนแปลกหน้า (๑/๓)
ภาคินเดินขึ้นรถเป็นคนสุดท้ายเหมือนเช่นเคย เขาไม่ชอบความสับสนวุ่นวายในการหาที่นั่ง เดินสลับกันไปมาน่าเวียนหัวขออยู่รอเป็นคนสุดท้ายแบบนี้ให้แน่ใจว่าทุกคนได้อยู่ในที่ทางที่ถูกต้องของตัวเองแน่แล้วเขาจึงก้าวขึ้นไปอย่างสะดวกจะดีกว่า
เลขที่นั่งหมายเลข ๑๖ แถวที่ ๔ ริมหน้าต่างฝั่งคนขับสินะ เขามองเห็นที่นั่งนั้นทันที และนั่นที่นั่งหมายเลข ๑๕ เพื่อนร่วมทางของเขาเป็นหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกัน ชายหนุ่มปลดเป้หลังแล้วนำไปสอดไว้บนชั้นเก็บสัมภาระใกล้ที่นั่ง อาการนั้นทำให้หญิงสาวผมยาวประบ่ารู้ได้ว่าเขาเป็นเพื่อนร่วมทางของเธอ กำลังจะขยับลุกให้ชายหนุ่มร่างสูงผู้นั้นเข้าไปนั่งด้านในหากเขาเอ่ยขึ้นก่อน
“คุณจะนั่งข้างในก็ได้นะครับ ผมชอบนั่งด้านนอกมากกว่า ได้เหยียดแข้งเหยียดขาบ้าง” เขาให้เหตุผลเพื่อที่เธอจะได้ไม่เกรงใจ หญิงสาวจึงขยับเข้าไปนั่งด้านในด้วยความยินดี
เที่ยงคืนสิบห้านาทีรถโดยสารประจำทางเที่ยวสุดท้ายก็ออกจากชานชาลาสายใต้ จุดมุ่งหมายของเขาในการเดินทางครั้งนี้อยู่ที่จังหวัดชุมพรที่ซึ่งเพื่อน ๆ ล่วงหน้าไปรอก่อนแล้วตั้งแต่ช่วงบ่าย หากเพราะเขามีนัดหมายสำคัญกะทันหันจึงต้องเดินทางโดยลำพังเช่นนี้ กว่าจะถึงจุดหมายปลายทางก็คงจะย่ำรุ่งนั่นกระมัง
ภาคินขยับเนื้อขยับตัวหาท่าที่สบายที่สุดในพื้นที่แคบ ๆ ที่เขาจะต้องอาศัยอยู่ตลอดคืนนี้โดยปรับเบาะลงเล็กน้อย เมื่อคิดว่าสบายดีแล้วก็เริ่มมองดูอะไรต่อมิอะไรไปเรื่อยเปื่อยและสิ่งเดียวที่ดึงดูดสายตาเขาในเวลานี้ก็คือเพื่อนร่วมทางที่นั่งอยู่ติดกันนั่นเอง
ผู้หญิงคนนี้น่าจะอายุน้อยกว่าเขานิดหน่อย ชายหนุ่มบอกตัวเอง แต่ด้วยลักษณะเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายแบบเรียบ ๆ หน้าตาหม่นเศร้าและผมที่ปล่อยไปตามธรรมชาติทำให้เธอดูเป็นผู้ใหญ่เกินจริง ไม่น่าจะเกิน ๒๕ เขาพึมพำบอกตัวเอง ตอนนี้เธอนั่งมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่างมิได้สนใจใยดีกับสิ่งใดเลย แววตาที่เห็นในเงาสลัวบอกว่ามันกำลังกลัดกลุ้มมิใช่น้อย “คนอมทุกข์” นั่นคือคำจัดกัดความของหญิงสาวข้างกายที่ชายหนุ่มได้ข้อสรุป ก่อนที่เปลือกตาจะปิดลงและล่วงเข้าสู่นิทรารมณ์
ภาคินมารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อรถเข้ามาจอดในสถานีบริการน้ำมันเพื่อให้ผู้โดยสารได้ลงไปทำธุระส่วนตัว พอเขาขยับตัวจะลุกก็เพิ่งได้รู้ว่าเพื่อนร่วมทางที่ดูสำรวมกริยานักตอนนี้กลับกำลังอิงซบอยู่บนอกของเขาเสียแล้ว คงเป็นเพราะเบาะทั้งสองต่างระดับกันพอรถแกว่งไปมาเธอจึงพลัดลงมาแหมะอยู่เช่นนี้
“คุณครับ” ชายหนุ่มเขย่ามือที่พาดอยู่บนตักด้วยความเกรงอกเกรงใจ แต่หญิงสาวยังนิ่งเหมือนคนหลับลึก เขาลองอีกครั้งคราวนี้เขย่าแรงขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย และรู้สึกว่าหลังมือของหญิงสาวอุ่นจัด ชายหนุ่มคิดอย่างทะเล้นว่าผู้หญิงที่อยู่ใกล้เขาส่วนมากก็มักจะเป็นเช่นนี้
หญิงสาวขี้เซามาสะดุ้งตื่นเมื่อเขาเรียกเธอเป็นครั้งที่สาม สีหน้าตระหนกก่อนเปลี่ยนเป็นละอายอย่างที่ภาคินนึกรู้ได้ว่าต้องเป็นเช่นนั้น
“ขอโทษค่ะ” ไม่พูดเปล่า เธอยกมือไหว้เขาด้วย ก่อนจะพยายามเสยผมที่ยุ่งเหยิงให้เข้าที่
“ไม่เป็นไรครับ เอ่อ รถจอดให้พักน่ะ คุณจะลงไปเข้าห้องน้ำหน่อยไหม” พูดจบภาคินก็เดินลงจากรถไปโดยไม่รอฟังคำตอบเหมือนกับจะให้โอกาสเธอได้ยุติความเขินอายได้โดยเร็ว
เมื่อเสร็จธุระของตัวเองเรียบร้อยภาคินก็มาเดินเล่นเตร็ดเตร่อยู่แถวข้างรถ ดูนาฬิกาเพิ่งจะตีสองครึ่ง คงผ่านจังหวัดเพชรบุรีมาแล้วกระมัง ไม่นานเพื่อนร่วมทางของเขาก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ใบหน้าเปียกชุ่มมาเชียว และจากแสงไฟในปั้มน้ำมันชายหนุ่มบอกตัวเองว่าสีหน้าเธอไม่สู้ดีนัก แถมเดินแบบคนหมดเรี่ยวหมดแรงอย่างเห็นได้ชัด ชายหนุ่มมายืนรอที่ประตูรถและถือวิสาสะประคองเธอขึ้นไปซึ่งหญิงสาวก็มิได้มีท่าทีบ่ายเบี่ยงแต่อย่างใด
“คุณไม่สบายหรือเปล่าหน้าซีดเชียว” ชายหนุ่มถามทันทีที่ทั้งสองนั่งประจำที่เรียบร้อย นึกเสียดายว่าหยูกยาติดไปกับกล่องอุปกรณ์ในรถยนต์ ที่ให้รุ่นน้องมาขับไปรับเพื่อน ๆ ล่วงหน้าไปก่อน
“คงเป็นไข้กระมังคะ ฉันถูกฝนมาสองวันติดกันแล้ว”
“ถ้าไม่สบายก็ไม่ควรจะเดินทางนะครับ น่าจะพักผ่อนให้หายดีเสียก่อน”
“ฉันมีธุระด่วนต้องรีบกลับบ้านน่ะค่ะ” พูดจบหญิงสาวก็เบือนหน้าออกไปทางหน้าต่าง เขาเห็นน้ำตาเรื้อขึ้นมาที่หางตาจึงไม่คิดจะต่อบทสนทนาอีก ปล่อยให้เธอได้จมจ่อมอยู่กับเรื่องราวและโลกส่วนตัวของเธอต่อไป ภาคินปรับเบาะขึ้นมาให้เสมอกันแล้วหลับตาลงอีกครั้ง
เรื่องสั้น: เก้าอี้หมายเลข ๑๖ กับคนแปลกหน้า
ภาคินเดินขึ้นรถเป็นคนสุดท้ายเหมือนเช่นเคย เขาไม่ชอบความสับสนวุ่นวายในการหาที่นั่ง เดินสลับกันไปมาน่าเวียนหัวขออยู่รอเป็นคนสุดท้ายแบบนี้ให้แน่ใจว่าทุกคนได้อยู่ในที่ทางที่ถูกต้องของตัวเองแน่แล้วเขาจึงก้าวขึ้นไปอย่างสะดวกจะดีกว่า
เลขที่นั่งหมายเลข ๑๖ แถวที่ ๔ ริมหน้าต่างฝั่งคนขับสินะ เขามองเห็นที่นั่งนั้นทันที และนั่นที่นั่งหมายเลข ๑๕ เพื่อนร่วมทางของเขาเป็นหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกัน ชายหนุ่มปลดเป้หลังแล้วนำไปสอดไว้บนชั้นเก็บสัมภาระใกล้ที่นั่ง อาการนั้นทำให้หญิงสาวผมยาวประบ่ารู้ได้ว่าเขาเป็นเพื่อนร่วมทางของเธอ กำลังจะขยับลุกให้ชายหนุ่มร่างสูงผู้นั้นเข้าไปนั่งด้านในหากเขาเอ่ยขึ้นก่อน
“คุณจะนั่งข้างในก็ได้นะครับ ผมชอบนั่งด้านนอกมากกว่า ได้เหยียดแข้งเหยียดขาบ้าง” เขาให้เหตุผลเพื่อที่เธอจะได้ไม่เกรงใจ หญิงสาวจึงขยับเข้าไปนั่งด้านในด้วยความยินดี
เที่ยงคืนสิบห้านาทีรถโดยสารประจำทางเที่ยวสุดท้ายก็ออกจากชานชาลาสายใต้ จุดมุ่งหมายของเขาในการเดินทางครั้งนี้อยู่ที่จังหวัดชุมพรที่ซึ่งเพื่อน ๆ ล่วงหน้าไปรอก่อนแล้วตั้งแต่ช่วงบ่าย หากเพราะเขามีนัดหมายสำคัญกะทันหันจึงต้องเดินทางโดยลำพังเช่นนี้ กว่าจะถึงจุดหมายปลายทางก็คงจะย่ำรุ่งนั่นกระมัง
ภาคินขยับเนื้อขยับตัวหาท่าที่สบายที่สุดในพื้นที่แคบ ๆ ที่เขาจะต้องอาศัยอยู่ตลอดคืนนี้โดยปรับเบาะลงเล็กน้อย เมื่อคิดว่าสบายดีแล้วก็เริ่มมองดูอะไรต่อมิอะไรไปเรื่อยเปื่อยและสิ่งเดียวที่ดึงดูดสายตาเขาในเวลานี้ก็คือเพื่อนร่วมทางที่นั่งอยู่ติดกันนั่นเอง
ผู้หญิงคนนี้น่าจะอายุน้อยกว่าเขานิดหน่อย ชายหนุ่มบอกตัวเอง แต่ด้วยลักษณะเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายแบบเรียบ ๆ หน้าตาหม่นเศร้าและผมที่ปล่อยไปตามธรรมชาติทำให้เธอดูเป็นผู้ใหญ่เกินจริง ไม่น่าจะเกิน ๒๕ เขาพึมพำบอกตัวเอง ตอนนี้เธอนั่งมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่างมิได้สนใจใยดีกับสิ่งใดเลย แววตาที่เห็นในเงาสลัวบอกว่ามันกำลังกลัดกลุ้มมิใช่น้อย “คนอมทุกข์” นั่นคือคำจัดกัดความของหญิงสาวข้างกายที่ชายหนุ่มได้ข้อสรุป ก่อนที่เปลือกตาจะปิดลงและล่วงเข้าสู่นิทรารมณ์
ภาคินมารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อรถเข้ามาจอดในสถานีบริการน้ำมันเพื่อให้ผู้โดยสารได้ลงไปทำธุระส่วนตัว พอเขาขยับตัวจะลุกก็เพิ่งได้รู้ว่าเพื่อนร่วมทางที่ดูสำรวมกริยานักตอนนี้กลับกำลังอิงซบอยู่บนอกของเขาเสียแล้ว คงเป็นเพราะเบาะทั้งสองต่างระดับกันพอรถแกว่งไปมาเธอจึงพลัดลงมาแหมะอยู่เช่นนี้
“คุณครับ” ชายหนุ่มเขย่ามือที่พาดอยู่บนตักด้วยความเกรงอกเกรงใจ แต่หญิงสาวยังนิ่งเหมือนคนหลับลึก เขาลองอีกครั้งคราวนี้เขย่าแรงขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย และรู้สึกว่าหลังมือของหญิงสาวอุ่นจัด ชายหนุ่มคิดอย่างทะเล้นว่าผู้หญิงที่อยู่ใกล้เขาส่วนมากก็มักจะเป็นเช่นนี้
หญิงสาวขี้เซามาสะดุ้งตื่นเมื่อเขาเรียกเธอเป็นครั้งที่สาม สีหน้าตระหนกก่อนเปลี่ยนเป็นละอายอย่างที่ภาคินนึกรู้ได้ว่าต้องเป็นเช่นนั้น
“ขอโทษค่ะ” ไม่พูดเปล่า เธอยกมือไหว้เขาด้วย ก่อนจะพยายามเสยผมที่ยุ่งเหยิงให้เข้าที่
“ไม่เป็นไรครับ เอ่อ รถจอดให้พักน่ะ คุณจะลงไปเข้าห้องน้ำหน่อยไหม” พูดจบภาคินก็เดินลงจากรถไปโดยไม่รอฟังคำตอบเหมือนกับจะให้โอกาสเธอได้ยุติความเขินอายได้โดยเร็ว
เมื่อเสร็จธุระของตัวเองเรียบร้อยภาคินก็มาเดินเล่นเตร็ดเตร่อยู่แถวข้างรถ ดูนาฬิกาเพิ่งจะตีสองครึ่ง คงผ่านจังหวัดเพชรบุรีมาแล้วกระมัง ไม่นานเพื่อนร่วมทางของเขาก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ใบหน้าเปียกชุ่มมาเชียว และจากแสงไฟในปั้มน้ำมันชายหนุ่มบอกตัวเองว่าสีหน้าเธอไม่สู้ดีนัก แถมเดินแบบคนหมดเรี่ยวหมดแรงอย่างเห็นได้ชัด ชายหนุ่มมายืนรอที่ประตูรถและถือวิสาสะประคองเธอขึ้นไปซึ่งหญิงสาวก็มิได้มีท่าทีบ่ายเบี่ยงแต่อย่างใด
“คุณไม่สบายหรือเปล่าหน้าซีดเชียว” ชายหนุ่มถามทันทีที่ทั้งสองนั่งประจำที่เรียบร้อย นึกเสียดายว่าหยูกยาติดไปกับกล่องอุปกรณ์ในรถยนต์ ที่ให้รุ่นน้องมาขับไปรับเพื่อน ๆ ล่วงหน้าไปก่อน
“คงเป็นไข้กระมังคะ ฉันถูกฝนมาสองวันติดกันแล้ว”
“ถ้าไม่สบายก็ไม่ควรจะเดินทางนะครับ น่าจะพักผ่อนให้หายดีเสียก่อน”
“ฉันมีธุระด่วนต้องรีบกลับบ้านน่ะค่ะ” พูดจบหญิงสาวก็เบือนหน้าออกไปทางหน้าต่าง เขาเห็นน้ำตาเรื้อขึ้นมาที่หางตาจึงไม่คิดจะต่อบทสนทนาอีก ปล่อยให้เธอได้จมจ่อมอยู่กับเรื่องราวและโลกส่วนตัวของเธอต่อไป ภาคินปรับเบาะขึ้นมาให้เสมอกันแล้วหลับตาลงอีกครั้ง