206 วัน ที่เธอลักพาตัวลูกชั้นไป แล้วอีกกี่วันที่ชั้นจะไม่ได้เห็นหน้าลูก?

สวัสดีค่ะ ชาวพันทิป

ดิฉัน เป็นคุณแม่ ยังสาวเหมือนคนอื่นทั่วไปๆ ค่ะ และก็ยังเป็น "คุณแม่ใบเลี้ยงเดี่ยวค่ะ"

วันนี้ เข้า วันที่ 206 วัน กับการที่ลูกสาวดิฉันหายตัวไป

การลักพาตัว >>>> เริ่มจาก การที่พ่อแท้ๆ ของน้อง พาคนมาจำนวนหนึ่ง เข้าไปในโรงเรียน และไปอุ้มตัวน้องในห้องเรียนขณะน้องกำลังเรียนหนังสืออยู่ ในเดือนมีนาคม 2558
                           >>> ต่อมา เมื่อดิฉันต่อสู้ เพื่อลูกมาจนสุดทางแล้ว เป็นระยะเวลา เกือบ 7 เดือนเต็ม โดยศาลท่านตัดสินให้ดิฉันเป็นคนเลี้ยงในช่วงเปิดภาคเรียน และให้พ่อน้องเลี้ยงได้ในช่วงปิดภาคเรียน
                           >>> สุดท้าย สิ่งที่ดิฉันได้ คือ พ่อของน้องแจ้งว่า "น้องไม่รู้อยู่ที่ไหน ........ โดนลักพา ตั้งแต่เดือน สิงหาคม 2558" ดิฉันแทบใจสลาย .....

จนมาวันนี้ วันที่ดิฉันตั้งกระทู้ ........... ดิฉันยังไม่ได้ข่าวคราวของลูกสาว และ ยังไม่รู้ว่าน้อง ยังอยู่ หรือ ว่าอย่างไร???????
ดิฉันกราบขอคำแนะนำ จากผู้คน เนื่องด้วยดิฉันและครอบครัว สู้มาจนสุดทางแล้ว และไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรได้อีก
เผื่อที่คำแนะนำของพวกท่าน ทุกคน จะพอเป็นประโยชน์แก่ดิฉัน และครอบครัว ให้ได้ลูกสาวตัวน้อย กลับมาอีกครั้ง ให้ดิฉันผู้เป็นแม่ ได้มีโอกาสโอบกอดลูกตัวเอง อีกครั้งเถอะนะคะ ............กราบขอความกรุณาด้วยเถิดค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 75
1. ให้ จขกท ติดต่อ ผู้บังคับบัญชา โดยทำหนังสือร้องเรียน พฤติกรรมของ( แฟนคุณ )
โดยหัวหนังสือ ทำถึง ผู้กำกับ /ผู้บังคับการจังหวัดกาญจนบุรี/ ผู้บัญชาการ ตำรวจภูธรภาค 7/สำนักงานจเรตำรวจแห่งชาติ/ สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ/ สำนักนายกรัฐมนตรี ( ส่งทั้งหมดนี้ 7 วัน ได้รับเรื่อง )
2. ทำหนังสือ ถึงบุคคลข้างต้นที่กล่าวถึง รวมถึงพฤติกรรม ที่เกิดขึ้น โดยต้องส่งหนังสือ ถึงหน่วยงานที่กล่าวถึงทั้งหมด ในข้อ 1
จขกท ต้องช่วยเหลือตัวเอง หาที่อยู่ จ่าหน้าซอง พร้อมลงลายมือชื่อ ตัวเอง โดยหนังสือ เมื่อถึงผู้รับจะมีผู้ติดต่อ มาหาเอง
โดยเรื่องร้องเรีนย จะไม่จบง่ายๆนะ ถ้าการสอบสวน สืบสวนข้อเท็จจริง ตามกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสืบสวนข้อเท็จจริง เกี่ยวกับความประพฤติ จะมีการสอบสวนจากทาง ตำรวจ หากมีการยอมความ หรือ ยุติ ต้องได้รับการลงลายมือชื่อ พร้อมสำเนาบัตรประชาชน
ของผู้ร้อง ไม่งั้นจะไม่สามารถ จบเรื่องร้องเรียนได้ ซึ่ง สำนักงาน จเร จะคอยตรวจสอบ และทำการทวงเรื่องร้องเรียนดังกล่าว
อยู่เป็นระยะๆ เรื่องร้องเรียนนี้ เมื่อมีการประชุม จะมีการติดตาม จากผู้ใหญ่ ในจังหวัด (ซึ่งต้องบอกว่า เรื่องร้องเรียนกับตำรวจ
ลงทุนไม่กี่บาท แต่การสอบสวน ตำรวจลงทุนทำเรื่องเยอะแนะนอน เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆแน่นอนค่ะ)

*ร้องเรียนหลายๆที่ ผกก. จะยิ่งรีบดำเนินการ เพราะ ชื่อเสียง คดี หลายอย่าง
แต่แนะนำทำเถอะค่ะ ถ้าอยากได้ลูกคืนจริงๆ
** หนังสือนี่ จ่าหน้าซองให้ครบนะคะ แต่ทำถึงทุกที่ตามที่ยอกเลย รับรองมีสักที่ติดต่อมาค่ะ
เป็นตำรวจอ่ะยาก กว่าจะสอบเข้าได้ แต่เวลาออกอ่ะ ง่ายนิดเดียว
บางครั้ง เราต้องแข็งใส่บ้างค่ะ ถ้าเจอผู้ชาบแบบนี้

ถ้าต้องการให้ช่วยไรเพิ่มเติม หลังไมค์มานะคะ ถ้าไม่เข้าใจตรงไหน
ความคิดเห็นที่ 65
เหตุการณ์ในการหายตัวไปของลูกสาวดิฉัน (ตอนที่ 4)

หลังจาก 15 วันที่มีการออกหมายจับ อย่างที่กล่าวมาแล้วนั้น พ่อของน้อง ก็มาค่ะ โดยเล่าว่า
>>>>ในวันที่ 25 สิงหาคม 2558 หลังเสร็จธุระแล้ว ตัวพ่อของน้องอยู่ที่นครสวรรค์ค่ะ ส่วนปู่กับย่าเดินทางกลับจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อแจ้งให้คนในบ้านทราบว่า ในวันรุ่งขึ้นต้องส่งตัวน้องคืนค่ะ และนัดหมายกันจะออกเดินทางในเช้าวันรุ่งขึ้นค่ะ
>>>>ในตอนเช้า รถคันที่น้องนั่งมากับญาตคนอื่นๆ เดินทางออกมาก่อนค่ะ มีปู่กับย่าเดินทางตามมาโดยใช้รถอีกคัน เพื่อเดินทางจากกาญจนบุรี มา นครสวรรค์ ค่ะ
>>>>เมื่อมาถึงกลางทางแถวๆ อำเภอกระตี๊บ นครปฐม รถคันที่น้องนั่งมาเกิดอุบัติเหตุค่ะ คนขับหลับในรถลงข้างทางเฉี่ยวชนต้นไม้
>>>>จึงพาน้องเดินทางไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาลรัฐขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ในนครปฐมค่ะ โดยแจ้งแก่ทางโรงพยาบาลว่าเกิดอุบัติเหตุ น้องนั่งมาด้านหลังกระทบกระเทือน ขอใบรับรองแพทย์ค่ะ....คุณหมอตรวจร่างกายน้องโดยละเอียดพบว่า น้องไม่ได้เป็นอะไรค่ะ ไม่ได้บาดเจ็บหรือกระทบกระเทือนตรงไหน
>>>>ต่อมา รถยนต์คันดังกล่าวเดินทางต่อไปที่ สภ.ในพื้นที่นั้นค่ะ และแจ้งลงบันทึกประจำวันไว้ ว่ารถเกิดอุบัติเหตุ คนขับหลับใน ลงข้างทางเฉี่ยวต้นไม้ขนาดเล็ก เป็นเหตุทำให้ลูกดิฉันได้รับบาดเจ็บค่ะ และให้ตร.ปรับเป็นเงิน 500 บาท
>>>>ทางพ่อของน้องก็ได้รับการติดต่อว่า น้าของเขาจะเอาลูกดิฉันไปทำการรักษาที่โรงพยาบาลอื่นที่มีเครื่องมือพร้อมกว่านี้ค่ะ
>>>>จากนั้นมา พ่อของน้องก็ไม่สามารถติดตามน้องได้เลยค่ะ ไม่มีผู้ใดติดต่อกับน้าคนดังกล่าวและลูกสาวดิฉันได้

หลังจากวันเกิดเหตุ ประมาณ 9 วัน คุณพ่อของน้องมอบอำนาจให้ปู่เดินทางเข้าแจ้งความไว้ ที่กาญจนบุรีค่ะ เพื่อดำเนินคดีกับน้าของเขาเอง
ต่อมาหลังจากแจ้งความอีกประมาณ 10 กว่าวัน เมื่อทางดิฉันโทรศัพท์ไปสอบถาม ตำรวจจึงออกเป็นเลขคดี เพื่อดำเนินการต่อไปให้ค่ะ
จากการมาแถลงในครั้งนี้ของพ่อน้อง จึงนัดสอบถาม ในวันที่ 16 กันยายน 2558 ค่ะ
(ด้วยความเป็นห่วงดิฉันและครอบครัว เดินทางไปที่ โรงพยาบาลและสถานที่ต่างๆ ตามที่พ่อน้องแจ้งค่ะ เพื่อหาเบาะแสของน้อง ไปหลายครั้งมากๆ ค่ะ แต่เราก็ไม่ได้อะไรเลย)

นัดครั้งที่ 10
วันนี้ครบกำหนดนัดสอบถาม พ่อของน้องแจ้งว่าพยายามติดตามตัวแล้ว แต่ไม่พบ และรอให้ตำรวจดำเนินการอยู่ค่ะ

นัดครั้งที่ 11
วันนี้เป็นวันครบกำหนดตัดสินค่ะ คุณพ่อของน้องแจ้งเหมือนเดิมค่ะ ว่ายังไม่พบตัวน้อง เลยไม่สามารถเอาตัวลูกมาคืนดิฉันได้.....
คำตัดสิน มี 2 เรื่องค่ะ
1. อุทธรณ์ ในการร้องคุ้มครองชั่วคราว : โดยทางพ่อของน้องไม่ได้นำสืบค่ะ จึงให้การคุ้มครองต่อแก่เราแม่ลูกเหมือนเดิมค่ะ
2. ในเรื่องอำนาจการปกครองค่ะ : ถึงพ่อของน้องจะเอาไปด้วยวิธีไม่ถูกต้อง แต่ก็เป็นเพราะความรัก ให้สิทธิ์ปกครองเท่านั้นค่ะ โดยระหว่างเรียนให้ลูกอยู่กับดิฉัน และในปิดเทอมพ่อของน้องสามารถมารับไปได้ค่ะ
และกรุณาให้นัดสอบถามอีกทีในปลายเดือนตุลาคมค่ะ

นัดครั้งที่ 12
วันนี้ .....ในตอนเช้าวันนี้ ทางคุณพ่อของน้องได้รับการแฟลกซ์ความคืบหน้าของคดีมายื่นค่ะ โดยได้ออกหมายจับ 2 คน คือ ตัวน้าคนที่เอาลูกสาวดิฉันไป และเพื่อนหญิงของน้าเขาค่ะ ..... เลยให้ความกรุณาในการนัดสอบถามความคืบหน้าคดีทุกๆ 3 เดือนค่ะ

ต่อมาในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ ครอบครัวดิฉันเดินทางไปตามเรื่องที่สถานีตำรวจเกี่ยวกับเรื่องที่น้องหายไปค่ะ ได้รับแจ้งว่า ทางตัวน้าและเพื่อนหญิงของน้าเขา เข้ามามอบตัวแล้ว......ไม่ขอให้การอะไร ...... และประกันตัวไปค่ะ

200 กว่าวันแล้ว ที่ดิฉันไม่เจอ ลูก ไม่ได้พบ ไม่ได้ข่าว ไม่ได้ยินแม้แต่เสียง ไม่รู้ว่าจะเป็นอยู่อย่างไร......
400 กว่าวัน ที่ดิฉันต่อสู้เพื่อลูก ใน กรุงเทพฯ และ นครสวรรค์
1,620 กว่าวัน ที่ทุกๆ วินาทีของดิฉัน มีไว้เพื่อลูก (ตอนนี้ลูกน้อยของดิฉันอายุ  4 ขวบ กับอีก 7 เดือนค่ะ)
และอีก 270 กว่าวัน ที่ดิฉันมีเธออยู่ในครรภ์

ความเจ็บปวดกับการท้องโดยที่ถูกตีหน้าว่าท้องไม่มีพ่อ............
ความเจ็บปวดจากการคลอดที่ดิฉันได้รับ ......
ความเจ็บปวดกับการอดทน เพื่อให้ครอบครัว ได้มีความพร้อมสมบูรณ์ พ่อ แม่ ลูก..............
ความเจ็บปวดจากการโดนพลากลูกของตัวเองไปจากในอก.........

มีหลายคนตั้งคำถามค่ะ ว่าทำไม ดิฉันถึงทนอยู่ ..... เพราะดิฉันเป็นผู้หญิง เหมือนคนอื่นๆ ทั่วๆ ไปค่ะ ที่ ณ ขณะนั้น ยังต้องการความรัก และเอาใจใส่จากคนที่ได้ชื่อว่า แฟน ............และพ่อของลูกค่ะ
ซิงเกิ้ลมัมก็มีให้เห็นเยอะแยะ??? .......ทำไมต้องทน .....เพราะ ณ ขณะนั้น ดิฉันยังไม่มีความเข้มแข็ง และความกล้าพอที่จะเดินออกมาค่ะ
แต่เมื่อเรามาถึงจุดที่มันไม่ไหวแล้วจริงๆ เราก็ต้องทำใจยอมรับ และปล่อยค่ะ
คนเคยรักกัน ก็น่าจะคุยกันดีๆ มีครอบครัวแล้วน่าจะอดทนไป...............ดิฉันอยากจะบอกค่ะ ว่า การที่เราคบกันมา เกือบ 7 ปี ดิฉันมีความผูกพันค่ะ ไม่ใช่วันสองวันจะเลิกลากันง่ายๆ ...........ฉะนั้นการที่ดิฉันเดินออกมา ดิฉันย่อมต้องอดทนจนถึงที่สุด และต้องคิดไตร่ตรองดีแล้ว....... คำถามที่ดิฉันตั้งให้กับตัวเอง ในการที่จะถอยออกมา คือ "กรณีที่ดิฉันทนอยู่ : หากลูกโตขึ้น > มีพ่อแม่ลูก ครบถ้วนสมบูรณ์ > แต่ต้องเห็นพฤติกรรมพ่อทุกวัน และเห็นพ่อกับแม่ทะเลาะกันทุกๆ วัน" กับ "กรณีที่ดิฉันถอยออกมา และเราก็ทำหน้าที่ในส่วนของเรา คือการเป็นแม่ และเขาก็ทำหน้าที่ในส่วนของเขา คือการเป็นพ่อ : โดยที่ลูกไม่ต้องมาทนเห็นเราทะเลาะกัน ..... แต่มีเวลาร่วมกันในส่วนที่จะเติมเต็มเขา ทำหน้าที่ของเราให้ดี" อันไหนมันจะดีกว่ากัน.............ดิฉันได้เลือกแล้วค่ะ (ส่วนคำถามที่ว่าดิฉันสามารถเลี้ยงลูกเองได้ไหมนั้น ไม่มีตั้งแต่ต้นค่ะ ข้อนี้ตัดไป เนื่องจากดิฉันเลี้ยงดูลูกของดิฉันเองอยู่แล้ว)
ดิฉันน้อมรับ เพราะมันคงเลือกไม่ได้ ........ ชีวิตไม่มีคำว่าถ้าค่ะ ......... ถ้าวันนั้น ดิฉันทำอย่างนี้ ถ้าวันนี้ ดิฉันทำอย่างนั้น ...... มันไม่สามารถย้อนไปแก้ไขอะไรได้ และถึงจะสามารถย้อนไปได้ ดิฉันคงเลือกที่จะไม่รู้จักกันตั้งแต่ต้นดีกว่าค่ะ และดิฉันในฐานะเจ้าของกระทู้ ที่ตั้งขึ้นเพื่อถามความคิดเห็นนี้ ไม่ได้ต้องการทำให้ใครเสียหายนะคะ เพียงแต่ต้องการแนวทางแก้ไขปัญหา

ดิฉันขออนุญาตไม่เปิดเผยชื่อ รูปที่เห็นเต็มๆ นะคะ เนื่องจาก เกรงว่าน้องจะได้รับอันตราย และจะทำให้ครอบครัวใหม่ของคุณพ่อน้องมีปัญหาได้ค่ะ
(อย่างไรขอความกรุณาให้คำแนะนำเราแม่ลูกด้วยนะคะ)

ณ ขณะนี้ ........ ดิฉันหมดหนทางแล้วจริงๆ ในการที่จะตามหาลูก อับจนหนทาง ........... หากท่านผู้ใดอ่านกระทู้ของดิฉัน จนถึงตอนนี้ ดิฉันกราบขอความกรุณาแนะนำ หรือชี้หนทางที่ดิฉันจะสามารถดำเนินการในการติดตามลูกกลับมาด้วยเถอะนะคะ

ขอย้ำว่า สิ่งที่ดิฉัน ปรารถนา ในการบอกเล่าเรื่องราวนี้ มีเพียงอย่างเดียวค่ะ คือ ปรารถนาที่จะได้ลูกสาวของดิฉันคืนค่ะ

โปรดกรุณาเมตตาเราแม่ลูกด้วยเถิดค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ
ความคิดเห็นที่ 95
จากที่อ่าน คุณส่งหนังสือไปแค่ สภ.สังขละ , ศูนย์ดำรงธรรม
แต่ที่แนะนำ ให้ส่งถึง "ผู้บังคับการจังหวัดกาญจนบุรี/ ผู้บัญชาการ ตำรวจภูธรภาค 7/สำนักงานจเรตำรวจแห่งชาติ/ สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ/ สำนักนายกรัฐมนตรี " ยิ่งเป็น จเรตำรวจ เรื่องจะไม่เงียบค่ะ เพราะมันเกี่ยวกับวินัย ความประพฤติ ของตำรวจ

ส่วนเรื่อง กลัวถูกฟ้องหมิ่นประมาท คุณมีสิทธิ์ค่ะ สิทธิ์ของคามเป็นแม่ ตราบใดที่เรื่องที่คุณเรียกร้อง คือ เรื่องจริง ก็ไม่ต้องกลัวค่ะ

ถ้าคุณมัวกลัวโน่นนี่ ไม่มีความรู้เรื่องกฏหมายเลยสักนิด คุณก็จะทุกข์อยู่แบบนี่แหละค่ะ เพราะเรื่องอยู่ที่ศาล เขาเป็นตำรวจ รู้เรื่องหลบหลีกดี
แต่ถ้าเรื่องถึงผู้บังคับบัญชา ใหญ่ค่ะ นายนั่งไม่ติดเก้าอี้หรอก ทำผิดวินัย ไม่รักษากฏหมาย

ถ้าแฟนคุณรักลูกจริง เขาก็ต้องพยายามพาเด็กกลับมาค่ะ ถ้าเกิดอยากได้ตัวเด็กถึงขนาดฟ้องศาลแล้ว
เป็นถึงตำรวจ ถ้าลูกตัวเองหาย แล้วไม่สามารถติดตามคืนมาได้ (ทั้งที่รู้ตัวคนลัก ) ก็ไม่รู้จะช่วยยังไงแหละค่ะ
ความคิดเห็นที่ 43
อ่านแล้ว เศร้า จนแทบจะกรีดร้อง  ..กระทู้นี้ เจ็บปวดสุดๆ
เราจับประเด็นดังนี้นะคะ  คุณลองไปประเมินดู

1) ตัวพ่อ ไม่ได้จดรับรองบุตร ... เค้าแทบจะไม่มีสิทธิ์ในตัวลูก .. คุณไม่รับว่า เค้าเป็นพ่อ ก็ยังได้
2) แต่ดูเหมือนจะพลาดแล้ว  .. ถ้ามีการขึ้นศาล   ..เหมือนคำให้การ ก็ยอมรับว่าเป็นพ่อ
    แต่คุณก็พิสูจน์ได้ไม่ยากว่า  เค้าไม่เคยมีส่วนร่วมในการดูแล ตั้งแต่ในท้อง จนถึงวัยอนุบาล .. เค้าแทบไม่มีสิทธิ์ในลูกเลย
3) การเข้ามาจับลูกหนีไป  .. เป็นคดีอาญาที่รุนแรง  คุณควรต้องเล่นหนักในประเด็นนี้ก่อน ...
4) แต่ดูเหมือน คุณจะพลาดอีกครั้ง ที่ไม่แจ้งความคดีลักเด็ก  ... แต่คุณยอมรับ และไปขึ้นศาลไกล่เกลี่ย
    แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า  คุณเอาข้อ 3 ) มาเล่นงานอีกไม่ได้
5) ที่ศาล ... ระหว่างพิจารณาคดี ... เค้าทำให้เด็กหาย  แม้แจ้งความ  แต่แสดงพิรุธอย่างมาก  ...
   น่าจะทำให้ศาลเปลี่ยนคำพิพากษาใหม่ได้    และเล่นเป็นคดีความใหม่ เรื่องเด็กหายได้อีกครั้ง


คราวนี้มาพูดกันในทางปฎิบัติ (ไม่ใช่ทางกฎหมายด้านบน)
1) คนที่เอาเด็กไปเลี้ยงตอนนี้  น่าจะเป็นน้าทอม ของเค้า ... อาจเพราะน้าทอม เสนอเงิน หรือมรดกให้พ่อนี่
   เพราะมันไม่ใช่คนรักลูก  แต่เป็นไอ้ปลิงในเครื่องแบบ .. คนที่รักเด็ก น่าจะเป็นน้าทอม ที่ไม่มีลูก
2) ฉะนั้น  คุณต้องจ้างนักสืบ ไปตามน้าทอมนั่น (และไอ้ปลิงนั่น)  หาทางชิงเด็กกลับมา
3) ต้องพึ่งมูลนิธิปวีณา หรือหน่วยงานพิเศษอื่นๆ  ให้ช่วยเหลือทางลัด  .. เพราะศาลหรือตำรวจปกติ ช่วยคุณไม่ได้
4) เข้าร้องเรียนผู้บังคับบัญชาของเค้า  เข้าไปเล่าเรื่อง ... เพราะคนโง่ที่สุด ยังรู้ว่า เด็กไม่ได้หายจริง
5) ปัญหาตอนนี้คือ  เด็กจะไม่ได้รับการศึกษา เพราะมัวแต่หลบซ่อน
    และถ้าชิงมา  เด็กจะได้รับการศึกษาอย่างไร  เมื่อคุณต้องหวาดระแวงและหลบซ่อน  

ความยากที่มันเป็นตำรวจ และย่ามใจ ทำเรื่องน่ากลัวเย้ยกฎหมาย และไม่ได้รักลูกของคุณเลย
มันเพียงแต่เอาไป เพื่อเงิน จากน้าทอม ... และน้าทอม ก็เล่นเหมือนตุ๊กตา  ที่อีกไม่นาน ก็จะเบื่อ
(เห็นจากการไม่เน้นเรื่องการศึกษา และการใช้วิธีผิดๆ  ...คนจิตสำนึกเลวๆแบบนี้ ลูกคุณคือของเล่นชั่วคราวเท่านั้น)

เรื่องนี้ คุณต้องพึ่งใบบุญที่ใหญ่มาก ... เรื่องยากจริงๆ ... ถ้าเล่นจนมันออกจากราชการ หรือคุก คุณเดือดร้อนแน่ ..เฮ้ออออ ยากจริง
ความคิดเห็นที่ 51
http://www.krobkruakao.com/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87-%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%99/45/73873/11/2015/%E0%B8%95%E0%B8%B9%E0%B9%89-%E0%B8%9B%E0%B8%93-%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7-3.html


ข่าวนี้ใช่พี่หรือป่าวคับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่