บันทึกเดินทาง Vietnam Trip : Ha Noi - Sapa EP#3
ย่างเข้าสู่ วันที่สาม ของการเดินทางใน เวียดนาม กันแล้ว
ตอนก่อนหน้านี้เป็น
http://pantip.com/topic/34403168 คลิกอ่าน จะได้ไม่ขาดตอนเนอะ
เรายังอยู่ที่ ซาปา เมืองที่ถูกห่มด้วยหมอก ถูกกอดด้วยเขา จนทำให้เราถูกห่มหุ้มด้วยผืนหมอกตามไปด้วย หนึ่งวันของ เมื่อวาน สร้างสุขแบบง่ายๆ ไปแล้ว หนึ่งวันของ วันนี้ เราหวังว่าสุขจากการเดินทางจะอิ่มเอมยิ่งกว่า
เอาล่ะ มาร่วมเดินทางไปกับตอนจบของทริป ซาปา เมืองที่ทำให้เรารัก 'เขา' ด้วยกันเถอะ

ถ้ามีใครถามว่ารู้สึกอย่างไร กับการดั้นด้นมาไกล...ถึงที่นี่? ถึงจะมีแค่ภูเขา เงาหมอกจางๆ กับความหนาวระดับฟินนิดๆ แต่ก็พูดได้ว่าเป็นความพอใจระดับเกินคาดหวัง
การเดินทางที่เกิดจากการติดตาม แรงบันดาลใจ ครั้งนี้ มิใช่แค่ได้ทำตามที่เคยหวัง จนได้มาเห็นภาพตามนิตยสารท่องเที่ยวฉบับเมื่อห้าปีก่อนเท่านั้น แต่เป็นการพาเรามายืนอยู่ที่ ซาปา เมืองที่ยังอวลไปด้วยเสน่ห์ และทำให้รู้ว่า..ภาพที่เคยเห็นไม่ได้สักส่วนเสี้ยวของการมาเห็นด้วยตาตัวเอง ถ้าเคยชื่นชอบ ซาปา จากภาพในวันนั้น วันนี้เราก็คง หลงรัก 'เขา' มากขึ้นไปอีก
:: Vietnam Trip 10-14 Sep 2015 ::
Day 1 Ha Noi Ha Noi, (GA Ha Noi to Ga Lao Cai)
Day 2 Sapa Lao Cai to Sapa, Sapa
Day 3 Sapa Sapa, (Ga Lao Cai to Ga Ha Noi)
Day 4 Ha Noi Ha Noi
Day 5 Ha Noi Back to Bangkok
:: 12 Sep 2015
ณ เวลา 05:39 น. เป็นเช้าที่ตื่นเช้ามาก หลับสบายอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็กระเด้งตัวจากเตียงคิงไซส์หนานุ่ม คิดขึ้นมาได้ว่าจะนอนอุตุไปไย ขยี้ตาคว้านาฬิกามาส่อง ดูอีกทีให้แน่ใจเพราะตอนนี้นอกหน้าต่าง ฝั่งที่หันเข้าหาเทือกเขา Muong Hoa Vally สว่างแล้ว สำหรับที่นี่คงเรียกว่าเช้าแล้วล่ะ
บรรยากาศข้างนอกนั่น เป็นหมอกสีขาวฟุ้งกระจายไปทั่ว มันเคลื่อนตัวอยู่แทบจะตลอดเวลา พัดพาไปบดบังต้นไม้กับทิวเขาสูง จนภาพเหล่านั้นกลายเป็นสีขาวโพลน
Sapa, Eden in the Mist
...เพียงแค่ยามเช้ามาเยือน ที่นี่ก็กลายเป็น สวรรค์ในสายหมอก ไปแล้ว
จากห้องพัก มองเห็นทิวทัศน์ของ Muong Hoa Vally เยื้องมาทางซ้ายจากมุมของห้องอาหารเล็กน้อย เป็นอีกมุมหนึ่งที่ชอบ เรากระโดดแผล็วไปเกาะริมหน้าต่าง ที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีนวลๆ ของสีฟ้าอมเทา หมอกเบาบางของเมื่อวาน กลับกลายเป็นความหนาแน่น วิ่งวนๆ ไปมา บดบังทุกสิ่งอย่าง ภาพนอกหน้าต่างชวนให้หนาวนิดๆ ทั้งที่ผิวกายยังไม่ได้สัมผัสกับมัน บรรยากาศที่ว่า...ชวนให้เรานั่งมองอยู่ได้นานเป็น...นาที
ตอนนั้น...เราคิดอะไรได้อย่างหนึ่ง ตอนที่นั่งถ่ายรูปอยู่ในมุมเดิมของเมื่อวาน ก็หน้าต่างบานเดิมนั่นล่ะ แต่ได้ภาพไม่เหมือนกับที่กำลังถ่ายในวันนี้ สำหรับเรามันเป็นเรื่องของการ [มองต่างมุม] ต่างสายตา ต่างทรรศนะกัน หากจับคนหลายคนมายืนในมุมเดียวกัน มองต่างกัน ภาพที่ต่างคนต่างเห็นก็ต่างกันออกไป
ถ้ามีใครสักคนแสดงทรรศนะ แล้วบอกคุณว่าสถานที่ที่คุณอยากไป ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก, จงเดินทางไปให้เห็นกับตาของคุณเสียเถอะ เพราะมุมมองของเขาต่างจากเรา ไม่สวยของเขา อาจเป็น ความชอบที่สุด ของเราก็เป็นได้
:: ภาพ ณ เวลา 05:39 น.

:: ภาพ ณ เวลา 05:48 น.

:: ภาพ ณ เวลา 05:50 น.

:: ภาพ ณ เวลา 06:18 น.

:: ภาพ ณ เวลา 06:22 น.

ถ้าจะจับเวลาแบบนาทีต่อนาที ภาพที่บันทึกได้ยิ่งทำให้เห็นการเดินทางของหมอก ที่ยักย้ายไปเรื่อยๆ ไม่หยุดยิ่ง บางนาทีเหมือนจะค่อยคลายความหนาแน่นให้พอมองเห็นตัวอาคารทรงโดม หลังคาสีส้มอิฐที่มองเห็นอยู่ลิบๆ สายตา ไม่รู้จะพูดว่าฟ้าใสขึ้นได้หรือเปล่า เพราะเดี๋ยวเดียวก็หม่นเทา มองเห็นภาพเดิมแค่รำไรที่หลังเงาหมอกอีกครั้ง
ในเมื่อสายหมอกดูจะไม่รีบเร่งไปไหน เราก็เลยอ้อยอิ่งกับมันพักหนึ่งก่อนจะลุกไปกินมื้อเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม ที่ชั้น 4 ห้องเดิม ชุดอาหารถูกสลับสับเปลี่ยนเพื่อลิ้มลองชุดอื่นที่เมื่อวานไม่ได้สั่งบ้าง ส่วนกาแฟร้อนยังถูกเลือกเหมือนเดิม วันนี้มีนักเดินทางชุดใหม่มาถึงโรงแรมตั้งแต่เช้า (เป็นชาวต่างชาติทั้งหมด) คงเหมือนวันที่เราเดินทางมาถึงวันแรก พวกเขาขึ้นมากินอาหารเช้าระหว่างรอห้องพัก วันนี้ห้องอาหารก็เลยเต็มทุกโต๊ะ
ซาปา เมืองที่ทำให้เรารัก 'เขา' ตอนจบ ||| Vietnam Trip : Ha Noi - Sapa
ย่างเข้าสู่ วันที่สาม ของการเดินทางใน เวียดนาม กันแล้ว
ตอนก่อนหน้านี้เป็น http://pantip.com/topic/34403168 คลิกอ่าน จะได้ไม่ขาดตอนเนอะ
เรายังอยู่ที่ ซาปา เมืองที่ถูกห่มด้วยหมอก ถูกกอดด้วยเขา จนทำให้เราถูกห่มหุ้มด้วยผืนหมอกตามไปด้วย หนึ่งวันของ เมื่อวาน สร้างสุขแบบง่ายๆ ไปแล้ว หนึ่งวันของ วันนี้ เราหวังว่าสุขจากการเดินทางจะอิ่มเอมยิ่งกว่า
เอาล่ะ มาร่วมเดินทางไปกับตอนจบของทริป ซาปา เมืองที่ทำให้เรารัก 'เขา' ด้วยกันเถอะ
ถ้ามีใครถามว่ารู้สึกอย่างไร กับการดั้นด้นมาไกล...ถึงที่นี่? ถึงจะมีแค่ภูเขา เงาหมอกจางๆ กับความหนาวระดับฟินนิดๆ แต่ก็พูดได้ว่าเป็นความพอใจระดับเกินคาดหวัง
การเดินทางที่เกิดจากการติดตาม แรงบันดาลใจ ครั้งนี้ มิใช่แค่ได้ทำตามที่เคยหวัง จนได้มาเห็นภาพตามนิตยสารท่องเที่ยวฉบับเมื่อห้าปีก่อนเท่านั้น แต่เป็นการพาเรามายืนอยู่ที่ ซาปา เมืองที่ยังอวลไปด้วยเสน่ห์ และทำให้รู้ว่า..ภาพที่เคยเห็นไม่ได้สักส่วนเสี้ยวของการมาเห็นด้วยตาตัวเอง ถ้าเคยชื่นชอบ ซาปา จากภาพในวันนั้น วันนี้เราก็คง หลงรัก 'เขา' มากขึ้นไปอีก
:: Vietnam Trip 10-14 Sep 2015 ::
Day 1 Ha Noi Ha Noi, (GA Ha Noi to Ga Lao Cai)
Day 2 Sapa Lao Cai to Sapa, Sapa
Day 3 Sapa Sapa, (Ga Lao Cai to Ga Ha Noi)
Day 4 Ha Noi Ha Noi
Day 5 Ha Noi Back to Bangkok
:: 12 Sep 2015
ณ เวลา 05:39 น. เป็นเช้าที่ตื่นเช้ามาก หลับสบายอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็กระเด้งตัวจากเตียงคิงไซส์หนานุ่ม คิดขึ้นมาได้ว่าจะนอนอุตุไปไย ขยี้ตาคว้านาฬิกามาส่อง ดูอีกทีให้แน่ใจเพราะตอนนี้นอกหน้าต่าง ฝั่งที่หันเข้าหาเทือกเขา Muong Hoa Vally สว่างแล้ว สำหรับที่นี่คงเรียกว่าเช้าแล้วล่ะ
บรรยากาศข้างนอกนั่น เป็นหมอกสีขาวฟุ้งกระจายไปทั่ว มันเคลื่อนตัวอยู่แทบจะตลอดเวลา พัดพาไปบดบังต้นไม้กับทิวเขาสูง จนภาพเหล่านั้นกลายเป็นสีขาวโพลน
Sapa, Eden in the Mist
...เพียงแค่ยามเช้ามาเยือน ที่นี่ก็กลายเป็น สวรรค์ในสายหมอก ไปแล้ว
จากห้องพัก มองเห็นทิวทัศน์ของ Muong Hoa Vally เยื้องมาทางซ้ายจากมุมของห้องอาหารเล็กน้อย เป็นอีกมุมหนึ่งที่ชอบ เรากระโดดแผล็วไปเกาะริมหน้าต่าง ที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีนวลๆ ของสีฟ้าอมเทา หมอกเบาบางของเมื่อวาน กลับกลายเป็นความหนาแน่น วิ่งวนๆ ไปมา บดบังทุกสิ่งอย่าง ภาพนอกหน้าต่างชวนให้หนาวนิดๆ ทั้งที่ผิวกายยังไม่ได้สัมผัสกับมัน บรรยากาศที่ว่า...ชวนให้เรานั่งมองอยู่ได้นานเป็น...นาที
ตอนนั้น...เราคิดอะไรได้อย่างหนึ่ง ตอนที่นั่งถ่ายรูปอยู่ในมุมเดิมของเมื่อวาน ก็หน้าต่างบานเดิมนั่นล่ะ แต่ได้ภาพไม่เหมือนกับที่กำลังถ่ายในวันนี้ สำหรับเรามันเป็นเรื่องของการ [มองต่างมุม] ต่างสายตา ต่างทรรศนะกัน หากจับคนหลายคนมายืนในมุมเดียวกัน มองต่างกัน ภาพที่ต่างคนต่างเห็นก็ต่างกันออกไป
ถ้ามีใครสักคนแสดงทรรศนะ แล้วบอกคุณว่าสถานที่ที่คุณอยากไป ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก, จงเดินทางไปให้เห็นกับตาของคุณเสียเถอะ เพราะมุมมองของเขาต่างจากเรา ไม่สวยของเขา อาจเป็น ความชอบที่สุด ของเราก็เป็นได้
:: ภาพ ณ เวลา 05:39 น.
:: ภาพ ณ เวลา 05:48 น.
:: ภาพ ณ เวลา 05:50 น.
:: ภาพ ณ เวลา 06:18 น.
:: ภาพ ณ เวลา 06:22 น.
ถ้าจะจับเวลาแบบนาทีต่อนาที ภาพที่บันทึกได้ยิ่งทำให้เห็นการเดินทางของหมอก ที่ยักย้ายไปเรื่อยๆ ไม่หยุดยิ่ง บางนาทีเหมือนจะค่อยคลายความหนาแน่นให้พอมองเห็นตัวอาคารทรงโดม หลังคาสีส้มอิฐที่มองเห็นอยู่ลิบๆ สายตา ไม่รู้จะพูดว่าฟ้าใสขึ้นได้หรือเปล่า เพราะเดี๋ยวเดียวก็หม่นเทา มองเห็นภาพเดิมแค่รำไรที่หลังเงาหมอกอีกครั้ง
ในเมื่อสายหมอกดูจะไม่รีบเร่งไปไหน เราก็เลยอ้อยอิ่งกับมันพักหนึ่งก่อนจะลุกไปกินมื้อเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม ที่ชั้น 4 ห้องเดิม ชุดอาหารถูกสลับสับเปลี่ยนเพื่อลิ้มลองชุดอื่นที่เมื่อวานไม่ได้สั่งบ้าง ส่วนกาแฟร้อนยังถูกเลือกเหมือนเดิม วันนี้มีนักเดินทางชุดใหม่มาถึงโรงแรมตั้งแต่เช้า (เป็นชาวต่างชาติทั้งหมด) คงเหมือนวันที่เราเดินทางมาถึงวันแรก พวกเขาขึ้นมากินอาหารเช้าระหว่างรอห้องพัก วันนี้ห้องอาหารก็เลยเต็มทุกโต๊ะ