สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ผมว่าความสุขมันมาจาก 2 ทางนะครับ คือ ร่างกายและจิตใจครับ
ในแง่ร่างกาย เราอาจจะสะดวกสบายมากขึ้นจากสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทำให้มีความสุขมากขึ้นอย่างที่พี่ว่า
แต่แง่ของจิตใจ ผมคิดว่ามันไม่ได้อยู่ที่สิ่งอำนวยความสะดวกซักเท่าไหร่ หากแต่อยู่ที่การพัฒนาทางจิตใจของคนครับ
คนที่มีการพัฒนาทางจิตใจได้ดี มีแนวโน้มที่จะมีความสุขมากกว่า ซึ่งระดับการพัฒนาทางจิตใจมันวัด และจับต้องได้ยาก
อีกประการที่สำคัญ คือ มนุษย์เราส่วนใหญ่ชอบเปรียบเทียบครับ
คนมีเงิน 100 ล้าน อาจจะรู้สึกตัวเองจน และไม่มีความสุข ถ้าเพื่อนๆของเขาทุกคนมี 1,000 ล้าน
คนที่ใช้กระเป๋า Brand name จะไม่รู้สึกว่าตัวเองโดดเด่นหรือภูมิใจ ถ้าทุกคนรอบข้างใช้เหมือนกันหมด
พอเปรียบเทียบสิ่งที่ตัวเองมีกับคนอื่น เราก็จะรู้สึกว่าตัวเองยังมีไม่พอ เพราะคนอื่นก็มักจะมีบางอย่างที่เรายังไม่มีเสมอ
เราก็จะมีความทุกข์มากกว่าความสุข ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าเราไม่เปรียบเทียบกับคนอื่นๆมากจนเกินไป
หลายคน(ที่มีพร้อมระดับหนึ่ง)ก็จะมีความสุขมากกว่านี้ครับ
ในแง่ร่างกาย เราอาจจะสะดวกสบายมากขึ้นจากสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทำให้มีความสุขมากขึ้นอย่างที่พี่ว่า
แต่แง่ของจิตใจ ผมคิดว่ามันไม่ได้อยู่ที่สิ่งอำนวยความสะดวกซักเท่าไหร่ หากแต่อยู่ที่การพัฒนาทางจิตใจของคนครับ
คนที่มีการพัฒนาทางจิตใจได้ดี มีแนวโน้มที่จะมีความสุขมากกว่า ซึ่งระดับการพัฒนาทางจิตใจมันวัด และจับต้องได้ยาก
อีกประการที่สำคัญ คือ มนุษย์เราส่วนใหญ่ชอบเปรียบเทียบครับ
คนมีเงิน 100 ล้าน อาจจะรู้สึกตัวเองจน และไม่มีความสุข ถ้าเพื่อนๆของเขาทุกคนมี 1,000 ล้าน
คนที่ใช้กระเป๋า Brand name จะไม่รู้สึกว่าตัวเองโดดเด่นหรือภูมิใจ ถ้าทุกคนรอบข้างใช้เหมือนกันหมด
พอเปรียบเทียบสิ่งที่ตัวเองมีกับคนอื่น เราก็จะรู้สึกว่าตัวเองยังมีไม่พอ เพราะคนอื่นก็มักจะมีบางอย่างที่เรายังไม่มีเสมอ
เราก็จะมีความทุกข์มากกว่าความสุข ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าเราไม่เปรียบเทียบกับคนอื่นๆมากจนเกินไป
หลายคน(ที่มีพร้อมระดับหนึ่ง)ก็จะมีความสุขมากกว่านี้ครับ
ความคิดเห็นที่ 97
พูดในฐานะเด็กรุ่นใหม่ อายุ 25
อยากจะบอกว่า ต่อให้มีร้านอาหารดีๆ
เทคโนโลยีใหม่ๆ (ซึ่งคนส่วนมากได้มาเพราะผ่อนทั้งนั้นแหละ และนั่นก็คือหนี้สินที่ตามมา)
ไม่ได้มีความสุขมากขึ้นเลย
ทุกข์มากกว่าเก่าด้วยซ้ำ
เราต้องดิ้นรนมากกว่าเดิม
หาเงินได้มายิ่งเยอะ ยิ่งเครียด
ก่อนหน้านี้เงินน้อยกว่านี้ยังไม่เครียดเท่านี้
ตอนนี้มีเงินพอสมควร กลับเครียดกว่าเดิมหลายเท่า
เพราะอะไร เพราะข้าวของแพงขึ้นทุกวัน
เศรษฐกิจแย่ลงทุกวัน มันสวนทางกัน
ไม่รู้ว่าวันไหนจะพังเมื่อไหร่
พยายามจะไม่เครียด จะมีความสุขกับมันอยู่
พูดง่าย แต่ทำยาก
การลงทุนสักอย่างเดี๋ยวนี้ต้องใช้เงินหลายๆแสน
ไม่เหมือนสมัยก่อน ค่าเช่าเปิดร้านเปิดกิจการ
พุ่งตัวไปหลักหลายๆหมื่นต่อเดือน
ทางที่จะรอดของเด็กยุคนี้ ถ้าพ่อแม่ไม่ได้รวยหรือปูมาให้
ซึ่งไม่รู้ว่าจะเจ๊งมั้ย ก็ต้องไปเป็นพนักงานบริษัท
ถามว่า การเป็น พนง บริษัทนั้นมีความสุขจริงๆหรือ
รายได้ กับค่าใช้จ่าย มันสวนทางกันหรือไม่
แค่ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ค่าเสื้อผ้า เห็นหลายๆคนบ่นกัน ว่าไม่พอจะใช้ เพราะมันแพงขึ้นๆทุกวัน
ความกดดันในบริษัทก็มีมาก
มาพูดถึงคนที่ลงทำธุรกิจดีกว่า ด้วยความที่ทันสมัยมากขึ้น
ใครทำอะไรขายอะไร สักพักคู่แข่งก็เกิดกันเป็นดอกเห็ด
คนขายมากกว่าคนซื้อ การลงทุนหลายๆอย่างแพงขึ้นหลายเท่าตัว ไม่ต้องพูดถึงเปิดร้านเลย 5 แสนยังเอาไม่อยู่เลยเดี๋ยวนี้ ต่อให้จะเปิดขายแค่ออนไลน์ ไหนจะค่าโฆษณา โปรโมต เดือนๆนึงก็เยอะ มันต้องดิ้นรน แข่งขันกันมากขึ้น
มาพูดถึงบ้าน บ้านแต่ก่อนปลูกเอง หลังเบ้อเริ่ม
100 ตรว ราคาแค่ 5-6 ล้าน
สมัยนี้ อย่าพูดถึงปลูกเองเลย ไม่มีที่จะให้ปลูกแล้ว
ไปซื้อบ้านจัดสรร 100 ตรว 20-30 ล้าน
เอาถูกๆเลยนะบ้านเดี่ยว 50 ตรว 5 ล้าน อยู่นอกเมือง
บ้านธรรมดาโครงสร้างอ่อนแอ
บันไดจะพังวันไหนยังไม่รู้เลย
ใช่คนเราเป็นหนี้กันง่ายขึ้น สะดวกสบาย
พอปลายเดือน หนี้มาเก็บ แทบบ้าทุกคน
ทุกวันนี้คนเราใช้ชีวิตทั้งชีวิตเพื่อหาเงิน
ซึ่งมันไม่มีความสุขหรอก
ทำตัวมีความสุข ยิ้มแย้มไปงั้นอะ
กลับถึงบ้านอาจจะร้องไห้ทุกวันก็ได้
จะพยายาม หาเงินเพื่อใช้ชีวิตทั้งชีวิตให้มีความสุข
พูดง่ายไง ทำยากกก
อยากจะบอกว่า ต่อให้มีร้านอาหารดีๆ
เทคโนโลยีใหม่ๆ (ซึ่งคนส่วนมากได้มาเพราะผ่อนทั้งนั้นแหละ และนั่นก็คือหนี้สินที่ตามมา)
ไม่ได้มีความสุขมากขึ้นเลย
ทุกข์มากกว่าเก่าด้วยซ้ำ
เราต้องดิ้นรนมากกว่าเดิม
หาเงินได้มายิ่งเยอะ ยิ่งเครียด
ก่อนหน้านี้เงินน้อยกว่านี้ยังไม่เครียดเท่านี้
ตอนนี้มีเงินพอสมควร กลับเครียดกว่าเดิมหลายเท่า
เพราะอะไร เพราะข้าวของแพงขึ้นทุกวัน
เศรษฐกิจแย่ลงทุกวัน มันสวนทางกัน
ไม่รู้ว่าวันไหนจะพังเมื่อไหร่
พยายามจะไม่เครียด จะมีความสุขกับมันอยู่
พูดง่าย แต่ทำยาก
การลงทุนสักอย่างเดี๋ยวนี้ต้องใช้เงินหลายๆแสน
ไม่เหมือนสมัยก่อน ค่าเช่าเปิดร้านเปิดกิจการ
พุ่งตัวไปหลักหลายๆหมื่นต่อเดือน
ทางที่จะรอดของเด็กยุคนี้ ถ้าพ่อแม่ไม่ได้รวยหรือปูมาให้
ซึ่งไม่รู้ว่าจะเจ๊งมั้ย ก็ต้องไปเป็นพนักงานบริษัท
ถามว่า การเป็น พนง บริษัทนั้นมีความสุขจริงๆหรือ
รายได้ กับค่าใช้จ่าย มันสวนทางกันหรือไม่
แค่ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ค่าเสื้อผ้า เห็นหลายๆคนบ่นกัน ว่าไม่พอจะใช้ เพราะมันแพงขึ้นๆทุกวัน
ความกดดันในบริษัทก็มีมาก
มาพูดถึงคนที่ลงทำธุรกิจดีกว่า ด้วยความที่ทันสมัยมากขึ้น
ใครทำอะไรขายอะไร สักพักคู่แข่งก็เกิดกันเป็นดอกเห็ด
คนขายมากกว่าคนซื้อ การลงทุนหลายๆอย่างแพงขึ้นหลายเท่าตัว ไม่ต้องพูดถึงเปิดร้านเลย 5 แสนยังเอาไม่อยู่เลยเดี๋ยวนี้ ต่อให้จะเปิดขายแค่ออนไลน์ ไหนจะค่าโฆษณา โปรโมต เดือนๆนึงก็เยอะ มันต้องดิ้นรน แข่งขันกันมากขึ้น
มาพูดถึงบ้าน บ้านแต่ก่อนปลูกเอง หลังเบ้อเริ่ม
100 ตรว ราคาแค่ 5-6 ล้าน
สมัยนี้ อย่าพูดถึงปลูกเองเลย ไม่มีที่จะให้ปลูกแล้ว
ไปซื้อบ้านจัดสรร 100 ตรว 20-30 ล้าน
เอาถูกๆเลยนะบ้านเดี่ยว 50 ตรว 5 ล้าน อยู่นอกเมือง
บ้านธรรมดาโครงสร้างอ่อนแอ
บันไดจะพังวันไหนยังไม่รู้เลย
ใช่คนเราเป็นหนี้กันง่ายขึ้น สะดวกสบาย
พอปลายเดือน หนี้มาเก็บ แทบบ้าทุกคน
ทุกวันนี้คนเราใช้ชีวิตทั้งชีวิตเพื่อหาเงิน
ซึ่งมันไม่มีความสุขหรอก
ทำตัวมีความสุข ยิ้มแย้มไปงั้นอะ
กลับถึงบ้านอาจจะร้องไห้ทุกวันก็ได้
จะพยายาม หาเงินเพื่อใช้ชีวิตทั้งชีวิตให้มีความสุข
พูดง่ายไง ทำยากกก
แสดงความคิดเห็น
คนไทยรวยขึ้น มีความเป็นอยู่ดีขึ้นกว่าก่อนมาก แต่ทำไมดูเหมือนไม่ค่อยมีความสุข
ผมว่าคนไทยโดยภาพรวม มีความสะดวกสบาย มีความเป็นอยู่ดีขึ้นกว่าก่อนมาก
ทั้งเรื่องอาหารการกินที่รสชาติดีราคาไม่แพง หลากหลายชนิด
ทั้งร้านชื่อดังจากต่างประเทศมาแย่งกันเปิดมากมาย
ถนนหนทางมีมากขึ้น รถยนต์คุณภาพดี หาซื้อได้โดยง่าย
ทางเลือกในการเดินทางก็มีมากขึ้น
สายการบินราคาประหยัด ทำให้การไปเที่ยวต่างประเทศ เป็นเรื่องแสนง่าย
ตั้งแต่เด็กประถมยันคนชรา แทบทุกคนมีสมาร์ทโฟนใช้กันปรกติ
ทั้งเทคโนโลยีสื่อสาร 3G 4G ทั้งแอพต่างๆ เช่น เฟสบุ้ค Google Maps
ที่ใช้เงินลงทุนเป็นพัน เป็นหมื่นล้าน
เรามีใช้กันสบาย โดยจ่ายตังค์แค่ไม่กี่บาท
บางอย่างเกือบจะฟรีด้วยซ้ำ
สมัยก่อนที่เคยเสียเงินเช่าหนัง เช่าดีวีดีมาดู
เดี๋ยวนี้หลายเรื่องดูในยูทูปได้ฟรีๆ
ข้อมูลต่างๆ ก็สามารถหาในเน็ตได้โดยง่าย
แม้แต่หาแฟน บางคนยังหาในเน็ตได้เลย
ถ้าตีเป็นมูลค่า ก็คงไม่ใช่น้อยเลยนะครับ
พูดง่ายๆคือ สิ่งอำนวยความสะดวกหลายอย่าง หาซื้อได้ง่ายขึ้น ผ่อนได้สบายขึ้น
ระบบโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่ต้องลงทุนเป็นหมื่นล้าน แสนล้าน
ก็มีให้ใช้สบายๆในราคาที่เอื้อมถึง
เทียบกับ 10 ปี 20 ปีก่อน ผมว่าโดยรวม เราฐานะดีขึ้น สะดวกสบายขึ้นมาก
แต่ทำไมดูเหมือนความสุขมันไม่ได้เพิ่มตามความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเท่าไหร่เลย
โอเค มันอาจจะมีความสุขขึ้นบ้าง แต่มันควรจะสุขเยอะกว่านี้หรือเปล่า?
พวกเรามีความสุขมากขึ้นมั้ยครับ? หรือรู้สึกดิ้นรนกว่าเก่า?
ใครบ้างครับ ที่รู้สึกว่าชีวิตลำบากขึ้น เป็นทุกข์มากขึ้น? มันเป็นเพราะอะไรครับ?