เรื่องของเราผ่านมาเกือบ 10 ปีแล้ว ตอนนี้จิตใจปกติสุขดี มีครอบครัวที่น่ารักและอบอุ่น เลยอยากแชร์ประสบการณ์เล็กๆของเราซึ่งก็คงไม่ต่างจากเรื่องของคนอื่นๆอีกหลายคนบนโลกนี้สักเท่าไหร่เผื่อจะทำให้คนที่ได้อ่านมีสติในความรักมากขึ้น ไม่ว่าตอนนี้คุณกำลังแฮปปี้หรือมีทุกข์อยู่
เราเป็นคนนึงที่เคยทุกข์มากเพราะรัก ที่จริงก็บอกตัวเองเสมอว่าต้องทำทุกวันให้ดีที่สุดแต่ด้วยความเคยชินจนลืมความรู้สึกคนใกล้ตัวไม่ว่าจะคนในครอบครัวเราหรือแม้แต่แฟน เรามักมีข้ออ้างบอกตัวเองว่าเราทำงานเหนื่อย เราคบกับแฟนคนนี้มา 5 ปี คบตั้งแต่เงินเดือนเราหมื่นปลายๆ จนตอนเลิกกันเราได้เงินเดือนเกือบ 9 หมื่น ไม่รวมโบนัสและเงินพิเศษ ที่พูดเรื่องเงินไม่ใช่จะโอ้อวดอะไร เพียงแค่อยากให้เห็นว่าเราเป็นคนค่อนข้างจริงจังกับชีวิต ผลักดันตัวเองตลอด วางแผนกับทุกสิ่งเพราะภาระเราเยอะ อยากให้ครอบครัวมีอนาคตและชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น วางแผนไปถึงขั้นว่าถ้ามีลูกคือต้องมีพร้อมในระดับหนึ่งเพื่อให้ลูกมีสังคมที่ดี ในขณะที่แฟนเก่าเราเขาเป็นคนเฉยๆ ไม่กระตือรือร้นเพื่ออนาคตเท่าไหร่ ตอนคบกับเราใหม่ๆ แฟนเราได้เงินเดือนไม่ถึงหมื่น เราก็ช่วยหางาน ช่วยติวภาษาอังกฤษ ช่วยตอนสอบข้อเขียนและสัมภาษณ์จนก่อนเลิกกับเรา เขาได้เงินเดือนอยู่ที่ 3 หมื่นปลายๆ มีรถขับ ซึ่งเราช่วยดาวน์รถให้แล้วเขามาผ่อนกับเราอีกทีนึง ทีนี้พอเราเหนื่อยก็เรียกร้อง เดี๋ยวก็วีน เดี๋ยวก็เหวี่ยง อารมณ์เสียง่าย เราคิดเอาแต่ใจตัวเองว่าทุกคนต้องเห็นใจ ต้องเข้าใจเราสิ อารมณ์ประมาณนั้น
เราอารมณ์เสีย ปรี๊ดแตกง่ายแบบนี้มาตลอด มาหนักข้อช่วงปีที่ 3 ย่างเข้าปีที่ 4 ที่คบกัน วีรกรรมเราเยอะ เราเหวี่ยงทุกคนที่พูดจาไม่เข้าหู พูดจาเสียงดังใส่คนอื่นแล้วเหมือนไปตะโกน ไปตะคอกใส่ทั้งๆที่เราไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้อยากทำอย่างนั้น คือรู้ตัวนะว่าทำอะไรแต่อาการมันออกไปเองโดยที่เราคุมไม่ได้ งงเหมือนกัน เดี๋ยวนี้รู้แล้วว่าเค้าเรียกสติ ตอนนั้นเราเหมือนคนบ้า ไม่มีสติเอาซะเลย ใช้แต่อารมณ์ความรู้สึกเป็นที่ตั้ง มีครั้งหนึ่งแฟนเราเอารถเราขับไปทำงานต่างจังหวัด (ช่วงนั้นรถแฟนเราซ่อมอยู่ที่อู่) ส่วนเราก็นั่งรถเมล์ไปทำงาน สุดท้ายแฟนเราเอารถไปชน จำไม่ได้แล้วว่าไปชนคนอื่นหรือถูกคนอื่นชนแน่ รู้แต่ว่าตอนนั้นมันโกรธจนหูอื้อมาก เรานี่โคตรเหนื่อยใจ แบบเรายอมนั่งรถเมล์ 1 อาทิตย์ให้เอารถเราไปใช้แล้วทำไมเธอไม่ดูแล ไม่ขับระวังๆ หงุดหงิดใส่แฟนอยู่หลายวันเลยเรื่องแค่นั้น เอาเป็นว่าเราหงุดหงิดใส่แฟนได้ทุกเรื่องจริงๆ งี่เง่าไม่เว้นแม้แตเรื่องเล็กๆน้อยๆ เช่น ทำไมเธอเอาหมอนที่เราซื้อให้ออกจากรถ ทำไมเสาร์อาทิตย์ไม่ขับรถมาหาเหมือนแต่ก่อน ทำไมไปกินเหล้ากับเพื่อนแล้วไม่โทรหา ฯลฯ มองย้อนกลับไปช่วงนั้นเราโคตรเอาแต่ใจ หงุดหงิด งี่เง่า งอแง เราทำตัวโคตรแย่มากๆ อ่ะพูดเลย
มาพูดถึงข้อดีแฟนเราบ้าง เราบอกได้เลยว่าเขารักเรามาก มากจนทำให้เราลืมตัว หลงตัวเองไปชั่วขณะว่าเขาไม่มีวันทิ้งเราไปไหน ลืมไปว่าผู้ชายตัวใหญ่ๆคนนี้เขาก็เป็นคน มีความรู้สึก เสียใจเป็น เจ็บเป็น ร้องไห้เป็นเหมือนกัน ด้วยงานที่เราทำต้องเดินเยอะมาก เดินทั้งวัน เขามักจะมาบีบนวดเท้าให้เราประจำ ไปส่งเราที่บ้านกรุงเทพฯทุกวันหยุด ตอนยังไม่ซื้อรถก็นั่งรถทัวร์ไปส่งแล้วก็นั่งกลับ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาพิสูจน์ว่าเขารักเรามาก คือเราลาออกจากงานแล้วกลับไปอยู่บ้านที่กรุงเทพ แบบทนไม่ไหวแล้ว มันอึดอัดจนไม่เป็นตัวของตัวเอง เขาบอกแค่ว่าทำอย่างที่ใจต้องการเถอะ เขาเห็นเราไม่สบายใจเรื่องงานก็ทุกข์ใจเครียดไปด้วย ช่วงนั้นเราไม่มีเงินเลยนะ อย่างที่บอกว่าภาระเราเยอะ ไหนจะแม่ ไหนจะต้องส่งน้องเรียน เงินเก็บนี่แทบไม่ต้องพูดถึง มีไม่เยอะเลย พอสิ้นเดือนปุ๊บแฟนเราเอาเงินทั้งหมดมาให้เราเลย ตัวเองเหลือติดบัญชีไว้แค่ 1 พัน เขาบอกว่าตัวเขาอยู่บ้านแม่ (ทำงาน ตจว) กินข้าวฟรี ที่พักฟรีอยู่แล้วแทบไม่ต้องใช้อะไร ส่วนเรามีเรื่องต้องใช้จ่ายและรับผิดชอบ เรานี่ร้องไห้เลยนะ ไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้เพื่อเรา เขาให้เงินเดือนเราแบบนี้อยู่ 2-3 เดือนจนเราได้งานใหม่ เขาไม่เคยทวงเงินส่วนนี้คืนด้วย นี่เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้เราดาวน์รถให้เขาในวันที่เราได้เงินเดือนที่เยอะขึ้น มีมากพอที่จะช่วยเขาได้บ้าง
อดีตที่อยากย้อน .. วันวานที่อยากแก้ไข
เราเป็นคนนึงที่เคยทุกข์มากเพราะรัก ที่จริงก็บอกตัวเองเสมอว่าต้องทำทุกวันให้ดีที่สุดแต่ด้วยความเคยชินจนลืมความรู้สึกคนใกล้ตัวไม่ว่าจะคนในครอบครัวเราหรือแม้แต่แฟน เรามักมีข้ออ้างบอกตัวเองว่าเราทำงานเหนื่อย เราคบกับแฟนคนนี้มา 5 ปี คบตั้งแต่เงินเดือนเราหมื่นปลายๆ จนตอนเลิกกันเราได้เงินเดือนเกือบ 9 หมื่น ไม่รวมโบนัสและเงินพิเศษ ที่พูดเรื่องเงินไม่ใช่จะโอ้อวดอะไร เพียงแค่อยากให้เห็นว่าเราเป็นคนค่อนข้างจริงจังกับชีวิต ผลักดันตัวเองตลอด วางแผนกับทุกสิ่งเพราะภาระเราเยอะ อยากให้ครอบครัวมีอนาคตและชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น วางแผนไปถึงขั้นว่าถ้ามีลูกคือต้องมีพร้อมในระดับหนึ่งเพื่อให้ลูกมีสังคมที่ดี ในขณะที่แฟนเก่าเราเขาเป็นคนเฉยๆ ไม่กระตือรือร้นเพื่ออนาคตเท่าไหร่ ตอนคบกับเราใหม่ๆ แฟนเราได้เงินเดือนไม่ถึงหมื่น เราก็ช่วยหางาน ช่วยติวภาษาอังกฤษ ช่วยตอนสอบข้อเขียนและสัมภาษณ์จนก่อนเลิกกับเรา เขาได้เงินเดือนอยู่ที่ 3 หมื่นปลายๆ มีรถขับ ซึ่งเราช่วยดาวน์รถให้แล้วเขามาผ่อนกับเราอีกทีนึง ทีนี้พอเราเหนื่อยก็เรียกร้อง เดี๋ยวก็วีน เดี๋ยวก็เหวี่ยง อารมณ์เสียง่าย เราคิดเอาแต่ใจตัวเองว่าทุกคนต้องเห็นใจ ต้องเข้าใจเราสิ อารมณ์ประมาณนั้น
เราอารมณ์เสีย ปรี๊ดแตกง่ายแบบนี้มาตลอด มาหนักข้อช่วงปีที่ 3 ย่างเข้าปีที่ 4 ที่คบกัน วีรกรรมเราเยอะ เราเหวี่ยงทุกคนที่พูดจาไม่เข้าหู พูดจาเสียงดังใส่คนอื่นแล้วเหมือนไปตะโกน ไปตะคอกใส่ทั้งๆที่เราไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้อยากทำอย่างนั้น คือรู้ตัวนะว่าทำอะไรแต่อาการมันออกไปเองโดยที่เราคุมไม่ได้ งงเหมือนกัน เดี๋ยวนี้รู้แล้วว่าเค้าเรียกสติ ตอนนั้นเราเหมือนคนบ้า ไม่มีสติเอาซะเลย ใช้แต่อารมณ์ความรู้สึกเป็นที่ตั้ง มีครั้งหนึ่งแฟนเราเอารถเราขับไปทำงานต่างจังหวัด (ช่วงนั้นรถแฟนเราซ่อมอยู่ที่อู่) ส่วนเราก็นั่งรถเมล์ไปทำงาน สุดท้ายแฟนเราเอารถไปชน จำไม่ได้แล้วว่าไปชนคนอื่นหรือถูกคนอื่นชนแน่ รู้แต่ว่าตอนนั้นมันโกรธจนหูอื้อมาก เรานี่โคตรเหนื่อยใจ แบบเรายอมนั่งรถเมล์ 1 อาทิตย์ให้เอารถเราไปใช้แล้วทำไมเธอไม่ดูแล ไม่ขับระวังๆ หงุดหงิดใส่แฟนอยู่หลายวันเลยเรื่องแค่นั้น เอาเป็นว่าเราหงุดหงิดใส่แฟนได้ทุกเรื่องจริงๆ งี่เง่าไม่เว้นแม้แตเรื่องเล็กๆน้อยๆ เช่น ทำไมเธอเอาหมอนที่เราซื้อให้ออกจากรถ ทำไมเสาร์อาทิตย์ไม่ขับรถมาหาเหมือนแต่ก่อน ทำไมไปกินเหล้ากับเพื่อนแล้วไม่โทรหา ฯลฯ มองย้อนกลับไปช่วงนั้นเราโคตรเอาแต่ใจ หงุดหงิด งี่เง่า งอแง เราทำตัวโคตรแย่มากๆ อ่ะพูดเลย
มาพูดถึงข้อดีแฟนเราบ้าง เราบอกได้เลยว่าเขารักเรามาก มากจนทำให้เราลืมตัว หลงตัวเองไปชั่วขณะว่าเขาไม่มีวันทิ้งเราไปไหน ลืมไปว่าผู้ชายตัวใหญ่ๆคนนี้เขาก็เป็นคน มีความรู้สึก เสียใจเป็น เจ็บเป็น ร้องไห้เป็นเหมือนกัน ด้วยงานที่เราทำต้องเดินเยอะมาก เดินทั้งวัน เขามักจะมาบีบนวดเท้าให้เราประจำ ไปส่งเราที่บ้านกรุงเทพฯทุกวันหยุด ตอนยังไม่ซื้อรถก็นั่งรถทัวร์ไปส่งแล้วก็นั่งกลับ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาพิสูจน์ว่าเขารักเรามาก คือเราลาออกจากงานแล้วกลับไปอยู่บ้านที่กรุงเทพ แบบทนไม่ไหวแล้ว มันอึดอัดจนไม่เป็นตัวของตัวเอง เขาบอกแค่ว่าทำอย่างที่ใจต้องการเถอะ เขาเห็นเราไม่สบายใจเรื่องงานก็ทุกข์ใจเครียดไปด้วย ช่วงนั้นเราไม่มีเงินเลยนะ อย่างที่บอกว่าภาระเราเยอะ ไหนจะแม่ ไหนจะต้องส่งน้องเรียน เงินเก็บนี่แทบไม่ต้องพูดถึง มีไม่เยอะเลย พอสิ้นเดือนปุ๊บแฟนเราเอาเงินทั้งหมดมาให้เราเลย ตัวเองเหลือติดบัญชีไว้แค่ 1 พัน เขาบอกว่าตัวเขาอยู่บ้านแม่ (ทำงาน ตจว) กินข้าวฟรี ที่พักฟรีอยู่แล้วแทบไม่ต้องใช้อะไร ส่วนเรามีเรื่องต้องใช้จ่ายและรับผิดชอบ เรานี่ร้องไห้เลยนะ ไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้เพื่อเรา เขาให้เงินเดือนเราแบบนี้อยู่ 2-3 เดือนจนเราได้งานใหม่ เขาไม่เคยทวงเงินส่วนนี้คืนด้วย นี่เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้เราดาวน์รถให้เขาในวันที่เราได้เงินเดือนที่เยอะขึ้น มีมากพอที่จะช่วยเขาได้บ้าง