คือผมก็เห็นงานใหญ่ๆ มาหลายงานๆเหมือนกันนะครับที่สมัครกันไม่เคยทัน เข้าใจว่าช่วงนี้กระแสนิยมจักรยานกำลังเพิ่มขึ้นรวดเร็ว
ทั้งหน้าใหม่ก็เยอะหน้าเก่าก็แยะ ทำไมงานใหญ่ๆอย่าง งานปั่นสไตล์เมืองเหน่อ 4000คน/วันเดียวเต็ม หรือไม่ก็
งานปั่นพิชิตดอยอินทนนท์ ทำไมถึงเต็มเร็วนัก 4000คน 3ชม.ก็เต็มแล้ว ผมเองก็เข้าใจนะครับว่าใครๆก็อยากไป แต่เคยถามขาของคุณบ้างมั้ยว่ามันจะไหวเหรอ ผมได้ยินคำๆนี้บ่อยๆน่ะที่บอกกันว่า "ไปลองปั่นขึ้นเขาครั้งแรกดู ปั่นไม่ไหวก็จูง" ผมคิดว่าอย่างน้อยๆ คนที่ควรได้รับสิทธฺิ์อันดับแรกๆ ที่จะไปงานใหญ่ๆระดับนี้ ก็ควรจะมีการผ่าน Qualify Stage ภูเขาขั้นเบื้องต้นมาสักงานบ้าง ยกตัวอย่างนะครับ เช่น จัดงานที่มี Stage ภูเขาใกล้ๆกรุงเทพก็ได้ ที่เขาใหญ่ หรือไม่ก็แถวๆสวนผึ้งหรือจอมบึง ก่อนสักงานแล้วให้คนที่ปั่นผ่านสัก300คนแรก มีสิทธิ์สมัครงานดอยอินทนนท์ก่อน ที่เหลืออีก3600คนก็ค่อยมาแย่งสมัครกันเอาเอง ไม่อยากให้เป็นแบบว่าเปิดสมัครไป4000คน สุดท้ายไปลงจูงซะ2000คน อย่างงี้ผมก็รู้สึกว่าคนที่เค้าพร้อมกว่าแต่สมัครไม่ทัน ก็จะเสียสิทธิ์นั้นไปแบบฟรีๆ อีกหน่อยคงเปลี่ยนชื่องานเป็น "งานจูงคนพันธ์ุถึก ติดคลีท พิชิตอินทนนท์"
ผมอยากให้มีการ Qualify แบบ Audax นะครับที่ถ้าคุณไม่ผ่าน200 km. ก็จะอดไปล่าเหรียญระยะ 300,400,600 km.
สุดท้ายถ้าผมพูดให้คนที่สมัครไปแล้วท่านใด ไม่พอใจประการใด ผมก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
ผมก็แค่นักปั่นคนนึง ที่อยากให้วงการจักรยานดูมีกฎระเบียบเป็นบรรทัดฐานที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ก็แค่นั้นครับ
ปั่นวัดใจงานใหญ่ๆที่สมัครกี่ครั้งก็ไม่เคยทัน ทำไมถึงไม่มีใครคิดจะทำการ Qualify กันก่อนครับ
ทั้งหน้าใหม่ก็เยอะหน้าเก่าก็แยะ ทำไมงานใหญ่ๆอย่าง งานปั่นสไตล์เมืองเหน่อ 4000คน/วันเดียวเต็ม หรือไม่ก็
งานปั่นพิชิตดอยอินทนนท์ ทำไมถึงเต็มเร็วนัก 4000คน 3ชม.ก็เต็มแล้ว ผมเองก็เข้าใจนะครับว่าใครๆก็อยากไป แต่เคยถามขาของคุณบ้างมั้ยว่ามันจะไหวเหรอ ผมได้ยินคำๆนี้บ่อยๆน่ะที่บอกกันว่า "ไปลองปั่นขึ้นเขาครั้งแรกดู ปั่นไม่ไหวก็จูง" ผมคิดว่าอย่างน้อยๆ คนที่ควรได้รับสิทธฺิ์อันดับแรกๆ ที่จะไปงานใหญ่ๆระดับนี้ ก็ควรจะมีการผ่าน Qualify Stage ภูเขาขั้นเบื้องต้นมาสักงานบ้าง ยกตัวอย่างนะครับ เช่น จัดงานที่มี Stage ภูเขาใกล้ๆกรุงเทพก็ได้ ที่เขาใหญ่ หรือไม่ก็แถวๆสวนผึ้งหรือจอมบึง ก่อนสักงานแล้วให้คนที่ปั่นผ่านสัก300คนแรก มีสิทธิ์สมัครงานดอยอินทนนท์ก่อน ที่เหลืออีก3600คนก็ค่อยมาแย่งสมัครกันเอาเอง ไม่อยากให้เป็นแบบว่าเปิดสมัครไป4000คน สุดท้ายไปลงจูงซะ2000คน อย่างงี้ผมก็รู้สึกว่าคนที่เค้าพร้อมกว่าแต่สมัครไม่ทัน ก็จะเสียสิทธิ์นั้นไปแบบฟรีๆ อีกหน่อยคงเปลี่ยนชื่องานเป็น "งานจูงคนพันธ์ุถึก ติดคลีท พิชิตอินทนนท์"
ผมอยากให้มีการ Qualify แบบ Audax นะครับที่ถ้าคุณไม่ผ่าน200 km. ก็จะอดไปล่าเหรียญระยะ 300,400,600 km.
สุดท้ายถ้าผมพูดให้คนที่สมัครไปแล้วท่านใด ไม่พอใจประการใด ผมก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
ผมก็แค่นักปั่นคนนึง ที่อยากให้วงการจักรยานดูมีกฎระเบียบเป็นบรรทัดฐานที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ก็แค่นั้นครับ